ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์

ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์

last updateLast Updated : 2025-05-22
By:  BigM00NUpdated just now
Language: Thai
goodnovel12goodnovel
Not enough ratings
32Chapters
16views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

โม่ชิงเยว่เป็นฮูหยินจวนโหวที่สามีไม่โปรดปราน แม่สามีรังเกียจ มีน้องสาวของสามีคอยพูดจาทำร้ายจิตใจ อีกทั้งยังมีอนุหน้าตางดงามมาคอยแย่งชิงความโปรดปรานจากสามี แต่นางหาใส่ใจไม่เพราะสิ่งเดียวที่นางให้ความสนใจก็คือเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยที่นางให้กำเนิดเพียงเท่านั้น เดิมทีโม่ชิงเยว่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือนหลังอย่างสงบตามที่มารดาเคยสอนสั่ง แต่ยิ่งอ่อนน้อมก็ยิ่งถูกเหยียบย่ำ แถมสามีที่คิดจะพึ่งพาก็ไม่เคยอยู่ให้นางได้พึ่งพา นางเฝ้ารอคอยการกลับมาของเขาจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ผลสุดท้ายเมื่อค้นพบโลกในความฝันอันเจิดจรัสนางจึงคิดได้ว่าทำไมสตรีเช่นนางจะต้องมัวแต่รอพึ่งพาบุรุษด้วยเล่า ในเมื่อตัวนางก็มีสองมือสองเท้าเช่นเดียวกันกับเขา ดังนั้นลูกๆ สองคนนี้นางจะขอเลี้ยงดูพวกเขาด้วยตนเอง

View More

Chapter 1

บทที่ 1 ฮูหยินผู้ถูกลืม

“คุณหนู คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ วาดรวี เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่หัว ราวกับว่าเธอเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บครั้งใหญ่

“ที่นี่ที่ไหน” วาดรวีถามอย่างตระหนก เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่มือของหญิงสาวในชุดจีนโบราณรีบจับเธอไว้

“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ท่านอย่าเพิ่งลุกขึ้นนะคะ ท่านเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ” หญิงสาวพูดพลางเอื้อมมือไปพยุงวาดรวีให้นั่งลงอย่างระมัดระวัง

“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอหลุดมาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้วเหรอ หญิงสาวนั่งนึกถึงตัวเอง

ในวันที่ฟ้าครึ้มฝน หนทางยาวเหยียดในเมืองหลวงปักกิ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟจากรถที่สัญจรไปมา วาดรวีวิศวกรสาวผู้เต็มไปด้วยความฉลาดและความมุ่งมั่นรีบขับรถออกจากที่ทำงานหลังจากการประชุมครั้งสำคัญที่กินเวลานานเกินกว่าที่คาดไว้ เธอต้องเร่งรีบเพื่อกลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเพราะจะกลับประเทศไทย เธอมาเป็นตัวแทนบริษัทมานำเสนอผลงานที่ปักกิ่ง หัวใจของเธอกระวนกระวาย รถที่ขับออกไปด้วยความเร็วสูงแล่นผ่านถนนที่เริ่มชื้นจากหยาดฝนที่ตกลงมาอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ รถบรรทุกคันหนึ่งก็พุ่งข้ามเลนเข้ามาหาเธอ วาดรวีพยายามหักพวงมาลัยหลบ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป เสียงเบรกดังสนั่นก้อง รถของเธอเสียการควบคุม และวินาทีต่อมาเสียงชนอันดังสนั่นก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความมืด

