บทที่ 29
กลับไปเยี่ยมบ้านเสิ่น
สองวันต่อมา
ฉินหรูเข้าครัวตั้งแต่เช้า ต้มน้ำแกงสาลี่และเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลกรวด
พอตุ๋นน้ำแกงสาลี่เสร็จ ซินเหมียวเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับห่อยาพอดิบพอดี
“ข้าเอายามาแล้วเจ้าค่ะ จะใส่ลงไปในหม้อน้ำแกงเลยนะเจ้าคะ” ซินเหมียวบอกพร้อมกับแกะห่อยา
ตอนที่ทำท่าจะเทยาลงไปในหม้อน้ำแก ฉินหรูรีบรั้งซินเหมียว
“ช้าก่อน!”
น้ำแกงสาลี่หม้อนี้ ฉินหรูเตรียมเผื่อทุกคน ถ้าใส่ ‘ยา’ ลงไปในหม้อคงลำบากแน่
“ฮูหยินไม่ได้จะเอาคืนนางผู้หญิงบ้านั่นหรอกหรือเจ้าคะ?” ซินเหมียวถามด้วยสีหน้ามึนงง
‘ผู้หญิงบ้า’ ที่พวกนางพูดถึงก็คือหนิงลี่ แม่เลี้ยงของเฟิงหยาง
วันนี้ตั้งใจจะไปเยี่ยมบ้านเสิ่นตามที่หนิงลี่ต้องการ ฉินหรูจึงต้องเตรียม ‘ของฝาก’ ติดไม้ติดมือไปให้เสียหน่อย
“ใครบอกว่าข้าจะใส่ยาลงไปในหม้อน้ำแกงสาลี่กันเล่า” ฉินหรูบอกซินเหมียวอย่างใจเย็น
“เอ๋? ถ้าไม่ใส่ยาในน้ำแกงสาลี่ แล้วจะวางยาผู้หญิงบ้าคนนั้นอย่างไรเจ้าคะ” ซินเหมียวถาม
“นั่นต่างหาก”
ว่าจบ ฉินหรูชี้ไปยังกล่องขนมเปี๊ยะที่ซื้อจากโรงเตี๊ยมสกุลเยว่ ซึ่งเป็นโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อของเมืองฉาง
“ปกตินผู้หญิงคนนั้นก็ระแวงข้าอยู่แล้ว ขืนวางยาในน้ำแกงสาลี่ นางไม่มีทางแตะต้องแน่”
“อย่างนี้เอง”
ซินเหมียวพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นหันไปผสมยากับน้ำ คนจนละลายเข้ากันดีก็ใช้แปรงจุ่มในถ้วยยา ทาเคลือบบนผิวขนมเปี๊ยะ
หลังจากวางยาเสร็จ ซินเหมียวหัวเราะคิกคักด้วยท่าทีสะใจ
ฉินหรูส่ายหน้าน้อยๆ ขณะมองซินเหมียว
ในตอนนี้น้ำแกงสาลี่ในหม้อเริ่มเย็นลงแล้ว นางจึงตักใส่ถ้วยกระเบื้อง ปิดฝาแล้ววางลงในกล่องอาหาร รอเฟิงหยางเตรียมตัวพร้อมแล้วค่อยออกเดินทางไปบ้านเสิ่น
รถม้าที่เฟิงหยางให้ลุงหม่าเลือกซื้อมานั้น ข้างในกว้างขวาง สะอาดสะอ้านและนั่งสบาย
จั่นเถิงทำหน้าที่เป็นสารถีหนึ่งวัน พาทั้งสองมายังบ้านเสิ่น
ก่อนหน้านี้ เฟิงหยางส่งจดหมายระบุวันเวลาที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านเสิ่น พอรถม้าวิ่งมาถึงที่หมาย พวกเขาก็เห็นพ่อบ้านเสิ่นออกมายืนต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
หากเป็นตอนที่ชายหนุ่มยังอยู่ในฐานะของ ‘เสิ่นหยาง’ อย่าว่าแต่จะมีคนออกมายืนต้อนรับ คงถูกไล่ให้ไปใช้ประตูเล็กหลังบ้าน
นอกจากลุงหม่า ทุกคนในบ้านเสิ่นไม่มีใครเห็นหัวเขาสักคน
หลังจากเดินตามพ่อบ้านใหญ่เข้ามาถึงห้องโถง เสิ่นเทา หนิงลี่ เสิ่นเซียวอวี้และสะใภ้รอง ต่างนั่งรอการมาถึงของเฟิงหยางกับฉินหรู
หนิงลี่มองเฟิงหยางกับฉินหรูด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ ไม่พอใจอย่างรุนแรงที่ทั้งสองมีสง่าราศีต่างจากเมื่อก่อนมากโข
เสิ่นเทามองเฟิงหยางด้วยสายตาคล้ายประเมิน คงกำลังคิดว่าจะใช้ผลประโยชน์จากฐานะของเฟิงหยางอย่างไร
ภรรยาของเสิ่นเซียวอวี้มาจากเจียงหนาน แซ่จาง นามว่าเหมยเหมย ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้แปดเดือนกว่า จางเหมยเหมยในบ้านเสิ่นแทบไม่มีบทบาทอะไรสำคัญ แม้มาจากตระกูลผู้รากมากดี แต่กลับถูกหนิงลี่กดข่มเอาไว้อยู่หมัด
ส่วนเสิ่นเซียวอวี้ ยังคงเป็นตัวน่ารังเกียจเหมือนเดิม สายตานั้นเอาแต่มองฉินหรูตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฉินหรูแอบเบะปากในใจ
ตอนที่เฟิงหยางออกจากบ้านเสิ่นเพื่อไปรับใช้ชาติ เสิ่นเซียวอวี้ทำทีเป็นเข้ามาปลอบโยนฉินหรู ทั้งที่แท้จริงแค่อยากแตะต้องพี่สะใภ้ พอหนิงลี่จับได้ ก็กล่าวหาว่านางไปยั่วยวนเขาก่อน
หนิงลี่ที่เกลียดฉินหรูอยู่แล้ว ใช้ทุกวิถีทางขัดขวางไม่ให้นางเข้าใกล้ลูกชายของตน คงถือเป็นความโชคดีของฉินหรูได้กระมัง
เมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าทุกคน ฉินหรูย่อกายให้พวกเขาแบบขอไปที จากนั้นยื่นกล่องน้ำแกงสาลี่กับกล่องขนมเปี๊ยะให้กับไฉ่ไฉ่
“ของฝากจากข้ากับท่านพี่ จัดการด้วย”
“เจ้านี่...!”
เมื่อก่อนไฉ่ไฉ่มักจะข่มฉินหรูเพราะมีหนิงลี่คอยให้ท้าย แต่พอเป็นฝ่ายถูกคนที่ตัวเองเกลียดกดข่ม ไฉ่ไฉ่ก็โกรธขึ้นมาทันควัน เผลอตัวถลึงตาและตวาดใส่ฉินหรู
ฉินหรูแสร้งหันไปฟ้องเฟิงหยาง
“ท่านพี่ เหตุใดบ่าวบ้านท่านทำตัวเสียมารยาทเช่นนี้ น่าอับอายแทนเสียจริงนะเจ้าคะ”
“หนิงฮูหยิน แบบนี้ไม่ดีกระมัง บ่าวของท่านไม่ให้เกียรติภรรยาข้า ท่านควรจะลงโทษนางเป็นเยี่ยงอย่าง” ในขณะที่พูด แววตาของเฟิงหยางเบิกบานอย่างยิ่ง
ตรงกันข้าม มุมปากของหนิงลี่กระตุกแรง ดวงตาก็ฉายแววเดือดดาล
ด้านของไฉ่ไฉ่ เม้มปากแน่น ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ดูก็รู้ สองสามีภรรยาคู่นี้กำลังเล่นละคร ทำให้หนิงลี่เสียหน้าที่ไม่อบรมบ่าวคนสนิทให้ดี หากกระตุ้นให้โกรธต่อไป หนิงลี่อาจได้เสียอาการ หลุดทำเรื่องน่าขายหน้า ถึงตอนนั้น เฟิงหยางอาจใช้เป็นข้ออ้างเอาผิดแม่เลี้ยง
เสิ่นเทาผู้เป็นเจ้าบ้านจึงออกโรงไกล่เกลี่ย “เอาละ ไหนๆ ลูกชายคนโตกลับมาเยี่ยมบ้านทั้งที อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เพราะคนคนเดียวเลย ส่วนเจ้า...ไฉ่ไฉ่ เจ้าเอาขนมไปจัดใส่จานมาเสิร์ฟทุกคนเถอะ”
“คนคนเดียวหรือ ท่านพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก บ่าวคนหนึ่งกับฮูหยินแม่ทัพ เทียบกันได้ด้วยหรือ” เฟิงหยางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เสิ่นเทาเหล่มองหนิงลี่ หากลงโทษไฉ่ไฉ่เกรงว่าภรรยารักจะไม่พอใจ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย เฟิงหยางคงไม่ยอมจบง่ายๆ ไม่ว่าเลือกทางไหนล้วนทำให้ปวดหัวทั้งสิ้น แต่ทว่า...หากคิดใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสีย ยามนี้ควรลงโทษไฉ่ไฉ่
“ข้าจะตัดเงินเดือนสาวใช้ไม่รู้ควรครึ่งหนึ่งเป็นเวลาสามเดือน พอใจหรือไม่”
“ถึงจะคิดว่าเบาไปสักหน่อย แต่ฮูหยินข้าเป็นคนใจกว้าง ย่อมได้” เฟิงหยางตอบ
ไฉ่ไฉ่กัดปากตัวเองจนแทบแตก หากก็ต้องยอมทน รับกล่องขนมแล้วเดินออกไป
เมื่อมาถึงห้องครัว ไฉ่ไฉ่กรีดร้องราวกับคนเสียสติ
การที่ไฉ่ไฉ่เหิมเกริมขนาดนี้ได้เพราะถือว่าตัวเองเป็นคนของฮูหยินใหญ่
บ่าวและพ่อครัวที่กำลังทำงานกันอยู่ พอเห็นไฉ่ไฉ่อาละวาดต่างก็รีบลี้ออกมาจากห้องครัว ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวด้วย
“...จะเกินไปแล้ว นางบ้านนอกนั่น เป็นแค่คนชั้นต่ำ กล้าอวดดีกับฮูหยินของข้าหรือ จำไว้เลย...จำไว้!”
ระหว่างบ่นระบายความคับแค้น ไฉ่ไฉ่ตักน้ำแกงสาลี่ใส่ถ้วย และหยิบขนมเปี๊ยะใส่จาน เมื่อปรับอารมณ์ได้ถึงค่อยยกออกไปเสิร์ฟเหล่านายท่าน
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม