บทที่ 30
ปะทะกัน
“ว่าไปแล้ว ในเมื่อเจ้าใหญ่กลับมาบ้านเสิ่นทั้งที จะอยู่ค้างที่นี่สักคืนเถอะ ข้าจะให้คนเตรียมอาหารจัดเลี้ยงเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ”
วาจาและสีหน้าของหนิงลี่อ่อนโยนน่าฟัง ตรงข้ามกับจิตใจที่ร้ายกาจสิ้นเชิง
หากพูดถึงความสามารถด้านการเสแสร้ง ฉินหรูยังแพ้หนิงลี่อยู่หลายส่วน เมื่อก่อน เพื่ออยู่รอดในบ้านหลังนี้ ฉินหรูจึงต้องประจบสอพลอหนิงลี่
“ข้าแค่กลับมาเยี่ยมพวกท่าน ประเดี๋ยวก็กลับแล้ว พวกท่านไม่ต้องลำบากจัดเลี้ยงอะไรทั้งนั้น” เฟิงหยางตอบกลับ
“โถ ลำบากอะไรกันเล่า เจ้าเองก็เป็นคุณชายใหญ่ของบ้านนี้ สะใภ้ใหญ่เจ้าช่วยเกลี่ยกล่อมเจ้าใหญ่อีกแรงสิ พวกเจ้าอยู่กินข้าวเย็นที่นี่สักมื้อเถอะ”
ท้ายประโยค หนิงลี่หันมาพูดมากับฉินหรู
ฉินหรูไม่เพียงไม่ตอบกลับ ยังทำหูทวนลม
“สะใภ้ใหญ่?” หนิงลี่เรียกนางอีกครั้ง
“ท่านหมายถึงใครหรือ” ฉินหรูถามกลับด้วยสีหน้ามึนงง
รอยยิ้มของหนิงลี่แข้งค้าง “ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วจะเป็นใครได้”
ฉินหรูส่งเสียง “อ้อ” ก่อนจะกล่าวเรียบๆ “พวกท่านคงไม่ทราบ ข้าหย่ากับ ‘เสิ่นหยาง’ แล้ว เพราะอย่างนั้น ข้าไม่ใช่สะใภ้ใหญ่ตระกูลเสิ่น”
“เหลวไหลสิ้นดี เรื่องน่าอายแบบนี้มีด้วยหรือ หากพวกเจ้าหย่ากันแล้วจริงๆ ที่อยู่กินกันตอนนี้ต้องเรียกว่าอะไร” หนิงลี่ใช้สายตาดูถูกมองฉินหรู ราวกับเห็นนางเป็นผู้หญิงสำส่อน อยู่กินกับผู้ชายทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน
ฉินหรูเลิกคิ้วแล้วว่า “ตอนนี้ข้าแต่งเข้าตระกูลเฟิง ไม่ได้เป็นคนของตระกูลเสิ่นแล้ว นายอำเภอเซวียประทับตรายืนยันเรียบร้อยเช่นกัน ข้าพูดชัดเจนแล้วนะ มีตรงไหนไม่เข้าใจอีกหรือไม่เจ้าคะ”
คำพูดของฉินหรูยิ่งทำให้หนิงลี่ฉุนเฉียว
เฟิงหยางเตรียมลู่ทางให้ฉินหรูเป็นอิสระจากบ้านเสิ่นตั้งแต่เนิ่นๆ มิน่าเล่า นางถึงได้อวดดีเช่นนี้
หนิงลี่โกรธจัด แต่พยายามเก็บอาการสุดความสามารถ “ถึงเจ้าพูดเช่นนั้น แต่เขาเป็นลูกชายของเสิ่นเทา เจ้าเป็นภรรยาเขา จะไม่นับว่าเป็นสะใภ้ใหญ่ตระกูลเสิ่นได้อย่างไร”
“นับได้แน่นอน” ฉินหรูตอบอย่างมั่นใจ “สามีของข้าถูกถอดรายชื่อจากตระกูลเสิ่น ตอนนี้เขาเป็น ‘เฟิงหยาง’ เป็นคนตระกูลเฟิงเต็มตัว ข้าแต่งงานกับเขา นับเป็นสะใภ้ตระกูลเฟิง หนิงฮูหยินโปรดแยกแยะให้ถูกด้วย”
“เจ้า...”
หนิงลี่เจอลูกไม้นี้เข้าไปถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เฟิงหยางกล่าวเพิ่มเติม “นางพูดถูกต้องแล้ว อีกอย่าง คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นตอนนี้คือเสิ่นเซียวอวี้ ไม่ใช่ข้า จากนี้อย่าเรียกข้า ‘คุณชายใหญ่’ ข้ารู้สึกละอายใจน่ะ”
หนิงลี่โกรธจนปากคอสั่น
นับว่าตกหลุมพรางของตัวเองแล้ว
สี่ปีก่อน หนิงลี่จ้างวานนายทหารคนหนึ่ง วางแผนชั่วทำให้เสิ่นหยางตายในสนามรบ แต่ไม่คิดว่าเสิ่นหยางจะเปลี่ยนแซ่เป็นเฟิง ทำให้นายทหารคนนั้นหาตัวชายหนุ่มไม่พบ
เมื่อแผนลอบฆ่าล้มเหลว หนิงลี่จึงใช้แผนสำรอง ยุยงให้เสิ่นเทาถอดรายชื่อเขาออกจากตระกูลเสิ่น ถึงตอนนั้น หากเขารอดชีวิตกลับมา อย่าว่าแต่สมบัติของตระกูลเสิ่น แม้แต่ที่ยืนก็ไม่มี
แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด ใครจะรู้ว่าเด็กที่ขวางหูขวางตามาตลอดคนนั้นจะได้ดีกลายเป็นแม่ทัพ ถ้ารู้แบบนี้ คงไม่ยุให้สามีถอดรายชื่อมันออกจากตระกูลเสิ่น
ที่น่าโมโหกว่า!
สามีภรรยาคู่นี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกิน
“แม้แต่ข้าคนนี้ เจ้าก็ไม่นับว่าเป็นพ่อหรือ”
คำพูดของสามีภรรยาคู่นี้ราวกับจงใจหักหน้าหนิงลี่ เสิ่นเทาโกรธมากจึงตวาดใส่เฟิงหยางดังลั่น
ชายหนุ่มสาดสายตาเย็นชามองชายสูงวัยพลางกล่าวเรียบๆ “เรื่องนั้น แล้วแต่ท่านจะคิด”
“…”
ได้ยินแบบนี้เสิ่นเทาไปต่อไม่ถูก
แล้วแต่จะคิด?
มันหมายความว่าอย่างไร
ด้านเฟิงหยาง หลังจากเงียบไปสักครู่ เขาก็กล่าวต่อ “แต่ภรรยาข้าไม่เหมือนกัน นางเป็นสะใภ้ตระกูลเฟิง พวกท่านก็อย่าทำให้นางลำบากใจเลย”
แม้คำพูดของเฟิงหยางจะราบเรียบ แต่น้ำเสียงและแววตากลับหนักแน่น
เมื่อก่อน ฉินหรูต้องปรนนิบัติแม่เลี้ยงของสามีอย่างกับทาส ให้ชงชานวดไหล่ยังพอว่า แต่หนิงลี่กลับตั้งใจกลั่นแกล้งนางต่อหน้าบ่าวรับใช้ ถูกรังแกบ่อยเข้า บ่าวพวกนั้นก็ไม่มีใครเห็นหัวนางสักคน
ยามนี้เฟิงหยางกลับมาแล้ว พร้อมกับฐานะที่มั่นคงและอยู่เหนือกว่าตระกูลเสิ่น ทั้งยังห้ามใครหน้าไหนมาทำร้านฉินหรู
ปกป้องกันสุดฤทธิ์เชียวนะ!
หนิงลี่คิดอย่างเดือดดาล
ฝั่งฉินหรู รู้สึกซึ้งใจกับคำพูดของสามีเป็นอย่างมาก
ส่วนเสิ่นเซียวอวี้และภรรยา มองดูการแสดงครั้งนี้อย่างเงียบๆ เพราะไม่มีช่องว่างให้พวกเขาเข้าไปสอดอยู่แล้ว
ในจังหวะนั้น ไฉ่ไฉ่ยกน้ำแกงสาลี่กับขนมเปี๊ยะมาเสิร์ฟเจ้านายทุกคน
“ของว่างมาแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อของหวานกินหอมละมุนน่ารับประทานถูกวางข้างมือ บรรยากาศกดดันแปรเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายชั่วคราว จะมีก็แต่เพียงหนิงลี่ที่มองน้ำแกงสาลี่ด้วยความหวาดระแวง
ต่อมา หนิงลี่สาดสายตามองมาที่ฉินหรู
ครั้นเห็นสายตาหวาดระแวงของแม่เลี้ยงอสรพิษ ฉินหรูส่งยิ้มเยือกเย็นไปให้
หนิงลี่มุมปากกระตุกแรง
นางโง่นี่ กล้าเอาน้ำแกงขู่ข้าหรือ!
แน่นอนว่า ไม่มีใครรู้ถึงความหมายของน้ำแกง ยกเว้นหนิงลี่
ทุกคนต่างยกถ้วยน้ำแกงสาลี่ขึ้น จังหวะที่กำลังจะดื่ม มุมปากของฉินหรูพลันแสยะยิ้ม
“ช้าก่อน!” หนิงลี่รั้งทุกคน
ถ้วยน้ำแกงที่กำลังแตะถูกปากชะงักทันที
“มีอะไรหรือ ฮูหยิน” เสิ่นเทาถาม
“ท่านพี่ ข้าว่าขนมเปี๊ยะจากโรงเตี๊ยมสกุลเยว่น่ากินกว่า ว่ากันว่าต้องต่อแถวยาวตั้งแต่เช้าถึงจะได้ซื้อ มาๆ กินขนมเปี๊ยะก่อนค่อยดื่มน้ำแกง” หนิงลี่พยายามหว่านล้อมให้ทุกคนหันมาสนใจขนมเปี๊ยะแทนน้ำแกงสาลี่ “เอ้า ลูกอวี้กับสะใภ้จางก็ชิมขนมเปี๊ยะดูสิ”
ในบ้านเสิ่นหนิงลี่เป็นคนควบคุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะพูดอะไร ทุกคนล้วนต้องเอ่อออตาม พอหนิงลี่ว่าเช่นนั้น ทุกคนวางถ้วยน้ำแกงสาลี่ลง แล้วหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมา
ฉินหรูแอบยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรพร้อมสาธยายถึงความอร่อยของขนมเปี๊ยะ
“ดูท่าว่าหนิงฮูหยินจะรู้เรื่องขนมดีนะเจ้าคะ ขนมเปี๊ยะโรงเตี๊ยมสกุลเยว่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย ต้องต่อแถวยาวกว่าจะได้ซื้อสักกล่อง โดยเฉพาะ ‘ขนมเปี๊ยะไส้เกาลัด’ ที่ข้าตั้งใจเอามาฝากกล่องนี้ ‘เกาลัด’ ของที่นั่นถูกคัดสรรอย่างดี อร่อยมากเจ้าค่ะ”
สะใภ้จางที่กำลังหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมา พอได้ยินคำว่า ‘เกาลัด’ นางรีบวางขนมเปี๊ยะลงบนจานเหมือนเดิม
“สะใภ้จางไม่ชอบขนมเปี๊ยะหรือ” ฉินหรูแกล้งถาม
“คือ…ข้าแพ้เกาลัด” นางตอบนิ่งๆ
“ตายจริง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าแพ้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อไส้อื่น เช่นนั้นดื่มน้ำแกงสาลี่คงได้กระมัง”
“สาลี่ข้ากินได้เจ้าค่ะ”
และเพื่อแสดงมิตรภาพ สะใภ้จางไม่พูดเปล่า ยกถ้วยน้ำแกงสาลี่ขึ้นมา ตอนทำท่าจะจิบ หนิงลี่ยังคงรั้งไม่ให้สะใภ้จางดื่ม
“ลูกสะใภ้ เจ้าอย่าดื่มน้ำแกงนั่นจะดีกว่า”
“ทำไมหรือท่านแม่” จางเหมยเหมยถามอย่างไม่เข้าใจ
“น้ำแกงสาลี่ของข้ามีปัญหาตรงไหนหรือ หนิงฮูหยิน” ฉินหรูถามหน้าซื่อตาใส
หนิงลี่โกรธจัดจนต้องกัดปากล่าง เลือดไหลซิบๆ หลังจากพยายามข่มใจ ก็ให้เหตุผลว่า “น้ำแกงสาลี่หวานไปสำหรับคนท้อง ข้ากลัวว่าน้ำหนักเจ้าจะขึ้น”
ได้ยินเช่นนั้นจางเหมยเหมยลังเล
ฉินหรูรีบส่ายหน้า “ไม่หวานสักนิด ข้าใส่น้ำตาลกรวดนิดหน่อยเอง ข้าเองก็ดื่มเป็นประจำ”
ไม่พูดเปล่าๆ ฉินหรูยกถ้วยน้ำแกงสาลี่ดื่มสองสามอึก
อย่างไรก็ตาม คนที่เคยวางยาทำแท้งในน้ำแกงอย่างหนิงลี่ ย่อมรู้สึกหวาดระแวง กลัวว่าฉินหรูจะใช้วิธีแบบเดียวกันเพื่อเอาคืนบ้านเสิ่น
ถึงฉินหรูจะดื่มน้ำแกงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่นางอาจจะกินยาถอนพิษมาก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้…หนิงลี่คิด
สะใภ้จางไม่ได้โง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าอดีตพี่สะใภ้กับแม่สามีขัดแย้งกันอยู่ และรู้ด้วยว่าตนกำลังถูกลากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ‘การปะทะกัน’ ในครั้งนี้
เพื่อให้ทุกอย่างจบเร็วๆ จางเหมยเหมยยกถ้วยน้ำแกงสาลี่ขึ้นดื่ม
เห็นแบบนั้น หนิงลี่จะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว
หนิงลี่กลั้นหายใจ มองจางเหมยเหมยตาแทบถลน
ทว่าผ่านไปสักพักใหญ่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ลูกสะใภ้ เจ้าปวดท้อง…ไม่สิ น้ำแกงสาลี่หวานไปหรือไม่” หนิงลี่เค้นเสียงถาม ไม่ใช่เพราะความห่วงใย แต่หากเด็กในท้องของจางเหมยเหมยเป็นอะไรไป ตระกูลจางต้องเอาเรื่องบ้านเสิ่นอย่างแน่นอน
“น้ำแกงสาลี่ของพี่…เอ่อ เฟิงฮูหยินอร่อยมาก หวานกำลังดีเลยเจ้าค่ะ” สะใภ้จางเอ่ยชม
“หวานกำลังดีสินะ ดีแล้ว ดี…” แม้ปากของหนิงลี่จะฉีกยิ้ม แต่สายตากลับมองฉินหรูอย่างอาฆาต ต้องกินขนมเปี๊ยะหมดไปสองชิ้นถึงจะระงับความโกรธลงได้!
นางตัวแสบ คิดจะใช้นำแกงมาขู่กันหรือ มันน่านักเชียว!!
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม