ท่านช่างใจดำยิ่งนัก ท่านกับข้าเปรียบดั่งเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะกลับมาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า แต่ใยท่านจึงพาสตรีอื่นกลับมา แล้วถอนหมั้นข้าอย่างไร้เยื่อใย
Lihat lebih banyak[Vivienne]
The dinner at the table turned cold an hour ago but no sign of Caden.
I check the time on the wall clock for the hundredth time perhaps, and try to suppress the hurt that once again rises to the surface like an angry volcano beneath my chest.
It’s our third anniversary, and it’s almost midnight now, but like every single day in the past three years, he’s late as usual.
I don’t know why I even try. My husband has dismissed me, rejected my efforts, and broken my heart so many times in the past, one would think I would have learned my lesson.
But unfortunately, I have been cursed to be always hopeful.
“Madam, should I reheat the dinner?” The head maid asks, pulling me out of my thoughts.
I suck in the hurt and wipe away the tears from my eyes, not wanting to look as devastated as I feel.
I smile at her like I always do.
“No. That won’t be necessary,” I say and get up from the chair, pretending to yawn, hoping to look tired. “I think Caden got caught up in the meeting again,” because that happens so often that now it has become the best excuse of my life. “You can clean the table and leave when you’re done.”
I start to leave when she speaks again. “And what about the cake? Should I—?
Before she gets to finish, a tear finally rolls down my face. I’m just glad with my back turned to her, she can’t see how miserable I feel right now. “Distribute it among the staff. It’s been a long, tiring day for all of us. Let them treat themselves.”
Doesn’t matter the fact that I baked the cake myself, that I spent almost my whole day preparing for the dinner and the celebration after. Nothing matters anymore.
I head upstairs to my room, wanting to get rid of the red gown I wore for the occasion. It wasn’t myfavourite color, but back in time when we dated for a few weeks, he once complimented me during one of our dates, saying that red looked good on me. It brought my hazel eyes out.
At that time, I was the girl over the moon at his words. I thought no one was more beautiful than me, luckier than me, fortunate than me.
I was wrong.
I discard the dress on the couch and walk into the bathroom to get fresh. By the time I return, my phone is already crying for my attention. With a strength that I no longer feel in my bones, I somehow drag myself to where I left it on the bed and almost frown at the name that flashes on the screen,
Samuel: Wanna see what Caden’s up to tonight?
Not again, I think.
Samuel is Caden’s older brother and although he’s nice to me and all, I don’t like the way he talks about Caden. He’s always trying to paint a bad picture of my husband in front of my eyes, always trying to prove how I do not deserve him, how Caden hasn’t moved on from his first love—Astrid—and still meets with her behind my back, and how everything I do for my husband is nothing but a waste of my time.
The truth is he’s right. And I know that because at the time we got married, Caden made it pretty clear that Astrid holds a special place in his heart and that no matter what happens between us, no matter how long we stay in this marriage, nothing I do would change that fact ever.
I scoff at my stupid heart, because even though deep down I always knew he would never love me like he loved Astrid, I still stupidly acted like a lovesick puppy around him.
I tap on the screen and the text message opens with a picture on display. A screenshot of a News channel, showing my husband walking to an after-party with a blonde woman in his arm.
Not only is my husband glued to the hip of that woman, but they also seem to be sharing a passionate kiss.
On the lips.
What the fuck?
I throw the phone away and slump on the bed, crying my heart out.
I don’t even know for how long I stay like that, curled up in myself, that when the next time I open my eyes, I feel a little disoriented.
I feel warm hands on my body, and someone whispering hot breath next to my ear.
It takes me a moment to catch up with what’s going on around me and another moment to realize that it’s not a dream.
Caden yanks at the strings of my night dress, revealing my breasts to him. Without wasting any time, he latches his mouth on one of my nipples, while pinching the other one roughly.
I hiss in pain. “Caden—” I say, my voice hoarse from crying.
