Masuk“เอาเป็นว่าข้าจะไม่พูดถึงมันอีกเจ้าค่ะ ข้าขอโทษท่านด้วย สามี...” นางกลับมาทำตัวสุภาพเช่นเดิม มือกระชับผ้าห่มหนาเมื่อนางรู้สึกหนาว บางครั้งนางก็ไอจาม น้ำมูกไหล ทั้งที่กล่าวว่าตนแข็งแรง คงเป็นเพราะว่านางอยู่ในอ่างน้ำนานเกินไป
“เจ้าไม่ควรพูด ไม่ควรคิดเรื่องการเป็นมนุษย์อีก ถึงแม้ว่าเจ้าเคยเสียสละตนเพื่อท่านอาจารย์ เรื่องราวเหล่านั้นมิอาจนับเป็นบุญคุณ ข้าเองก็ไม่ได้นับ ดังนั้นข้าจะไม่ตามใจเจ้าเป็นอันขาด”
“ข้าไม่บังอาจทวงบุญคุณท่านเจ้าค่ะ ข้ามิกล้าคิดเรื่องนั้น ล้วนเป็นความเต็มใจของข้า”
“เจ้าถูกบีบบังคับจากพวกเซียนคลั่งวินัยนั่นต่างหาก พวกมันทรมานเจ้า สังหารเจ้า”
นัยน์ตาสีชาดทอประกายก้าวร้าว ด้วยความคับแค้นอยู่ในอก อีกครู่หนึ่งยินเฟิงนึกขึ้นได้ว่าควรเลือกฝ่ายให้นางอยู่เสียเอง ในเมื่อมันไม่ได้ยากเย็นอะไร มุมปากหนาหยัดยิ้มร้ายกาจ สังเกตเห็นร่างผอมบางบนฟูก กำลังเฝ้ามองขาวคมของเขาด้วยท่าทางสงสัยว่าเขาเป็นปีศาจแน่หรืออย่างไร
“เจ้าคิดว่าอดทนไหวหรือ? ไป่ไป๋”
“อดทน... เรื่องอะไรเจ้าคะ?”
ไป๋เหม่ยหลานมีสีหน้าประหลาดใจ กระทั่งบรรยากาศในห้องเงียบงันปกคลุมด้วยอารมณ์หวามไหว ใต้แสงนวลสลัวจากเปลวเทียนในห้องนอนกว้าง ตะวันใกล้ลอยพ้นขอบฟ้าเต็มที อยู่ดี ๆ นางไม่กล้าสบตาท่านอาจารย์ ใบหน้าแดงซ่านหลบเลี่ยงไปมองผ้าม่านสีขาวบาง
ชายผู้นี้ช่างรู้ใจนาง มิอาจต้านทานเขาได้สักครั้งหนึ่ง นางจะอ่อนไหวพ่ายแพ้เสมอ
ขณะมือหนาเลื่อนมาจับกุมมือของนาง ประทับจุมพิตอ่อนโยนบนหลังมือ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวแรง ฝ่ามือเล็ก ๆ ของนางถูกดึงรั้งแนบแก้มสากที่มีหนวดเคราครึ้มขึ้นแซม
“ไป่ไป๋... ภรรยาข้า...”
