กว่าเธอจะทำงานเสร็จ มือของคิริวก็เต็มไปด้วยถุงกระดาษเกือบสิบใบ ใบหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง บูดสนิทเหมือนอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตมานานหลายปี
“สนใจกันหน่อยดิ แม่ง!” “ทำงานอะ” “กลับไปค่อยทำไม่ได้เหรอ แม่งเหมือนมาคนเดียว” “เสร็จแล้ว ช่วยถือเปล่า” พราวนภาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แบมือออกไปตรงหน้า เพื่อช่วยคนหน้าบึ้งถือของ เหมือนแฟนจริงๆแฮะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอกับเขาจะคบกันได้ มันแปลกที่สถานะ แต่ความรู้สึกไม่ค่อยแปลกนัก เธอกับคิริวเคยมาห้างด้วยกันบ่อยๆ แต่ก่อนหน้านั้นจะเถียงกันหนักกว่านี้ “เดินสวยๆก็พอ ไม่ต้องก้มหน้าอีกนะ เอากระเป๋ามานี่ถือให้” คิริวรวบถุงทั้งหมดไปไว้ที่มือขวา จัดการคว้ากระเป๋าใบเล็กที่พาดอยู่ไหล่ของพี่พราวมาห้อยใส่คอตัวเอง จากนั้นก็แบ่งถุงกระดาษบางส่วนกลับไปไว้ที่มือซ้าย เพื่อให้น้ำหนักมันเท่าๆกัน แล้วกางแขนขวาออกนิดๆ เพื่อให้คนที่ยืนเอ๋อควง “เกาะดิ! เดี๋ยวหลง” “ไม่ใช่เด็ก!” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้น แต่เธอก็ยอมยกแขนซ้ายไปคล้องกับแขนขวาของคิริว เดินตามคนโตกว่าไปอย่างว่าง่าย สายตาสอดส่องหาร้านขายของกิน “หิวแล้ว?” คิริวก้มลงไปถามคนที่มองซ้ายขวาอยู่ตลอด สังเกตเห็นว่าเธอกลืนน้ำลายนิดๆ เวลาเดินผ่านร้านของกิน จึงสรุปไปว่าน่าจะหิวนั้นแหละ “อือ กินอะไรดีอะ พี่เลี้ยง!” เหมือนคำนี้จะติดเป็นนิสัยไปซะแล้ว ก็มันปกติไง เธอเลี้ยงข้าวเด็กพวกนี้บ่อยจะตาย ทั้งคิริว ทั้งวินทั้งไวท์นั่นแหละ “ไม่ต้องเลี้ยงแล้ว ต่อไป นี่จะเลี้ยงเอง” “อวดรวยเหรอ” พราวนภาเงยหน้าขึ้นไปมองคนตัวสูง เธอรู้ว่าบ้านคิริวรวย แต่ไม่รู้ว่ารวยจริงหรือเปล่า ที่ผ่านมาเหมือนคิริวไม่ค่อยชอบพูดถึงครอบครัว เธอเลยไม่รู้สถานภาพครอบครัวของเขานัก รู้แค่ว่ารวย แต่คงรวยจริงนั่นแหละ ดูจากถุงแบรนด์เนมที่ถืออยู่ตอนนี้ก็รู้ “เปล่า! แต่ก็รวยแหละ!” โห! คำตอบโคตรมั่นหน้า แถมทำหน้าทำตากวนตีนใส่อีก พราวนภาปล่อยมือออกจากแขนด้วยความหมั่นไส้ เธอคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้จนขนาดนั้นนะ แต่รู้สึกเหมือนโดนเด็กมันเกทับไงไม่รู้ “รวยแล้วทำไมยังทำงาน” กอดอกถามอย่างสงสัย มองคนที่ไม่รู้รวยจริง หรือรวยแค่เปลือก ไม่ใช่ว่าใช้เงินที่ทำงานมา ซื้อของฟุ่มเฟือยแบบนี้ให้เธอจนเงินหมดบัญชีไปแล้วนะ “ก็ไม่อยากขอ ขี้เกียจพิมพ์” “ยังมีเงินเหลือใช่ไหม?” “ก็มี ทำไม? คิดว่านี่เอาเงินมาซื้อของพวกนี้หมดแล้วหรือไง?” “ก็ใช่นะสิ ของพวกนี้แพงจะตาย เอาไปคืนเลยนะ!” “คิดมากน่า เงินเหลืออยู่ หมดแล้วก็ขอใหม่ไง พ่อรวย” คิริวพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาในประโยคสุดท้าย เขาเป็นแบบนี้แหละ ถูกเลี้ยงด้วยเงิน จะขอตอนไหนก็ได้ จะขอเท่าไหร่ก็ได้ และเขาไม่ชอบมันเลย ชอบที่ถูกเอาใจใส่เหมือนที่พี่พราวทำกับวินและไวท์ เขามีความสุขทุกครั้งที่ไปบ้านเธอ และมีความสุขมากที่ได้เจอพี่พราว เรื่องนี้มีเพียงเขาที่รู้ เขาไม่เคยพูดเรื่องครอบครัวให้ใครฟัง ทุกคนรู้แค่ว่า พ่อกับแม่เขาทำงานอยู่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่ เขาถึงใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ “พ่อรวย ก็ใช่ว่าจะใช้แบบไม่คิดไม่ได้นะ ถ้าเกิดวันนึงขอไม่ได้ขึ้นมาทำไงอะ” พราวนภายังคงคอนเซ็ปท์เดิมนั่นคือขี้บ่น ก็มันน่าบ่นไหม คิริวเพิ่งจะอายุ 20 เองนะ แต่ใช้เงินเหมือนเทลงแม่น้ำแบบนี้ ถ้าในอนาคตขอพ่อไม่ได้ จะทำไงอะ “ก็ทำงานหาเอาใหม่ไง” ง่ายๆไหม ขอไม่ได้ก็หาเอง ตอนที่ขอได้ เขาก็ขอมาทีละเยอะๆไง ให้พอใช้ไปสักสิบยี่สิบชาติ แค่นี้ก็จบ “พูดง่ายจัง!” “อิจฉาละสิ” คิริวยิ้มกว้าง เขาโคตรชอบทุกอย่างที่เป็นเธอเลย ไม่เคยรู้สึกแย่ที่โดนบ่น รู้ดีว่าพี่พราวบ่นเพราะห่วง พราวนภาเลือกที่จะไม่ตอบ เดินนำเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ตั้งใจว่ามื้อนี้เธอจะเลี้ยงเขาให้ได้ ตอบแทนที่เขาซื้อของแพงๆให้ตั้งเยอะ “มื้อนี้พี่จ่ายเองนะ” พราวนภาบอกคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามเสียงเบา ใบหน้าจริงจังจนคิริวต้องปล่อยให้ทำตามใจ “ก็ได้ แต่ขอเลือกชุดชั้นในให้นะ ไม่ชอบแบบที่พราวใส่เลยอะ!” คิริวยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาไม่ชอบแบบที่เธอใส่จริงๆ มันดูเซ็กซี่ก็จริงแต่เขาไม่ชอบสีดำ เหมือนพี่พราวชอบสีดำนะ เสื้อผ้าเธอส่วนใหญ่โทนนั้นทั้งหมด มันดูไม่มีสีสันเลยอะ “….. ก็ตามใจ” พราวนภาพูดไม่ออกเลย ไอ้เด็กนี่มันคิดอะไรอยู่ แล้วดูทำหน้าตาใส่เธอ เธอไม่กล้าขัดใจ รวมถึงไม่กล้าสบตา ได้แต่ก้มหน้ามองโต๊ะ แต่ไม่นานก็ต้องเงยขึ้น เพราะขายาวๆ ที่ยื่นมาทำอะไรบางอย่างกับขาของเธอ “หึ!” คิริวยังคงใช้เท้าตัวเองที่ไม่ได้สวมอะไร เขี่ยเบาๆ บริเวณด้านในขาใกล้จุดกลางกาย ของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่เขาเลือกนั่งแบบนี้ เพราะอยากจะทำแบบนี้แหละ อยากแกล้งเธอ และอยากนั่งมองใบหน้าแดงก่ำของเธอในมุมนี้ “อย่าเล่น!” พราวนภาจับเท้าของคิริวไว้ มองรอบตัวไปด้วย เพราะกลัวคนเห็น โชคดีที่โต๊ะของพวกเธอนั้นอยู่ด้านในสุด มันค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่มันไม่ดีตรงที่คิริวสามารถทำทุกอย่างตามใจ เพราะไม่กลัวสายตาคนอื่น “ต้องซื้ออะไรอีกไหม” คิริวถามด้วยน้ำเสียงปกติ เลือกเมินคำเตือนของพราวนภาไป และเขายังไม่หยุด แม้จะโดนสายตาดุๆของเธอ หรือมือเล็กๆหยิกเข้าที่ฝ่าเท้า เขาก็ยังขยับเท้าซ้ายไปมากับกางเกงบอล ที่ด้านในนั้นไม่มีอะไรกั้นไว้อีกเลย “อือ ไม่ ไม่รู้” พราวนภาหน้าแดงก่ำ ตอบออกไปตามความจริงด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก มือที่จิกเท้าเปลือยเปล่าของคิริวเริ่มหมดแรงลงทุกที เพราะสิ่งที่เขาทำมันช่างวาบวาบ กระตุ้นให้เธอเสียวซ่านจนไม่มีแรงจะขัดขืน เท้าเปลือยเปล่าของเขาขยับเข้าไปในกางเกงบอลแล้ว และกำลังขยับไปมาเบาๆ บนกลีบเนื้ออวบอูมของเธอ ถ้ารู้ว่าเขาจะทำแบบนี้ ตอนออกจากห้องเธอจะบังคับให้เขาใส่รองเท้าผ้าใบ จะไม่ยอมให้เขาใส่รองเท้าแตะแบบนี้เด็ดขาด “ริว! พอแล้ว ดะ ได้โปรด” พราวนภาเอ่ยขอร้อง เมื่อเห็นว่าพนักงานเริ่มทยอยเอาของมาเสริฟ การสั่งอาหารที่นี่สั่งแบบออนไลน์ก็จริง แต่ตอนเสริฟอาหารยังใช้พนักงานมาเสริฟ แล้วดูสิ่งที่คิริวทำและหน้าตาเธอตอนนี้ดิ มันชวนให้พนักงานเข้าใจผิดมากๆเลย “แน่ใจ?” “อื้อ พอ พอแล้ว” ดวงตาหวานเยิ้มดูเว้าวอน จนคนทำใจอ่อนยวบ วางเท้าลงที่พื้น สวมใส่รองเท้าแตะดังเดิม ลุกขึ้นเดินไปนั่งลงข้างๆ คนที่ถูกเขาแกล้งเมื่อครู่“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” “ตั้งใจหรือเปล่า ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้ว” มือหนาดึงใบหน้าสวยให้หันกลับมานิดหน่อยเพื่อรับจูบจากเขา ตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไงก็ช่าง เขาไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีกแล้ว ลิ้นร้อนขยับตามใจตัวเอง ดูดดึงลิ้นเล็กที่ขยับตามอย่างช่ำชอง พี่พราวจูบเก่ง และตอบสนองได้ดี ดีจนเขาไม่อยากหยุด มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วตอนนี้ ความวาบวาบแล่นทั่วกายจนเสียวซ่าน เคล้นคลึงหน้าอกอวบทั้งสองข้างเบาบ้าง หนักบ้าง จนได้ยินเสียงครางหวานดังต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่อะไรแล้ว จึงปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวหลุดออกไปจากเอวอย่างไม่สนใจใยดี ซ้ำยังใช้เท้าเขี่ยมันออกไปไกลๆ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ “อื้อ ระ ริว อ่า” พราวนภาครางเสียงแผ่ว ขยับตัวตามใจคนตัวโต ตอนนี้เธอถูกพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า ทำให้เธอรู้ชะตากรรมของตัวเอง “ไม่ต้องห้ามนะ! ริวไม่หยุด” อุ้มคนเขินอายขึ้นนั่งในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าอยู่ ความแข็งแรงของมันทำให้เขามั่นใจ ว่าต่อให้ทำอะไรลงไปมันก็จะไม่พัง ดึงรั้งเสื้อที่ห่อหุ้มร่างกายคนบนนั้นออกไป รวมถึงกางเกงที่ใส่ด้วย “ตรงนี้เหรอ?” “อืม ตรงน
“เราเป็นแฟนกัน หรือริวเป็นแฟนยัยเด็กนี่” ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงที่ยังคงดังกระหึ่ม เพื่อนๆของคิริว ต่างมองด้วยความสงสัยปนตกใจ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอ้อมดาวนั้นเป็นแฟนไอ้วิน พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้วินแม่งโดนแฟนแทงข้างหลัง “เราเป็นแฟนกันด้วยเหรอ?” คิริวเองก็เมาไม่น้อย ถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงดัง เมื่อกี้พูดอะไรกับเขาไว้ ทำไมถึงกล้ามาถามเขาด้วยคำถามแบบนี้ “เหอะ! งั้นพี่คงเข้าใจผิดไปเอง ว่าที่ผ่านมาเราเป็นแฟนกัน” พราวนภาหมุนตัวออกเดิน อับอายชิบหายที่ตัวเองคิดไปไกลคนเดียว เธอแค่อยากถอยไปตั้งหลัก ไม่ได้บอกว่าเลิก แต่ไม่กล้าบอกให้เขารอ แค่ให้โอกาสเขาเท่านั้น เผื่อเขาเบื่อผู้หญิงอายุมากที่ดีแต่เล่นตัวแบบเธอไง พราวนภาเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้าร้าน มองหารถแท็กซี่ แต่ไม่มีว่างสักคัน ช่วงนี้คนทยอยเข้าทยอยออก รถเลยไม่ค่อยว่าง ในจังหวะที่จะเดินออกไปนอกร้านอีกสักหน่อยเพื่อเรียกรถ ข้อมือก็ถูกดึงไปจับไว้แน่น ซ้ำยังถูกลากไปหลังร้านอย่างไร้ความปรานี “ปล่อยเลยนะ!” “เงียบ!” คิริวปรามเสียงดุ ยังคงดึงมือคนข้างๆเดินไปที่รถ เล่นตลกอะไรกับความรู้สึกเขาหนักหนา เห็นเขาไม่เรียกร
“วินไม่กล้ารับอะไรจากพี่พราวหรอก” เขารู้สึกว่าเธอเป็นพี่มาตลอด แต่นี่คือครั้งแรกที่เรียกเธอว่าพี่ ละอายใจเหลือเกินที่แม่ของตัวเองทำแบบนี้กับพี่พราวมาตลอด เลยไม่กล้าเรียกเธอว่าพี่สักครั้ง เพราะกลัวเธอโกรธ เธอเกลียดเขา เหมือนที่เกลียดแม่ของเขา แต่เธอแสดงออกมาตลอดว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักครั้ง “พี่ให้ก็รับไปเถอะ บัตรเติมน้ำมันอยู่ในรถ ใช้ได้ตลอดเดี๋ยวพี่จัดการเรื่องเงินเอง วินมีหน้าที่เพียงแค่รับไป และช่วยพี่ในส่วนที่พี่ไม่สามารถทำได้” พราวนภาตบไหล่น้องชายเบาๆ เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า เธอไม่ได้ตั้งใจมากินเหล้า เลยไม่มีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปข้างใน ที่มาตามคำชวนเพราะห่วงวินนี่แหละ รู้ดีว่าวริษาต้องฟ้องอะไรวินแน่ๆ ตั้งใจจะทำให้เธอดูแย่ในสายตาทุกคน งานถนัดเขาล่ะ “จะเข้าไปยัง!” “ยัง มานี่หน่อย!” พราวนภาหันกลับไปยิ้มให้พลางกระดิกนิ้วชี้เรียก บุคคลที่ถามคำถามเมื่อครู่ด้วยน้ำเสียงห้วนจัด คงแอบตามมา เพราะคิดว่าเธอกับวินอาจจะทำอะไรแปลกๆสินะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นไหม ไม่งั้นบอกวินไปตั้งนานแล้วว่าชอบ คิริวเดินหน้ามุ่ยเข้าไปใกล้ เพื่อนตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ก่อนจะเดินหนีไปให้คนทั้งสองได้ใ
“ถ้าบอกว่าหวังล่ะ” ตอนนี้เขากับเธอเดินมาถึงรถพอดี จึงใช้แขนข้างที่ว่างวางลงบนตัวรถด้านที่พี่พราวต้องขึ้นไปนั่ง กักขังเธอไว้กลายๆ พลางจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง เขาหวังมาตลอดแหละ หวังมาตลอดเลย! “รอก่อนได้ไหมล่ะ รอให้พี่ชัดเจนกว่านี้ก่อน พี่จะให้ทุกอย่างที่ริวต้องการ” มือเรียวสวยยกขึ้นดันอกกว้างไว้ ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในลานจอดรถของห้างอยู่เลย คนเดินผ่านไปมาประปราย เธอกลัวมากว่าจะมีข่าวลือไม่ดีออกมา ทำให้น้องมันเสียหาย คิริวยังเรียนรู้ เป็นวัยที่ไม่ควรมีเรื่องให้เสื่อมเสีย เธอคิดแบบนั้น “ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว” มือเรียวยาวลากไล้กรอบหน้าหวาน จับเส้นผมสีน้ำตาลระกรอบหน้าออกไปทัดไว้หลังใบหู แค่ได้อยู่ใกล้ ได้แบ่งปันอะไรบางอย่างกับเธอ เขาก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ได้รีบร้อนอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ไปกันเถอะ เดี๋ยววินรอ” พราวนภายิ้มกว้าง มองนาฬิกาข้อมือพร้อมกับเปิดประตูรถ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว ควรออกไปเจอน้องชายได้แล้ว เดี๋ยวน้องคิดถึง @xxx club 21:20 น. ร้านที่วินณภัทรนัดคิริวมาดื่ม คือร้านที่อยู่ห่างจากมหาลัยไม่มาก แ
ปึ่ง! พราวนภาถูกยัดเข้าไปนั่งในรถ เสียงประตูที่ถูกปิดลง ดังมากจนเธอตกใจ มองใบหน้าคนที่ตั้งใจวนรถออกจากที่จอดนิ่งๆ ไม่ยอมพูดยอมไม่จา น้องมันเป็นเหี้ยอะไรอีกวะ! “โกรธพี่เรื่องที่พี่ทำให้นักข่าวถ่ายรูปเราเหรอ?” “เปล่า” “แล้วโกรธอะไรอะ!” “หึง” “พี่ทำอะไรให้หึงตอนไหน?” พราวนภาถามด้วยใบหน้าขึ้นสี เธอมั่นใจว่าไม่ได้สัมผัสผู้ชายคนไหนเลย แค่อยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ใกล้ชิดจนทำให้คนข้างๆหึงได้ เมื่อกี้เธอคิดว่าตัวเองวางตัวดีนะ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ? “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” “ผู้ชายคนไหนวะ!” “คนที่ยืนข้างๆ!” “พี่ก้อง??” “เออนั่นแหละ!” คิริวเบ้ปาก นี่คิดเองไม่ได้และไม่รู้เลยสินะ ว่าคนๆนั้นนะ มันน่ากลัวแค่ไหน ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่แต่งเป็นหญิงเต็มตัว แต่คิริวรู้สึกว่าเขายังคงซุกซ่อนความเป็นชายไว้อยู่ ไม่รู้ดิ แค่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้น ผ่านสายตาที่มองมายังพี่พราว รู้สึกว่าเขาคนนั้นเอ็นดูเธอ และเอ็นดูมาก จนอาจจะเรียกได้ว่ารัก! เหมือนที่เขารักเธอ “อุบ! ฮะฮ่า ฮ่าๆ ดูออกขนาดนั้นเลย” พาวนภาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คิริวเก่งนะที่ดูออก เธอรู้ว่าพี่ก้องมีรสนิยมยังไง เพราะค่อนข้
การรอคอยของคนทั้งสองสิ้นสุดลง หลังจากนั่งดูแฟชั่นโชว์จากกระเป๋าแบรนด์ดังร่วมชั่วโมง ตอนนี้เจ้าของแบรนด์เดินออกมาพบปะแขกในงาน และยืนรับดอกไม้ที่คนนำมาร่วมแสดงความยินดีอยู่บนเวที พราวนภาไม่รอช้า หอบช่อลิลลี่ที่วางอยู่บนตักไปทันที แหวกผู้คนมากมายไปหน้าเวทีด้วยความยากลำบาก และเผลอชนเข้ากับไหล่คุณหญิงท่านหนึ่งที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหน้าสุด “ขอโทษค่ะ” พราวนภายกมือขึ้นไหว้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าคนที่นั่งอยู่ชัดเจนก็รีบหันหน้าหนี วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงได้เจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย! พราวนภาหลบไปอย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีหน้าเวที เป็นการหลบเลี่ยงการพบเจอที่ไม่ควร ได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เพราะสายตาของหญิงสูงวัยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเธอ มือท่านสกิดผู้ชายที่ร่วมทุกข์กันมายาวนานที่นั่งอยู่ข้างๆ ชี้มือให้สามีดูเด็กผู้หญิงที่ยืนรอต่อแถวร่วมแสดงความยินดีกับหลานชายที่รักของท่าน อย่าง เกียรติกรุณ โหรมิภัทร “คุณว่าใช่ยัยหนูไหม?” “ไม่น่าใช่นะคุณ ยัยหนูนั่นตัวเล็กออก” ท่านไพรรัตน์มองตามสายตาภรรยาไป ก่อนจะสายหน้า เมื่อเห็นผู้หญิงตัวสูงกำลังเบียดเสียด