อัยยา...หญิงสาวที่ต้องแต่งงานกับ....ปรินท์....เพื่อใช้หนี้บุญคุณ เธอไม่เหลือทางเลือกแม้แต่ทางเดียวเพราะคำว่า ""บุญคุณของผู้มีพระคุณ"" ค้ำคอ
ดูเพิ่มเติมบ้านไพศาลทรัพย์
""ถ้าพ่อคิดว่าการที่บังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อหามา แล้วจะหยุดผมได้ พ่อคิดผิดครับ"" ปรินทร์วางช้อนกินข้าวในมือก่อนที่จะลุกออกจากโต๊ะกินข้าวไป มื้อเช้าสุดแสนอร่อยที่ป้าอ่อนจัดเตรียมเอาไว้ให้คุณชายคนโปรดยังไม่ได้ถูกตักเข้าปากสักคำ เพราะมีเรื่องให้ต้องผิดใจกับผู้เป็นพ่อเสียก่อน........ ""พี่อ่อนเก็บเลย"" ""แต่คุณเมฆยังไม่ได้ทานเลยนะคะ"" ""ผมทานไม่ลงล่ะ"" ""อย่าว่าพี่ยุ่งเรื่องเจ้านายเลยนะคะ พี่คิดว่าคุณเมฆควรจะให้อิสระกับคุณปรินทร์ค่ะ"" ""เพราะว่าผมให้อิสระกับคุณปรินทร์ของพี่ไงครับ มันถึงได้ไปคว้าเอาลูกสาวของไอ้อำนาจมาเป็นเมีย"" ป้าอ่อนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ เพื่อที่จะไม่ให้คนเป็นเจ้านายเห็น...... ""พี่อ่อนก็รู้ว่าแม่ไอ้กรณ์ตายเพราะอะไร ถึงแม้ว่าวันนี้ไอ้อำนาจมันจะไปนอนอยู่ในคุก แต่ผมก็ไม่มีทางที่จะให้ไอ้กรณ์ไปคว้าลูกมันมาทำเมีย หรือเข้ามาอยู่ในตระกูลผมแน่นอน"" ""แต่เรื่องนี้ คุณกรณ์ไม่เคยรู้นะคะ"" ป้าอ่อนพูดขึ้นก่อนที่จะมองไปที่รูปของคุณหญิงวารินที่แขวนอยู่กลางบ้าน..... เหตุการณ์เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ""คุณรินคะพี่ว่าให้พี่ไปซื้อให้เองที่ห้างก็ได้นะคะ คุณหญิงเพิ่งผ่าตัดหัวใจมาได้ 2 อาทิตย์เอง พี่เกรงว่าแผลจะยังไม่หายดีค่ะ"" ""พี่อ่อนคะ รินหายแล้วค่ะ ให้รินได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างนะคะ นอนเตรียมตัวผ่าตัด รวมพักฟื้นเป็นเดือนแล้วรินเบื่อมากๆค่ะ ให้รินไปด้วยนะคะพี่อ่อน"" ""แต่ถ้าคุณเมฆรู้เราถูกต้องเอ็ดแน่ๆค่ะ"" ""ก็อย่าให้รู้สิคะ วันนี้รินอยากทำของโปรดคุณเมฆขอรินไปด้วยนะคะ นะพี่อ่อนนะ รินสัญญาว่าจะดูแลตัวเองค่ะ"" ""ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกดินให้เตรียมรถนะคะ"" ""ค่ะ"" การไปซื้อวัตถุดิบที่ห้างทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งขากลับจู่ๆรถก็ถูกผู้ประสงค์ร้ายประกบ 2 ฝั่งก่อนที่จะถูกถล่มยิงทั้ง 2 ด้าน คุณหญิงวารินถูกกระสุนเจาะเข้าที่หน้าและศีรษะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ดินคนขับรถเสียชีวิตที่โรงบาลมีเพียงป้าอ่อนที่ถูกยิงเข้าด้านข้างสาหัสแต่สุดท้ายก็รอดมาได้ และเป็นคนเดียวที่จำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีจนถึงทุกวันนี้.......... งานศพของคุณหญิงวารินถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติแต่ลูกชายคนเดียวอย่างปกรณ์ไม่สามารถมาร่วมงานได้เพราะเพิ่งบินไปเรียนต่อเมืองนอกได้เพียงอาทิตย์เดียว คดีความถูกสาวไปถึงตัวคนบงการ ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจส่งออกอาวุธเถื่อนเพียงเดียวของคุณเมฆในตอนนั้น แม้ว่าตอนนี้ผ่านมา 12 ปี แต่บาดแผลนี้ก็ยังเป็นบาดแผลที่คนทั้งบ้านไม่สามารถลบเลือนได้......... ""ผมรักและเคารพพี่อ่อนไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนนึงนะครับ แต่เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ หรือพี่อยากให้ลูกของฆาตกรมาอยู่ร่วมบ้านกับเรา เรื่องนี้ผมขอจริงๆครับ"" ""ค่ะ คุณเมฆ"" ""วันนี้ผมอาจจะกลับดึกนะครับมีเคลียร์งานกับเจ้าสัว ไม่ต้องตั้งโต๊ะเผื่อผม ผมไปล่ะ"" เมฆเมฆานายใหญ่ของบ้านเดินออกจากห้องอาหารก่อนจะขึ้นรถเพื่อเข้าตรวจโรงงาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะปกติสำหรับพ่อลูก เพราะตั้งแต่ลูกชายเสียแม่ไป ก็ตั้งแง่กับพ่อมาตลอดว่าเป็นเพราะพ่อที่ทำให้เเม่จากเค้าไป เหตุการณ์ลอบยิงในวันนั้นฝั่งผู้ก่อเหตุเข้าใจว่าเป็นเมฆที่อยู่บนรถจึงกราดยิงเพื่อหมายจะดับชีวิต....... บริษัท ปกรณ์การแพทย์ ""หน้าเครียดมากเลยนะคะ มีอะไรให้นิสาช่วยมั๊ยคะ"" ""ไม่มีอะ ออกไปได้แล้วเดี๋ยววันนี้เบลจะเข้ามาห้ามทำอะไรให้แฟนฉันสงสัยในตัวเธอ"" ""ค่ะ"" เลขาสาวสวยคนสนิทเดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ความสัมพันธ์ลับๆของตนเองกับเจ้านายที่คนแทบทั้งบริษัทรับรู้แต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าปกรณ์เลยสักคนเดียว เพราะเกรงว่าจะถูกไล่ออกเหมือนกับคนก่อนๆที่ก้าวล่วง....... ""อะไรๆก็ เบลๆๆๆๆ สักวันเถอะอีนิตาจะไม่ทน ถ้ากูไม่ได้ใครหน้าไหนก็อย่าหวังเถอะมึง"" นิตาบ่นอุบด้วยความหงุดหงิดเพราะตั้งแต่ปกรณ์คบหากับเบล ตนเองก็เป็นได้เพียงแค่คนลองรับอารมณ์ในวันที่ปกรณ์ไม่มีใคร ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ปกรณ์เรียกหาตนเองอยู่ตลอดเวลาไม่เคยห่าง ถึงขั้นขึ้นแท่นเลขาคนสำคัญที่สามารถตัดสินใจหลายๆอย่างแทนเจ้าของบริษัทอย่างปกรณ์ได้ แต่ตอนนี้เธอเข้าหน้าเค้าแทบไม่ติดเลยสักครั้ง........ เวลา 12:00 น. หน้าห้องทำงานปกรณ์ ""ฉันมาหาพี่กรณ์"" ""เชิญด้านในค่ะคุณเบล"" แม้จะไม่อยากมองหน้าแต่ก็ต้องทำหน้าที่เลขาหน้าห้อง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสีหน้าและน้ำเสียงของตัวเองทำให้คนรักของปกรณ์รู้สึกสงสัยมากเพียงใด....... ""พี่กรณ์คะ เบลคิดถึง"" เสียงหวานดังเข้ามาตั้งแต่ประตูห้องทพอให้ปกรณ์รีบวางปากกาในมือแล้วหันมาหาแฟนสาวทันที...... ""พี่ก็คิดถึงเบลครับ กินไรมาหรือยัง"" ""ยังเลยค่ะ เบลว่าจะมากินพี่กรณ์ ไม่ใช่สิกินพร้อมพี่กรณ์ต่างหาก"" ""หืมมม ปากหวานนะเรา งั้นพี่ว่าเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า"" ""สำหรับพี่กรณ์ยังมีอะไรอร่อยกว่าหนูอีกหรอคะ เสียใจจัง"" ""สำหรับพี่ไม่มีอะไรอร่อยกว่าหนูเบลแล้วครับ แต่ถ้าเรายังอยู่กันตรงนี้พี่เกรงว่าหนูจะไม่ได้กินข้าวแน่ๆ"" ""พี่กรณ์อะ ไปกินข้าวดีกว่าค่ะ"" คู่รักเดินทางมาถึงร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูงวิวแม่น้ำใหญ่ ก่อนที่จะสั่งอาหารมากมายชนิดที่ว่าเหมือนมากันเป็น 10 คน...... ""พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"" ""ค่ะ รีบมานะคะ อย่ามัวแต่ไปมองสาว ถ้าเบลรู้เบลเอาพี่ตายแน่"" ""สายตาของพี่มีไว้ทองเบลคนเดียวครับ เดี๋ยวพี่รีบมา"" ปกรณ์เดินตรงมายังห้องน้ำมือสองข้างล้วงกระเป๋า สายตาไม่ได้มองทางเดินแต่กลับมองไปด้านนอกตึกที่เป็นวิวแม่น้ำ ตุ้บบ โอ๊ยย!!...... ""เดินยังไงของคุณเนี่ย คนเดินมาไม่เห็นหรือไงวะ"" ร่างบางในชุดนักศึกษาล้มลวไปนั่งอยู่ที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นมาปัดกระโปรงตัวเองอย่างส่งๆ ""แต่คุณเป็นคนเดินมาชนฉันค่ะ ตาคุณไม่มองทาง เดินแบบนี้ต่อให้ 10 คนอยู่ตรงหน้าคุณก็คงจะชนอยู่ดี ชนคนอื่นแล้วยังจะไม่มีมารยาท"" อัยยาร่างบางในชุดนักศึกษาที่ถูกชน ตวาดใส่คนตรงหน้าอย่างหัวเสีย เพราะตัวเองออกมาส่งของให้ลูกค้าแล้วตอนนี้ก็ต้องรีบไปดูแม่เลี้ยงที่โรงบาลเพราะหมอโทรมา ก่อนจะกลับเข้ามหาลัยเวลาที่มีก็น้อยมากพอแล้ว ยังจะถูกคนไม่มีมารยาทชนจนกระเด็นแล้วโวยวายใส่อีก......ตอนที่ 60 ตอนจบวันเปิดตัวกิจการใหม่ของอัยวาและกรณ์มาถึงอย่างสง่างาม ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ร่มไม้ by ไพศาลทรัพย์” ที่ไม่ใช่แค่คาเฟ่หรือร้านงานฝีมือ แต่เป็นโมเดลธุรกิจเพื่อชุมชน ที่รวมความอบอุ่นของบ้านเข้าไว้กับโอกาสของคนตัวเล็ก ๆทแขกเหรื่อทยอยเข้ามาจนแน่นสวนหน้าร้านมีทั้งนักข่าว ทายาทนักธุรกิจ และผู้คนในชุมชน เบลส่งดอกไม้มาจากต่างประเทศ แนบการ์ดเขียนมือว่า “ร่มไม้...ที่ช่วยให้ใครหลายคนพ้นพายุ”นิ้งและวายุยืนอยู่ข้างกันในชุดเรียบหรู ยิ้มให้กันเหมือนคนที่เคยผ่านพายุด้วยกัน และเลือกจะจับมือไว้แน่นขึ้นในวันที่ท้องฟ้าเปิด เมฆในชุดสูทสีเทาเข้ม ขึ้นกล่าวเปิดงานแทนทั้งคู่“พ่อเคยคิดว่าความสำเร็จต้องใหญ่ ต้องแข็งแรง ต้องเร่งรีบ แต่ลูกของพ่อสองคนสอนว่าความสำเร็จที่แท้จริง มาจากหัวใจที่กล้ารัก และกล้ายืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ”เมื่อเสียงปรบมือจางลง กรณ์ก้าวขึ้นเวทีเล็ก ๆ หน้าร้านที่ตกแต่งด้วยผ้าขาวและไม้ไผ่ เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาช้า ๆ สบตาอัยวาที่ยืนอยู่ริมเวที แล้วเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“มีคนเคยถามผมว่า ผู้หญิงเปลี่ยนผู้ชายได้ไหม วันนี้ผมตอบได้ว่า ได้ครับ แต่ไม่ใช่เพราะเธอพยายามเปลี่ยนผม”เขาหยุด
ตอนที่ 59ค่ำวันหนึ่งหลังจากฝนตกหนักเมื่อไม่กี่วันก่อน อากาศกลับมาเย็นสบาย ลมพัดเบา ๆ ผ่านร่มไม้ในสวนหลังบ้าน กลิ่นหอมของปีบและมะลิยังคงลอยอวลอยู่ในอากาศกรณ์เดินออกจากครัวด้วยถาดไม้เล็ก ๆ ที่มีขนมปังอบใหม่และชาอุ่นกลิ่นกุหลาบ เขาวางมันลงตรงโต๊ะไม้เตี้ยกลางห้อง ก่อนจะหันกลับไปจุดเทียนบนเชิงเทียนทองเหลืองที่อยู่ใกล้กันอัยวานั่งอยู่ตรงมุมพรม อ่านหนังสือเกี่ยวกับศิลปะเด็กในห้องเรียน เธอสวมเสื้อยืดเนื้อนิ่มกับกางเกงผ้าสีอ่อน ดูเรียบง่ายจนเกือบธรรมดา แต่ในสายตาของเขาเธอคือความสวยงามที่สุด“พี่จะจ้องหนูนานแค่ไหนคะ” เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มล้อ ขณะที่เขานั่งลงข้างเธอกรณ์ยิ้มไม่ตอบ เขาหยิบแก้วชาขึ้นมาส่งให้เธอ ก่อนจะนั่งชิดเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด“คืนนี้พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นคืนพิเศษอะไรหรอกนะ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม “แต่พี่แค่อยากให้มันเป็นของเราแค่ของเราสองคน”อัยวานิ่งไป ดวงตาคู่นั้นวาววับในแสงเทียน เธอวางหนังสือลง แล้วยื่นมือไปแตะแก้มเขา“พี่รู้ไหมหนูไม่เคยรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้เลยค่ะ”“กับพี่หนูไม่ต้องฝืน ไม่ต้องแข็งแรง ไม่ต้องสวย ไม่ต้องฉลาด หนูแค่เป็นหนู”กรณ์กุมมือเธอไว้ แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้“และพี
ตอนที่ 58เสียงฟ้าร้องแรกของค่ำคืนดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลมฝนพัดแรงจนใบปีบปลิวกระจัดกระจาย อัยวารีบเดินไปปิดหน้าต่างทุกบานในร้าน ‘ร่มไม้’ ขณะที่กรณ์วางแก้วกาแฟลงแล้วลุกขึ้นช่วยเธอทันที ไม่นานนัก ฝนก็เริ่มโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง จังหวะตกกระทบหลังคาไม้สังกะสีทำให้ความทรงจำเก่า ๆ ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อัยวายืนอยู่ริมประตู มองออกไปยังสายฝน แล้วหลุดพูดขึ้นเบา ๆ“คืนนั้นฝนตกครั้งแรกที่หนูเข้ามาอยู่บ้านพี่ จำได้ไหมคะ”กรณ์หันไปมองเธอ ยิ้มจาง ๆ“พี่จำได้หนูเปียกทั้งตัว หน้าก็ซีดเหมือนจะร้องไห้”“แต่สุดท้ายก็ไม่ร้องเพราะหนูไม่รู้ว่าตัวเองควรเสียใจหรือควรดีใจที่หนีจากบ้านเก่าได้”กรณ์เดินเข้ามาใกล้ วางมือบนไหล่เธอ“ตอนนั้นพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือผู้หญิงที่จะเปลี่ยนโลกของพี่”อัยวายิ้มบาง ๆดวงตาฉ่ำแสงฝนและความทรงจำ“คืนแรกที่ฝนตกหนูเคยเกลียดพี่” เธอพูดอย่างกล้า“เพราะพี่เป็นคนเดียวที่หนูต้องเชื่อฟัง ทั้งที่หัวใจหนูไม่อยากเชื่อใครอีกแล้ว”กรณ์พยักหน้าเบา ๆ“พี่เองก็ไม่เชื่อในความรักเพราะพี่คิดว่ามันเปลี่ยนคนไม่ได้”“แต่หนูเปลี่ยนพี่โดยที่หนูไม่เคยพยายามเลย”ทั้งสองยืนเงี
ตอนที่ 57อัยวาเดินตรวจมุมอ่านหนังสือของร้าน ‘ร่มไม้’ ในตอนสาย ขณะที่แสงแดดลอดผ่านช่องไม้ของหลังคาเป็นลำเส้นเล็ก ๆ เธอจัดหนังสือเด็กเล่มใหม่ลงบนชั้น แล้วลูบปกอย่างเบามือก่อนจะถอนหายใจเงียบ ๆบางครั้งความเงียบสงบก็ทำให้เสียงจากอดีตกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูหมายเลขไม่คุ้น แต่ขึ้นต้นด้วยรหัสประเทศที่เธอรู้ดีว่าไม่ใช่จากใครอื่นเธอลังเลเพียงอึดใจ ก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เสียงเธอเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ“แกจำฉันได้ใช่ไหม อัยวา”เสียงนั้นเย็นชา แต่ยังคงความคุ้นเคยจนเธอขนลุกวาบ“แม่...”ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์โทรมาแต่ตอนนี้ธุรกิจแม่กำลังจะล้มละลายจริง ๆ แกช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลยเหรอ”อัยวากำโทรศัพท์แน่น ดวงตาเธอสั่นไหว“แม่ต้องการอะไรจากหนูอีกคะ”“แค่ให้พ่อของผัวแกช่วยพูดกับธนาคารให้หน่อย ฉันรู้ว่าเขามีอิทธิพลอยู่บ้าง”“หนูไม่ได้เป็นใครในสายตาแม่เลย แต่วันนี้แม่โทรมาเพราะหนูเป็นเมียของลูกชายบ้านไพศาลทรัพย์ใช่ไหมคะ”ปลายสายเงียบกริบ ก่อนจะตอบกลับ“ก็เพราะฉันรู้ว่าแกมันไม่เ