ลมหนาวพัดผ่านเนื้อตัวของวาดรวี จนเธออดสั่นไม่ได้ เธอยืนมองออกไปในหุบเขาอย่างสับสน “ที่นี่...ที่ไหนกัน” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะศีรษะ รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แผลจากอุบัติเหตุแต่เมื่อมองรอบตัว เธอไม่อยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อเธอฟื้นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองอยู่ในยุคจีนโบราณ และเธอได้พบกับหญิงสาวแต่งชุดจีนโบราณ ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอ ที่สำคัญหน้าตาของหญิงสาวในชุดจีนโบราณนั้นเหมือนกับวาดรวียังกับฝาแฝด พอสอบถามได้ความว่า เธอชื่อ เหวิ่นจือหยู เป็นบุตรีของแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ องค์ชายที่หล่อเหลา เยือกเย็น และเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วแคว้น โดยเฉพาะ "เหวิ่นลี่หยา" น้องสาวต่างมารดาของเธอที่ไม่เคยถูกชะตากับเธอตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และตอนนี้ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อชิงองค์ชายมาเป็นของตน และเธอก็ถูกน้องสาวต่างมารดาทำร้ายร่างกายจนตาย เธอถูกดึงมาให้อยู่ที่นี่เพื่อเจอกับวาดรวี ซึ่งคือเธอในยุคปัจจุบัน และให้วาดรวีที่เคยเป็นเธอในอดีตกลับไปแก้แค้นให้เธอด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกลมหมุนแยกจากกัน

ที่แคว้นฉิน ในอีกยุคหนึ่ง เวลานี้คุณหนูเหวิ่นจือหยูกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่ลำบาก นางถูกสังคมวิจารณ์ว่าไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทหลี่หยวนเจ๋อ ไม่ว่าทำอะไรดูเหมือนจะถูกน้องสาวของตน เหวิ่นลี่หยา หาทางทำลายชื่อเสียงตลอดเวลา

เย็นวันนั้น ขณะที่เหวิ่นจือหยู กำลังเดินผ่านสวนในตำหนัก จู่ๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนว่าโดนผลักจนล้มศีรษะฟาดกับก้อนหิน ก่อนที่ภาพรอบตัวจะค่อยๆ หมุนเคว้ง เสียงลมพัดผ่านหูอย่างแผ่วเบา และนางก็ล้มลงกับพื้น หัวกระแทกกับก้อนหินจนหมดสติ

“คุณหนูเหวิ่นจือหยู ” วาดรวีพึมพำกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอหลุดมาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้วเหรอ หญิงสาวนั่งนึกถึงตัวเองที่เจอกับเหวิ่นจือหยูเมื่อก่อนหน้าและสิ่งที่เธอบอก

วาดรวีงุนงง แต่เมื่อมองไปยังเงาสะท้อนในกระจก เธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดจีนโบราณ สวมอาภรณ์สีแดงงดงาม ใบหน้าของนางมีความอ่อนช้อยงดงามแต่งแต้มไปด้วยความเศร้า

เธอยกมือขึ้นแตะใบหน้าตัวเองอย่างช้าๆ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…นี่ฉันไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเองใช่ไหม”

วาดรวี หรือในตอนนี้คือเหวิ่นจือหยู ได้แต่มองภาพสะท้อนนั้นด้วยความรู้สึกที่ทั้งสับสนและหวาดกลัว เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมเธอถึงได้มาอยู่ในร่างของเหวิ่นจือหยู ในยุคจีนโบราณเช่นนี้ ถึงตอนนั้นเหวิ่นจือหยูที่เคยเจอจะบอกว่าเป็นเธอก็เถอะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากแก้แค้นอะไรนั่นเสียหน่อย

แต่เธอก็ยังกลายเป็นเหวิ่นจือหยู บุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ องค์ชายที่โด่งดังทั้งในด้านความสามารถและความเย็นชาใส่เธอ

วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น เธอต้องใช้ชีวิตในร่างนี้และทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการเผชิญหน้ากับเหวิ่นลี่หยาน้องสาวต่างมารดาที่ดูเหมือนจะเกลียดเธอมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้น้องสาวคนนี้ก็กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อจากเธอ

ก่อนที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ จู่ๆ มีหญิงมีอายุในชุดจีนโบราณยาวกรอมเท้า วิ่งเข้ามาหาเธออย่างเร่งรีบอีกคน “คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ” หญิงผู้นั้นตะโกนเสียงดัง น้ำตาไหลพราก เธอก้มกราบลงอย่างนอบน้อม “บ่าวดีใจนักที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาได้”

“คุณหนูของนมเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ” ผู้หญิงมีอายุคนนั้นยังพูดต่อ คงเป็นแม่นมของเธอซินะ

“ปวด ตรงนั้นนิดหน่อยค่ะแม่นม ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็ถูกแม่นมดูแลให้ดื่มสมุนไพรนั่นนี่ตามประสาคนเป็นห่วง

ในวังหลวง องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อผู้ที่มีนิสัยเย็นชาและคาดหวังความสมบูรณ์แบบในทุกด้านของชีวิต รู้ดีว่าการหมั้นหมายกับเหวิ่นจือหยูเป็นเพียงการเมือง เขาไม่เคยสนใจนางมาก่อน ทั้งยังรู้ดีว่าน้องสาวของนางอย่างเหวิ่นลี่หยานั้นพยายามเข้าหาเขาอย่างมากมาย ด้วยการแสดงความอ่อนโยน

หลี่หยวนเจ๋อไม่ได้เกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้สนใจใยดี ทั้งหมดนี้สำหรับเขาเป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของราชวงศ์เท่านั้น จนกระทั่งวันที่เขาได้พบกับเหวิ่นจือหยูอีกครั้งหลังจากที่นางฟื้นจากอาการบาดเจ็บ

วันนี้ที่วังหยวนเหอ วาดรวีในร่างเหวิ่นจือหยูถูกเชิญมาเข้าเฝ้าองค์ชายหลี่หยวนเจ๋อ หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน เธอรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

แต่ทันทีที่เธอได้พบกับเขา สายตาที่เย็นเยียบและเคร่งขรึมของเขากลับทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูก

“เหวิ่นจือหยู” เขาเอ่ยเรียบๆ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจและความกดดัน “เจ้าฟื้นแล้วหรือ”

“เพคะองค์ชาย ข้า... ข้าไม่ค่อยสบายมากนัก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”วาดรวีพยายามตอบด้วยความสุภาพที่สุด แม้จะยังคงตกตะลึงกับความหล่อเหลาของเจ้าชายผู้เย็นชา

องค์ชายหลี่หยวนเจ๋อยืนนิ่ง เขาสังเกตเห็นแววตาของนางเปลี่ยนไปจากที่เคยเห็น ดูมีความเฉลียวฉลาดและไม่ใช่หญิงสาวที่โง่เง่าแต่เย่อหยิ่งนิสัยร้ายกาจอย่างแต่ก่อน

“เช่นนั้นดีแล้ว” เขาตอบสั้นๆ “ข้าไม่มีเวลาสำหรับความอ่อนแอของเจ้า”

"องค์ชายเพคะ ข้าได้นำผ้าชิ้นนี้มาถวายท่าน ข้าทอด้วยมือของข้าเอง"

เหวิ่นลี่หยาถือกล่องผ้าไหมสวยงาม นางเดินเข้ามาหาองค์ชายหลี่หยวนเจ๋ออย่างอ่อนหวาน สายตาอ่อนโยนจ้องมองเขา

หลี่หยวนเจ๋อเหลือบตามองผ้า แต่ไม่ตอบอะไร ใบหน้าของเขาเรียบเฉย เหวิ่นลี่หยากัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกเสียหน้า แต่ยังคงพยายามพูดต่อ

“หากท่านต้องการ ข้าจะทอผ้าให้ท่านทุกวัน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าได้ถวายงานให้ท่าน”

แต่อย่างไรก็ตาม หลี่หยวนเจ๋อยังคงเย็นชา “ไม่จำเป็น”

"แต่..."

