อัครเดชหรือว่าเสือ นิสัยของเขาก็ไม่ต่างจากเสือหนุ่ม ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อได้ทุกเมื่อ แต่เมื่อเธอคือแม่ทูนหัวเขาจึงพยายามที่จะหยุด และยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงทุกคน เพื่อเธอเพียงคนเดียว เมื่อความรักไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว จึงทำให้เขาและเธอนั้นปรารถนาที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อชายหนุ่มที่เคยทำตัวเป็นเพล์บอย หลายคนมักจะให้ฉายาเขาว่าเสือ เหมือนกับชื่อของเขา แต่เมื่อหญิงสาวที่อัครเดชแอบรัก เดินเข้ามาในวงจรชีวิตของเขา จึงทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจ ยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงทุกคน เพื่อมอบใจทั้งดวงให้กับเธอ ขวัญข้าวหญิงสาวผู้ใสซื่อ ซึ่งเธอกำลังจะกลายเป็นแม่ทูนหัวของเขา ซึ่งผลงานชุดนี้จะเป็นซีรีส์ Follow your heart. เรื่องแรกแม่ทูนหัวของพ่อเสือหนุ่ม ตามมาด้วยเล่ห์ร้ายใจปรารถนา ต่อมาเรื่องเพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน (I love my friend) และเรื่องสะดุดรัก Lady cook. ฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
ดูเพิ่มเติมนายอัครเดช รุ่งเจริญทรัพย์ไพศาล อายุยี่สิบแปดปี มีชื่อเล่นว่าเสือ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีคู่ควงไม่ซ้ำหน้าเพราะเขานั้นมีฉายาว่าเป็นเสือผู้หญิง สมกับชื่อเล่นที่บิดาได้ตั้งให้ ที่สำคัญเขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ร่างกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้าม จนใครหลายคนคิดว่าเขานั้นเป็นซูเปอร์สตาร์ด้วยซ้ำไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคบกับใครจริงจังสักคน เพราะเขานั้นกลัวเหลือเกินกับการใช้ชีวิตคู่ เมื่อบิดาและมารดาได้แยกทางกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น บิดาของเขาได้เอ่ยคำว่าหมดรักมารดาออกมาและกำลังจะไปเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงอีกคน จนเขานั้นไม่คิดที่จะศรัทธาในความรักไปตลอดชีวิต
แต่วันนี้เขากลับต้องมานั่งปวดหัวและกุมขมับที่โต๊ะทำงาน เมื่อนางกวางกมล มารดาของเขาโทรมาจากเชียงใหม่ฝากฝังขวัญข้าวให้เขานั้นช่วยดูแล และสอนงานให้กับเธอ หญิงสาวที่มารดาของเขารักยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีก
นางสาวขวัญข้าว สิริพาขวัญ อายุยี่สิบสามปี รูปร่างสูงขาวสวยหุ่นเซ็กซี่ แต่ทว่าเธอนั้นกลับแต่งตัวเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ เธอสูญเสียบิดาและมารดาไปตั้งแต่อายุสิบสี่สิบห้า เมื่อทั้งคู่เสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย แม่เลี้ยงกวางกมลก็เป็นผู้เลี้ยงดูและอุปการะเธอมาตลอด เนื่องจากมารดาของเธอนั้นเป็นเพื่อนรักกับแม่เลี้ยง จึงไม่ยากที่นางนั้น จะรักขวัญข้าวเหมือนกับลูกในไส้และห่วงใยหญิงสาวมากกว่าเสือหรือชื่อจริงว่าอัครเดช
ซึ่งเป็นลูกชายของนางด้วยซ้ำ หญิงสาวเพิ่งเรียนจบใหม่ดีกรีเจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะเศรษฐศาสตร์ แต่แม่เลี้ยงกวางกมลกลับไม่ให้เธอนั้นไปสมัครงานที่ไหน เมื่อหญิงสูงวัยต้องการให้ขวัญข้าวมาช่วยงานลูกชายที่โชว์รูมรถยนต์ในเมืองกรุง เหตุผลของนางเพียงเพราะไม่ไว้ใจใครให้ดูแลขวัญข้าว แต่แม่เลี้ยงกวางกมลจะรู้หรือเปล่าว่ากำลังฝากปลาย่างไว้กับแมว ไม่สิฝากชิ้นเนื้อไว้กับเสือต่างหาก!
