ログイン“ต้องแบบนี้สิ” พริสซิลล่าดีดตัวลุกจากที่นั่ง “เห็นนั่นไหมจ๊ะ” เจ้าหล่อนกรีดนิ้วชี้ไปที่ผ้าผืนสวยบนปลายกิ่งต้นไม้ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ ระเบียง
“ต้นไม้เหรอคะ” อัยน์นาแกล้งถามพาซื่อ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเหมือนไม่เข้าใจอะไรเลย
คงเพราะสีหน้าเธอดูไม่รู้เรื่องรู้ราวเกินไป คนที่จับข้อมือเธอไว้อย่างแอนนาเบลก็เลยหมั่นไส้จนถึงขั้นออกปากด่า
“ฉลาดน้อย!”
ท่านหญิงคนรองของคฤหาสน์รีบบุ้ยใบ้ไปยังผ้าคลุมไหล่โปร่งบางปักดิ้นเงินดิ้นทองที่พาดอยู่บนกิ่งไม้
“นั่นย่ะ ผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่ที่คุณพ่อสั่งทำให้คุณพี่พริสซิลล่าต่างหาก”
“ทำไมผ้าคลุมไหล่ถึงไปอยู่บนนั้นได้ล่ะคะ” คนโดนจิกแขนยังคงวางสีหน้าซื่อใส เหมือนไม่เข้าใจอะไรสักนิด
“ลมพัดไปน่ะ” พริสซิลล่าตอบพลางชี้นิ้วสั่งให้สาวใช้ยกแก้วชาส่งให้ เจ้าหล่อนสูดกลิ่นหอมจากชา ก่อนถาม “ไหนไหนเราก็เป็นพี่น้องกันนี่เนอะ ถือว่าช่วยพี่สาวอีกสักครั้ง ช่วยปีนขึ้นไปเก็บมาให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ?”
“ปีนเหรอคะ” อัยน์นาถาม สีหน้าหวาดหวั่น “เอ่อ...แต่ว่า...”
“แต่เต่ออะไรล่ะ เดี๋ยวลมพัดแรง ใบไม้ไหว กิ่งไม้เกี่ยวผ้าคลุมไหล่เสียหายกันพอดี เนอะ” ท้ายประโยค พี่สาวคนโตหันไปเออออกับแอนนาเบล “คุณพ่อสั่งให้พวกเรารักใครช่วยเหลือกันไม่ใช่เหรอ?”
“คุณหนูคะ” สาวใช้คนหนึ่งแทรกขึ้น ท่าทีกล้าๆ กลัวๆ “ให้ทหารในจวนมาเก็บให้เถอะค่ะ”
“ไม่ได้! ” พริสซิลล่าตวาดใส่ทันที “เกิดพวกมือไม้หนักพวกนั้นทำผ้าขาดขึ้นมาก็แย่น่ะสิ!”
“แต่คุณหนูอัยน์นากำลังป่วยนะคะ” สาวใช้อีกคนพยายามช่วยคุณหนูคนใหม่ แต่กลับโดนท่านหญิงคนโตสาดน้ำชาร้อนๆ ใส่เป็นการตอบแทน
พริสซิลล่าทำท่าจะยกแก้วชาตบซ้ำ แต่โดนเสียงอัยน์นาขัดขึ้นเสียก่อน
“พอเถอะค่ะ แค่เก็บผ้าคลุมไหล่ใช่ไหมคะ” คุณหนูคนเล็กของคฤหาสน์บอกละล่ำละลัก ก่อนจะโดนท่านหญิงแอนนาเบลผลักเข้าใส่ขอบระเบียงเย็นเยียบ
“ระวังด้วยล่ะ อย่าให้ผ้าเป็นรอย” แอนนาเบลกำชับเสียงเขียว
สิ้นเสียงสั่ง คุณหนูคนเล็กของคฤหาสน์ก็พยายามปีนขึ้นนั่งบนราวระเบียงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ
เธอเหลียวมองไปทางพี่สาวด้วยแววตาแบบเดียวกับคนที่คาดหวังว่า ‘คนที่ตนรักจะเปลี่ยนใจไม่คิดทำร้าย’ มองแววตาสาวใช้ภายในห้อง สลับกับพื้นปูอิฐแข็งๆ ด้านล่าง
สุดท้าย เมื่อเห็นว่าพี่สาวต่างมารดาคงไม่คิดจะเปลี่ยนใจ คนที่พอเดาได้ว่าโดนแกล้งใช้ให้ทำเรื่องอันตรายก็กัดฟัน เบือนหน้าเข้าหาผ้าคลุมไหล่ แล้วพยายามเอื้อมมือไปหากิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไปราวหนึ่งศอก
แค่นิดเดียว...อีกนิดเดียวเท่านั้น...