ก่อนที่เหวิ่นลี่หยาจะพูดจบ เหวิ่นจือหยูที่ยืนฟังอยู่ก็เดินเข้ามาใกล้ นางยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดอย่างเฉียบขาด "น้องลี่หยา ข้าคิดว่าองค์ชายคงไม่มีเวลามากนักในการสนใจผ้าทอของเจ้า เขามีราชกิจสำคัญมากกว่านั้น"

เหวิ่นลี่หยามองหน้าพี่สาวของเธอด้วยความโกรธ เธอไม่คิดว่าเหวิ่นจือหยูจะกล้าท้าทายเธอแบบนี้
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
32 Chapters
บทที่ 1 ฮูหยินผู้ถูกลืม
ณ.เรือนเหมันต์ เรือนหลังอันห่างไกลของจวนนิ่งอันโหว โม่ชิงเยว่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความสับสน เมื่อครู่นี้นางไม่แน่ใจว่านางฝันไปหรือวิญญาณหลุดจากร่างออกไปท่องเที่ยวมากันแน่ สถานที่ที่นางไปแตกต่างจากที่นี่เป็นอย่างมาก ที่แห่งนั้นผู้คนแต่งกายแปลกตาเดินขวักไขว่ไปมาอย่างน่าเวียนหัว ยานพาหนะมีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดและมีหลากหลายประเภท มีทั้งที่วิ่งอยู่บนท้องถนนและวิ่งบนราง มีทั้งวิ่งบนน้ำและบินอยู่เหนือศีรษะ ผู้คนใช้ยานพาหนะเหล่านี้สัญจรไปมาใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถไปถึงที่หมายที่อยู่ไกลหลายร้อยลี้ได้แล้วนางที่ทั้งชีวิตถูกจองจำอยู่แต่ในเรือนหลังพอได้เห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปจากการรับรู้ก็เข้าใจว่าตนเองได้อยู่บนสรวงสวรรค์เสียแล้ว สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกชอบในสถานที่แห่งนั้นก็คือสตรีมีความเท่าเทียมกับบุรุษ พวกนางไม่ใช่แค่เพียงเปิดเผยใบหน้าออกไปทำงานหาเงินเข้าบ้าน แต่พวกนางยังมีสิทธิและเสรีภาพทำสิ่งต่างๆ ได้ตามที่ใจของพวกนางต้องการ และที่สำคัญพวกนางไม่จำเป็นต้องเก็บงำความรู้ความสามารถของตนเอง สตรีบางคนมีหน้าที่การงานเหนือกว่าบุรุษเสียด้วยซ้ำโม่ชิงเยว่เฝ้าวนเวียนล่องลอยอยู่ในสถานที่แห่งนั้นด
last updateLast Updated : 2025-05-20
Read more
บทที่ 2 ดูแลตนเองและลูก
เสียงร้องไห้ของเด็กสองคนปลุกให้โม่ชิงเยว่ลืมตาตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง นางค่อยๆ พยุงตนเองให้เดินไปที่ประตูห้องแล้วเดินตรงไปยังห้องที่เด็กๆ นอนอยู่ เพราะร่างกายนี้ล้มป่วยมานาน ยามนี้ยังมีไข้รุมเร้าดังนั้นความเร็วในการก้าวเดินของนางจึงช้ายิ่งกว่าเต่า แต่เพราะความเป็นห่วงลูก ทำให้นางค่อยๆ เกาะผนังห้องแล้วเดินไปหาลูกๆ ของนางได้ในที่สุด“เด็กดี ไม่ต้องร้องนะ อีกสักครู่ พี่ชุ่ยเหมยของพวกเจ้าก็จะกลับมาแล้ว” เสียงของนางช่วยปลุกปลอบความหวาดหวั่นของพวกเขาได้ พวกเขาต่างลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองนางด้วยดวงตาอันกลมโตแล้วทำท่าว่าจะโผเข้ามาหานาง“แม่ยังมีอาการไข้อยู่ พวกเจ้าอย่าได้เข้ามาใกล้มากไป ประเดี๋ยวจะติดไข้แม่เอาได้”“ท่านแม่!” เสียงเล็กๆ ของเด็กทั้งสองทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา ลูกสาวและลูกชายของเธอเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ง่ายแม้ว่าจะมีอายุแค่เพียง 2 ขวบแต่กลับพูดจาเป็นประโยคยาวๆ ได้แล้ว แม้ว่าจะมีบางคำที่ยังพูดไม่ชัดอยู่บ้างแต่ก็สามารถเข้าใจได้“แม่อยู่ตรงนี้พวกเจ้าไม่ต้องกลัว” เมื่อโม่ชิงเยว่พูดเช่นนี้พวกเขาก็พยักหน้าแล้วจ้องมองแม่ของเขาด้วยความเป็นห่วง“ท่านแม่ลุกขึ้นมาเดินได้แล้วหรือ” เสียงเล็ก
last updateLast Updated : 2025-05-20
Read more
บทที่ 3 ชุ่ยเหมยสาวใช้ผู้ภักดี
ยามที่ชุ่ยเหมยกลับมาก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้ว สิ่งที่นางนำกลับมานอกจากยารักษาโรคแล้วยังมีอาหารทั้งที่ปรุงสำเร็จมาแล้วและวัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนมาก เด็กทั้งสองตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้กินอาหารร้อนๆ อันหอมกรุ่น ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นนางหมดความอยากอาหารไปนานแล้ว แต่นางก็พยายามกินเพื่อให้ร่างกายมีกำลังเพียงพอที่จะต้านทานอาการป่วยไขช่วงหลายปีมานี้นางมีความเป็นอยู่อย่างอัตคัด ยิ่งหลังจากที่คลอดเด็กแฝดทั้งสองนางก็ยิ่งอ่อนแอลง เงินทองที่เคยมีได้ถูกใช้จ่ายออกไปจนเกือบหมด เริ่มแรกล้วนหมดไปกับการพยายามส่งจดหมายไปหาสามี แต่เมื่อนานวันเข้านางก็คิดได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปล้วนสิ้นเปลืองมิสู้รอให้เขากลับมาน่าจะดีกว่าตอนที่นางคลอดลูกแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะรังเกียจนางมากเพียงใด แต่ก็ยังคาดหวังว่าลูกที่นางอาจจะคลอดออกมาจะเป็นเด็กผู้ชาย พอว่าเห็นว่าเด็กที่คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงคนของฮูหยินผู้เฒ่าก็พากันกลับไปอย่างโล่งใจและกลับไปประกาศอย่างเปิดเผยว่านางคลอดลูกชู้ออกมาเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยไม่ได้รู้เลยสักนิดว่านางจะคลอดเด็กผู้ชายตามหลังมาอีกคนในภายหลัง แต่ในเมื่อประกาศไปแล้วว่าลูกของนางคือลูกชู้ ดังนั้นแม่สามี
last updateLast Updated : 2025-05-20
Read more
บทที่ 4 บำรุงร่างกาย
ยามที่โม่ชิงเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันใหม่แล้ว เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาไอกลางดึกอีกทำให้นางหลับรวดเดียวมาจนถึงเช้า กลิ่นหอมของอาหารทำให้นางยิ้มออกมา เสียงเด็กสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ด้านนอกพร้อมด้วยเสียงของชุ่ยเหมยที่คอยห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ซุกซน ทำให้บรรยากาศด้านนอกเต็มไปด้วยความสดใส โม่ชิงเยว่จึงค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนอนของตนไปหาพวกเขา“ฮูหยิน! ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยทักทายด้วยความยินดี การที่เจ้านายของนางลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยตนเองได้ทำให้นางโล่งใจ แม้ว่าอากาศภายนอกเรือนจะยังคงหนาวเย็นอยู่ แต่เพราะได้กระถางไฟคอยให้ความอบอุ่นทำให้สีหน้าของทุกคนสดชื่นแจ่มใส ชุ่ยเหมยรีบกุลีกุจอไปช่วยพยุงเจ้านายของตนมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วตักโจ๊กข้าวขาวเนื้อข้นให้เจ้านายของตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม“บ่าวต้มโจ๊กเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ทั้งคุณหนูและคุณชายก็ต่างพากันชื่นชมว่าฝีมือของบ่าวดีขึ้นมาก” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ทั้งสองก็ต่างพยักหน้าพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย!”โม่ชิงเยว่ใช้ช้อนคนโจ๊กเนื้อเนียนหอมกรุ่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด
last updateLast Updated : 2025-05-20
Read more
บทที่ 5 ผ้าปักสกุลเจียง
เมื่อกำลังใจดีมียาให้ดื่ม อาการล้มป่วยของโม่ชิงเยว่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ แม้จะพูดว่าการขายผ้าปักคือการขอความช่วยเหลือจากสกุลเจียง แต่โม่ชิงเยว่กลับพิถีพิถันและลงมือปักผ้าอย่างประณีตบรรจง ลวดลายที่นางออกแบบล้วนเป็นลวดลายที่กำลังได้รับความนิยมในเมืองหลวง นางนำมาดัดแปลงโดยใช้ลายเส้นในรูปแบบเฉพาะของสกุลเจียง แน่นอนว่าสาวใช้ผู้มากไหวพริบของนางก็คือคนที่ออกไปสำรวจความนิยมของผู้คนในเมืองหลวงมาให้ เนื้อผ้าและเส้นไหมที่ใช้ปักนางล้วนเลือกใช้ของชั้นดีสีสันและลายปักจึงดูล้ำค่าเหมาะสมกับราคาที่สกุลเจียงจ่ายมาให้พอมีเงินแล้วชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น มีอาหารให้กินจนอิ่มท้องมีที่นอนที่มีความอบอุ่นเพียงพอเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับสี่ชีวิตในเรือนเหมันต์ พออากาศอบอุ่นมากขึ้นชุ่ยเหมยก็มักจะพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านทั้งชักชวนเด็กๆ ให้ช่วยทำแปลงปลูกผักแปลงเล็กๆ ไว้กิน ทั้งฝึกสอนวรยุทธ์ขั้นพื้นฐานให้กับเด็กๆ เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว ทำให้โม่ชิงเยว่มีสมาธิในการออกแบบลวดลายและลงมือปักผ้าได้อย่างเต็มที่ส่วนทางเรือนใหญ่แม้ว่าจะไม่ได้ส่งสิ่งของมาให้แต่ก็มักจะส่งคนมาคอยสอดแนมเป็นระยะ แต่โม่ชิงเยว่ไม่ค
last updateLast Updated : 2025-05-20
Read more
บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว
อากาศในเมืองหลวงเริ่มอบอุ่นแล้วแต่อากาศทางชายแดนกลับยังคงหนาวเหน็บ การบุกโจมตีครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ซ่งเหวินจิ้งควบม้าควงดาบนำทัพเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง ช่วงสองปีมานี้การศึกยืดเยื้อสิ้นเปลืองทั้งเสบียงและกำลังพลเป็นอย่างมาก หากสงครามยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ล้วนไม่ส่งผลดีต่อขวัญและกำลังใจของคนในกองทัพ คืนนี้เขาจึงวางแผนการใหญ่ใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อหวังให้ทัพของข้าศึกมาติดกับยามนี้ทัพของข้าศึกน่าจะติดกับดักที่เขาวางเอาไว้แล้ว ทหารของข้าศึกที่มาโอบล้อมเขาและคนของเขาไว้ต่างก็มีสีหน้าฮึกเหิมและลำพอง ยามที่หม่าป๋อซางแม่ทัพใหญ่ของแคว้นต้าเป่ยขี่ม้าเดินหน้าเข้ามาหาเขาสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ“ผู้ใดฆ่าแม่ทัพใหญ่แคว้นเหลียนได้ ข้าจะตกรางวัลให้เป็นอย่างงาม” คำพูดของหม่าป๋อซางทำให้คนของเขาต่างพากันโห่ร้องออกมาอย่างคึกคะนองทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ซ่งเหวินจิ้ง เขาแค่เพียงยิ้มออกมายามนี้หม่าป๋อซางยินยอมออกมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วย่อมหมายความว่าการศึกในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว“ปัง!” เสียงพลุไฟส่งสัญญาณในมือของซ่งเหวินจิ้งถูกส่งออกไปส่วนตัวเขานั้นดีดตัวออกจากหลังม้าทะยานร่างไ
