Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 84: ความจริงที่กลายเป็นเสียง

Share

บทที่ 84: ความจริงที่กลายเป็นเสียง

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-06-30 00:32:02

ความจริงที่กลายเป็นเสียง

แสงโคมไม่สว่างพอจะเห็นใบหน้าของใคร แต่เพียงพอที่จะอ่านชื่อหนึ่งบนผนังไม้เก่าของศาลา

ฮากุโร่ยืนเงียบ มือเปื้อนฝุ่นชอล์กจากการเขียนชื่อ

ข้างเขา ซาโยะนั่งพับเพียบอย่างที่เคยเห็นในพิธีสวด แต่สายตานางจ้องเขา ไม่ใช่พระ

เสียงขลุกขลักของเด็กคนหนึ่งทำให้ทั้งคู่หันไป

เด็กชายในชุดเปื้อนโคลนยกมือขึ้นอย่างลังเล

เขาถือสมุดสวดเล่มหนึ่ง — หน้าแรกถูกฉีกขาด หน้าในเขียนทับด้วยชื่อผู้ตาย

“ข้าจำไม่ได้ว่าเขาตายวันไหน...” เด็กชายพึมพำ

“แต่ข้าจำเสียงเขาได้ ตอนเขาร้องเพลงให้ฟังตอนนอน”

ฮากุโร่ไม่พูดอะไร เขาเพียงเดินไปยื่นเศษถ่านให้

แล้วเด็กชายก็เขียนชื่อคนตายนั้นลงบนผนังของศาลา ด้วยลายมือสั่น ๆ

นั่นคือชื่อที่ไม่มีวันสวดโดยพระ

แต่เป็นชื่อที่ไม่มีใครกล้าลบ

ท่ามกลางความเงียบของศาลาหลังเขา มีบางเสียงเริ่มดังจากชายแดน

“แม่ทัพฮิรายามะได้เคลื่อนทัพแล้ว” ชายวัยกลางคนในชุดนักเดินข่าวกระซิบกับซาโยะ

“พวกเขาเชื่อว่าศาลาแห่งนี้คือรังของศรัทธานอกรีต...”

“หรือคือเสียงของคนที่พวกเขาฆ่าไปแล้ว แต่ยังจำได้?” ซาโยะตอบโดยไม่เงยหน้า

เขากลืนน้ำลาย ไม่กล้าตอบ

เสียงกลองของตระกูลทาเคดะดังมาไกล ๆ

ครั้งหนึ่งเคยใช้เพื่อเตือนศึก ตอนนี้ใช้เรียกประชุมพันธมิตร

ฝั่งศาสนจักรสายเคียวยะจากตระกูลคุเสะ ส่งนักบวชติดอาวุธเข้าตรวจตำราสวดใหม่

พวกเขาเรียกมันว่า “การชำระล้างบทสวด”

แต่คนในเงาเรียกมันว่า “การฆ่าความทรงจำ”

ห่างออกไปหลายโยชิ

อาคิฮาระ เรียวโกะ เขียนจดหมายลับถึงซาโยะ

ในนั้นมีเพียงประโยคเดียว

“สมุดสวดใหม่ ฉบับ ‘บันทึกโดยเด็ก’ เริ่มแพร่จากวัดร้างใน 4 แคว้น

หากเจ้าปกป้องไม่ได้… เสียงของเรา จะกลายเป็นเงาเงียบอีกครั้ง”

คืนต่อมา ที่ศาลาหิน

ฮากุโร่ยืนอ่านรายชื่อใหม่ที่ถูกเพิ่มในผนัง

ชื่อส่วนมากคือผู้ถูกศาสนจักรประหารเพราะ “กล่าวชื่อผู้ตาย”

มีชื่อหนึ่งที่เขาหยุดมองอยู่นาน —

ชื่อของแม่เขา

ซาโยะเดินเข้ามาข้าง ๆ พูดแผ่วเบา

“เจ้าจำเสียงนางได้หรือไม่”

ฮากุโร่เงียบไปนาน ก่อนตอบเสียงต่ำ

“ข้าจำไม่ได้ว่าเสียงเป็นเช่นไร... แต่จำได้ว่า ไม่มีใครสวดให้นางเลย”

ลมพัดเบา ๆ ผ่านธูปที่ไม่มีควัน

เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังสอนเด็กอีกสิบคนให้ “พูดชื่อ” ของคนตายแทนบทสวด

พวกเขาไม่ได้จำพระคาถา

แต่จำประโยคที่พ่อเคยพูดก่อนถูกจับไป

จำกลิ่นเสื้อแม่

จำท่าทางของพี่ชายตอนยิ้มให้ในวันที่สุดท้าย

เสียงพวกเขาไม่ตรงกัน

ไม่พร้อมเพรียง

ไม่มีทำนอง

แต่กลายเป็นเสียงที่แม้แต่ฮากุโร่ยังรู้สึกว่ามัน "ไม่สามารถถูกฆ่าได้"

และเมื่อเขาหันไปมองซาโยะอีกครั้ง

หญิงผู้เคยเป็นเจ้าสาวแห่งสงคราม

บัดนี้กลายเป็นแม่ทัพแห่งเสียงที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

ไม่มีอาณาเขต

ไม่มีกองทัพ

มีเพียงชื่อบนผนังไม้เก่า

กับผู้คนที่กลัวจะลืมเสียงของคนที่รัก

สงครามครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว

ไม่ใช่เพื่อแย่งแผ่นดิน

แต่เพื่อปกป้องสิ่งที่ไม่อาจเขียนซ้ำ

เสียงที่ไม่สามารถถูกแทนที่

ความทรงจำที่ไม่มีพระองค์ใดควบคุมได้

เสียงของผู้ตาย

ที่บัดนี้…

กำลังหายใจในเงาของผู้เป็น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status