จากนักเขียนนิยายที่กำหนดชะตาผู้อื่น ดันมากลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง เมื่อต้องข้ามมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่แต่ง แถมยังเป็นร่างนางร้ายที่ถูกกำหนดให้กำลังจะตุย! งานนี้มีหรือนางจะปล่อยให้ตัวเองต้องดำเนินตามเนื้อเรื่องที่แต่ง ไม่มีใครอยากตุยซ้ำสอง คนเดียวที่จะทำให้นางรอดได้มีเพียงพระรองที่ไม่ค่อยมีบท คู่ปรับของพระเอกที่นางแต่งเท่านั้น!
Voir plus“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”
“จับตัวนางออกไปจากตำหนักข้า!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ท่านเข้าใจหม่อมฉันผิดไปแล้ว!”
“เข้าใจเจ้าผิด?”
กึก! เสียงฟันกระทบกันเมื่อมือหนาเอื้อมบีบคางเรียวด้วยกำลังประมาณหนึ่ง แววตาเคียดแค้นสบมองเข้าไปในนัยน์ตาสีอ่อนดั่งกวางน้อยที่น่าทะนุถนอม
“ว่าที่พระชายาข้าถูกวางยาพิษในอาหารที่เจ้าทำ นี่เรียกว่าเข้าใจผิดงั้นหรือ”
น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยโทสะและเกลียดชัง
“ไม่…ไม่ใช่ฝีมือหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ทำ”
“รั่วอิงเหยา ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าปีศาจร้ายเสียอีก!”
ตุ้บ!
“โอ้ย!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อ ‘รั่วอิงเหยา’ ถูก ‘องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิง’ ผลักไสจนล้มกองกับพื้นเย็นเยียบในช่วงเหมันตฤดู
“พานางไปขังคุกหลวง รอตัดสินโทษ!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้วางยาน้องหญิง”
รั่วอิงเหยาร้องขอความเห็นใจทั้งยังพร่ำบอกว่าตนเองถูกใส่ร้ายเรื่องวางยา หากแต่องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงกลับไม่สนใจใยดี หันหลังเดินกลับเข้าไปยังตำหนักเพื่อดูอาการคนรักที่กำลังจะกลายเป็นพระชายาในอีกไม่กี่วัน
สองชั่วยามต่อมา , คุกหลวงใต้ดิน
แกร๊ก!
เสียงปลดกุญแจโซ่ของห้องคุมขังดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษรูปงามแต่งกายด้วยชุดองครักษ์ขั้นสูงก้าวผ่านประตูเข้ามา
“องครักษ์ตู้”
เมื่อเห็นว่าใครเข้ามายังสถานที่สกปรกเช่นนี้ รั่วอิงเหยาถึงกับเบิกตาโตเอ่ยเรียกนามของ ‘ตู้ชิงหลาง’ องครักษ์ขององค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอย่างแปลกใจ
“ข้ามาเพื่อพาคุณหนูใหญ่ออกไปจากที่นี่”
ตู้ชิงหลางรีบเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่แอบลักลอบเข้ามาในคุกยามวิกาล
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าองค์ชายต้องไม่ทอดทิ้งข้า”
น้ำเสียงดีใจระคนเย่อหยิ่งดังออกมาพร้อมแววตาแห่งผู้ชนะ
“องค์ชายฝากคำพูดหนึ่งมาให้คุณหนูใหญ่”
“พูดมา”
รั่วอิงเหยาใจเต้นตุบ ๆ นางลุ้นในใจว่าองค์ชายใหญ่ที่นางหลงรักจะฝากฝังสิ่งใดผ่านองครักษ์คนสนิทมา
“องค์ชายใหญ่ขอให้ท่านจากไปอย่างสุขสงบ ไร้อาวรณ์ และอย่าได้โกรธเคืองพระองค์เลย”
รั่วอิงเหยาฟังจบรู้สึกถึงตะหงิดใจ
หากนี่คืออวยพรให้นางที่ได้ออกจากคุก เช่นนั้นเหตุใดถึงใช้คำว่า ‘จากไปอย่างสุขสงบ’
“องค์ชายหมา…ย อึก!”
