สายลมจากภูเขาทางตะวันตกพัดแรงจนกลีบดอกบัวในสระหน้าศาลาโบราณสั่นไหว น้ำสะท้อนเงาจันทร์แตกกระจายไม่ต่างจากหัวใจของซาโยะในยามนี้
หลังคืนแต่งงานและความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีได้ ซาโยะถูกจับอยู่ในความขัดแย้งระหว่างหัวใจที่เริ่มเปิดรับกับเงาแห่งอดีตที่ไม่อาจลบเลือน
เธอหลบมาอยู่ในศาลาแห่งนี้ — ที่เดียวในเมืองมิสุโนะที่ไม่มีทหารเฝ้า ไม่มีสายตาของผู้หวังผลประโยชน์ มีเพียงดอกบัวที่ผลิบานแม้ในยามพายุ
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังก้องขึ้นจากพื้นไม้เก่า
“เจ้าหนีข้ามาอยู่ที่นี่?” เสียงของฮากุโร่ดังขึ้นข้างหลังนาง
ซาโยะไม่หันกลับไป ดวงตาของนางจ้องสายน้ำเบื้องหน้า มือหนึ่งกำชายกิโมโนแน่นราวกับกลั้นความรู้สึกทั้งหมดไว้
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคือใครจริง ๆ… แต่ข้ารู้ว่าเจ้าฆ่าพ่อของข้า”
เงียบ…
มีเพียงเสียงลมหอบใหญ่ที่พัดผ่านโคมกระดาษจนเปลวไฟไหววูบ
“ถ้าเจ้ารู้... เจ้าจะยังมาอยู่ตรงนี้หรือ?” ฮากุโร่ถามเบา ๆ
ซาโยะหันกลับมา ดวงตาเปียกชื้นแต่เด็ดขาด “เพราะข้าต้องการรู้ ว่าทำไม… ผู้ชายคนหนึ่งถึงสามารถสัมผัสข้าอย่างอ่อนโยน… ทั้งที่มือคู่นั้นคือมือของเพชฌฆาต”
เขาเดินเข้ามาใกล้ นั่งลงข้างนางโดยไม่แตะต้อง
“ในสงคราม ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เลือกว่าตนจะเป็นใคร ข้าเป็นดาบ… ไม่ใช่หัวใจ”
“แล้วบัดนี้เล่า? เจ้าคืออะไร?”
เงาสะท้อนของทั้งสองคนบนผืนน้ำเริ่มเบลอเมื่อฝนเริ่มโปรยเม็ดแรก
ฮากุโร่เงียบไปครู่ ก่อนพูดเสียงต่ำ “ข้าคือชายที่อยากจะหยุดฆ่า… ถ้าเจ้ายอมให้ข้าเชื่อว่ามีสิ่งอื่นที่ควรปกป้อง”
ซาโยะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างในอกสั่นไหว ลมหายใจของเธอติดขัดขณะมองใบหน้าที่ยังคงซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น
เธอเอื้อมมือไปจับมือเขา ไม่ใช่เพื่อให้อภัย ไม่ใช่เพราะรัก… แต่เพื่อยืนยันว่าความอบอุ่นนั้นมีอยู่จริง
“ข้ายังเกลียดเจ้า… แต่ข้าก็อยากรู้จักเจ้าให้มากกว่านี้”
ฮากุโร่ไม่พูดอะไร มือของเขาบีบมือนางแน่นขึ้นเล็กน้อย ราวกับคำตอบอยู่ในสัมผัส
พายุในใจยังคงโหมกระหน่ำ แต่ในใจกลางพายุนั้น… ดอกบัวยังคงเบ่งบาน
และในคืนที่ฝนโปรยปราย ความรักเริ่มผลิบานจากความแค้น... แม้มิได้งดงาม แต่ก็ไม่อาจละสายตาได้อีกต่อไป
ตอนต่อไป: บทที่ 7 — ศาลาว่างกลางเงาจันทร์
บทที่ 33 — กลิ่นดินปนกลิ่นเลือดฟ้าก่อนรุ่งบนเนินเขานอกอิคุซะโนะโมริ หนาวจัดราวมีบางสิ่งกำลังรั้งไม่ให้แสงตะวันขึ้นซาโยะยืนอยู่ริมลานฝึกดาบเก่า สายตานางทอดผ่านหมอกที่ยังคลุมแผ่นดินราวอาภรณ์ของศพกลิ่นดินหลังฝนใหม่… ปนกลิ่นเลือดสดที่ยังไม่แห้งดีมีร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่ใต้มะพลับกลางลาน คือ “ยูนากะ” หนึ่งในคนสนิทของฮากุโร่—ผู้เชี่ยวชาญการลอบสังหาร และเคยปกป้องซาโยะไว้ในศึกเพลิงเงา“เขาถูกวางยาและแทงซ้ำ” แพทย์หลวงกล่าวโดยไม่มองนาง “ผู้ลงมือ...รู้จุดตายของคนที่ถูกฝึกให้ฆ่าโดยไม่หายใจ”เสียงของแพทย์แฝงแววหวาดหวั่นฮากุโร่มาถึงโดยไร้เสียงฝีเท้า เขาก้มลงข้างศพ ใช