บทที่30“อี้อัน เออร์หมิง เลิกฝึกดาบแล้วมากินขนมได้แล้ว” ลู่จื้อเดินไปหาสามีที่มีใบหน้าดูแก่กว่าอายุจริงมากนัก ผมของเขาเริ่มเปลี่ยนสีเร็วกว่าที่ควร ร่างกายก็เริ่มไม่แข็งแรง ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม แต่ร่างกายกลับเหมือนชายวัยกลางคนแต่ถึงกระนั้นนางก็ยินดีที่สุดแล้วเพราะอย่างน้อย ๆ ผ่านมาเกือบจะเจ็ดปีแล้ว แต่สามีของนางก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากกว่านี้ แน่นอนว่าคงไปช่วยงานแม่ทัพหานไม่ได้อย่างแต่ก่อนแต่หลิวเหว่ยฝึกบุตรชายทั้งสองก็ไม่ถือว่าหนักหนาจนเกินไป “ท่านพี่น้ำชาเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเอ่ยก่อนจะจับผ้าเช็ดหน้ายกขึ้นเช็ดไปตามกรอบหน้าของสามี“ท่านแม่มิเห็นเช็ดให้ข้าบ้าง” อี้อัน เด็กชายวัยเกือบหกขวบเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ให้ข้าเช็ดให้มา ๆ ” น้องชายวันสี่ขวบหัวเราะขำพี่ชายที่ดูคล้ายจะอิจฉาบิดาของตน ต่างกับเออร์หมิงที่ติดท่านตามากกว่า ดาบฝึกได้แต่เจ้าตัวกลับชอบที่จะอ่านเขียนเรียนตำรา สมแล้วที่เป็นหลานที่ได้ใช้แซ่เหลียง หลานชายที่จะสืบสกุลเหลียงของราชครูมิเหมือนบุตรชายคนแรกอย่างอี้อันที่ชื่นชอบการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ใช้อาวุธหรือไม่ แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะมีอายุเพียงแค่นี้แต่ความสามารถก็เรียกได
บทที่29หลิวเหว่ยและลู่จื้อกลับเมืองหลวงมาช่วยท่านราชครูจัดการเรื่องต่าง ๆ ในจวน แต่บางครั้งแม่ทัพหานก็มาขอให้หลิวเหว่ยไปช่วยดูการฝึกเหล่านายทหารใหม่ ไม่ได้ให้ไปออกกำลังฝึกทหาร เพียงแค่ให้ไปนั่งดูการซ้อมเพื่อขวัญกำลังใจ อย่างไรหลิวเหว่ยก็เปรียบเสมือนวีรบุรุษสงครามในศึกคราก่อนงิ้วเรื่องเดิมเกี่ยวกับความรักที่น่าสงสารระหว่างหนึ่งแม่ทัพหนึ่งบุตรสาวของราชครู ถูกปรับเปลี่ยนเสียใหม่จนเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งเมืองหลวงหรือแม้กระทั่งหัวเมืองเรื่องความรักมั่น และเชื่อใจในคนรักของตน จับใจหนุ่มสาวยิ่งนัก แม้จะเป็นเรื่องเล่าในโรงงิ้ว แต่ก็มีคนไม่น้อยที่คาดเดาได้ว่าแม่ทัพและคุณหนูผู้นั้นคือใคร จึงมักมีเสียงนินทากระทบกระเทียบอยู่เสมอยามงิ้วเรื่องนั้นเล่น หญิงสาวบางคนว่างิ้วเรื่องนั้นประโลมโลกจนเกินพอดี บุตรสาวราชครูในงิ้วช่างโง่งมเหลือเกิน เป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่แต่กลับหลงใหลชายหนุ่มที่ใกล้ตาย ลู่จื้อฟังคำนินทานั้นก็เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ใครจะว่านางโง่งม นางหาได้ใส่ใจไม่ เพราะท้ายที่สุดเป็นนางที่ได้รักแท้เอาไว้ในกำมือคนที่จับกลุ่มนินทาชีวิตรักของผู้อื่น หาความรักได้ดีเท่าครึ่งที่นางมีหรือไม่ ก็ไม่ สา
บทที่28ความเจ็บปวดในร่างกายและความร้อนแบบที่เคยเป็นตอนที่โดนพิษเข้าไปช่วงแรก ๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่หลิวเหว่ยก็ไม่แสดงอาการอะไรให้ลู่จื้อเห็นมากนัก เพราะเขากลัวว่าภรรยาจะเป็นกังวลมิใช่ว่าเคยเป็นอย่างนี้ครั้งแรกเสียหน่อย และถ้าหากทนไม่ไหวจริง ๆ ยาแก้เจ็บแก้ปวดที่นางว่าก็คงไม่ต้องหรอก เพราะร่างกายจะทำให้เขาหมดสติไปเอง เหมือนเมื่อตอนที่โดนครั้งแรกลู่จื้อมองสามีก็รู้ว่าอีกคนกำลังอดทน นางไม่เอ่ยอะไรเพราะไม่ว่าคำไหนก็พูดออกไปยากทั้งนั้น หญิงสาวทำเพียงแค่เช็ดเหงื่อที่ไหลออกมา ให้กับคนเป็นสามีก็เท่านั้น“เป็นอย่างไรบ้างอาการมาครบแล้วหรือยัง” เหมือนหมอเทวดาจะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังพยายามอดทนต่อหน้าภรรยาของตน “ขอรับท่านหมอ” มือที่เหี่ยวย่นลูบเคราตนเองก่อนจะใช้เข็มแทงเข้าไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายหลิวเหว่ย พอดึงออกมาปลายเข็มเป็นสีดำขึ้นมาทันที“น่าจะได้เวลาแล้ว” คนมีอายุพูดก่อนจะเดินไปหยิบยามาให้กับหลิวเหว่ย ชายหนุ่มรีบรับไปกินในทันที เขารู้มาหลายวันแล้วว่าลิ้นของตนเองไม่รับรู้รสชาติไปแล้ว แต่เพราะอย่างอื่นในร่างกายยังคงดีจึงไม่ได้พูดอะไร จะเสียดายก็แค่จะไม่สามารถรับรู้รสชาติอาหารที่ลู่จื้อทำ แม้
บทที่27“เช่นนั้นคนผู้นี้ก็คือคนที่เจ้ารักษาไม่ได้ในรอบหลายปีสินะตาเฒ่า” หลิวเหว่ยมองชายสูงอายุสองคนคุยกันราวกับเขาและลู่จื้อมิได้อยู่ตรงนี้“ใช่ข้ารักษาไม่ได้เพราะไม่มีว่านตู๋” เสียงหัวเราะดังลั่นหลุดออกมาจากคนที่ทุกคนเรียกว่าอาจารย์ “เจ้าเองก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ ถ้าหากข้าบอกว่าข้ามีบางสิ่งที่จะทำให้เจ้าอาจจะรักษาเขาได้ เจ้าจะยอมแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่” ทั้งสองพูดคุยเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายของตนเองแต่สำหรับลู่จื้อไม่ใช่“ท่านหมอเทวดา ท่านอาจารย์ หากมีอะไรที่ช่วยสามีของข้าได้ ก็ได้โปรดช่วยด้วยเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะยอมทำทุกอย่างเอง” ยังไม่ทันจะจบประโยคของหญิงสาวผู้เป็นสามีก็เอ่ยขึ้น “ไม่นะเสี่ยวจื้อ ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องรักษาก็ได้”ดวงตาของผู้เฒ่าทั้งสองมองไปยังคนตรงหน้า “เจ้าจะแลกเปลี่ยนอะไรก็เอามา แต่ชีวิตของเขามิใช่เรื่องที่เจ้าจะมาทำเป็นเล่น พวกเราในเมืองนี้ทุกคนล้วนเป็นหนี้เขา” หมอเทวดาเห็นท่าว่าการเย้ากันระหว่างสหายจะเลยเถิดจนทำให้ภรรยาของคนป่วยคิดมาก จึงรีบตัดบทเสียงจิ๊ปากดังจากผู้เฒ่าที่ทุกคนเรียกว่าอาจารย์ “ข้ามีโสมที่ปลูกใกล้กับว่านตู๋ คนที่ให้ข้ามาบอกว่ามันจะมีสรรพคุ
บทที่26ลู่จื้อเช็ดเนื้อเช็ดตัวสามีของนาง ทั้ง ๆ ที่หมอเทวดาบอกว่าอาการเช่นนี้จะไม่มีอีกแล้ว แต่คงเพราะเหนื่อยจากการเดินทางสุดท้ายไข้ของชายหนุ่มก็ขึ้น ในการพักโรงเตี๊ยมที่สอง โชคยังดีที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ มีบ่อน้ำแร่ร้อนซึ่งทำให้สมุนไพรที่ใช้แช่อาบตัวนั้นได้ผลดีขึ้นกว่าเก่าอาการไข้จึงมีเพียงแค่ไม่กี่วันแล้วก็เดินทางต่อได้ ลู่จื้อไม่ได้พูดถึงความลำบากที่ต้องดูแลสามี มันไม่ได้ลำบากเลยสักนิด แต่มันหนักใจเสียมากกว่าที่เห็นเขาต้องเจ็บป่วยและทรมาน“พ้นเขาลูกนี้ไปก็จะถึงหมู่บ้านของอาเฉิงแล้ว” ลู่จื้อมองตามไปอย่างยิ้ม ๆ “สวยจังนะเจ้าคะ”“อื้อสวยพี่ก็เพิ่งรู้ว่าหมู่บ้านที่อาเฉิงอยู่งดงามถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ต้องไปรบ” แม้ว่าจะเป็นหน้าที่แต่บางครั้ง ลู่จื้อก็อยากตัดพ้อสวรรค์บ้างเหมือนกันที่ต้องให้พี่หลิวเหว่ยของนางนั้นรับเคราะห์แต่เพียงผู้เดียวและสำหรับลู่จื้อแล้วชื่อเสียงที่หลิวเหว่ยได้มาจากการกระทำครั้งนี้นางก็ไม่สนใจเลยสักนิด ที่จริงเป็นหลิวเหว่ยคิดไปเองว่ามันสำคัญ แน่นอนมันสำคัญสำหรับคนอื่นไม่ใช่ในสายตาของนาง“ท่านพี่มาเช่นนี้ไม่ได้บอกก่อนเขาจะอยู่หรือไม่เจ้าคะ หมู่บ้านก็ดูเงียบ ๆ พิกล” หลิว
บทที่25“พี่มีเพื่อนบ้านอยู่นอกเมืองเห็นว่าเป็นเขาที่งดงามเจ้าอยากจะไปหรือไม่” ลู่จื้อไม่ปฏิเสธอีกคนอยู่แล้ว หญิงสาวมองคนรักที่แม้จะดูคล้ายกับคนปกติไม่ได้เป็นอะไรแต่เหงื่อที่ซึมอยู่น้อย ๆ ที่ขมับก็ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวก็รู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้างเหมือนกันมือเรียวยกผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดเหงื่อนั่นออก “หากท่านพี่เจ็บปวดหรือเป็นอะไรก็ต้องบอกข้าทันทีนะเจ้าคะ ห้ามฝืนเด็ดขาด” แม้แต่เอ่ยคำเช่นนั้นออกไปแต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนดื้อรั้นอย่างหลิวเหว่ยจะยอมเชื่อฟังนางไหมเพราะพี่หลิวเหว่ยที่นางรู้จักที่จริงก็ดื้ออยู่พอควร “ถ้าไม่บอกเจ้าแล้วพี่จะบอกใครกัน” ลู่จื้อหัวเราะคิกคัก “ไม่ต้องมาเย้าข้าเลย ก่อนหน้านี้ถ้าข้าไม่ดึงดันคงไม่มีทางรู้ ว่าแต่บนเขาที่ว่ามีอะไรบ้างหรือเจ้าคะ” หลิวเหว่ยส่ายหน้า “พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่เขามาเยือนแถวนั้นจึงอยากจะไปเยี่ยมเขาบ้าง เขาเป็นคนที่พี่ไว้ใจตอนที่ไปรบน่ะ”“จะต้องเป็นสหายที่ดีของท่านพี่แน่ ๆ แต่ว่าหนทางยังอีกยาว ท่านพี่เล่าเรื่องที่สนามรบให้ข้าฟังได้หรือไม่เจ้าคะ” หลิวเหว่ยมีสีหน้าแปลกใจ “ในบันทึกพวกนั้นเจ้ายังอ่านไม่เต็มที่อีกหรือ” ลู่จื้อทำหน้างอน “ก็นั่งรถม้าไปตั
บทที่24วันงานมงคลของแม่ทัพหยุนและบุตรสาวของท่านราชครูเหลียงเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าแปลกกว่างานอื่น ๆ แม่ทัพหนุ่มนำขบวนรับตัวเจ้าสาวมาที่จวนตระกูลหยุนเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษที่อยู่ในนั้น ก่อนที่จะย้อนกลับไปที่ตระกูลเหลียงเพื่อทำพิธีที่เหลือทั้งคำนับฟ้าดินและส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอก็ล้วนทำที่ตระกูลเหลียงทั้งสิ้น ทุกคนจึงรับรู้กันทั่วว่าแม่ทัพหนุ่มนั้นแต่งเข้าบ้านภรรยาบรรดาแม่ทัพนายกองที่ชายหนุ่มเคยช่วยชีวิตและร่วมรบต่างมาร่วมแสดงความยินดี และยังมีของกำนัลจากฮ่องเต้ส่งมาให้อีก นี่เรียกได้ว่าเป็นงานมงคลที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของเมืองหลวงเลยก็ว่าได้เพราะท่านราชครูก็เป็นที่รู้จักของขุนนางมากมาย ส่วนแม่ทัพหยุนนั้นก็เป็นที่ยอมรับจากบรรดาขุนนางฝ่ายบู๊ทำให้หลิวเหว่ยต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะขอตัวจากบรรดาแขกและเข้ามาหาลู่จื้อในห้องหอได้ภาพที่เขาฝันว่าจะได้เห็นอยู่ทุกคืนตั้งแต่รู้ตัวว่ารักนาง หญิงสาวที่เขารักกำลังนั่งรออยู่ที่เตียง รอให้เขาไปเปิดผ้าให้นาง“พี่หลิวเหว่ยหรือเจ้าคะ” ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไร เขาขยับเข้าไปใกล้กับหญิงสาวในชุดแดง “พี่หลิวเหว่ยอย่าแกล้งข้าสิเจ้าคะ ท่านพี่” หลิวเหว่ยยังไม่ได้เป
