ทันทีที่หลงอี้ถอดผ้าคลุมของเขา พยายามปูพื้นให้ทั้งสองคนอย่างดีอกดีใจ ลู่มู่เฉินก็หันไปสบตาที่สิ้นหวังของคุณหนูใหญ่ เขายื่นเข็มไปให้นางโดยใช้ตัวเองบังนางไว้จากสายตาของหลงอี้ เขาเพียงทำปากบอกนางว่า ‘แทง’ ไม่ต้องส่งเสียงออกมาสักคำ หลี่เฟิ่งเซียนก็เข้าใจสิ่งที่มู่เฉินของนางคิดจะทำ
“รีบๆ มาเร็ว รังรักของพวกเจ้าเสร็จแล้ว” หลงอี้เรียกพวกเขา
ลู่มู่เฉินทำเป็นลากหลี่เฟิ่งเซียนไปใกล้บริเวณที่หลงอี้เพิ่งจะปูผ้าคลุมลงไป
“ข้าต้องถอดเสื้อ แต่มือข้าพิการ เจ้าช่วยถอดหน่อยได้หรือไม่” มู่เฉินยกมือที่ใช้การไม่ได้ของเขาให้หลงอี้ดู
หลงอี้ยิ้มหวานจนน่ากลัว เดินมาใกล้ลู่มู่เฉินและยกมือตบหน้าของมู่เฉินเต็มแรง
“เจ้าเห็นข้าโง่หรือ รีบๆ ทำ อย่ามาทำอะไรเพื่อถ่วงเวลา คนของเจ้า ข้าได้วางแผนใหม่ให้พวกมันหลงทางแล้ว ไม่มีใครมาช่วยพวกเจ้าหรอก” หลงอี้จับคอของมู่เฉินที่ตัวสูงกว่าและข่มขู่เขา
“ย๊ากกกกกก” หลี่เฟิ่งเซียนตะโกนออกมา นางปักเข็มที่ยาวเท่าฝ่ามือลงไปบนหลังคอของหลงอี้ แม้นางจะเจ็บคอ แต่ยามนี้นางโกรธมากจนไม่อยากสนใจ
หลงอี้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าคุณหนูใหญ่ทำสิ่งใดลงไป เขารู้สึกเจ็บ แต่เพราะหลี่เฟิ่งเซียนออกแรงแทงมากเกินไป หลงอี้จึงรู้สึกได้เพียงฝ่ามือของนาง ไม่รู้ว่านางปักเข็มไปบนตัวเขา ทั้งนางยังออกแรงมากจนเข็มหักครึ่งท่อนลงไปบนหลังคอของหลงอี้ คลำอย่างไรก็ไม่อาจดึงเข็มออกมาได้
หลงอี้โกรธมาก เดิมเขาก็มีวรยุทธเก่งกาจอยู่แล้ว จึงซัดหมัดไปที่ท้องของหลี่เฟิ่งเซียนจนนางกระเด็น
“เฟิ่งเอ๋อร์!!” ลู่มู่เฉินตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เขารีบวิ่งไปดูภรรยาของเขา
“เด็กสารเลวนี่ ข้ารังเกียจนางมานานแล้ว หากไม่มีพ่อที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า ข้าฆ่าเจ้าไปนานแล้ว” หลงอี้ยังคงด่าหลี่เฟิ่งเซียน ใช้มือพยายามคลำดูว่ามีอะไรตรงหลังคอกันแน่ เหตุใดเขาถึงรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ
“ข้าแนะนำว่าอย่าขยับตัวมากจะดีกว่า” ลู่มู่เฉินบอกหลงอี้ ทั้งที่มือช่วยดึงตัวหลี่เฟิ่งเซียนลุกขึ้นมานั่ง
“เจ้า เจ้าทำอะไรข้า” หลงอี้ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าไม่มียาถอนพิษ แต่ยาพิษข้ามีมากมาย และข้าขออวดอ้างว่าข้าเชี่ยวชาญกว่าคนของท่านนัก”
“สารเลว เจ้าเอาสิ่งใดแทงข้า เจ้าใช้พิษอะไร บอกข้ามา หากเจ้าไม่บอก ข้าจะเรียกคนมารุมโทรมภรรยาในดวงใจของเจ้า” หลงอี้ข่มขู่
“ท่านไม่ต้องห่วง มันก็เป็นพิษแบบเดียวกับที่ท่านใช้กับข้า เพียงแต่พิษที่ข้าผสม รุนแรงกว่าสิบเท่า และข้าอาจใส่พิษตัดกำลังลงไปด้วย ยิ่งเจ้าขยับ เจ้าจะยิ่งหมดแรง” ถึงตาลู่มู่เฉินข่มขู่บ้างแล้ว
“ที่สำคัญ พิษของข้า ไม่มียาถอนพิษ มีแต่ต้องได้สอดใส่ปลดปล่อย และข้าอยากรู้ ขันทีเช่นท่าน จะแก้พิษอย่างไร” มู่เฉินยังคงพูดต่อไปและพยายามดึงภรรยามากอด
“เจ้า!! เจ้า!!” หลงอี้ชี้นิ้วสั่นเทามาที่เขา
“เวลาถูกมดปลวกกัด คนมักจะคิดว่าไม่เป็นไร แต่ลืมนึกไปว่ามดปลวกบางชนิด มีพิษร้ายแรงถึงขั้นล้มวัวทั้งตัวได้”
ลู่มู่เฉินตรวจดูแล้ว หลี่เฟิ่เซียนเพียงหมดสติจากแรงกระแทก นางร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว จึงไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาอุ้มนางไว้ในอ้อมกอด หันมามองหลงอี้ที่ไม่กล้าขยับ มู่เฉินไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงอุ้มหลี่เฟิ่งเซียนไว้และจ้องมองหลงอี้ไปเรื่อยๆ
“เจ้าวางแผนไว้แล้วสินะ ถึงได้ชวนข้าพูดคุยอยู่นาน” หลงอี้ถาม เขาเริ่มรู้สึกว่ามือเท้าชาๆ
“ถูกต้อง” ลู่มู่เฉินยังคงตอบเพียงสั้นๆ
“มีใครอยู่ด้านนอกบ้าง เข้ามานี่สิ” หลงอี้ตะโกนเรียกคนข้างนอก พร้อมกับออกแรงปาบางสิ่งไปที่โคมไฟข้างประตู โคมไฟสว่างวาบและประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ
แต่ผู้ที่เข้ามากลับเป็นจ้าวเหลียง!!! เขาใส่ชุดองครักษ์ของหลงอี้ ดูแล้วตัวหลงอี้เองก็ไม่เคยเห็นหน้าองครักษ์ทั้งหมดของเขา เพราะหลงอี้ไม่สงสัยจ้าวเหลียงสักนิด
ลู่มู่เฉินผ่อนลมหายใจ ตอนที่หลงอี้บอกว่าตัดทางที่เขาวางแผนไปแล้ว จะไม่มีผู้ใดมาช่วยพวกเขา มู่เฉินยังนึกว่าหลงอี้พบยาสมุนไพรที่เขาโยนทิ้งตามทาง ที่แท้หลงอี้ยังไม่รู้
จ้าวเหลียงเดินมาใกล้ตัวหลงอี้ เขาตั้งใจจะจับหลงอี้โยนลงพื้น แต่หลงอี้ไหวตัวทัน พวกเขาสองคนจึงเริ่มสู้กัน
สุดท้ายจ้าวเหลียงถูกหลงอี้เหยียบหัวกับพื้น หากในมือหลงอี้มีอาวุธจ้าวเหลียงอาจตายไปแล้วก็ได้ แต่ลู่มู่เฉินกลับยังคงสงบนิ่ง
"ฮ่าๆๆๆ เจ้าโกหกสินะ พิษตัดกำลังอันใดกัน ข้ายังคงแข็งแรงเช่นเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิม" หลงอี้หันมาพูดกับลู่มู่เฉิน
จ้าวเหลียงจึงใช้โอกาสนี้พลิกตัวหนีไปยืนอยู่ข้างๆ
"เข้าใจถูกแล้ว ไม่มีหรอกพิษตัดกำลัง ยาปลุกกำหนัด เดิมทีก็เป็นยาชูกำลัง มันทำให้เลือดในร่างกายไหลเวียนเร็วและแรงกว่าปกติ ร่างกายจึงสมควรจะมีพละกำลังมากขึ้น ข้าเพียงหลอกเจ้า" ลู่มู่เฉินยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
"บังอาจยิ่งนัก!! ข้าจะฆ่าพวกเจ้า"
หลงอี้พุ่งเข้าใส่ตัวของหลี่เฟิ่งเซียนที่มู่เฉินอุ้มอยู่ เขาไม่แม้แต่จะคิดหลบ
แต่ทันใดนั้นหลงอี้ก็ล้มลง!!!
"ตอนนั้นข้าใกล้ตาย จึงยอมให้พวกเจ้าจับตัวข้าได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ข้ามีคนที่ต้องดูแล คงจะยอมให้เจ้าจับตัวง่ายๆ ไม่ได้อีก ข้าขอบอกไว้ก่อน ข้าอยู่กับหมอนอกรีตที่หลอกลวงผู้คน มีชีวิตจนทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะข้าดวงดีหรอก" มู่เฉินมองหลงอี้ที่ล้มลงชักดิ้นชักงอ หอบหายใจแรง คล้ายแม่หมูที่ถูกมัดรอวันถูกเชือด
"จับตัวเขามัดเอาไว้" ลู่มู่เฉินหันไปสั่งจ้าวเหลียง
จ้าวเหลียงวิ่งไปเก็บเชือกที่ก่อนหน้านี้ใช้มัดคุณหนูใหญ่กับท่านเขยมามัดตัวหลงอี้ตามสั่ง
ลู่มู่เฉินค่อยๆ วางตัวภรรยาลงกับพื้น เขายังคงมีเหงื่อออกเต็มหน้าผาก เสื้อตัวในของเขาเปียกเหงื่อไปหมด แต่เขาไม่ใส่ใจ ล้วงมือเข้าไปในอกของหลี่เฟิ่งเซียน เขาหยิบถุงหอมใบเล็กที่หลี่เฟิ่งเซียนเก็บไว้ด้านในตู้โตว [1] ออกมา
'หึ นางยังเก็บไว้ที่เดิม' เขาหัวเราะเบาๆ ถุงหอมนี้เขาใส่ยาต้านพิษสลบเอาไว้ ตอนนางโดนจับตัวจึงไม่ได้สลบไป แต่ยังคงปวดหัวเวียนศีรษะ
[1] เสื้อใน
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่