บทที่ 35 — สนธิสัญญาเงาภายในหอประชุมไม้เก่าแก่ กลางป่ามิสุโนะยามค่ำคืน โคมเทียนเพียงเจ็ดดวงส่องไหวราวลมหายใจของเหล่าขุนศึกผืนเสื่อกลางห้องว่างเปล่า ไม่มีใครกล้านั่งตรงกลาง ไม่มีใครกล้าเป็น “แกนกลาง” แห่งพันธมิตรนี้ซาโยะนั่งอยู่หลังฮากุโร่ มองผ่านม่านเส้นผมของตนเอง—ทุกถ้อยคำที่กำลังจะเอ่ย คือเชือกที่ร้อยผู้นำสามตระกูลเข้าหากัน หรือผูกพวกเขาให้ตายไปด้วยกัน“เราจะทำข้อตกลงใต้แสงเทียน โดยไม่มีใบหน้า ไม่มีชื่อ และไม่มีความแค้น” ฮากุโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้แววอารมณ์อาโอบะยกพัดขึ้นปิดริมฝีปาก “การไม่เอ่ยนาม เป็นธรรมเนียมของพวกเงา... หรือของพวกทรยศ?”อิซึมิหัวเ
บทที่ 32 — โลหิตที่ร้องไห้ในแสงเทียนห้องหนึ่งในคฤหาสน์อิคุซะโนะโมริถูกแสงเทียนไหววูบสะท้อนเงาร่างสองร่างบนฉากญี่ปุ่นเก่าซาโยะนั่งเงียบอยู่ข้างหน้าต่าง ร่างของเธอสวมเสื้อคลุมบาง ขอบผ้าสีเข้มเปรอะไปด้วยฝุ่นเขม่าจากสนามรบเธอไม่ได้ร้องไห้ ไม่แม้แต่หลั่งน้ำตาแต่โลหิตในอกกลับกรีดเสียงเจ็บปวดดั่งมีใครร้องเรียกจากอดีตเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นในห้อง ฮากุโร่ปรากฏตัวโดยไร้ชุดเกราะ มีเพียงผ้าคลุมดำที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและเถ้าถ่าน“เจ้ารอดมาได้...” เสียงของเขาราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่“ทุกคนตายหมด ยกเว้นข้า” ซาโยะพูดช้า ๆ ไม่ใช่คำสารภาพ แต่เหมือนบันทึกของผู้รอดชีวิตเขาไม่ตอบ กลับเดินมาวางดาบของตัวเองลงบนเสื่ออย่างนุ่มนวล แล้วนั่งเคียงข้างเธอ"เจ้ารู้ไหม..." ซาโยะเอ่ยโดยไม่หันมา “ตอนเปลวไฟล้อมข้า ข้าไม่กลัวตายเลยสักนิด”“แต่ข้ากลัวว่า หากข้ารอด... ข้าจะต้องเห็นหน้าเจ้าอีก”คำพูดนั้นเฉือนผ่านห้วงความเงียบอย่างรุนแรงฮากุโร่ไม่ตอบในทันทีเขาหยิบเทียนเล่มหนึ่งขึ้นมาจุดใหม่ ไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างเงาสะท้อนของซาโยะในม่านตาของเขา“แล้วเมื่อเจ้ารอดจริง ๆ เจ้ารู้สึกอย่างไร”ซาโยะนิ่ง เงีย
ย้อนอดีตของกลยุทธ์ “เพลิงเงา”🧭 เบื้องหลังกลยุทธ์ “เพลิงเงา”จุดมุ่งหมายหลัก:ดึงกองกำลังศัตรูเข้ามาสู่ กับดักซุ่มโจมตีใช้ “เปลวไฟ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและสายตาใช้ “เงาคน” ทำลายระบบข่าวกรองและสัญญาณสื่อสารศัตรูขั้นตอนการเตรียมตัว:สำรวจพื้นที่เลือกเนินสูง 2 จุดทางตะวันตกเฉียงใต้ของ อิคุซะโนะโมริ เพื่อเป็นฐานตั้งกองกำลังหลัก (A และ B)ระหว่างเนินมีลำธารและพุ่มไม้หนาทึบเป็นทางเดินสำหรับการลอบซุ่มจัดเตรียมเพลิงลวงจุดกองไฟพร้อมเปลาะฟางและกิ่งไม้ลุกไวใน 3 จุด (X, Y, Z) ใกล้ทางเข้าจุดไฟพร้อมกันเพื่อสร้าง “วงเพลิงวงแรก” ระหว่างทางเดินเข้าป่าวางทหาร “เงาซุ่ม”กระจายหมวดลอบโจมตีตามแนวธาร และตามช่องว่างของพุ่มไม้สั่งให้เลี่ยงใช้ธงหรือโซนหมายเหตุระบุตัวแผนยกกองปลอมส่งกองทัพปลอม (ธงปลอม) มุ่งตรงไปยังทางทิศเหนือเพื่อเบี่ยงกำลังศัตรูเมื่อศัตรูเคลื่อนพลตาม มาเจอแต่เงาดับหายไร้เป้าหมาย และถูกล่อลวงเข้าสู่วงเพลิงขณะที่เงาซุ่มอยู่📐 แผนผังสนามรบ (มุมมองจากเบื้องบน) ┌───────────────────────────────────┐ │ ทางทิศเหนือ (กองปลอม) │ │
บทที่ 31 — เพลิงเงาในอิคุซะโนะโมริลึกเข้าไปในป่าภูเขาทางตะวันตกของซาคาเอะ ดินแดนที่เคยเงียบสงบกลายเป็นสนามซุ่มกลแห่งยุทธศาสตร์ — อิคุซะโนะโมริ ป่าที่ชื่อแปลว่า "ไพรสงคราม"เสียงฝีเท้าทหารของสองแคว้นดังสะท้อนผ่านแนวไผ่ ฮากุโร่สวมผ้าคลุมสีเทาเช่นเคย ใบหน้าถูกบดบังด้วยหน้ากากครึ่งซีก แต่ดวงตาของเขาว่างเปล่าราวคนตายที่ข้างกาย เขามี ทาคุมะ — รองแม่ทัพผู้รู้เพียงเศษเสี้ยวของอดีต และ อาซึกะ หญิงนักสอดแนมที่เคยล่วงรู้ความลับของซาโยะตั้งแต่ต้น“เรากำลังล่อศัตรูให้ตามแสงเทียน... แต่ไฟที่เผาเราอาจเป็นของจริง” อาซึกะเอ่ยเบา ๆ“แผนนี้มีชื่อว่าอะไร?” ทาคุมะถาม“เพลิงเงา” ฮากุโร่ตอบเรียบเย็น “จุดไฟจากในเงา... เผาใจศัตรูให้กลายเป็นควันก่อนจะฟาดดาบใส่”ขณะเดียวกัน ซาโยะถูกทิ้งไว้ที่คฤหาสน์มิสุโนะพร้อมกับกล่องไม้เล็ก ๆ ที่ฮากุโร่ทิ้งไว้ให้ก่อนออกเดินทางนางลังเล ก่อนจะเปิดมันภายในคือ สายสร้อยจากเปลือกหอยโบราณ ที่บิดาของนางเคยสวมใส่ และจดหมายเพียงไม่กี่บรรทัด:“แม้ข้าจะเป็นเงา แต่ข้าขอให้เจ้าจำข้าในยามที่แสงอาทิตย์สิ้นสุด”มือของซาโยะสั่น ดวงตาหนักด้วยหยาดน้ำ และภายในใจ... มีบางอย่างที่เริ่มแตกออก —
บทที่ 30 — ดินแดนที่ไม่มีผู้ชนะรุ่งสางปกคลุมคฤหาสน์มิสุโนะด้วยหมอกหนา แสงแรกของวันไม่อาจส่องทะลุม่านสีเทา เหมือนชะตาของแผ่นดินที่ยังไม่รู้ปลายทางซาโยะนั่งอยู่หน้าชานเรือน ใต้ต้นสนโบราณ สวมกิโมโนสีม่วงหม่น ปลายผมยังเปียกจากการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเช้า นางจ้องมองดาบของบิดา — ที่บัดนี้รู้แล้วว่าผู้ปลิดชีพท่าน ไม่ใช่ชายที่นางเกลียดมาเกือบครึ่งชีวิตแล้วจะโทษใคร? จะรักใคร? จะต่อสู้เพื่อใคร?เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากหลังม่านไม้ไผ่ ฮากุโร่ก้าวเข้ามาอย่างไร้เสียง เงาของเขาทาบลงบนแผ่นพื้นไม้เหมือนเงาของสงครามที่ไม่เคยหายไป“เจ้ายังไม่หลับอีกหรือ” เขาถามเสียงแผ่ว“ข้าไม่เคยนอนดีเลยตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้” ซาโยะตอบโดยไม่หันไปเขาเงียบ ไม่ตอบโต้ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ โดยรักษาระยะห่างพอประมาณ — เหมือนทั้งสองยังเป็นศัตรูในสนามใจ“ข้ารู้ความจริงแล้ว” ซาโยะเอ่ยในที่สุด “เจ้าปิดปากมือสังหาร ไม่ใช่เพราะความยุติธรรม... แต่เพราะเจ้าต้องการอำนาจของตำแหน่งว่าง”ฮากุโร่พยักหน้า“ใช่ — ข้าไม่ได้บริสุทธิ์ แต่ข้าก็ไม่ได้ฆ่าพ่อเจ้าด้วยมือข้า ข้าแค่เดินเข้าไปในช่องว่างที่สงครามเปิดไว้”“นั่นต่างจากฆ่าเ