ตอนที่ 56แสงแดดอ่อนของเช้าวันจันทร์ส่องลอดผ่านช่องใบไม้ของต้นปีบสูงใหญ่กลางสวน บ้านไม้หลังเล็กถูกปรับปรุงใหม่เรียบร้อยด้วยโครงสร้างเดิม เสริมด้วยความรักและความตั้งใจของเจ้าของบ้านคู่ใหม่“ร้าน 'ร่มไม้' พร้อมเปิดพรุ่งนี้แล้วนะคะ” อัยวาพูดขึ้นขณะยืนอยู่ตรงหน้าร้านที่เพิ่งตกแต่งเสร็จเธอสวมผ้ากันเปื้อนสีเบจ มีลายปักคำว่า ‘ร่มไม้’ ที่เธอเย็บด้วยมือลงบนกระเป๋าเสื้อด้านหน้า กรณ์เดินออกมาจากมุมกาแฟของร้านที่เขาทำเองกับมือ สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงผ้าสีเข้ม เขายิ้มแล้วเดินมาโอบเอวเธอ“เราเปิดร้านแต่พี่รู้สึกเหมือนเปิดบ้านเลยนะ”“เพราะมันคือบ้านของเราจริง ๆไงคะ”ทั้งคู่หันไปมองต้นปีบที่ออกดอกบานสะพรั่งเหนือหลังคาไม้ ร้าน 'ร่มไม้' มีมุมอ่านหนังสือสำหรับเด็ก ห้องเล็กสำหรับสอนงานฝีมือ และโต๊ะกาแฟกลางสวน และตรงกลางของทั้งหมดนั้นคือความรักที่เติบโตอย่างเงียบงามเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความสงบชั่วขณะ อัยวาหยิบขึ้นมา ดวงตาสว่างไสวเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ“นิ้งโทรมาค่ะพี่”กรณ์พยักหน้า “โอเค เดี๋ยวพี่ไปจัดชั้นหนังสือก่อน”อัยวากดรับสายทันที “ว่าไงมึง คิดถึงอะ”เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังจากปลาย
ตอนที่ 55เช้าวันอาทิตย์ อากาศในสวนหลังบ้านไพศาลทรัพย์อบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอกปีบที่ผลิบานตามฤดูกาล เสียงนกร้องและแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านช่องใบไม้ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบและ เหมาะจะเป็นวันพิเศษแม้จะไม่มีใครเอ่ยออกมาตรง ๆกรณ์ยืนอยู่ริมระเบียง สวมเชิ้ตสีขาวสะอาด ปลายแขนเสื้อถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก เขาเงยหน้ารับแสงแดดบางเบา สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นปีบ อัยวาสวมเดรสลินินสีครีม ผมยาวถูกรวบครึ่งไว้เรียบร้อย มือของเธอกำลังถักพวงมาลัยดอกมะลิเล็ก ๆ อย่างตั้งใจ เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา แล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้"หนูรู้ไหม ว่าวันนี้มันพิเศษแค่ไหน” เขานั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปรับพวงมาลัยจากมือเธอ“สำหรับหนูทุกวันที่พี่อยู่ข้างหนู มันพิเศษหมดเลยค่ะ”กรณ์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวางพวงมาลัยลงบนตักเธอ แล้วล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ สีขาวไข่มุก วางอยู่บนฝ่ามือของเขา อัยวาชะงักไป ดวงตากะพริบถี่ราวกับไม่แน่ใจว่าภาพตรงหน้าคือเรื่องจริง“พี่เคยแต่งงานกับหนูแต่ตอนนั้น หนูไม่ได้เลือก และพี่เองก็ยังไม่เข้าใจความรักดีพอ”กรณ์เปิดกล่องอ
ความคิดเห็น