ภายในห้องทำงานของบอสหนุ่ม อัครเดชหรือว่าเสือกำลังนั่งจับจ้องไปที่จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งในเวลานี้มันแสดงกราฟยอดขาย พุ่งทะยานทะลุเป้าจนน่าพอใจ
Rrrr!!! เสียงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงดังขึ้น พร้อมกับโชว์ใบหน้าของมารดา เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ก่อนที่เขาจะรับสายชายหนุ่มได้ฉีกยิ้มกว้าง มองไปที่รูปในจอสมาร์ตโฟนด้วยความรู้สึกคิดถึงผู้เป็นมารดาอย่างสุดซึ้ง
"สวัสดีคร้าบ คุณนายแม่โทรมาหาผมตั้งแต่ เช้าคิดถึงลูกชายล่ะสิ" เสียงทุ้มพูดจาอ่อนหวานไปตามสาย เพื่อออดอ้อนมารดาอย่างเคย
"ถ้าแม่ไม่โทรหา เสือก็จะไม่โทรหาแม่เลยใช่ไหม ไม่คิดถึงแม่เลยเหรอ ใช่สิ! แม่มันแก่แล้วนี่ คงกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกลืมไปแล้วมั้ง จะไปสู้สาวๆ สวยๆ ข้างกายลูกได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ พ่อเสือหนุ่ม" มารดาของเขาพูดออกมาด้วยถ้อยคำกระเซ้าเย้าแหย่ผู้เป็นลูกชาย เพราะนางรู้จักนิสัยของอัครเดชดี ชายหนุ่มมีดีกรีเป็นถึงเดือนมหา'ลัย ด้วยหน้าตาและโพรไฟล์ของเขานั้น มีหรือที่ผู้หญิงจะไม่วิ่งเข้าหา แล้วยิ่งเงินหนาแบบนี้
"โธ่! แม่ครับ ผู้หญิงที่ถูกลืมอะไรกันเล่า แม่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในใจของผมเสมอ และเป็นเพียงคนเดียวที่ผมรักและเทิดทูนบูชา ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่เดินผ่านเข้ามาแล้วก็จากไป ผมไม่เคยจริงจังกับใครหรอกครับ" ชายหนุ่มรีบพูดจาอ้อนมารดาออกมาอีกครั้ง จนนางนั้นรู้สึกหมั่นไส้ลูกชายตัวดี นานๆ ทีถึงจะกลับบ้าน ปีละไม่กี่หนด้วยซ้ำ
"ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะพ่อเสือ งานที่โชว์รูมเป็นยังไงบ้างช่วงนี้ขายดีไหม" คราวนี้หญิงสูงวัยเปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ยถามลูกชายออกมาด้วยความห่วงใย
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ใครเป็นผู้บริหารนี่นายอัครเดชลูกชายของแม่เลี้ยงกวางกมล บอสหนุ่มที่มากความสามารถ ยอดขายในแต่ละวันพุ่งเกินคาด แม่สบายใจได้ครับ" ชายหนุ่มคุยโม้ออกมาด้วยความพึงพอใจ เมื่อความสามารถของเขานั้น ทำให้ธุรกิจที่ตั้งใจเอาไว้ไปได้สวย เพราะส่วนตัวแล้วอัครเดชเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ไปที่สนามบ้างเมื่อมีโอกาส แม้งานจะรัดตัว แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความชอบในการแข่งรถ
"งานที่โชว์รูมคงยุ่งมากเลยสินะ เหนื่อยไหมลูก พักผ่อนบ้างนะแม่เป็นห่วง" ประโยคคำถามจากมารดากำลังทำให้หัวใจของเขาพองโต เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เมื่อคำถามเหล่านั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
"ผมคิดถึงแม่จังเลยครับอยากกอด"