last updateLast Updated : 2025-05-20
Read more
บทที่ 7 หมายปองชีวิต
ในขณะที่ทางชายแดนยังคงสะสางปัญหาไม่สิ้น แต่ทางจวนโหวนั้นกลับราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประจบเอาใจน้องสามีสุ่ยอี้โหรวจำต้องกัดฟันควักเงินถึงแปดสิบตำลึงเพื่อซื้ออาภรณ์ที่ตัดเย็บจากผ้าปักของสกุลเจียง ส่วนทางด้านฮูหยินผู้เฒ่านั้นขอแค่เพียงนางยกยอมากขึ้นสักหน่อย ยอมทำท่าทางนอบน้อมให้มากๆ และยังคงรักษาท่วงท่าของคุณหนูสกุลใหญ่อยู่ก็ย่อมจะได้รับความเอ็นดูมากขึ้นแล้วหญิงชราผู้นี้เอาใจไม่ยาก ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่ชอบยกย่องผู้ที่สูงศักดิ์กว่าและชอบเหยียบย่ำผู้ที่ต่ำศักดิ์กว่า ในฐานะที่สุ่ยอี้โหรวเป็นถึงคุณหนูรองสกุลสุ่ยซึ่งเป็นสกุลเดิมของฮองเฮา แต่กลับยินยอมลดฐานะมาเป็นแค่เพียงอนุในจวนโหว ย่อมถือว่าเป็นการให้หน้าแก่ฮูหยินผู้เฒ่าจวนนิ่งอันโหวเป็นอย่างมาก ดังนั้นยามที่นางเอ่ยปากถึงสิ่งใดก็ย่อมจะได้รับการเห็นดีด้วยจากฮูหยินผู้เฒ่าแทบจะทุกครั้ง ยิ่งถ้านำโม่ชิงเยว่มาเปรียบเทียบกับนาง ฐานะคุณหนูสกุลสุ่ยของสุ่ยอี้โหรวย่อมจะต้องดูดีกว่าฐานะของโม่ชิงเยว่ที่เป็นแค่เพียงบุตรสาวกำพร้าของอดีตแม่ทัพที่ตายไปนานแล้วอย่างแน่นอน“ข้าให้พวกเจ้าคอยคุ้มกันจวนให้ดี อย่าให้สาวใช้นางนั้นเล็ดลอดออกจากจวนไปได้ แล้วทำไมนา
last updateLast Updated : 2025-05-21
Read more
บทที่ 8 เล่นงานคน
ยามที่ชุ่ยเหมยกลับมาก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว เมื่อนางพบว่ามีศพนอนรออยู่สามศพนางก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด“ฮูหยินเจ้าคะ ทางเรือนใหญ่ลงมือกับท่านอีกแล้วหรือเจ้าคะ” เมื่อนางถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า“เป็นสุ่ยอี้โหรวน่ะ เพียงแต่คราวนี้ข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยจบก็ยื่นถุงสมุนไพรในมือให้ชุ่ยเหมย ยามที่เงินไม่ขาดมือชีวิตช่างดีนัก จะซื้อสมุนไพรมาตุนไว้สักเท่าใดก็ไม่เดือดร้อน ตอนที่ท่านพ่อของนางสิ้นจวนสกุลโม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่ไม่มากเท่าไหร่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสินเดิมที่เหลืออยู่ของท่านแม่ของนาง นางจึงต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด พอแต่งเข้าจวนโหวแม้ว่าสามีจะมั่งคั่งแต่ในเมื่อแม่สามีไม่โปรดปรานเงินทองที่จะใช้สอยย่อมไม่มีตกมาถึงมือ นางจะไปแบมือขอกับแม่สามีก็ไม่ได้ ส่วนสามีแค่ได้พบหน้าก็ยังจะไม่พบ พอได้เจอหน้ากันนางจะอ้าปากถามเรื่องเงินก็ใช่ที่ มาตอนนี้พอมีเงินที่หามาได้ด้วยตนเองแล้วนางย่อมจะมือเติบอยู่บ้างเป็นธรรมดา“ผงสมุนไพรนี้ แค่โปรยไปในอากาศจะทำให้คนที่สูดดมหลับใหลไม่ได้สติ เจ้าใช้อย่างระมัดระวัง เอาศพของสามคนนี้ไปโยนไว้บนเตียงของสุ่ยอี้โหรว ในเมื่อนางอยากยุแยงใ
last updateLast Updated : 2025-05-21
Read more
บทที่ 9 ลงทัณฑ์