รั่วอิงเหยายังไม่ทันได้ถามในสิ่งที่สงสัย เชือกเส้นหนึ่งกลับถูกรัดเข้าที่คอของนางจากทางด้านหลัง
รั่วอิงเหยาตกใจอย่างสุดขีด นางพยายามดิ้นรนออกจากเชือกที่รัดคอ หากแต่แรงสตรีมีเพียงหยิบมด จะไปสู้แรงของบุรุษได้เช่นไร
“องค์ชายยังบอกอีกว่า มีเพียงท่านจากโลกนี้ไป พระองค์ถึงจะครองรักกับคุณหนูรั่วเชียนชิงได้อย่างสบายพระทัย”
ประโยคสุดท้ายจากองครักษ์ตู้ช่างเจ็บปวดหัวใจนางยิ่งนัก
รั่วอิงเหยาค่อย ๆ ขาดอากาศหายใจช้า ๆ และจากไปอย่างโดดเดี่ยวในคุกอันมืดมนแห่งนี้
ตุบ! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“เลือดเย็นที่สุด!”
ฉิงฉิงอ่านนิยายเรื่องล่าสุดของนักเขียนมือทองอย่าง ‘อิงอิง’ เพื่อนรัก 'เรื่องบุปผางามของรัชทายาท' เสร็จถึงกับสะใจจุดจบของนางร้ายในนิยายที่เพื่อนรักแต่ง
“อินล่ะสิ”
“ก็อินแหละ แต่แกเลือดเย็นไปปะ”
“เลือดเย็นตรงไหน ถ้ารั่วอิงเหยาไม่ถูกเก็บ นางต้องหาโอกาสกำจัดน้องสาวเพื่อแย่งพระเอกมาอีก”
“ถึงงั้นก็เถอะ แกฆ่าตัวร้ายไปแล้วแปลว่านิยายใกล้จบแล้วดิ”
อิงอิงหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กอีกตัวเพื่อตอบคำถามเพื่อนรัก
“ยัง! แกดูพล็อตฉันก่อน”
อิงอิงเปิดบันทึกที่เขียนรายละเอียดของนิยายเรื่องนี้ให้เพื่อนรัก
“นางร้ายอาฆาตแค้น วิญญาณจึงไปสวมร่างอนุรักเพื่อสร้างความวุ่นวายต่อ โห! ฉันว่าแกดูแนวซาดิสเลือดเย็นอยู่นะ สร้างตัวละครมาร้ายแล้วให้ตุยเย่เสร็จ ยังใจดำสร้างนางมาเกิดใหม่ในร่างอื่นเพื่อทำบาปทำกรรมต่อ”
ฉิงฉิงแสดงความคิดเห็นอย่างออกรสออกชาติเมื่ออ่านพล็อตเรื่องของเพื่อนรักเสร็จ
“แบบนี้แหละนักอ่านชอบ ถ้าโลกสวยไป ไม่มีปมอะไร นักอ่านบางคนก็ไม่อ่าน”
“แล้วแกจะให้ยัยรั่วอิงหยาไปสวมร่างอนุรักของใคร”
“ก็ต้องเป็นองค์ชายสามที่จ้องแย่งบัลลังก์กับองค์ชายใหญ่สิ”
“อืม ร้ายคูณสิบเลยทีนี้ ให้พี่น้องฆ่ากันเองใช่ปะ” ฉิงฉิงลองเดาดู
“ใช่” อิงอิงตอบสั้น ๆ
“นี่! สมมตินะสมมติ ถ้าเกิดจู่ ๆ ตัวละครที่แกแต่งเกิดมีจิตอาฆาตแกขึ้นมา แล้วดึงแกไปลิ้มลองรสชาติของเนื้อเรื่องที่แกเขียนถึงพวกเขาด้วยตัวเอง แกจะทำยังไง”
อิงอิงมองหน้าเพื่อนรักด้วยสายตาเป็นประกายพร้อมเรียกชื่อเพื่อนรักเสียงดัง
“ฉิงฉิง”
“ว่า”
“แกเลิกเป็นนางแบบแล้วมาแต่งนิยายเหมือนฉันเถอะ จินตนาการแกล้ำกว่าฉันมาก”
ฉิงฉิงที่อุตส่าห์รอลุ้นว่าเพื่อนจะพูดอะไรถึงกับไถลเก้าอี้ถอยห่างอิงอิงทันทีก่อนจะเอ่ย
“ฉันไม่ถนัดแต่ง ถนัดแต่อ่าน”
“จ้ะแม่คุณ! ฉันก็แค่แนะแนวทางงานเสริมให้เท่านั้น”
“ไม่เอาอะ กลัววันดีคืนดี ตัวละครในนั้นจะอาฆาตแล้วมาเข้าฝัน ฮึย! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
ฉิงฉิงพูดไปลูบแขนตัวเองไป
“แกก็แต่งนิยายโลกสวยไปสิ”
“ไม่อะ รออ่านนิยายแกดีกว่า”
อิงอิงเบ้ปากใส่ฉิงฉิงที่นั่นก็ติ นี่ก็ติง แต่พอให้ลองเองกลับไม่เอา
ติ๊ง!