"แม่ก็คิดถึงเสือเหมือนกัน อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวแม่จะฝากน้องเอาไปให้" คำว่าน้องที่มารดากล่าวถึง ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
"ขอเป็นน้ำพริกก็แล้วกันนะครับแม่ แล้วอย่าลืมแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มด้วย ผมอยากกินมากเลยตอนนี้ ว่าแต่น้องที่ไหนเหรอครับใครจะแวะมา" จากน้ำเสียงที่ออดอ้อนเริ่มแฝงไปด้วยความสงสัย เมื่อลางสังหรณ์ของเขานั้นกำลังนึกถึงใบหน้าของหญิงสาว ที่ไม่ได้เจอกันหลายปีเพราะเวลาที่เขากลับบ้าน เธอก็จะไปเรียนในตัวเมืองและพักที่หอหญิง ทั้งสองจึงไม่ได้พบกัน
"ขวัญข้าวเรียนจบแล้ว แม่ห่วงน้อง จะให้ไปทำงานที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยเท่ากับทำงานกับลูก แม่ฝากให้เสือสอนงานให้น้องหน่อยสิ ถือว่าแม่ขอร้อง" จากคำพูดและน้ำเสียงของมารดาทำให้ชายหนุ่มเข้าใจเลยว่า นางรักขวัญข้าวมากแค่ไหน
"แม่ครับเธอโตแล้วนะครับ ขวัญข้าวก็อาจจะอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง แม่ก็ปล่อยๆ เธอไปเถอะ ร้านที่โชว์รูมของผมไม่เหมาะกับเธอหรอก แล้วจะให้เธอพักที่ไหน อยู่บ้านเดียวกับผมน่าเกลียดตายเลยไม่เอาหรอกครับแม่" ชายหนุ่มพยายามพูดหว่านล้อมจิตใจของมารดา เพื่อให้นางนั้นยกเลิกในสิ่งที่ตั้งใจ ที่จะให้ขวัญข้าวมาอยู่กับเขา
" ขวัญข้าวก็เหมือนน้องสาวของเรานะเสือ ลูกจะไม่ดูดำดูดีน้องเลยหรืออย่างไร ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะปล่อยให้ไปเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายในโลกกว้างแม่ทนไม่ได้ แม่เชื่อว่าน้องจะทำงานที่โชว์รูมนั่นได้ดี เสือจะไปสนใจหรือแคร์ใครทำไม ในเมื่อขวัญข้าวก็คือคนในครอบครัวของเรา" ฟังจากคำพูดของมารดาดูเหมือนว่านางนั้นจะไม่ฟัง หรือยอมรับความคิดเห็นใดๆ จากเขาเลย
"แต่ความเป็นจริงเธอก็ไม่ใช่น้องผมนี่ครับแม่ และที่บ้านผู้ชายก็เข้าออกบ่อยๆ เพื่อนผมมักจะมาจัดปาร์ตี้สังสรรค์ที่นี่ เธอทนได้ไหมล่ะครับ คุณหนูขวัญข้าวของแม่จะทนได้หรือเปล่า" ชายหนุ่มรีบหาข้ออ้างขึ้นมา เพื่อให้มารดาเปลี่ยนใจ
"แม่เชื่อใจเสือนะ เชื่อว่าเสือจะดูแลและปกป้องขวัญข้าวได้ ชีวิตของน้องน่าสงสารมากเลยนะลูก ในชีวิตของแม่ มีคนที่รักปานดวงใจแค่สองคน ก็คือเสือและขวัญข้าว แม่ขอแค่นี้เสือทำให้แม่ได้หรือเปล่า" ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของมารดาต่อให้เขาชักแม่น้ำทั้งห้าก็คงไม่เป็นผล สรุปแล้วเขาคงต้องยอมรับขวัญเข้าเข้ามาในชีวิต แม้ว่าเธอนั้นจะมาในฐานะน้องสาว แต่เขาและเธอนั้นก็ไม่ได้สนิทกัน ถึงขนาดเวลาที่เจอกันคงเหมือนคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ
"เธอจะมาวันไหนครับแม่" ชายหนุ่มจำใจต้องถามว่าไปแบบนั้น เพราะไม่มีทางเลี่ยงแล้วจริงๆ
"น้องจะไปวันเสาร์เดี๋ยวแม่ขอดูเวลาก่อนแล้วจะโทรไปบอกอีกทีอย่าลืมไปรับน้องที่สนามบินด้วยล่ะ"
