แชร์

บทที่ 7 ให้สามีจูบ

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 06:01:25

ไอ้ประโยคขออนุญาตก่อนหน้านี้นอกจากจะทำคนฟังตกใจแล้วเหม่ยอิงก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป หวังฝูดูจะงง ๆ แต่ก็ยอมตอบรับประโยคของลูกสาว และเพราะห้องนอนสำหรับรับแขกไม่ได้ทำความสะอาดไว้ล่วงหน้าทำให้ตอนนี้คนที่ดูจะดีใจกลับกลายเป็นหนักใจแทน

ก็เพราะม๊าเสนอให้เหวินเจิ้งนอนห้องเดียวกันกับเธอนี่ไง!

“ก็เป็นสามีภรรยากันนี่นา ม๊าว่านอนด้วยกันก็คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหมลูก?” คุณผู้หญิงฉีถงเอ่ยพูดอย่างสดใสผิดกับทั้งสามคนที่ยืนด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เหม่ยอิงและเหวินเจิ้งมีความรู้สึกเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ถึงจะอยู่คฤหาสน์ตระกูลไท่ร่วมกันเกือบปีแต่ก็ยังไม่ได้เหยียบห้องนอนหรือพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ส่วนหวังฝูนั้นค่อนข้างหวงลูกสาวเป็นทุนเดิม ความจริงคืนนี้เขาอยากนอนกับลูกสาวพร้อมภรรยาแต่ทุกอย่างดูจะผิดแผนไปเสียหมด

“เอาล่ะ ๆ ตามนี้นะ อาบน้ำแล้วก็เข้านอนกันนะลูก” คุณนายฉีถงรีบดันหลังสามีออกจากห้องเก่าลูกสาว มอบเวลาและความเป็นส่วนตัวให้กับทั้งคู่ แต่หารู้ไม่ว่าบรรยากาศยิ่งอึดอัดกว่าเดิม

“ฉะ...ฉันไปอาบน้ำนะคะ” เหม่ยอิงพูด มีความติดขัดในประโยคอีกทั้งยังไม่กล้าสบตาสามี หลังจากคว้าผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำมาได้ก็เอาแต่ซุกหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง คืนนี้เธอจะนอนได้อย่างไร? ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องเดียวกับเหวินเจิ้งเป็นความจริงจริง ๆ ใช่ไหม?

สุดท้ายพอทำอะไรไม่ได้จึงใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่เกือบชั่วโมง ขาเรียวก้าวออกจากห้องน้ำมาได้ก็เห็นเหวินเจิ้งนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงของเธอ เขาสวมเพียงแค่กางเกงขายาวสีดำที่ป๊าเธอไปหามาให้ บนอกแกร่งมีไอแพดวางอยู่ราวกับดูงานแล้วเผลองีบไป

“...” เหม่ยอิงไม่รู้ว่าควรจะปลุกให้เขาไปอาบน้ำหรือปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้ดี แต่การที่จะต้องนอนข้าง ๆ เหวินเจิ้งก็เป็นอะไรที่ลำบากใจไม่น้อยเลย ร่างเล็กค่อย ๆ สอดตัวเข้าในผ้าห่ม เธอเลือกนอนชิดขอบเตียงจนเกือบจะตกอยู่ร่อมร่อ นี่ถ้าป๊ามาเห็นคงได้จูงมือพาเธอไปนอนด้วยกันเป็นแน่

“อ๊ะ!” แต่จู่ ๆ เสียงหวานก็ต้องหลุดร้องเพราะบริเวณเอวถูกดึงให้เซไปด้านหลังจนปะทะอกแกร่งของสามี กลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งเคยได้กลิ่นเป็นครั้งแรกชวนให้หัวใจสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

“คะ...คุณเหวิน”

“จะตกเตียงอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงทุ้มยามนี้แหบพร่ากระซิบถาม เหวินเจิ้งประคองเอวคอดภรรยาไว้ เขาไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเลือกจะทำเช่นนี้ ตอนกำลังรอเหม่ยอิงอาบน้ำก็เลือกจะเอางานขึ้นมาดูเพื่อฆ่าเวลาแต่เพราะวันนี้มีหลายอย่างให้ทำจนเหวินเจิ้งรู้สึกเพลียและอยากพักสายตาสักหน่อย แต่กลิ่นครีมอาบน้ำจากคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาด ๆ ก็ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน ครั้นพอลืมตามามองก็เห็นว่ามีลูกแมวเปอร์เซียกำลังทำท่าทางย่องเบาแถมยังเลือกนอนไกลจากเขาเป็นวา

“คุณเหวิน คือว่า...” เหม่ยอิงพยายามจะมุดตัวออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่เป็นผล

“อยู่นิ่ง ๆ แค่ขอพักสายตาครู่เดียวเดี๋ยวฉันก็ลุกแล้ว”

“...” ถึงแม้อยากถามว่าถ้าต้องการพักสายตาแล้วทำไมจะต้องมากอดกันแบบนี้ด้วยแต่เหม่ยอิงก็ไม่กล้าถาม อาจเพราะเสียงของเหวินเจิ้งเมื่อครู่ดูคล้ายจะอ่อนลงกว่าปกติจนคนฟังเผลอใจอ่อนยวบ

งั้นให้ยืมเธอเป็นตุ๊กตาสักไม่กี่นาทีก็แล้วกัน...

เกิดความเงียบภายในห้องจนกระทั่งเหม่ยอิงคิดว่าถ้าไม่มีเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วล่ะก็เหวินเจิ้งคงได้ยินเสียงหัวใจของเธอเป็นแน่ ลมหายใจร้อน ๆ ของสามีที่รดกันอยู่บริเวณไหล่ทำเอาคนตัวเล็กที่คิดจะหลับแต่ก็หลับไม่ลง ทิ้งเวลาไปสักพักใหญ่ ๆ กว่าเหวินเจิ้งจะเริ่มขยับตัว

“ฉันไปหาเสื้อให้คุณเหวินดีไหมคะ ถ้าไปดูที่ห้องป๊าก็น่าจะ...” คำพูดถูกหยุดชะงักเมื่อเหม่ยอิงลุกขึ้นนั่งตามสามีแล้วหันกลับมาก็ปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้าง

ตรงกลางนั้นปรากฎรอยสักรูปเทพเจ้าอะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จักซึ่งล้อมรอบไปด้วยมังกรตัวหนึ่งที่กำลังแหวกว่ายและพันอยู่รอบตัว มันดูเป็นภาพที่ชวนให้มือขาวต้องเอื้อมไปสัมผัสอย่างเผลอไผล คล้ายมีอะไรดึงดูดจนลืมนึกคิดว่ากำลังสัมผัสกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของสามีอยู่

เหวินเจิ้งไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาปล่อยให้อุ้งมือแมวซุกซนอยู่ที่หลัง ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามซึ่งไม่ต้องมองหน้าก็รู้ว่าตอนนี้สีหน้าของเหม่ยอิงคงเป็นประกายไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากแค่ไหน

“นี่คือรอยสักอะไรเหรอคะ สวยจัง มีความหมายหรือเปล่า?”

“รอยสักประจำตระกูล หมายถึงความสำเร็จและอำนาจบารมี”

“ฉันขอจับตรงนี้ได้ไหมคะ”

“ก็จับอยู่ไม่ใช่หรือไง” ตอบพลางพยายามกลั้นขำ มีอย่างที่ไหนจับไปแล้วถึงได้มาขอ?

