Masukห้องสตูดิโอของคณะศิลปกรรมศาสตร์ดูวุ่นวายกว่าปกติ เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ คลอไปกับเสียงฝีเท้าของนางแบบที่กำลังซ้อมเดินอยู่บนเวทีชั่วคราว
เกลอยู่ในชุดนักศึกษาที่เสื้อเข้ารูปและกระโปรงสั้นตามแฟชั่น เธอผมบลอนด์อ่อน และแต่งหน้าอย่างประณีตราวกับเป็นนางแบบเสียเอง เธอนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะกรรมการอย่างมาดมั่น ข้างๆคือข้าวฟ่างผู้กำลังจดบันทึกด้วยความตั้งใจและพิชชี่ ผู้ทำหน้าที่วิจารณ์ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน
“คนนี้ดีไซน์สวยมาก แต่แววตาดูนิ่งๆไปหน่อย เราน่ะมันต้องใช้คนที่มี จิตวิญญาณนะยะ ไม่ใช่หุ่นยนต์!” พิชชี่บ่นพลางโบกมือปฏิเสธนางแบบคนที่สิบ
“ใจเย็นๆ นะคะพิชชี่” ข้าวฟ่างพยายามปราม “เราเน้นที่รูปร่างก่อนค่ะ เพราะชุดของเรายังไม่เสร็จ”
“แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้านางแบบเราหากันไม่ได้จริงๆ ก็ให้เมษานี้แหละถ่าย” เกลสรุปเพราะตอนนี้เธอยังไม่เจอใครถูกใจเลย เมษารูปร่างสูงเพียวเหมือนนางแบบ ที่เธอกำลังเครียดตอนนี้คงจะเป็น นายแบบชายมากกว่า
เมษา ในฐานะผู้ประสานงานหลัก ยืนอยู่ใกล้ประตู เธอกำลังใช้โทรศัพท์มือถือจัดการธุระอย่างเคร่งเครียด ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับกลุ่มนักศึกษาชายสามคนที่ก้าวเข้ามา
เดย์ เดินนำหน้ามาด้วยรอยยิ้มกระชากใจเต็มพิกัด เขาส่งสายตาสำรวจไปยังนางแบบและสาวๆ ในห้องราวกับกำลังมาล่าแต้ม ตามมาด้วย ไนท์ แฝดน้องที่เดินตามมาอย่างเงียบๆ สายตาของเขากวาดมองไปทั่วห้องอย่างสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
และก็วินเขายังคงอยู่ในอาการงัวเงียเล็กน้อย ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตเรียบๆ ดูโดดเด่นในแบบที่ไม่ต้องพยายามแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนคือคิรินที่เดินตามมาวินมาติดๆ แต่ใบหน้าหล่อเหลาและบุคลิกที่ดูเข้าถึงยากของเขา ที่มุมปากยกยิ้มน้อยๆ ก็ทำให้ห้องสตูดิโอสว่างวาบขึ้นมาทันที
พิชชี่ เกล ข้าวฟ่าง หันไปมองตามพูดมาใหม่ติด ยัยพิชชี่ถึงกับเพ้อว่า หล่อจนแม่จะเป็นลม
เมษารีบเดินไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง “เดย์! ขอบคุณมากที่มานะคะ! ฉันดีใจจริงๆ ที่พวกนายมาช่วย”
“สบายมากเมษา” เดย์ยักไหล่พลางส่งสายตาหยอดไปให้ “เพื่อเมษาแล้ว พวกเราพร้อมเสมอ!” เขายืดอกเล็กน้อยเพื่อโชว์หุ่นหนุ่มบริหารอินเตอร์ฯ พลางบ่นงึมงำ
“แต่เสียดายคอนเซปต์ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำ”