บทที่23“ท่านแม่ทัพช่วงนี้เป็นช่วงที่อาการจะต้องกำเริบใช่หรือไม่” หมอเทวดาเคยมารักษาหลิวเหว่ยรอบที่แล้วกลับมาช่วยดูแลชายหนุ่มอีกครั้ง“ไม่แล้วขอรับ ต้องขอบคุณท่านหมอ สมแล้วที่ทุกคนต่างเรียกท่านว่าหมอเทวดา” ชายชราเคราขาวลูบเคราตนเองเรื่อย ๆ ราวกับคิดอะไรสักอย่าง “ยาพิษที่เจ้าโดนมันร้ายกาจมาก ทุกวันนี้ที่อยู่ได้ก็เพราะยาล้างพิษของหมอหลวง ส่วนยาที่ข้าจัดเอาไว้ให้ในช่วงสิบกว่าวันก่อนงานมงคลของเจ้าจะเริ่ม ก็ทำได้เพียงยื้ออาการไม่ให้มีไข้ก็เท่านั้น อะไรที่จะเสื่อม มันก็ยังคงเสื่อมต่อไปห้ามไม่ได้ จะว่าไปก็มีอยู่อย่าง สมุนไพรหายากว่านตู๋ แม้ว่าตัวว่านจะเป็นพิษร้ายแรง แต่หากใช้ในปริมาณที่พอเหมาะก็จะสามารถสงบอาการของเจ้าได้” หลิวเหว่ยฟังคำของหมอเทวดาอย่างมีความหวัง “แล้วว่านนี้ต้องหาที่ใดหรือท่านหมอ”หมอเทวดาส่ายหน้า “ร้อยปีมีต้นหนึ่งตั้งแต่เกิดมาข้าก็ยังไม่เคยเห็นเองกับตา เพียงแค่เจอในตำราที่บรรพบุรุษเขียนเอาไว้”ใบหน้าของหลิวเหว่ยหมองลงในทันควัน ขนาดว่าพยายามที่จะไม่คาดหวังแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังอดที่จะหวังไม่ได้อยู่ดี “ท่านหมอแค่ให้ข้าได้ใช้ชีวิตกับนางในช่วงนี้เยี่ยงคนธรรมดาก็ถือว่าดีมากแล้ว
บทที่22เส้นทางในจวนที่มาอยู่ตั้งแต่เด็กจนเป็นหนุ่มเป็นสิ่งที่คุ้นเคย มองไปทางไหนก็มีแต่ความทรงจำที่ดี ไม่เคยมีสักช่วงที่เขารู้สึกอึดอัดใจตอนที่อยู่ที่นี่ ผู้คนที่นี่ล้วนดีต่อเขา“พี่หลิวเหว่ย เป็นเช่นไรบ้าง เมื่อครู่ก่อนที่จริงก็พักใหญ่แล้วได้ยินเสียงโวยวายแต่ท่านพ่อส่งคนมาบอกไม่ให้ข้าออกไป” หลิวเหว่ยมองใบหน้าที่เขาเฝ้าฝันถึงตลอดมา “พี่ให้แม่ทัพหานเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้า ขอโทษนะเสี่ยวจื้อที่คิดเองโดยไม่ถามความเห็นเจ้า” ลู่จื้อส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แน่นอนว่ามีความไม่พอใจ แต่หากนางมัวแต่โกรธวันเวลาก็จะยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก ระหว่างนางกับพี่หลิวเหว่ยตอนนี้เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าเหลือเวลามากน้อยเพียงใด แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะใช้มันให้มีความสุขที่สุด“ต่อไปเจ้าเป็นคนนำดีหรือไม่” คำพูดของหลิวเหว่ยช่างน่าขันยิ่งนัก มีผู้ใดให้ภรรยาเป็นผู้นำกันบ้าง “ในเมื่อเจ้าจะต้องดูแลทุกอย่าง และเมื่อครู่ท่านลุงยังขอให้ข้าแต่งเข้าสกุล แต่หากมีบุตร ซึ่งก็มิรู้ว่าจะมีได้หรือไม่ต้องลองถามท่านหมอดู ก็จะให้ใช้แซ่ข้า หากเรามีบุตรได้สักสองสามคนก็ดีสินะ ให้เป็นแซ่ข้าหนึ่งคน แซ่เจ้าหนึ่งคน” ลู่จื้อมองคนที่เอ่ยคำเหล่า
Komen