เหม่ยอิงดูสนอกสนใจจนกระทั่งลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองขยับเข้ามาใกล้เหวินเจิ้งจนกระทั่งร่างสูงได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกครั้ง ความจริงแล้วรอยสักนี้เป็นความเชื่อของเตี่ยเขาและคนในตระกูล ไม่บ่อยนักที่เหวินเจิ้งจะอนุญาตให้ใครสัมผัสมันได้อย่างตามใจ

“ถ้าชอบใจขนาดนั้นจะจับทั้งคืนเลยไหม” เหม่ยอิงสะดุ้งเพราะเหมือนว่าเธอจะใช้เวลานานไปหน่อย คนตัวเล็กหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วยอมผละตัวออก ใบหน้าแสดงความเสียดายออกมาครู่หนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นปกติยามเหวินเจิ้งหันมามอง

“ขอโทษค่ะ” รีบพูดเสียงใส ขาเรียวกำลังจะก้าวลงจากเตียงเพื่อไปหาเสื้อในห้องของป๊าตัวเองให้เหวินเจิ้งแต่ก็โดนคว้ามือไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องไปรบกวนคุณหวังหรอก ปกติฉันก็นอนไม่สวมเสื้ออยู่แล้ว” เหม่ยอิงเม้มริมฝีปาก แต่คืนนี้เหวินเจิ้งก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ได้นอนคนเดียวสักหน่อยนี่?

“งะ...งั้นเหรอคะ” เธอยอมพยักหน้ารับฟัง ดวงตาสวยล่อกแล่กไปมาเพราะตอนนี้ร่างสูงหันหน้าเข้ามาหากัน ทั้งแผ่นอกและหน้าท้องแกร่งชวนให้ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ พยายามจะไม่มองแต่ก็ทำได้ยากเย็น เพราะเวลาคุยกับเหวินเจิ้งแล้วจะชอบเผลอมองเสียทุกที

“ใช่ ปกติฉันเป็นคนขี้ร้อน” เหวินเจิ้งพูด

“อ้อ...แต่ช่วงนี้อากาศหนาวนะคะ” เหม่ยอิงตอบ ระยะการมองเห็นยังอยู่ที่สัดส่วนวีไลน์และกล้ามเนื้อหน้าท้องอันแสนสมบูรณ์ของสามี ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนมีวินัยในตนเองขนาดไหน ผิวขาวของเหวินเจิ้งชวนให้คนมองกลืนน้ำลาย

“คุยกับฉันแต่มองตรงไหนกันอยู่น่ะเหม่ยอิง” คนโดนจับได้สะดุ้งตัวโยน รีบยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธแต่กลับโดนเหวินเจิ้งลอบหัวเราะด้วยความขำ

“เป็นอย่างไร ร่างกายสามีเธอมันน่ามองมากขนาดนั้นเลยหรือ?” เหวินเจิ้งถามจบก็ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ไม่รู้ว่าเหม่ยอิงรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่น้ำเสียงที่ถามกันเมื่อครู่มันดูเจ้าเล่ห์และร้ายกาจไม่น้อยเลย

“คะ...คุณเหวินคะ...” เสียงหวานพยายามเปล่งห้ามไม่ให้ร่างสูงขยับมาอีก ไม่เช่นนั้นเหม่ยอิงคงได้ล้มลงที่เตียงเป็นแน่

“...!!” แต่ยังไม่ทันจบความคิด จู่ ๆ เหม่ยอิงก็เสียหลักเซล้มจนหงายหลังลงที่เตียง ดวงตากลมโตหลับปี๋จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ พอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเหวินเจิ้งใช้มือประคองศีรษะให้เธอและมองกันด้วยระยะห่างเพียงน้อยนิด

“ตกใจขนาดนั้นเลยหรือไง”

“ทำอะไรของคุณคะเนี่ย?” เหม่ยอิงยู่หน้าทำเอาคนมองอยากจะบีบปลายจมูกรั้น ๆ นั้นสักทีด้วยความมันเขี้ยว แต่ก็ต้องฝืนตัวเองไว้ เหวินเจิ้งรู้สึกว่าช่วงนี้จะเผลอยิ้มและหัวเราะบ่อยซะเหลือเกินเวลาได้เห็นท่าทีแสนแง่งอนของภรรยาตัวเอง หากเป็นเมื่อก่อนนอกจากหน้าดุ ๆ ก็แทบไม่มีปฏิกิริยาอื่นต่อกันอีกเลย

ร่างสูงผละตัวออก มือหนาเสยผมตัวเองลวก ๆ หลังจากได้แกล้งคนตัวเล็กแล้วก็ดูจะพออกพอใจขึ้นมา เขาคว้าผ้าขนหนูอีกผืนก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ทิ้งให้เจ้าของห้องนอนกระพริบตาปริบมองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

“นั่นคือตรงกลางของเธอเหรอเหม่ยอิง” เวลาผ่านไปจนเหวินเจิ้งอาบน้ำเสร็จ พอออกมาก็เห็นเหม่ยอิงกำลังเอาหมอนมาคั่นแบ่งเขตบริเวณระหว่างกันไว้ แต่ดูอย่างไรพื้นที่ฝั่งเขาก็น้อยกว่าเห็น ๆ

“ใช่ค่ะ คุณเหวินนอนฝั่งนั้น ห้ามข้ามมาฝั่งนี้เข้าใจไหมคะ?” ดูก็รู้ว่าจงใจเอาคืนที่เขาแกล้งไปเมื่อกี้แน่นอน เหวินเจิ้งยักไหล่คล้ายเชื่อฟังคำพูดนั้น เขาคิดว่าถ้าเหม่ยอิงหลับเมื่อไหร่จะแอบเอามันออกก็คงไม่สาย

“...” เกิดความเงียบขึ้นทันทีเมื่อในห้องปิดไฟมืดสนิท เหวินเจิ้งล้มตัวลงนอนได้ก็หลับตาเตรียมพักผ่อน ผิดกับเหม่ยอิงที่พลิกตัวไปมาเพราะไม่ชินที่ทาง ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นห้องของตัวเองแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงนอนไม่หลับ

ผ่านเวลาไปสักพักใหญ่ ๆ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง เหม่ยอิงแอบชะโงกหน้าผ่านหมอนที่วางคั่นระหว่างเธอกับเหวินเจิ้ง ดวงตาสวยมองในความมืดที่ยังพอมีแสงสลัวจากดวงจันทร์ลอดผ่านยังผ้าม่าน

เธอเห็นเหวินเจิ้งเหมือนจะหลับไปแล้ว แถมที่เขาบอกว่าเป็นคนขี้ร้อนก็คงจะจริงเพราะร่างสูงตอนนี้นั้นทั้งไม่สวมเสื้อและไม่ยกผ้าห่มขึ้นมาห่มด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศก็ค่อนข้างเย็น

“ถ้าป่วยขึ้นมาจะโทษฉันไม่ได้นะ” แอบบ่นอู้อี้อยู่คนเดียว เหม่ยอิงค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ มือเรียวสวยถือวิสาสะดึงผ้าห่มหวังจะคลุมให้ด้วยความหวังดี แต่แล้วข้อมือสวยก็ถูกกระชากลง กระทั่งใบหน้างามซบลงที่อกแกร่งของสามี

“ฉันไม่ได้เป็นคนข้ามฝั่ง เธอข้ามมาเองนะเหม่ยอิง” ได้ยินเสียงทุ้มเย็นของเหวินเจิ้งกระซิบข้างหูแล้วก็ขนลุกขึ้นมา เหม่ยอิงพยายามจะพูดเถียงแต่ก็ทำไม่ได้เพราะร่างกายถูกมือหนายกขึ้นจนลอยหวือมาทางฝั่งเขาได้สำเร็จ เอวบางถูกประคองอย่างระมัดระวังจนแทบจะขึ้นนั่งทับบนหน้าท้องแกร่งของสามี เหม่ยอิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“คุณเหวิน!”

“...อยากให้ป๊ากับม๊าเธอได้ยินหรือไง” เหวินเจิ้งยกนิ้วขึ้นทาบริมฝีปากบางเอาไว้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าห้องของเหม่ยอิงน่าจะเก็บเสียงและระยะห่างไปจนถึงห้องของหวังฝูนั้นค่อนข้างไกลแต่ก็อดจะเอ่ยแกล้งคนที่นั่งทับอยู่บนตัวเขาเสียไม่ได้ ก็แบบนี้มันน่าตื่นเต้นดีไม่ใช่หรือ?

“กะ...ก็ปล่อยฉันลงสิคะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าเธอเป็นคนข้ามเขตมาเอง ใช่ความผิดฉันที่ไหน” เหม่ยอิงพูดเถียงไม่ออก เธอขยุกขยิกไปมาจนกระทั่งเหวินเจิ้งรั้งเอวบางให้อยู่นิ่ง ๆ ไว้

“ไหนอาเหม่ยอิงลองบอกเหตุผลมาหน่อยดีไหม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนพูดเองว่าอย่าข้ามฝั่งกันแล้วทำไมถึงเป็นคนทำเองเสียได้?”

“...”

“หืม?” เสียงทุ้มครางถามในลำคอ เหม่ยอิงรู้สึกว่าตอนนี้แก้มเธอคงแดงก่ำ โชคดีที่ห้องมืดไม่อย่างนั้นคงโดนเหวินเจิ้งล้อเป็นแน่

“ก็มัน...คือว่า...” จะให้บอกว่าแค่อยากเห็นเขาตอนหลับแล้วก็กำลังจะช่วยห่มผ้าให้น่ะหรือ? เหม่ยอิงไม่มีทางพูดออกไปแน่ ๆ!

“ฉันแค่นอนไม่หลับค่ะ” สุดท้ายก็ต้องเฉไฉ ความจริงเธอก็ไม่ได้โกหกทั้งหมดเสียหน่อย ส่วนหนึ่งก็เพราะนอนไม่หลับด้วยเช่นกัน คราวนี้คนฟังไม่ได้ตอบอะไร เหวินเจิ้งลุกขึ้นนั่งแต่ยังคงรั้งเอวบางของภรรยาเอาไว้จนกลายเป็นว่าเหม่ยอิงนั่งทับอยู่บนตักแกร่ง มือเรียวรีบคว้าโอบรอบคอของเหวินเจิ้งไว้เพราะเสียการทรงตัว

“งั้นทำยังไงเธอถึงจะหลับ”

“มะ...ไม่รู้ค่ะ แต่คุณเหวินควรปล่อยฉันก่อนดีกว่านะคะ” เหมือนประโยคเหล่านั้นไม่ได้เข้าหูประมุขตระกูลไท่เลยแม้แต่น้อย เขาถือวิสาสะช้อนคางของคนบนตักให้แหงนขึ้นสบตากัน แม้มีความสว่างน้อยนิดแต่เหม่ยอิงก็ต้องใจสั่นรัวกับใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้ดูเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ระยะห่างเริ่มลดทอนจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อน ๆ ของสามี

“ก่อนกลับแล้วแวะไปถามคุณหวังหน่อยก็ดีว่ายี่ห้อครีมอาบน้ำในห้องอาบน้ำเธอซื้อที่ไหน”

“...”

“หอม...เอาไปใช้ตอนอยู่ที่บ้านเราด้วยเธอว่าดีไหม?” เหม่ยอิงเหมือนคนเป็นใบ้ ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยตอบอะไรออกไปดี ยิ่งตอนที่เหวินเจิ้งโน้มใบหน้าลงมาจนชิดข้างแก้มราวกับจะกดจมูกลงหอมเพื่อยืนยันว่ามันคือกลิ่นที่เขาชอบจริง ๆ ก็ยิ่งทำเอาเธอแทบจะกลั้นหายใจ

“หึ” เหวินเจิ้งหัวเราะในลำคอ เหลือบมองภรรยาที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกกระทั่งต้องกัดริมฝีปากตัวเอง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน นึกหงุดหงิดที่เห็นเหม่ยอิงเอาแต่ทำเช่นนั้น ริมฝีปากสวยแดงก่ำจนเขาต้องเอ่ยเรียกอีกคน

“อาเหม่ยอิง”