คิรินที่กำลังยืนนิ่งๆ สายตาของเขาปะทะเข้ากับดวงตาหวานสีน้ำตาลอ่อนของเกลที่โต๊ะกรรมการทันที มุมปากที่ยกยิ้มเล็กน้อย ตอนนี้มันยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
เกลชะงักไปเล็กน้อยใบหน้าของเธอถูกควบคุมให้ไร้อารมณ์ เธอไม่ได้ยิ้มหรือทักทายใดๆ แต่ยกแว่นกันแสงสีฟ้าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาสวมเพื่อซ่อนแววตาที่อาจจะเผยความรู้สึกบางอย่างออกมา
เพื่อนเคยสนิทตอน ม.ปลาย ที่ชอบรุมแกล้งเธอ
“วิน! ขอบคุณมากนะที่มาช่วยงาน” เมษาเอ่ยทักวินอย่างเป็นมิตร
คิรินมองไปที่โต๊ะกรรมการที่ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบบางของเกล เขาตอบเมษาเสียงเรียบ
“เราแค่มาดูงานเพื่อน”
เดย์หันไปกระซิบกับไนท์ “ดูมัน! ปากแข็งว่ะไอ้ไนท์! มาถึงก็ใส่เกียร์ปากแข็งทันที”
เกลถอนหายใจยาว แล้วหันไปทางกลุ่มหนุ่มบริหาร เธอจงใจเมินคิริน แล้วหันไปพูดกับวินด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ขอบใจนะวิน ที่ยอมเป็นนายแบบให้”
วินส่ายหน้า พลางหาวเบา ๆ “เราไม่ได้จะเป็น” วินตอบเสียงงัวเงีย “ไอ้คิรินมันอยากเป็น”
คำพูดของวินทำให้เกลต้อง หันไปสบตากับดวงตาคมเข้มของคิรินอีกครั้ง แววตาที่ซ่อนอยู่ใต้แว่นกันแดดมีความโกรธระคนอับอาย
เดย์ ไม่รอช้าเขาเดินแทรกเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เสียดายไอ้วินมันไม่รับงานอะเมษา มันบอกว่าไม่อยากลุกจากเตียงนอน” เดย์จงใจพูดเสียงดังให้เกลได้ยิน “เป็นคิรินแทนได้มั้ย เมษา! มันอยากทำ”
“เกลบอกแล้วว่า ไม่เอา!” เกลพูดเสียงแหลมขึ้นมาทันที ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตวัดมองไปยังร่างสูงที่จะมาเป็นนายแบบแทน
เพียะ!
พิชชี่ถึงกับตีมือลงบนแขนเกลทันที เสียงดังจนทุกคนที่นั่งใกล้ๆ หันมามอง พิชชี่ ดึงตัวเกลมาคุยพร้อมข้าว
“อีบ้า! แกจะเป็นนางแบบเองก็เรื่องของแก แต่โอกาสหน้าทองขนาดนี้แกจะปฏิเสธไม่ได้นะ!” พิชชี่โวยวายเบา ๆ แต่เกรี้ยวกราด “ถึงแม้แกจะค้านหัวชนฝา ฉันก็ไม่ยอมให้แกพลาดคนนี้!” ข้าวฟ่าง พยักหน้าเห็นด้วยอย่างรุนแรง
“จริงเกลโอกาสทองขนาดนี้ ถ้าได้คิรินมาเป็นนายแบบของแก รับรองคะแนนโหวตสาธารณะพุ่งกระฉูดแน่นอน!”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ คิรินที่ยืนฟังอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะกรรมการ โดยไม่สนใจพิชชี่ที่ยืนขวางอยู่
“เมษา” คิรินเรียกชื่อเมษา แต่สายตาจับจ้องไปที่เกล
คิรินยิ้มหวานให้กับพิชชี่และข้าวฟ่างที่ยืนตาค้างอยู่ก่อนจะหันไปพูดกับเมษาด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เราขอคุยกับเกลสักครู่ได้มั้ย?” คิรินเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ดวงตาคมเข้มกลับมีความเจ้าเล่ห์ซ่อนอยู่
เมษาพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรู้จังหวะพิชชี่และข้าวฟ่างที่กำลังตื่นเต้นกับสถานการณ์ดราม่า ก็รีบพยักเพยิดให้เกลตามคิรินไปทันที
“ไปสิยะเกล ไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง!” พิชชี่กระซิบ
คิรินไม่รอช้าเขาคว้าข้อมือเรียวของเกลแล้ว ลาก เธอเดินออกมาจากโต๊ะกรรมการ ท่ามกลางสายตาสงสัยของคนในสตูดิโอ เขาเดินลัดผ่านเวทีไปด้านหลังห้อง ซึ่งเป็น โซนเก็บอุปกรณ์ ที่มืดสลัวและเต็มไปด้วยฉากเก่า ๆ
เกลหงุดหงิดไม่น้อยเลย ที่โดนไอ้บ้าคินจับตัวเนี่ย
เมื่อถึงมุมอับที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์จัดฉากที่พับเก็บไว้ คิรินก็ ผลักเธอเข้าไปในห้องเก็บของ ชั่วคราวที่กั้นด้วยฉากไม้อัดเก่าๆ ก่อนจะตามเข้ามาแล้วปิดประตูทางเข้าทันที
“คิริน! นี่จะทำอะไร”
แต่ก่อนที่เธอจะได้โวยวายอะไร มือหนาของคิรินก็ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมา จ่อตรงหน้าเธอพร้อมกับรูปภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นทำเอาเกลต้อง หยุดชะงัก
รูปแรกคือภาพเธอหน้าสดที่ดูโทรมกว่าที่ใครเคยเห็นส่วนอีกรูปคือภาพเธอที่กำลังกินช็อกโกแลตอย่างเอร็ดอร่อย ภาพความลับของเธอที่ถูกเก็บเอาไว้
“รูปนี้ถ้าหลุดออกไปที่เพื่อนๆ จะเป็นไงน้า” เสียงทุ้มต่ำของคิรินขู่กระซิบอย่างใกล้ชิด “หรืออันนี้ถ้าส่งไปหา คุณป้า คุณป้าจะดุมั้ยนะ”
ดวงตากลมสวยของเกลตอนนี้มันเกือบจะมีไฟลุกเผาร่างคนตรงหน้าได้ เธอกำมือแน่นด้วยความโกรธและความกลัวมือเล็กของเธอพยายามกระโดดแย่งโทรศัพท์ในมือหนาของคิริน แต่ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันมากทำให้เธอ แย่งมาไม่ได้
คิรินยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รดใบหูของเธอ
“ยอมให้ฉันเป็นนายแบบซะ” คิรินขู่เน้นทุกคำ “แล้วรูปพวกนี้จะไม่มีใครได้เห็น”
คิรินได้แต่ขำ กับคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหน้า มือที่ถือโทรศัพท์ยังคงอยู่สูงเหนือศีรษะของเธอ เขากับเกลรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ๆ ถึงเมื่อก่อนเขาจะแกล้งเกลบ่อย ๆ เพราะหญิงสาวตอนเด็กมันน่าแกล้งมาก ๆ ถึงโตขึ้นจะเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหมือนเดิมเขาก็ยังอยากแกล้งเสมอ
จริงๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายอบอุ่นอะไรหรอก มีแค่เพื่อนเขาและยัยคนตรงหน้านี้แหละที่รู้ว่าเขานิสัยเป็นอย่างไรและเขาก็รู้สึกสนุกกับเกมข่มขู่ในครั้งนี้เหลือเกิน
ในตอนที่เขาคิดอะไรเพลินๆ และผ่อนคลายการป้องกันลงเล็กน้อยคนตัวเล็กก็คว้ามือที่อยู่ใกล้ที่สุดของคิรินมากัดเข้าเต็มแรง
“โอ๊ยยย! เป็นหนูหรอยัยอ้วน!”