เมื่อเขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เหมือนเด็กน้อยออดอ้อนขออะไรสักอย่าง นางพูดไปอีกเรื่อง
“ท่านอาจารย์ยินเฟิงไม่หมกมุ่นในราคะ คืนนั้นท่านอดทนต่อพิษราคะปีศาจ ท่านไม่ยอมแตะต้องข้าจนกระอักโลหิต จนข้าต้องจัดการท่านเสียเอง ท่านไม่เคยต่อว่าข้าแม้สักคำเดียว ท่านอาจมิใช่อาจารย์ยินเฟิง เป็นปีศาจอสรพิษปลอมตัวมา”
“มีเรื่องใดที่รู้เพียงข้าและเจ้า? ความลับของสองเรา”
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น นางควรคิดเรื่องนี้แต่ในทีแรก นางสบนัยน์ตาสีชาด พยายามดึงมือนั้นออก ร่างกายของนางราวถูกสาปให้แข็งเป็นหิน
“ข้าเคย... ตกลงไปในบ่อน้ำประหลาด หายตัวไปในนรกภูมิ ภพภูมิที่ลึกที่สุด ข้าขอให้ท่านอาจารย์เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกระมัง ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
“อืม... หลังจากนั้นเจ้าโดนลงโทษ เพราะละเลยคำสั่งผู้อาวุโสบอกให้เจ้านำกระจกไปวางไว้ ไม่ใช่ให้เจ้าเปิดมันออก เจ้าจึงตกลงไปในกับดักปีศาจเงือก”
ด้วยความเป็นห่วงนาง ยินเฟิงรีบเปิดทางข้ามภพภูมิตามไปในทันที แม้ศิษยานุศิษย์จะเข้ามาห้ามปรามก็หาได้ยอมฟังเสียงใคร เขาพบนางในบ่อดินที่พวกเงือกขุดไว้ล่อเหยื่อ ปีศาจเงือกในรูปลักษณ์บุรุษมักรูปงาม หากพบเหยื่อเป็นสตรีต้องตา ไม่สังหารทิ้งหลังรวมสัมพันธ์แล้วละก็ มักจะนำไปเป็นภรรยา พาลพาให้จิตใจของเขารุ่มร้อนดังไฟ หากไม่ได้ตัวนางกลับคืน หากต้องพบนางไปกับชายอื่น เขาไม่รู้ว่าตนจะพักฟื้นหัวใจบอบช้ำไหวหรือไม่
“เจ้าและข้า... เปียกปอนในสายฝน สบสายตา สบดวงใจ ข้าไม่อาจละวางตาจากใบหน้างดงาม ขนตาเป็นแพงอนที่เปียกชื้น ในบ่อดินของพวกเงือกราวกับว่าไม่ใช่กับดักสำหรับเหยื่อ มันทำให้ข้าได้อยู่กับเจ้านานขึ้นโดยไม่ต้องคิดคำนึงถึงกฎระเบียบไร้สาระศิษย์อาจารย์ แม้ว่าไม่นานจะมีนกตัวหนึ่งตามมาพบ มันเข้ามาขวางจังหวะ...”
ยินเฟิงเพิ่งสั่งให้เทพปักษากลับเทวโลกเพื่อไปส่งข่าวแก่สำนักเซียวเหยา จะแจ้งข่าวอะไรก็แจ้งไปอย่างวิสัยนกคาบข่าวไปฟ้องคนนั้นทีคนนี้ที
ไป๋เหม่ยหลานเห็นท่าไม่ดี เมื่อนัยน์ตาอ่อนหวานเปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะ หลังจากที่พูดถึงอี้เจ๋อซึ่งชอบเข้ามาขัดคอเขาและนางเสมอ ขณะที่เขายังคงจ้องมองใบหน้านาง ปานจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว นางฝืนรั้งตนขึ้นนั่งพิงแผ่นหลังไว้กับตั่งนอน นางกลัวท่านอาจารย์จะคาดโทษเทพปักษา
“ท่านอาจารย์ลืมมันเถิด ข้าขอร้องท่านอย่าทำร้ายอี้เจ๋อนะ”
“แล้วเจ้าจะทำอะไรให้ข้าพึงพอใจ เพื่อไม่ให้ข้าเปลี่ยนใจ นำกระดูกเทพปักษาไปต้มน้ำแกง แล่เนื้อไปทอดกินเป็นยาอายุวัฒนะ”
“ท่านอาจารย์ อี้เจ๋อก็เป็นศิษย์ท่าน จะนำเขาไปต้มน้ำแกงได้ลงคอเชียวหรือ?”
“ย่อมได้ทั้งนั้น จะไปยากอะไร ขนาดเจ้าศิษย์ไป๋ ศิษย์รักของข้า ยังพึ่งกลืนกินนางไม่เหลือเผื่อให้ชายใดได้แตะต้อง คืนนี้ข้าก็จะกิน...” ในน้ำเสียงเยียบเย็นหากเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เขาปิดตาลงจูบฝ่ามือนุ่มนวล โลมเลียผิวพรรณผ่องงามบนข้อมือ “อืม... ข้าเป็นพวกกินจุเสียด้วย ภรรยา เจ้าตัวหอมนุ่มนวลถึงเพียงนี้...”
ร่างบางสะดุ้ง ไรขนลุกชูชันไปทั่วกาย เมื่อปลายลิ้นหนาลากมาถึงข้อพับตรงข้อศอก กดจุมพิตลงบนนั้น นางห้ามปรามเสียงสั่น “ให้ข้าพักผ่อนบ้างเถิดสามี คืนนี้ไม่รู้กี่สิบหนแล้ว ข้าอาจสิ้นใจตายเอานะเจ้าคะ”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