"ตกลงครับแม่ แค่นี้นะครับสวัสดีครับ"
"เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งวางสาย" หญิงสูงวัยรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันทีก่อนที่ลูกชายจะวางสาย
"มีอะไรหรือเปล่าครับแม่"
"เสือจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะ ขวัญข้าวคือน้องสาวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจอีกดวงของแม่ ดูแลน้องให้ดีและที่สำคัญที่สุดอย่าคิดฉวยโอกาสหรือเกินเลยกับน้องเป็นอันขาด น้องไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน ไม่ใช่ผู้หญิงของเสือ ถ้าเห็นน้องเป็นแค่ของเล่นแล้วละก็ แม่ก็จะคิดว่าเสือไม่ใช่ลูกเช่นกันและจะไม่มีวันอภัยให้ลูกตลอดชีวิต" คำพูดของมารดาทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายศีรษะไปมา เพราะเขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
"ทุกครั้งที่นอนกับผม คุณจะได้เช็คหนึ่งล้านบาท อย่าปฏิเสธไปเลยฮันน่า ผมรู้ว่าคุณก็มีความต้องการไม่ต่างจากผมในตอนนี้" ชายหนุ่มพูดออกมาในขณะที่มือของเขาอยู่ไม่เป็นสุข และในเวลานี้ชุดเดรสของเธอก็ได้หลุดออกจากอก เหลือเพียงแค่บราสีสด ที่เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบจนน่าฟัด เรือนร่างอรชรถูกจับกดให้นอนราบกับเตียง แล้วพอีธานก็ค่อยๆ ดึงชุดเดรสของเธอออกจนพ้นเรียวขาขาว ในเวลานี้เรือนกายของเธอมีเพียงแค่บราและชุดชั้นในตัวจิ๋ว ปิดบังร่างกายในส่วนที่หวงแหนเอาไว้เอาไว้เท่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปจัดการชุดของตัวเองซึ่งเขาใช้เวลาถอดมันออกอย่างช่ำชองราวกับคนชำนาญ ที่เคยผ่านสนามพิศวาสมานับไม่ถ้วน เผยเห็นซิกแพคที่อยู่ภายใต้ไรขนที่ขึ้นแซมอย่างเห็นได้ชัด จนหัวใจของฮันน่าเต้นตึกตัก อย่างไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต "อืม...คุณอีธาน" เสียงหวานร้องเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา เมื่อเขากำลังบรรจงสอดมือลงไปใต้บราของเธอ เขาค่อยๆ บีบนวดแล้วคลึงเบาๆ ในขณะที่มืออีกข้างของเขากำลังใช้ความพยายามในการปลดตะขอออก ขณะที่ความเป็นชายของเขาเริ่มพองตัวขึ้นเรื่อยๆ
"พี่เสือ... ขอบคุณนะคะที่ทำให้ขวัญรู้สึกดีทุกครั้งเวลาที่มีพี่อยู่ข้างๆ แบบนี้" ขวัญข้าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจือสะอื้น เมื่อเธอรู้สึกปลื้มใจที่ชายหนุ่มยืนยัน และบอกรักเธอแบบนี้ทุกครั้ง "ห้ามร้อง" เสียงทุ้มพูดขึ้น พร้อมกับหมุนร่างอรชรหันหน้าเข้าหา น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้าชายหนุ่มบรรจงใช้หัวแม่มือปาดออกจากแก้มให้เธอเบาๆ Rrrr!!! ในขณะที่คนทั้งคู่กำลังสบตากันเสียงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงของอัครเดชก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับกดปิดเครื่อง