เสียงทุ้มต่ำอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด คิรินแทบจะปล่อยโทรศัพท์หลุดมือด้วยความตกใจและเจ็บจี๊ด เกลโมโหเข้าไปใหญ่ ที่คิรินเรียกเธอว่า 'อ้วน'
“อ้วนแล้วมันไปหนักหัวคุณลุงหรอ! ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ!” ด่าพ่อเขาอีก ยัยบ้าเอ้ย
เกลสวนกลับอย่างรวดเร็วด้วยคำที่จงใจเรียกเขาแบบนั้นเพราะคิรินชอบหลอกคนอื่นว่าเขาเป็นเด็กเรียบร้อย เป็นสุภาพบุรุษ เขาจึงไม่เคยแสดงความกวนประสาทและเจ้าเล่ห์ให้คนนอกเห็นเลย
เธอจึงชอบเรียกเขาว่า 'เด็กเลี้ยงแกะ' ที่ชอบสร้างภาพลักษณ์
คิรินสบถเบา ๆ มือหนาลูบ บริเวณข้อมือที่ยังคงมี รอยฟัน แดงเป็นรอยอย่างนึกแค้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบโต้คำพูดนั้นกลับไปอย่างสาสม
เกลก็วิ่งออกไปแล้ว
หญิงสาววิ่งพรวดพราดออกจากมุมเก็บของ ไปยังประตูทางออกของสตูดิโอ ทิ้งให้คิรินยืนอยู่คนเดียวพร้อมกับความเจ็บที่มือ และความพึงพอใจ ๆ ที่ได้เห็นปฏิกิริยาที่ดุเดือดของเธอ
เกลวิ่งพรวดพราดออกจากมุมเก็บของ ตรงไปยังประตูทางออกของสตูดิโอ ทิ้งให้ความงุนงงเคลือบคลุมใบหน้าของเพื่อนๆ ที่โต๊ะกรรมการและกลุ่มหนุ่มบริหารอินเตอร์
คิรินเดินตามเกลออกมาอย่างไม่รีบร้อน เขาสวมรอยยิ้มเย็นๆ ที่ทำให้ทุกคนมั่นใจว่าการเจรจาลับๆ ประสบความสำเร็จแล้ว เขาหยุดอยู่กลางห้องโดยไม่ได้สนใจเกลที่กำลังเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป
“ไม่ต้องห่วงนะครับเมษา” คิรินพูดเสียงเรียบ “เกลตกลงให้ฉันเป็นนายแบบแล้ว”
ทุกคนในห้องแสดงความดีใจออกมาทันที ยกเว้นเกลที่เดินออกไปแล้ว
“แต่ฉันมีข้อแม้” คิรินกล่าวต่อ
“คิรินอย่างได้อะไรคะ” พิชชี่ก็รีบเสนอตัวทันที เขาทรุดตัวลงข้างคิรินอย่างรวดเร็ว ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“จะแก้วแหวนเงินทอง หรือตัวพิชชี่ พิชชี่พร้อมให้หมดเลยค่ะ! พร้อมเป็นนางแบบคู่ด้วยนะคะ!”
“แรดให้เป็นเวลาหน่อยค่ะ เพื่อนพิชชี่” ข้าวฟ่าง รีบสวนกลับออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ก่อนที่สงครามของทั้งสองจะเกิดขึ้นเมษาก็รีบเข้ามาห้ามก่อน เธอมองคิรินด้วยสายตาที่สงสัยในความไม่สมเหตุสมผล
“คิรินอย่าเล่นกับใจเพื่อนฉันสิคะ” เมษาพูดอย่างขำๆ “คิรินต้องการอะไรจริงๆ บอกมาเลยดีกว่า” เดย์ หัวเราะอย่างถูกใจในสถานการณ์ที่เพื่อนกำลังยื่นข้อเสนอต่อรอง
“คงไม่ได้อยากได้สาวคนไหนหรอกใช่มั้ย คิริน” เดย์แซว “เพราะที่นี่ก็มีสาวสวยเยอะแยะอยู่แล้วนี่โดยพิชชี่นะครับ”
คิรินยิ้มมุมปากเผยให้เห็นรอยฟันที่ยังคงทิ้งร่องรอยความแค้นเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้บนข้อมือของเขาเอง
“เปล่าหรอก” คิรินตอบ “ฉันแค่รู้สึกว่าคอนเซปต์มันต้องมีความขัดแย้งที่สมบูรณ์แบบ”
เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะมองไปยังทิศทางที่เกลเดินออกไป
