โรสรินนัดพบเจอกันที่โรงหนัง ซึ่งสามารถเดินทางได้ง่ายๆ หญิงสาวยืนดูโปชัวร์หนังโรงระหว่างรอชายหนุ่มซึ่งโทรนัด เขาบอกว่าชื่อ -วายุ- มันทำให้ความคิดของโรสรินรู้สึกแปลกๆ ราวกับเคยรู้จักชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากข้างหลัง เมื่อเขามองหาเธอเสียนาน หลังจากโรสรินบอกเขาว่า เธอจะใส่ชุดอะไรมาดูหนังกับเขาในโรงนี้... เขาทักทายเธออย่างเป็นกันเอง เพื่อทำความรู้จักเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอในวันนี้
“ชอบดูเรื่องอะไรล่ะ? ผมเลี้ยงนะ” ชายหนุ่มเป็นคนบุคลิกดี หน้าตาดีไม่ถึงกับหล่อระดับไอดอล เธอยิ้มแย้มก่อนจะลอบมองเขาสำรวจทั้งหมด
เขาสูงกว่าเธอเล็กน้อยและเป็นคนอัธยาศัยดี อย่างน้อยก็คงไม่เหมือนซัมเมอร์กับวินเตอร์เมื่อวานนี้ เพราะเธอยังหลงใหลในรสจูบของวินเตอร์อยู๋เลย นึกอยากจะโทรกลับไปนัดเขาเพื่อขอมีเซ็กซ์อีก ก็ไม่เลว...
“ได้เวลาหรือยังล่ะ?” โรสรินหมายถึงกำหนดเวลาฉายภาพยนตร์
“เข้าไปกันเถอะ ได้เวลาแล้วล่ะ” วายุควงแขนหญิงสาวเอาไว้แน่น เพราะภายในค่อนข้างมืด เกรงว่าเธอจะสะดุดบันไดหกล้ม
พวกเขากำลังหาที่นั่งหลังสุด ยิ่งดูไลกๆ ระดับภาพยนตร์ในการมองก็จะชัดและสบายตามากๆ วายุเลือกหนังเกี่ยวกับซาวเอคเฟคเยอะๆ เสียงดังกระหึ่มไปทั่วโรงหนัง ในขณะที่ภายในไม่ค่อยมีผู้คนมาดู เพราะหนังเรื่องนี้จะลาโรงแล้ว
******
โรสรินตั้งใจดูหนังไปตามปกติ แต่มือหนึ่งของวายุจับมือเธอเอาไว้ตลอดเวลา พลางยกมาสูดดม พลางจูบหลังฝ่ามือ ทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินอาย อีกเบื้องอารมณ์ลึกของชายหนุ่มอยากจะทำในสิ่งที่คิดเอาไว้ และอยากให้เธอร่วมมือด้วย
“โรสริน...” วายุเรียกชื่อเธอพลางมองด้วยสายตาจริงจัง หญิงสาวเริ่มจะฉงนว่าเขาตั้งใจจะพูดหรือบอกอะไร
แต่สิ่งที่ปรากฏ ชายหนุ่มลุกจากที่นั่งตน ในเวลาที่ภาพยนตร์กำลังดังกระหึ่มกับเสียงเพลงที่ตื่นเต้น เขาโน้มตัวคร่อมเธอเอาไว้ พลางใช้สองแขนยกเรือนขาของโรสรินขึ้นสูงพาดไหลเขา
สองมือหนาทำงานอย่างชำนาญเพื่อหยิบองคชาติออกมาประจักษ์ต่อหน้าเธอ พลางถูไถและจูบเธอเพื่อปิดปากมิให้ส่งเสียง
ลมหายใจกระหืดกระหอบของวายุ ครอบงำอารมณ์ของโรสริน โดยเธอมิได้ตั้งอกตั้งตัว เรือนขาของเธอถูกจับพาดสูง ถูกแทรกด้วยร่างกายฝ่ายชายกำลังพยายามสอดองคชาติเข้าร่องสวาท หญิงสาวอยากจะกรีดร้อง แต่ทำไม่ได้
เพราะสองมือของเธอถูกจับแนบกับที่พำนักแขน เขาตรึงเธอเอาไว้ในความมืดและเสียงซาวเอคเฟคกลบเสียงเอาไว้หมด
รอยจูบบดเบียดอย่างหื่นกระหาย วายุมีอารมณ์ความต้องการนานแล้วตั้งแต่เริ่มจับเนื้อต้องตัวเธอ โรสรินไม่ทันระวังตัวเลยเวลาอยู่กับเขาสองคน เพราะจิตใจยังเผลอไปคิดถึงเรื่องเมื่อวานกับวินเตอร์อยู่
ไม่ได้คิดอะไรเลยว่า จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเธอได้อีก... โรสรินพยายามขยับเพื่อให้หลุดจากเขา อยากจะหนีไปเสียให้ไกล แต่ในขณะเดียวกันเมื่อองคชาติสอดเข้ามากระแทกลึกเร็วหนักๆ หญิงสาวถึงกับสะดุ้งอ้าปากรับรอยจูบจากวายุอย่างลืมตัว
******
อารมณ์อยากจะหนีออกจากเก้าอี้ดูหนัง กลายเป็นว่าเธอไม่อาจหนีไปได้ เมื่อเขาไม่ปล่อยให้เธอทำได้ตามอำเภอใจ และต้องยินยอมทำตามที่เขาต้องการ เมื่อการเคลื่อนไหวของกายหนุ่มไม่เป็นที่สงสัยของคนภายในโรงหนัง
ไม่มีใครสนใจพวกเขาซึ่งอยู่ด้านหลังสุด ไม่มีใครได้ยินเสียงกิจกรรมบางอย่างซึ่งกำลังทำซ้ำๆ กับโรสริน แถมไม่ค่อยมีใครในโรงหนังซึ่งกำลังลาโรงในยามนี้
แรงบดเบียดจากองคชาติยังคงรุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรสรินต้องยอมรับรสรักรัวๆ เธอเริ่มค่อยๆ ตั้งสติ และแอ่นกายรับแรงกระแทกจากเขา มันทำให้เธอหลงเพ้อเคลิบเคลิ้มอย่างลืมตัว พลางจูบตอบอย่างเมามัน นึกอยากจะประชดที่หลวมตัวง่ายดาย ไม่ว่าจะกับซัมเมอร์ วินเตอร์ หรือกับวายุในโรงหนังยามนี้ก็ตาม
สะโพกแคบยังคงขยับซอยถี่ๆ เข้ากับร่องสวาทซึ่งอยู่เบื้องหน้าบีบแคบรัดแน่นให้เสียวองคชาติ ชายหนุ่มยิ่งกระแทกรัวหนักๆ อย่างต่อเนื่องระหว่างเสียงซาวเอคเฟคยังคงกลบเกลื่อนในนาทีนี้
“วา...ยุ...” หญิงสาวเริ่มเรียกเพรียกกระซิบ ชายหนุ่มเริ่มเอยหูเข้าหาริมฝีปากเธอ
“เธออยากรึ?”
“มากเลยล่ะ” เขากระซิบเข้าหูเธอ พลางครอบงำริมฝีปากเธอต่อ... ราวกับเป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำกับเธอ ดั่งวางแผนเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว
“ทำให้ฉันเสร็จสิ” โรสรินกระซิบกลับ เพราะเธออยากจะรู้สึกดีกับวายุ หากเขาอยากได้แบบนี้ ยังดีกว่าได้กับซัมเมอร์ และวินเตอร์ หลังจากนั้นล่ะ... พวกเขาทอดทิ้งเธอไง...
วายุลดความเร็วพลางหยุดกิจกรรม ในขณธที่ซาวเอคเฟคเงียบลง เปลี่ยนฉากภาพยนตร์ เขาค่อยๆ เคลื่อนกายออกห่างจากโรสริน พลางเก็บองคชาติเข้าที่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ มีสายน้ำหลั่งไหลออกมาหนืดๆ ซึ่งกลิ่นของมันฟ้องว่าเป็นน้ำขุ่นซึ่งพุ่งเข้าไปภายในเธอมากมาย
เรือนหน้าหญิงสาวค่อนข้างจะอาย เพราะเป็นครั้งที่สองร่วมรักในโรงหนัง... กับครั้งแรกน่ะรึ... เธอถูกเปิดซิงกับแฟนหนุ่มสมัยเรียน และหลังจากนั้นก็แยกย้ายจนไม่ได้เจอกันอีก... นั้นก็หลายปีมาแล้ว...
******
เมื่อภาพยนตร์ฉายหนังจบ วายุลุกขึ้นพลางจูงมือให้โรสรินเดินไปกับเขา ยังไงเสียชายหนุ่มยังคงเทคแคร์ดูแลโรสริน โดยไม่ได้พาเธอไปทอดทิ้งที่ไหน หญิงสาวเงียบกริบไม่พูดอะไรสักคำ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ เขาได้ลงมือในโรงหนัง
ชายหนุ่มพาเธอไปทานอาหารยามบ่าย อย่างน้อยเป็นชาบูร้อนๆ เพื่อให้เธอได้อิ่มบ้าง โรสรินรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนแฟนเก่าเคยทำสิ่งนี้เอาไว้ และมันได้เริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง
“จำได้มั๊ย โรสริน... หลังจากเราได้กัน ก็มาทานข้าวร้านนี้” วายุเริ่มรำลึกความหลังกับหญิงสาว ซึ่งบังเอิญไปพบในแอพมือถือ
“วายุ... หรือว่า... สายลม... เธอเองรึ?” โรสรินเริ่มจะตกใจ เขาคือแฟนเก่าที่หายไปหลายปี และตอนนี้เขากลับมาในมาดใหม่ ซึ่งเธอจำเขาไม่ได้เลย
“เรากลับมาเป็นแฟนกันอีกครั้งนะ โรสริน... ผมลืมเธอไม่ได้จริงๆ” เขาเปรยหลังจากจูงมือเธอเข้าร้านอาหาร เพื่อรำลึกความหลังครั้งก่อน... โรสรินดีใจจนน้ำตาร่วง เพราะไม่คิดว่าจะได้พบกับแฟนเก่าที่จากกันไปหลายปี
เขากลับมา...เพื่อทำสิ่งเดิมให้เธออีกครั้ง... และหลังจากนี้ เธอคงไม่ต้องพึ่งแอพมือถือแบบนั้นอีกแล้ว เธอได้มีแฟนหนุ่มดีๆ ทำสิ่งดีๆ เพื่อเธอเสียที...
[จบตอนสั้น นัดเซ็กซ์]
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้