จู่ ๆ แจ้งเตือนจากอีเมลก็ดังขึ้น
อิงอิงรีบกดเปิดอ่านทันทีโดยไม่คิดว่าจะเป็นไวรัสแต่อย่างใด
“อะไรวะเนี่ย”
อิงอิงเป็นคนเปิดอ่าน แต่คนที่สบถออกมากลับเป็นเพื่อนรักเธอที่กวาดสายตาอ่านข้อความเกือบสิบบรรทัดจบในไม่ถึงห้าวินาที
“สแปมมั้ง”
อิงอิงรีบกดลบทันที ทว่าอีเมลนั้นกลับลบไม่ได้!
“อย่าเป็นไวรัสนะเว้ย”
อิงอิงพยายามลบข้อความนั้นแต่ลบยังไงก็ขึ้น error ตลอดจนเธออยากจะร้องไห้เพราะกลัวงานในเครื่องจะหายเกลี้ยงหมด
“จะว่าไป แกระวังไว้บ้างก็ดีนะ ฉันว่าคำทำนายนั้นอ่านแล้วไม่เหมือนอีเมลลูกโซ่เลย”
ฉิงฉิงสะกิดไหล่เพื่อนรักพร้อมเตือนเสียงแผ่ว เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกี่ยวกับคำทำนายที่ถูกส่งมา
“จู่ ๆ ก็มีใครส่งมาทักว่าแกจะดวงกุด ระวังเรื่องที่สูง แกก็จะเชื่อง่าย ๆ เนี่ยนะ”
ถึงแม้อิงอิงจะเป็นนักเขียนนิยาย แต่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องดวงหรือเครื่องรางใด ๆ เหตุเพราะเธอเคยพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหลายหน แต่สุดท้ายที่เธอผ่านทุกอย่างมาได้ล้วนมีแต่สมองและสองมือของเธอ
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แกไม่เคยได้ยินหรือไง”
อิงอิงไร้เสียงตอบกลับ เธอกวาดสายตาอ่านข้อความตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่หยุดอยู่เพียงแค่ประโยคเดียว
‘นี่คือคำเตือน! คุณกำลังจะดวงกุด ระวังที่สูง จะพลากคุณไปไกลแสนไกล’
เปรี้ยง!
อิงอิงที่สายตาจดจ้องอยู่ที่เนื้อหาอีเมลถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าผ่ามาเปรี้ยงหนึ่ง
“บอกแล้วไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
ฉิงฉิงกระซิบแผ่วเบาอย่างเย็นยะเยือกใกล้ใบหู
“ถอยไปเลยฉันจะออกไปเก็บผ้า”
อิงอิงว่าจบก็เดินไปที่ริมระเบียงเพื่อเก็บผ้าที่ตากเอาไว้
กึก!
เสียงฟันกระทบกันเมื่อเธอเดินมาที่ริมระเบียงแล้วเผลอมองลงไปด้านล่าง ความสูงจากชั้นสิบทำให้เธอขนลุกเล็กน้อย
วืด ฟิ้ว~
จู่ ๆ ลมหอบใหญ่ก็พัดมาทำให้เสื้อตัวบางของเธอที่ตากอยู่ปลิวหล่นไป อิงอิงที่เหม่ออยู่พอเห็นเสื้อปลิวไปต่อหน้าต่อตาจึงรีบคว้าเอาไว้โดยลืมไปว่าเธอยืนอยู่ริมระเบียงที่มีรั้วกั้นแค่ครึ่งเอวเธอ
“อ๊ะ! กรี๊ด!”
“ยัยอิงอิง!”
“หยุดนะ เจ้าสี่ขา!”เสียงใสเอ่ยตะโกนไล่ตามสุนัขขนปุกปุยที่วิ่งล่อให้วิ่งตามไม่หยุด แต่ดูเหมือนคำสั่งนั้นจะไร้ผล เจ้าสี่ขากลับเร่งฝีเท้าเห่าใส่ คล้ายจะเรียกร้องให้นางไล่ตามมันไป“พี่หญิง ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!”เชียนชิงที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นเหมยเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใยภายในจวนซื่อจื่อแห่งหนานโจวเมื่อไม่กี้วันมานี้เต็มไปด้วยความครึกครื้น เนื่องด้วยเหล่าญาติจากฉีโจวเดินทางมาเยี่ยมเยือน“พระชายา เสวยโอสถบำรุงครรภ์ก่อนเพคะ”สาวใช้นาม ฮุ้ยซู ยกถ้วยโอสถวางลงบนโต๊ะหินอ่อนอย่างนอบน้อมกาลเวลาล่วงเลยไปหนึ่งปีนับจากเทศกาลโคมลอยในปีนั้น รั่วเชียนชิงอภิเษกสมรสกับหลัวอี้เฟิง และบัดนี้ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว วันนี้ทั้งสองตัดสินใจเดินทางมายังหนานโจวด้วยความคิดถึงญาติผู้พี่ที่อยู่ห่างไกล“ชิงเอ๋อร์ ระวังร้อนหน่อย”รั่วอิงเหยาหัวเราะเบา ๆ หลังจากวิ่งเล่นกับเจ้าสี่ขาจนเหนื่อยจึงกลับมานั่งพักพลางจิบชาคลายร้อน“สองคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่” นางเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัยนับจากที่สองพี่น้องสกุลหลัวออกไป ก็หายไปครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ป่านนี้ยังไร้วี่แววว่าจะกลับมา“คงไปแข่งขี่ม้า ล่าสัตว์อีกกระ
ฟิ้ว~ลมเย็นพัดมาได้เวลารั่วอิงเหยาคิดสิ่งหนึ่งออกพอดีจึงเอ่ย"หม่อมฉันยังทำคำสัญญาที่ให้ซื่อจื่อไม่แล้วเสร็จเพคะ""เจ้าหมายถึงเรื่องนั้น""เพคะ"พอเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยนึง"วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำเรื่องนั้นให้สำเร็จ""เจ้ามีแผนการอะไรอีก"รั่วอิงเหยายิ้มแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำเอาคนอยากรู้อยากรู้ใจจะขาด"พาหม่อมฉันกลับไปหาชิงเอ๋อร์แล้วจะบอกเพคะ"น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยขึ้นหลัวฉางเฟิงชอบเวลาที่รั่วอิงเหยามีแผนการในหัว มันทำให้นางเป็นคนน่าค้นหา"ได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไป แต่หลังจบเรื่องนั้นแล้ว เจ้าต้องตอบคำถามนั้น"รั่วอิงเหยาไม่ตอบ นางทำเพียงพยักหน้าเป็นการตกลงศาลาเจาอวี่กว่าจะหากลุ่มรั่วเชียนชิงเจอใช้เวลาไปหนึ่งเค่อ สุดท้ายก็พบกันที่ศาลาเจาอวี่ที่ตั้งอยู่นอกงานทว่าทิวทัศน์ริมแม่น้ำงดงามกว่าในงานมาก"พี่หญิงคิดจะทำอะไรเจ้าคะ"เชียนชิงถามพี่สาว เมื่อเห็นบุรุษสองคนที่ใครต่างก็รู้ว่าไม่เป็นมิตรกันยืนอยู่ในศาลาเจาอวี่"พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แหละ"รั่วอิงเหยากำชับทั้งสามคนที่มีฉินเส้ามาร่วมวงด้วยเสร็จก็เดินเข้าไปหาสองบุรุษในศาลาทันที"อะแฮ่ม"เดินเข้ามาธรรมดาโลกไม่จำกระมั