โดยไม่แยแสต่อสายเรียกเข้าแม้แต่น้อย"ทำไมไม่รับสาย ใครโทรมาเหรอคะ" สำเนียงการถามที่อ่อนหวานนุ่มนวลเสนาะหู ทำให้อัครเดชอยากจบเรื่องนี้ไปโดยเร็ว เขารู้สึกอึดอัดใจเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ "ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่จะให้ชาร์ลเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้ มันไม่สำคัญอะไร พี่รู้สึกง่วงจัง" ชายหนุ่มพูดตัดบทออกไป ทั้งที่ภายในใจรู้สึกเป็นกังวล เพราะเมื่อคืนเขาอยู่ที่โร
"พี่เสือ..." ขวัญข้าวเปิดประตูออกมาพร้อมกับเรียกชื่อชายหนุ่ม ใบหน้าของเธอนั้นเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา และนั่นยิ่งทำให้อัครเดชรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อเขาคิดว่าพายุกำลังก่อตัว และคงจะโหมกระหน่ำขึ้นในไม่ช้า "อ้าว! ขวัญข้าว ได้ข่าวว่าเธอมาทำงานเป็นพนักงานที่นี่ไม่ใช่เหรอ...แล้วทำไมถึงอู้งานมาอยู่ในห้องเสือได้ล่ะ หรือว่ามีฐานะเป็นน้องสาวแล้วคิดจะทำงานหรือไม่ทำก็ได้อย่างนั้นเหรอ" เดียน่าพูดพร้อมกับเบ้ปากมาที่ขวัญข้าว หล่อนยังคงคล้องแขนชายหนุ่มเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวเขาจะหลุดมือไปยังไงอย่างนั้น"ไหนว่าปวดหัว... พี่ว่าขวัญเข้าไปนอนในห้องต่อดีกว่านะ เดี๋ยวพี่จะนอนเป็นเพื่อนเข้าไปสิ" น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงไปด้วยเผด็จการ จากนั้นเขาได้แกะมือของเดียน่าออกแล้วเดินมาโอบร่างเล็กของขวัญเข้าไว้แทน จนเพื่อนสาวของเขารู้สึกไม่พอใจ เธอใช้สายตามองมาที่ขวัญข้าวราวกับแค้นเคืองพยาบาทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน "ขวัญดีขึ้นแล้วค่ะ ตั้งใจว่าจะออกไปทำงานที่ค้างไว้ เพราะไม่อยากให้ใครมองว่า
"นับวันพี่จะเอาแต่ใจใหญ่แล้วนะคะพี่เสือ พี่ควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เอามาปะปนกันแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน" น้ำเสียงหวานที่มีแววตำหนิแฝงอยู่นั้น กำลังทำให้อัครเดชรู้สึกลุ่มหลงในตัวของหญิงสาวมากขึ้น เธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง และไม่เคยใช้อำนาจของการเป็นผู้หญิงของเขาให้ตัวเองนั้นอยู่สูงกว่าพนักงานคนอื่นๆ เธอยังคงทำงานเป็นผู้ช่วยเรยา ทั้งที่ควรมาช่วยงานเขามากกว่า "ขวัญยังงอนพี่ใช่ไหม... ไหนขอดูหน้าเด็กขี้งอนหน่อยซิ" อัครเดชพูดพร้อมกับจับลงไปที่ไหล่มนของหญิงสาว แล้วหมุนตัวเธอ หันหน้าเข้าหาเขา ทั้งสองสบตากัน ความรู้สึกความผูกพันที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ภายใต้แววตาของคนทั้งคู่ ในวินาทีนี้เหมือนกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน ชายหนุ่มทาบริมฝีปากลงประกบจูบ เขาบรรจงดูดดึงริมฝีปากล่างของเธออย่างละมุนละไม ก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กของเธอ เขาแตะกระหวัดฉกชิมเอาความหวานจากปลายลิ้นเรียวอย่างไม่รู้จักพอ "อืม...อื้ม" เสียงครางจับในลำคอของคนทั้งค