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของสาวใช้ทำให้สุ่ยอี้โหรวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เมื่อคืนนี้นางเฝ้ารอให้คนของนางกลับมารายงานผลแต่ก็ไม่มีผู้ใดกลับมา อีกทั้งทางเรือนเหมันต์ก็เงียบกริบราวกับไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น นางไม่อาจจะเข้าไปสอบถามความเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยได้จึงทำได้แค่รอเพียงเท่านั้น เพราะความกังวลใจทำให้นางนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาด้วยความกังวลใจแต่แล้วนางหลับใหลไปในยามใดก็สุดรู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่าสาวใช้ ท่าทีแตกตื่นตกใจของพวกนางทำให้นางรีบก้มลงสำรวจตนเองในทันที“กรี๊ด” เสียงร้องของนางทำให้บรรดาผู้คุ้มกันเรือนรีบเข้ามา แต่เมื่อเห็นว่าสภาพร่างกายของนางไม่เรียบร้อยอีกทั้งสาวใช้บางคนเริ่มมีสติแล้วช่วยกันขับไล่พวกเขาให้รีบลงจากเรือน คนที่พอจะมีสติอยู่บ้างรีบห้ามปรามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในเรือนในทันที“อี๋เหนียง! อี๋เหนียงเจ้าคะ” เสียงของตงฮวาผู้เป็นสาวใช้คนสนิทช่วยเรียกคืนสติของสุ่ยอี้โหรวให้กลับคืนมา ยามนี้ร่างกายของนางนั้นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์มาปกปิด คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามลำตัวทำให้เนื้อตัวของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ชายหนุ่มที่นอนบนเต
last updateLast Updated : 2025-05-21
Read more
บทที่ 10 การหย่าร้าง
ในขณะที่ทางฝั่งเรือนใหญ่กำลังชำระความกับสุ่ยอี้โหรว โม่ชิงเยว่ก็กำลังนั่งดื่มด่ำกับน้ำชาที่ชุ่ยเหมยพึ่งจะชงเสร็จ ส่วนเด็กๆ ในยามนี้กำลังนั่งเล่นหุ่นกระบอกไม้ที่ชุ่ยเหมยซื้อมาอย่างเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง“ฮูหยิน จะไม่ให้บ่าวไปสืบดูหน่อยหรือว่าเฉินมามาผู้นั้นคุ้มค่ากับเงินที่ท่านจ่ายไปหรือไม่” เมื่อชุ่ยเหมยถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า“สถานการณ์ชี้นำขนาดนั้นถ้านางไม่ลงมือก็โง่เต็มทีแล้ว เฮ้อ เพียงแต่เงินที่หามาได้ต้องนำมาใช้จ่ายเพราะเรื่องนี้ข้าล่ะอดรู้สึกปวดใจไม่ได้จริงๆ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ทอดถอนใจออกมา“ไม่ได้การ บ่าวขอไปดูให้แน่ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะหูหนวกตาบอดหลงเชื่อคำแก้ตัวของสุ่ยอี๋เหนียงหรือไม่” เมื่อพูดจบชุ่ยเหมยก็รีบเร้นกายออกจากไปในทันที ทำให้โม่ชิงเยว่จำต้องส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจกับนิสัยที่พอคิดได้ก็ลงมือทำเลยของชุ่ยเหมย นิสัยเช่นนี้จะว่าดีก็ถือว่าดีจะว่าแย่ก็ถือว่าแย่ จะทำอะไรหากไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อนผลลัพธ์ที่ตามมาก็มักจะเลวร้ายเสมอชุ่ยเหมยหายตัวไปนานกว่าที่คาดไว้แต่โม่ชิงเยว่กลับไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด ด้วยรู้ดีว่าคนของนางมีไหวพริบที่ดีแ
last updateLast Updated : 2025-05-21
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status