“ขอแค่ให้เกลเป็นนางแบบคู่ฉันได้มั้ย” ทุกคนนิ่งเงียบ แต่กลับทุกคนในกลุ่มเพื่อนของเกลตอบตกลงทันที
พิชชี่ “ตอบตกลงไปเลยย่ะ อีเกลเป็นดีไซเนอร์ จะได้ใส่ชุดตัวเองเดินคู่เดือนมหา’ลัยด้วย”
ข้าวฟ่าง “ดีเลยค่ะเกลหุ่นดี แถมโครงหน้าสวยมาก รับรองว่าปัง”
เมษา“โอเค ตกลงค่ะ งั้นพรุ่งนี้พวกนายเข้ามาวัดตัวนะคะ”
คิรินยิ้มอย่างพึงพอใจในชัยชนะอันรวดเร็ว ขณะที่เสียงโวยวายของเกลก็ดังลอยมาตามลมจากด้านนอกสตูดิโอ
เกลยืนกอดอกอยู่ข้างรถของเมษาที่ลานจอดรถคณะ ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มอย่างพิถีพิถันบัดนี้บูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้หงุดหงิดแค่เรื่องที่ถูกคิรินขู่ แต่ยังหงุดหงิดที่เพื่อนทั้งสามคนพร้อมใจกัน "ขาย" เธอให้ไปเป็นนางแบบคู่กับคนน่ารำคาญที่สุดในโลกอีกด้วย
“เมษา ทำไมไม่เข้าข้างเกลเลย” เกลงอแง เสียงเล็กๆ ออดอ้อนอย่างน่าสงสาร นอกจากเวลาทำงานแล้ว เธอมักจะเป็นคนขี้อ้อน เพราะติดนิสัยจากการเป็นน้องสาวคนสุดท้อง
เมษายิ้มหวานให้อย่างเอ็นดู เมษาเอ็นดูเกลมากเพราะเธอมีน้องแต่ทั้งคู่ไม่สนิทกันเลย และเกลมักจะชอบทำท่าทางอ้อนอีก
“เอาหน่า เกลขา” เมษาพูดอย่างใจเย็น “นี่คือโอกาสทองที่จะทำให้งานของเราปังที่สุดเลยนะ”
“แต่เกลไม่อยากร่วมงานกับไอ้เด็กเลี้ยงแกะ หมายถึงไอบ้าคิริน” เกลประท้วง
“เด็กเลี้ยงแกะ?” พิชชี่ ที่เดินตามมากับข้าวฟ่างเลิกคิ้วสูง “ทำไมแกถึงเรียก เดือนมหา’ลัย ว่าเด็กเลี้ยงแกะยะ คิรินออกจะสุภาพบุรุษขนาดนั้น”
“นั่นสิคะ” ข้าวฟ่างพยักหน้า “เขาก็ดูคนดีมากเลยนะคะ แถมยังหล่อมากด้วย”
“ว่าแต่แกไปรู้จักคิรินตั้งแต่ตอนไหนยะ”พิชชี่ถามอย่างสงสย
“เพื่อนตั้งแต่เด็ก” เกลตอบแค่นั้น เกลถอนหายใจยาวกับความ 'สร้างภาพ' ของคิริน ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งเธอก็ยื่นคำขาดว่า ห้ามมาทำเป็นรู้จักกันกับคิรินไว้ เพราะเธอรำคานเวลาโดนสาวๆของคิรินตามวุ่นวาย
เมษาเห็นว่าบรรยากาศไม่ดี จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“เอาล่ะๆ หิวแล้ว เราไปกินหมูกระทะต่อ เย็นนี้เพื่อฉลองที่เราได้นายแบบตัวท็อปมาช่วยงานดีไหมคะ”
ใบหน้าบึ้งตึงของเกลคลายลงเล็กน้อย เกลรู้ว่าเธอจะต้องคุมอาหารอยู่เสมอ แต่ก็จะมี 'ชีทเดย์' หรือถ้าจำเป็นต้องไปกินกับเพื่อน เธอก็พร้อมจะไปเสมอ เพราะความสุขกับการกินนั้นมันเป็นที่หนึ่งเสมอสำรับเธอ
“ฉันเลี้ยงเองค่ะ” เมษาพูดอย่างใจกว้าง
“ไปค่ะ ไปกินหมูกระทะ” พิชชี่ตอบรับเสียงดังอย่างตื่นเต้น
“เราขอไปด้วยได้ไหม” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง คิริน เดินเข้ามาพร้อมเดย์และไนท์ ที่ยิ้มกวนประสาทวินเดินตามมาอย่างงัวเงีย
“หมูกระทะเหรอเมษา? ฟังดูน่าสนใจนะครับ” เดย์ เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์
“คงไม่น่าสนใจเท่า ช็อกโกแลตหรอกมั้งเกล” คิริน พูดเสียงเบา แต่เน้นคำสุดท้ายอย่างจงใจ พร้อมยกมือที่โดนกัดขึ้นมาเกาทีนึง