อัครเดชเข้ามาในห้องเขารีบโทรหาขวัญข้าวทันที แต่หญิงสาวกลับไม่รับสาย เธอได้ตั้งระบบสั่นเอาไว้ และเมื่อมีสายโทรเข้า เธอก็รีบคว้าโทรศัพท์มาถือเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครสนใจ และที่สำคัญเธอยังไม่อยากคุยอะไรกับบอสหนุ่มในเวลานี้ เพราะคำพูดของเขาเมื่อคืนกำลังทำให้เธอรู้สึกระแคะระคายใจ อัครเดชพูดเหมือนกับมีใครอีกคนซ่อนเอาไว้ "ทำไมขวัญถึงไม่รับโทรศัพท์" ชายหนุ่มพูดออกมาคนเดียวเบาๆ พร้อมกับเอนหลังลงที่โซฟาเขาไม่ได้นอนทั้งคืน และต้องตื่นมาตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่ทันขวัญข้าวอยู่ดี เพราะเธอมาทำงานก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้านไม่กี่นาทีภายในห้องทำงานที่แสนจะว้าวุ่นใจ เขาไม่มีสมาธิจะทำอะไร เพราะคืนนี้อัครเดชต้องกลับไปดูแลใครอีกคน แม้ชายหนุ่มจะไม่ปรารถนาแต่ความรับผิดชอบนั้นได้ค้ำคอให้เขาต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจ นาทีนี้คงไม่มีใครมารับรู้ ถึงสิ่งที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ชายหนุ่มพยายามโทรหาขวัญข้าวหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่รับสายในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลุกเดินออกไปจากห้องทำงาน เป้าหมายของเขาคื
"ช่างเถอะพี่ไม่ถือ ขวัญไม่อยากเรียกก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้ขวัญออกไปกับพี่ได้ไหม ได้ข่าวว่ามีรถรุ่นใหม่เพิ่งเปิดตัวก็เลยอยากลองขับดูบ้าง เผื่อจะซื้อไปไว้ที่บ้านประดับบารมี" น้ำเสียงของชายหนุ่มที่พูดออกมานั้นเรียบๆ จนทำให้ขวัญข้าวไม่สามารถที่จะเดาอารมณ์ของเขาได้เลย "ถ้าคุณอีธานต้องการดูรถ ดิฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายการขาย พร้อมที่จะเอ็นเตอร์เทนได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องให้ขวัญข้าวไปดูแลหรอกค่ะ เพราะเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องรถพวกนี้" ฮันน่าพูดออกมาตามความเป็นจริง เธอเป็นผู้หญิงสวยและเซ็กซี่น่าค้นหาที่สุดเท่าที่อีธานเคยเจอมา แต่ฮันน่าก็ไม่เคยใช้ความงามของเธอเป็นมารยาหลอกล่อให้เขาซื้อรถในโชว์รูมแห่งนี้เลยสักครั้ง ซึ่งรถทุกคันที่เขาซื้อนั้นล้วนมาจากความพอใจทั้งสิ้น และนั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้อีธานชอบแวะมาใช้บริการที่นี่"ขวัญข้าว เธอควรจะอยู่ห่างๆ ผู้ชายคนนี้เอาไว้ ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี" ฮันน่านั่งลงข้างๆ หญิงสาว เธอกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของขวัญข้าว ก่อนจะรีบเงยหน้าหันมองอีธาน "กระ
ความคิดเห็น