“อะไรคะ?...อื้อ!” คนตัวเล็กหลุดร้องเสียงหลงเมื่อจู่ ๆ เหวินเจิ้งที่เรียกกันก็แปรเปลี่ยนเป็นทาบริมฝีปากลงมากระทั่งรู้สึกได้ถึงความนุ่ม ดวงตาสวยเบิกกว้างอีกทั้งมือเรียววางทาบบนบ่าของสามีแล้วออกแรงบีบอย่างเผลอตัว ยิ่งตอนที่เหวินเจิ้งค่อย ๆ ถือวิสาสะสอดลิ้นเข้ามาจนรู้สึกถึงความชื้นแฉะ ราวกับโดนมอมเมาด้วยแอลกอฮอล์ราคาแพง เอวบางขยุกขยิกไปมาเมื่อได้รับสัมผัสนั้น

จังหวะบดจูบค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามการชักนำของคนตัวสูงกว่า เหวินเจิ้งดันแผ่นหลังของคนบนตักให้ขยับเข้ามาชิดเขามากขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ละริมฝีปากไปไหน ยิ่งพอได้ยินเสียงครางหวานจากภรรยาก็ยิ่งอดใจไม่ไหวจนเผลอกัดริมฝีปากล่างของเหม่ยอิงอย่างมันเขี้ยว

“อ๊ะ!” เมื่อได้รับความเป็นอิสระแล้วคนตัวเล็กก็รีบสูดลมหายใจเข้าปอด ใบหน้าหวานหยดบัดนี้ซับสีแดงระเรื่อจนเหวินเจิ้งอยากเปิดไฟเพื่อจะได้เห็นมันให้ชัดกว่านี้

เหม่ยอิงหอบแฮ่กทั้งยังมือสั่นไปหมด หลังจากฟื้นมาจากการประสบอุบัติเหตุก็เหมือนจะมีครั้งนี้ที่เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา ยิ่งตอนนี้ที่เหวินเจิ้งละริมฝีปากออกไปแล้วก็จริงแต่ยังคลึงนิ้วมืออยู่ที่ริมฝีปากล่างของเธออยู่เลย ดวงตาสีน้ำตาลช้อนมองกันแล้วแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน

อยากได้มันอีก...

แม้กระทั่งไม่มีคำพูดใด ๆ ก็เข้าใจได้ดี เหม่ยอิงวางมือตัวเองไว้ที่ท่อนแขนแกร่ง

“ได้หรือเปล่า?” เสียงทุ้มบัดนี้ดูออดอ้อนจนคนฟังใจสั่น หากใครได้มาเห็นเหวินเจิ้งในเวลานี้จะต้องวางสีหน้าไม่ถูกกันอย่างแน่นอน

“อึก...แต่ว่าเดี๋ยวป๊า...”

“อย่าให้ป๊าเธอรู้...เฮียขอจูบเธออีกทีได้หรือเปล่า” คล้ายมีผีเสื้อนับสิบบินวนในท้อง เหม่ยอิงไม่ได้สนใจแล้วว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน ไม่รู้แล้วว่าหลังจากคืนนี้เธอกับเหวินเจิ้งจะเป็นเช่นไร สุดท้ายก็ได้แต่นั่งตัวอ่อนอยู่บนตักสามีโดยโดนรังแกริมฝีปากซ้ำ ๆ เรียวลิ้นเกี่ยวหวัดตามการชักนำของประมุขตระกูลไท่ เอวบางถูกบีบคลึงจนรู้สึกวาบหวามไปทั่วร่าง แต่ถึงแบบนั้นร่างกายกลับยิ่งบดเบียดเข้าหา

“อือ...” รู้สึกชาไปทั้งปากแต่ก็หยุดไม่ได้ ดวงตาสีสวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำยิ่งทำให้คนเห็นอยากรังแกเข้าไปใหญ่

“ยะ...หยุดทำไม” เสียงหวานเอ่ยถาม แม้ปากสั่นแต่ยังแสดงความอวดดี

“ถ้าเป็นที่บ้านเราเฮียคงทำมากกว่านี้ไปแล้ว” มือหนาวางทาบลงบนแก้มนุ่ม ก่อนจะออกแรงเกลี่ยเบา ๆ

“...”