ใบหน้าสวยตวัดมองคิรินตาเขียว แค่เห็นหน้าเขาเธอโกรธทันที คิรินกำลังกวนตีนเธออยู่ชัดๆ
“นายตามมาทำไมอีก” เกลถามเสียงแข็ง พยายามควบคุมโทนเสียงไม่ให้เพื่อนสังเกตเห็น
“ก็ไปกินหมูกระทะไงครับ” คิรินยิ้มหวานราวกับเทพบุตร “พวกเราอยากแสดงความยินดีกับนางแบบคนใหม่ด้วยครับ”
เกลเดินเข้าห้องคอนโดมาอย่างเงียบเชียบ เธอรีบล็อกประตูถึงสองชั้น ความเหนื่อยล้าทางร่างกายผสมกับความหวาดระแวงทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่ามีใครติดตามมาหรือไม่ เกลโชคดีที่มาถึงคอนโดโดยปลอดภัยเธอไม่ได้สนใจจะเปิดไฟมากนัก ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง และพยายามบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับเพื่อหนีความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวันแต่หลังจากที่เธอนอนหลับไปได้ไม่นานก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เป็นจังหวะสั้น ๆ แต่ดังชัดเจนในความเงียบสงัดของยามวิกาลเกลสะดุ้งสุดตัว เธอผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที หัวใจเต้นรัวราวกับกลองที่ถูกรัวตีด้วยความหวาดกลัวที่กลับมาอีกครั้ง เธอตกใจมากจนต้องร้องไห้นี่มันก็ตีสองแล้ว!เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังและถี่ขึ้น เกลมองไปที่ประตูห้องด้วยความหวาดผวา เธอรู้ดีว่าคนที่พักอยู่ในคอนโดนี้ส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ และไม่มีใครมาเคาะประตูบ้านคนอื่นในเวลานี้แน่ๆเธอไม่รู้ควรโทรไปหาใครดี จะโทรหาเมษาหรือข้าวฟ่างตอนนี้ก็คงจะรบกวนมากเกินไป และเธอก็ไม่กล้าปลุกใครมือของเธอสั่นเทาเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สายตาของเธอกวาดมองรายชื่อในสมุดโทรศัพท์อย่างว้าวุ่น
เมษาเรียกคิรินให้ยืนตรงหน้าหุ่นตัดเสื้อพร้อมสายวัดในมือ ตอนแรกเมษาจะวัดให้ เอง แต่ทันใดนั้น เดย์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูเมษา ประโยคสั้น ๆ ที่ทำให้ใบหน้าของเมษาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเมษาดูเหมือนจะ ลังเล อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันไปทางเกลด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ“เกล... ฝากวัดตัวคิรินก่อนได้มั้ย พอดีข้าวฟ่างอยากจะปรึกษาฉันเรื่องผ้าข้างนอกน่ะ”เกลไม่ทันจะพูดถามเหตุผลหรือปฏิเสธ เมษาและข้าวฟ่างก็รีบลากเดย์ที่ยังยืนทำหน้ากวนประสาทออกไปจากสตูดิโออย่างรวดเร็ว ทุกคนในห้องนอกจากเธอกับคิรินก็ออกไปกันหมดคิรินยิ้มอย่างได้ใจ เขายืนกอดอกมองเกลที่กำลังถือสายวัดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ดีไซเนอร์” คิรินพูดกวน ๆเกลไม่พูดอะไร แต่ความโมโหทำให้เธอต้องระบายออก เธอฟาดไปที่ต้นแขนคิรินแน่นทันที ด้วยม้วนสายวัดที่อยู่ในมือ เสียงดัง "เพียะ" ดังขึ้นเบาๆคิรินไม่ได้เจ็บ แต่เขายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก“โอ๊ย! ทำอย่างกับไม่อยากอยู่ด้วยเลยนะครับ เพื่อนรัก”เกลกัดฟันแน่น เธอตระหนักได้ทันทีว่าการวัดตัวนี้คือ กับดัก ที่คิรินกับเดย์วางแผนไว้แน่นอนนอกห้องสตูดิโอเมษาที่เพิ่งออกจากห้องมาพร้อมกับข้าวฟ่างและ