อัยน์นาพยายามเอื้อมแขนอยู่นาน เมื่อแน่ใจว่าคงเอื้อมไปเก็บผ้าในท่านั่งแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ธิดาคนสุดท้องของเจ้าของคฤหาสน์ก็เหลียวกลับไปมองพี่สาวทั้งสองอีกครั้ง
คราวนี้คนทั้งคู่เหยียดยิ้มใส่ แววตาฉายแววสะใจปนสนุกสนาน
นั่นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายในใจเธอขาดผึง
อีกนิดเดียว เธอเม้มปากแน่น พยายามกัดฟันข่มไม่ให้เผลอแสดงสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นก็ฝืนทรงตัวขึ้นยืน ทั้งๆ ที่พื้นที่ต้องเหยียบแคบกว่าฝ่าเท้าเสียอีก
“คุณหนู อย่าค่ะ!” สาวใช้ในห้องรีบร้องห้าม แต่อัยน์นายังฝืนเก็บผ้าผืนเดิมต่อไป
หยดน้ำสีใสร่วงลงไล้แก้มขาวนวลในวินาทีถัดมา
สองมือบอบบางเอาแต่พยายามเอื้อมคว้า สองตายังคงจับจ้องผ้าผืนสวย แววตามุ่งมั่น
“คุณหนูคะ...พอเถอะ” สาวใช้คนเดิมอ้อนวอนเสียงสั่น
“ท่านหญิงคะ บอกให้คุณหนูอัยน์นาหยุดเถอะค่ะ เกิดตกลงไปจะแย่เอานะคะ” สาวใช้อีกคนเอ่ยขึ้นบ้าง
คราวนี้ แอนนาเบลเป็นฝ่ายตวาดคนรับใช้เสียงดังลั่นห้อง
“นี่แค่ชั้นสอง คอไม่หักหรอกน่ะ!”
ไม่ทันที่ใครจะได้พูดหรือทำอะไรมากกว่านี้ ร่างคนบนราวระเบียงก็เกิดซวนเซขึ้นมา เรียกเสียงหวีดร้อง เสียงฮือฮาจากด้านล่างได้ดังระงม
“มีคนเห็นแล้ว...” พริสซิลล่าพึมพำ ก่อนร้องสั่ง “ยัยขี้เถ้า! พอแล้ว ไม่ต้องเก็บแล้ว!”
ทั้งๆ ที่โดนสั่งแบบนั้น แต่ดูเหมือนคนเคยโดนสั่งให้เก็บผ้าคลุมไหล่จะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
ร่างบอบบางน่าถนอมเหมือนตุ๊กตาโอนไปทางซ้าย เอนไปทางขวา
สาวใช้ในห้องรีบถลาเข้าคว้า
แต่ไม่ทัน
...เพียงเอื้อมมือไปหา กุหลาบทะเลทรายดอกน้อยก็พลัดหล่นจากราวระเบียงเสียแล้ว...
“ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย
“ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย
“คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่
คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล
นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “
กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”