“ปากเธอแตกหมดแล้วอาเหม่ยอิง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 4 หนึ่งวันกับเจินจู

    ไท่เจินจู เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยเป็นเอกลักษณ์ เส้นผมหยักศกนิด ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดเดียวกับดวงตา ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวโค้งได้รูปเสริมให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่เข้าไปใหญ่ และที่สำคัญที่ไม่ว่าใครได้พบเป็นต้องชม คือผิวเนียนขาวราวไข่มุกตามความหมายชื่อของเจ้าตัว ตอนนี้เธออายุได้หกขวบแล้ว เป็นช่วงที่อยู่ในวัยเจื้อยแจ้ว ช่างสังเกต และมีคำถามมากมายเต็มหัวสมกับวัยเจ้าหนูช่างจ้อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากรู้ไปเสียหมด ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงเรื่องที่ปะป๊ามักแอบจุ๊บหม่าม๊าในตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แม้จะซนเกินเด็กผู้หญิงไปบ้าง แต่เจินจูก็เป็นพลังงานที่ใสซื่อของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง รวมถึงคนอื่น ๆ เช่นหวังฝูและฉีถง หรือแม้กระทั่งสาวใช้ในบ้าน เพราะยามเสียงสดใสนั้นเอ่ยว่า ‘รักป๊าที่สุดในโลก’ ‘หม่าม๊าสวยเหมือนเจ้าหญิง’ ‘คุณยายขา อาจูอยากนอนด้วย’ ‘พี่การ์ด อาจูขอจ๊อกโกแลต’ อะไรแบบนั้นก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมใจกันหลงรักหนูน้อยคนนี้หัวปักหัวปำ แม้กระทั่งชายฉกรรจ์แบบบอดี้การ์ดหน้าโหดของเหวินเจิ้งก็ไม่อาจสู้ได้ งานอดิเรกของคุณหน

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 3 เหม่ยอิงกับผ้าปิดตา

    หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน “คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตาก

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 2 อย่าทำให้สามีหึง

    เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง “ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ “ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…” “ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…” ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย “พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที “ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” “ขอบคุ

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 1 อดีตของผู้ชิงชังภรรยา

    หลายปีก่อน ว่ากันว่าในทศวรรษนี้ หากพูดถึงคนกุมอำนาจและชายผู้มีอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลไท่ ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ชายผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ ชาติตระกูลและการศึกษาที่ทำให้สเปคผู้หญิงจีนเกินครึ่งสูงจนติดเพดาน ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นก็ย่อมแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ นั่นก็คือนิสัยอันเลื่องชื่อของเขาที่ทำให้ใครหลายคนต้องยกธงขอยอมแพ้ ความเย็นชาที่ไม่เปิดช่องให้ใครก้าวข้ามเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่แล้วในช่วงเวลาที่หลายตระกูลชิงดีชิงเด่น พยายามขายลูกสาวกันสุดฤทธิ์ จู่ ๆ ก็เกิดการประกาศแต่งงานของไท่เหวินเจิ้งแบบสายฟ้าแลบ! ‘ว่าที่เจ้าสาวของไท่เหวินเจิ้งคือคุณหนูจากตระกูลจ้าว…จ้าวเหม่ยอิง’ ทันทีที่มีหัวข้อนั้นเผยแพร่ออกไป เสียงส่วนมากก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจ้าวเหม่ยอิงน่ะหรือคือว่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้ง? นิสัยฝั่งสามีเลื่องชื่อยังไง อีกฝั่งทางภรรยาก็ไม่แพ้กัน คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงผู้เป็นนางร้ายแห่งยุค ไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ดูจะเป็นข่าวได้เสียหมด…โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา หรือรูปร่าง

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนจบ กันและกันตลอดไป

    ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด “ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย” “ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส “คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย “หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   บทที่ 29 ครอบครัวของเรา

    ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง “พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ “อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status