ทั้งแปดคนมานั่งรวมกันที่ร้านหมูกระทะชื่อดังที่อยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัย โต๊ะถูกจัดแยกออกเป็นสองชุด ซึ่งทำให้ พิชชี่ ต้องบ่นออกมาเสียงดังก่อนจะยอมไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ“ฉันไม่อยากนั่งกินกับเธอย่ะเกล คนอะไรมากินหมูกระทะ ไม่ยอมกินหมูสามชั้น!” พิชชี่ว่าพลางกอดอกอย่างงอนๆ ทำเหมือนจำยอมต้องไปนั่งกับเดย์และข้าวฟ่างที่อีกโต๊ะหนึ่งโต๊ะนั้นเหมือนจะมีเสียงเฮฮามาตลอดส่วน แต่โต๊ะนี้ดูจะเงียบและมีบรรยากาศตึงเครียดกว่ามากเกลนั่งอยู่ข้างเมษาโดยมีคิรินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมีไนท์แฝดน้องของเดย์ที่บอกว่ารำคานพี่ตัวเองขอมานั่งโต๊ะนี้แทนดังนั้นโต๊ะของเกลจึงมีเพียงเกลนั่งอยู่ข้างเมษาโดยมีคิรินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมีหม้อไฟหมูกระทะที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ตรงกลาง เกลกินอย่างกับคนระบายอารมณ์ แต่สิ่งที่เธอเลือกนั้นถูกเรื่องแต่คลีนๆไว้ เมษาค่อยส่งเนื้อหมูส่วนเนื้อแดงให้เธอเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่ที่เธอกินจะเป็น กุ้ง ปลา และผักมากกว่าเพื่อกันน้ำหนักที่จะขึ้นหลังกินมื้อนี้โต๊ะข้างๆ ดูจะมีสีสันมากกว่าโต๊ะของเธอมากเพราะแค่เธอต้องสบตากวนประสาทของไอ้เด็กเลี้ยงแกะแล้วมันก็โคตรจะน่าหงุดหงิดเลยคิรินใช้ตะเกียบของเขาคีบหมูสามชั้นช
ห้องสตูดิโอของคณะศิลปกรรมศาสตร์ดูวุ่นวายกว่าปกติ เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ คลอไปกับเสียงฝีเท้าของนางแบบที่กำลังซ้อมเดินอยู่บนเวทีชั่วคราวเกลอยู่ในชุดนักศึกษาที่เสื้อเข้ารูปและกระโปรงสั้นตามแฟชั่น เธอผมบลอนด์อ่อน และแต่งหน้าอย่างประณีตราวกับเป็นนางแบบเสียเอง เธอนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะกรรมการอย่างมาดมั่น ข้างๆคือข้าวฟ่างผู้กำลังจดบันทึกด้วยความตั้งใจและพิชชี่ ผู้ทำหน้าที่วิจารณ์ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน“คนนี้ดีไซน์สวยมาก แต่แววตาดูนิ่งๆไปหน่อย เราน่ะมันต้องใช้คนที่มี จิตวิญญาณนะยะ ไม่ใช่หุ่นยนต์!” พิชชี่บ่นพลางโบกมือปฏิเสธนางแบบคนที่สิบ“ใจเย็นๆ นะคะพิชชี่” ข้าวฟ่างพยายามปราม “เราเน้นที่รูปร่างก่อนค่ะ เพราะชุดของเรายังไม่เสร็จ”“แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้านางแบบเราหากันไม่ได้จริงๆ ก็ให้เมษานี้แหละถ่าย” เกลสรุปเพราะตอนนี้เธอยังไม่เจอใครถูกใจเลย เมษารูปร่างสูงเพียวเหมือนนางแบบ ที่เธอกำลังเครียดตอนนี้คงจะเป็น นายแบบชายมากกว่าเมษา ในฐานะผู้ประสานงานหลัก ยืนอยู่ใกล้ประตู เธอกำลังใช้โทรศัพท์มือถือจัดการธุระอย่างเคร่งเครียด ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับกลุ่มนักศึกษาชายสามคนที่ก้าวเข้ามาเดย์ เดินนำหน้ามา