"ท่านพาข้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด รู้หรือไม่ข้ากำลังสนุกกับร้านค้าในงานนั้น สนุกกับสีสันที่ไม่เคยเห็น สนุกกับการวิ่งไปร้านนั้น เข้าร้านนี้ราวกับกลับเป็นเด็กอีกครั้ง สนุกกับ..."เสียงหวานร่ายยาวจนไม่มีโอกาสให้อีกคนตอบ จึงก้มลงไปฉกชิมริมฝีปากนั้นเพื่อหยุดนางเอาไว้รั่วอิงเหยาตัวเกร็งเมื่อถูกจู่โจม ใบหน้างามร้อนผ่าวเมื่อถูกอีกคนจุมพิตราวหิวกระหาย"อื้อ"นางพยายามขัดขืนแต่อีกคนกลับบดเบียดริมฝีปากนุ่มนั้นไม่ปล่อยผลัก!สุดท้ายจึงรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกคนออกไป"ท่าน...!"มีคำด่าทอมากมายในหัว ฝ่ามือน้อยยกขึ้นหมายตะบันหน้าสักหน ทว่าครั้นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้ารูปงามที่ส่งมาแล้วกลับลงโทษเขาไม่ลง"เจ้าทำให้ข้าเป็นเช่นนี้""หม่อมฉัน?" นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง"ข้าอุตส่าห์รีบกลับมาจากภารกิจ แต่กลับพบเจ้าอยู่ที่ตำหนักชมจันทร์กับอี้เฟิงสองต่อสอง ซ้ำร้ายวันนี้หนีเที่ยวยังไม่ชวนข้าสักคำ พอพบหน้ากันกลับเอาแต่จ้องหน้าญาติผู้พี่ข้า จะไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร"คนที่พูดน้อยกลับระบายความในใจออกมาจนหมดเปลือกมุมปากบางคลี่ยิ้มออกมาก่อนเอ่ย"ซื่อจื่อหึงหม่อมฉันหรือเพคะ"คนถูกจับได้เอียงหน้าหลบ แต่บนแก้มนั้นกลับเปลี่ยนสี
"นี่ ๆ เรามาสวมหน้ากากไม่ให้ใครจำได้ดีหรือไม่"รั่วอิงเหยาวิ่งไปยังแผงขายหน้ากากริมทาง สายตาระริกระรี้มองหน้ากากไม้นั้นที อันนี้ที อย่างตื่นเต้น"อันนี้เหมาะกับชิงเอ๋อร์ของพี่"หน้ากากเทพธิดาสีขาวบริสุทธิ์ถูกหยิบมาทำท่าสวมบนใบหน้าให้น้องสาว"คุณหนูรองจิตใจดีมีเมตตา เหมาะกับหน้ากากเทพธิดาเจ้าค่ะ" ถิงอูยกย่องอีกเสียง"ชิงเอ๋อร์อ่อนโยนมีเมตตาเหมาะกับหน้ากากเทพธิดา แล้วข้าเล่า คงไม่ได้เหมาะกับ..."รั่วอิงเหยาเหลือบหางตามองหน้ากากที่หน้าเกลียดหน้ากลัว จมูกแหลมคม มีเขี้ยวสองข้างพรึ่บ!ยังไม่ทันมีใครได้ตอบคำถามนั้น ร่างเล็กก็ถูกรวบหมุนรอบหนึ่งก่อนจะมีอะไรเย็น ๆ สวมปิดครึ่งหน้า"เจ้าเหมาะกับหงส์เพลิง"หน้ากากครึ่งหน้าลวดลายหงส์เพลิง มีขนนุ่ม ๆ ประดับตกแต่งราวปีกนกถูกสวมลงบนใบหน้างดงามของรั่วอิงเหยาส่วนอีกคนที่เอาแต่ยัดเยียดสวมหน้ากากให้นางกลับมีหน้ากากครึ่งหน้าลายพยัคฆ์ขาวปกปิดอยู่"คารวะซื่อจื่อ"เชียนชิงกับถิงอูเห็นแล้วว่าเป็นผู้ใดกล้าแตะเนื้อต้องตัวกับรั่วอิงเหยาจึงรีบทำความเคารพ"ท...ท่านมาได้อย่างไร"รีบถอยห่างออกไปสองก้าวเมื่อรู้สึกว่ามีสายตามากมายจ้องมาที่นาง"ข้าไม่ได้มาผู้เดียว"หล