ห้องประชุมคณะกรรมการนักศึกษา, มหาวิทยาลัย Xเกลกับข้าวฟ่างกำลังก้มหน้าปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด โต๊ะเต็มไปด้วยกระดาษสเก็ตช์และนิตยสารแฟชั่นเล่มหนา“ฉันคิดว่าเราควรใช้ผ้าดิบเป็นหลักนะเกล” ข้าวฟ่างเสนอ“แล้วค่อยใช้เทคนิคการปัก การลงสี และการพิมพ์ลายแบบศิลปะเข้ามา มันจะสื่อถึงคอนเซปต์เข้าถึงยาก ได้ชัดเจน”“อืม… ดีเลยข้าวฟ่าง” เกลตอบขณะที่กำลังวาดโครงสร้างคอเสื้อที่ดูแปลกตา“เราต้องออกแบบชุดสำหรับผู้หญิงให้เสร็จก่อน แล้วค่อยปรับให้เข้ากับสรีระนายแบบที่จะมาเดินคู่กัน แต่ปัญหาคือนายแบบน่ะสิ” เรื่องนางแบบเธอไม่ค่อยเป็นห่วง เพราะเมษาจะรับหน้าที่นั้น เสียงประตูเปิดผางออกอย่างไม่สุภาพ ก่อนที่พิชชี่จะพุ่งเข้ามาพร้อมเมษาตามมาติด ๆ“เจอแล้ว! คนที่จะมาเป็นนายแบบของแกแล้ววเกล!” พิชชี่ประกาศเสียงดัง เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเกลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดโทรศัพท์มือถือที่เซฟรูปชายหนุ่มในอินสตาแกรมไว้แล้ว“ดูนี่สิ! วิน! ลูกชายเจ้าของแกลเลอรี่! เขาคือความดิบที่แสนจะแพง! เขาคือความหล่อของประเจ้าเลย”เกลหยิบโทรศัพท์ของพิชชี่มาดูอย่างพิจารณา ภาพชายหนุ่มที่ดูเย็นชาในชุดเสื้อผ้าเรียบ ๆ แต่มีร่องรอยของสีและผงฝ
โรงอาหารกลาง มหาวิทยาลัย Xกลุ่มเพื่อนทั้งสี่คนมานั่งรวมกันที่โต๊ะประจำในโซนที่เงียบสงบที่สุดของโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยเกลซึ่งมีใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตราวกับเพิ่งออกจากสตูดิโอกำลังกินสลัดไก่ย่าง ที่ไร้น้ำสลัดรสจัดจ้านเพื่อควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด ขณะที่ข้าวฟ่างกินข้าวมันไก่ชามโตได้อย่างสบายอารมณ์“นี่! ฉันบอกแล้วไงว่าปีนี้เด็ดจริง! ฉันเห็นน้องปีหนึ่งสาขาการแสดงคนหนึ่งชื่อ ต้า” พิชชี่เริ่มเปิดประเด็นเม้าท์มอยทันทีที่นั่งลง เขาเลือกสั่งบะหมี่เกี๊ยวและกำลังใช้ช้อนเขี่ยหมูแดงส่วนมัน ๆ ออกอย่างประณีต“ไม่ต้องเขี่ยก็ได้มั้งพิชชี่” เมษาที่นั่งตรงข้ามพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เธอเลือกเมนูมังสวิรัติ“ไม่ได้ย่ะ! ฉันเป็นศิลปะการแสดง! ฉันต้อง Maintain หุ่น! ไม่เหมือนพวกดีไซเนอร์บางคนที่กินแต่ผักกาดหอมจนจะกลายเป็นกระต่าย” พิชชี่ว่าพลางเหลือบมองจานสลัดของเกลเกลตักผักเข้าปากอย่างใจเย็น เธอจัดระเบียบเส้นผมสีบลอนด์และตรวจสอบการเขียนขอบตาของตัวเองผ่านกระจกในตลับแป้งเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว แม้จะกินสลัด เธอก็ยังคงไว้ซึ่งความงามที่สมบูรณ์แบบ“แล้วต้าที่ว่านั่นมันดียังไงเหรอ?” ข้าวฟ่างถามอย่างสนใจ ด