"ซื่อจื่อมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ""ถิงอูรายงาน แต่เหตุใดเจ้าต้องมาที่นี่คนเดียว"หลังจากจัดการกวาดล้างสำนักอวี้เหมินเสร็จ หลัวฉางเฟิงก็รีบควบม้าเร็วล่วงหน้ามาก่อนทหารนายอื่น หากแต่พอไปถึงจวนสกุลรั่ว สาวใช้ที่ให้ติดตามรั่วอิงเหยากลับรายงานว่า นางมาพบหลัวอี้ฟิงที่นี่เพียงลำพัง จะไม่ให้เขาร้อนรนเร่งรุดบุกตำหนักชมจันทร์ได้อย่างไร"หม่อมฉันแค่นำของบางอย่างมาให้องค์ชายใหญ่""ของอะไร เหตุใดต้องมอบให้ด้วยตนเอง"เจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นก็กลายเป็นทะเลาะกันเสียได้"ความลับเพคะ"หลัวฉางเฟิงรีบรั้งข้อมือน้อยที่เดินหนีเอาไว้"หม่อมฉันเจ็บ"แววตาเคล้าน้ำตาของนางทำเอาหลัวฉางเฟิงได้สติ ปล่อยมือเล็กนั้นช้า ๆ พร้อมเอ่ย"ข้าขอโทษ"ดูเหมือนรั่วอิงเหยาจะโกรธเขามาก นางสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างไม่ใยดี แถมยังเดินกลับไปหาหลัวอี้เฟิงราวหยามหน้าเขาอย่างไรอย่างนั้นจวนสกุลรั่วรั่วอิงเหยาเสร็จภารกิจมอบจี้แทนใจให้เจ้าของร่างเสร็จแล้วก็รีบกลับจวนทันที โดยไม่สนใจบุรุษที่ควบม้าตามรถม้าของนางมาอย่างช้า ๆ"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"ปิงเซียวหลันเห็นบุตรสาวทำหน้าบูดบึ้ง เดี๋ยวก็ถอนหายใจ เดี๋ยวก็ทำหน้าเบื่หน่า
:: อาการหึงหวง ::"เดี๋ยว นั่นเจ้าจะไปไหน"เสียงร้องห้ามของหลัวอี้เฟิงนางได้ยิน แต่ตอนนี้ต้องหาหญ้าแดงมาบดใส่แผลน้ำร้อนลวกนี้ก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแผลพุพองจนกลายเป็นแผลเป็น"เจอแล้ว"หญ้ากอแดงที่ต้องการอยู่ตรงหน้า หากแต่รั่วอิงเหยาไม่ทันสังเกตให้ดีว่ามีอสรพิษร้ายกำลังพลางกายอยู่ใกล้หญ้านั้นฉึก!รั่วอิงเหยาส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีมีดสั้นเล่มหนึ่งปักลงตรงหน้านาง ตามมาด้วยอ้อมกอดของใครสักคนที่รั้งนางออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว"ข้าไม่อยู่เพียงแค่สิบวัน เจ้าก็ไม่รักชีวิตตนเองแล้วหรือ"คำตำหนิมาพร้อมแรงโอบกอดจากทางด้านหลัง เสียงที่คุ้นหู สัมผัสที่คุ้นเคย ทำให้รั่วอิงเหยารู้แล้วว่าเขาคือใคร ค่อย ๆ แกะมือหนาที่โอบรวบเอวคอดออกช้า ๆ"อ๊ะ!"แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมปล่อย เขาออกแรงหมุนเล็กน้อยให้รั่วอิงเหยาหันกลับมาประจันหน้าอย่างเอาแต่ใจ"ผลักไสข้า...เพราะมีอดีตคนรักมองอยู่หรือ"คำถามนั้นช่างข่มต่ำ แววตาที่มองมาเหมือนกำลังน้อยเนื้อต่ำใจระคนขึงโกรธ"ปล่อยเพคะ"รั่วอิงเหยาเหลือบมองไปทางตำหนักที่มีอีกคนยืนมองอยู่"ฝ่าบาทพระราชทานวันสมรสของพวกเขาแล้ว เจ้ายังไม่ยอมปล่อยวางอีกหรือ"นี่เ
Commentaires