Masukชายหนุ่มขับรถคันหรูพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี เมื่อสุดท้ายแล้วแม่ของลูกก็ยอมเก็บสัมภาระขนมนมเนย หอบลูกขึ้นรถเพื่อพามาเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน มองลอดผ่านกระจกมองหลัง ร่างปุ้มปุ้ยแทบไม่อยู่นิ่งแม้กระทั่งนั่งมาบนคาร์ซีต หนูน้อยจับโน่นนี่ ดึงนั่นมาตลอดทาง เหลือบมองผู้เป็นแม่ก็เห็นว่ากำลังเล่นกับลูกอย่างสนุกสนาน
“น้องพาย สนุกไหมครับ”
“ฉนุก หนุก”
เมลานีมีความสุขที่เห็นลูกสาวตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศใหม่ เด็กน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้วและพูดคุยกับผู้เป็นแม่ไม่หยุดหย่อนจนกระทั่งถึงปากทางเข้าสวนสัตว์
“เอ้า ถึงแล้ว เราเข้าไปเยี่ยมเบิร์ดกันดีกว่า” กริชจอดรถและหันไปเย้าแหย่ลูกสาวพร้อมทั้งปลดเข็มขัดและเปิดประตูรถลงไปเตรียมเป้สำหรับใส่สัมภาระเด็กอ่อน เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ทำหน้าที่พ่อผู้เปิดจินตนาการของลูกน้อย
“เบิร์ด เบิร์ด” เด็กน้อยตบมือดีใจที่จะได้เจอกับเบิร์ดอีกครั้ง โผเข้ากอดคอกริชแน่น สอดส่ายสายตามองหาเบิร์ดตัวใหม่ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะลานจอดรถของสวนสัตว์วันนี้ไม่มีนกบินผ่านเลยสักตัว
“ไหน ไหน เบิร์ด”
“เดี๋ยวกริชพาเข้าไปดูเบิร์ดข้างในกัน ตามมาคุณแม่” ชายหนุ่มอุ้มเด็กน้อยด้วยแขนข้างเดียวพร้อมทั้งมีเป้สะพายหลังใบโต ส่วนมืออีกข้างก็พยายามชี้โบ๊ชี้เบ๊สิ่งต่าง ๆ รอบตัวให้กับน้องพายดู
เมลานีที่เพิ่งลงจากรถได้ก็รีบสาวเท้าตามสองพ่อลูกไปยังโซนแสดงสัตว์ ด้วยเพราะวันนี้มีแดดค่อนข้างแรง เธอจึงไม่ลืมที่จะหยิบหมวกเด็กติดมือมาให้น้องพายด้วย
“นี่คุณ ใส่หมวกให้ลูกด้วย เดี๋ยวหนูพายจะไม่สบาย” เมลานีที่วิ่งตามไปทันสองพ่อลูกยื่นหมวกแก๊ปใบเล็กให้กับชายหนุ่ม แต่ไม่วายที่จะทำตาเขียวใส่เขาอีกครั้ง
ก็บอกแล้วไม่ให้มา...ถ้าอยากจะมา ก็ต้องดูแลลูกให้ดีกว่านี้
สามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้ามาไม่ไกลนักก็เจอกับบ่อน้ำขนาดใหญ่ ที่มีแผงกั้นเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปในบ่อได้ ภายในมีสัตว์ชนิดหนึ่งตัวใหญ่มหึมา เมลานีตื่นเต้นมาก เพราะจำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยสอนลูกสาวให้รู้จักกับสัตว์ชนิดนี้ผ่านหน้าจอทีวี วันนี้ได้เจอตัวจริงเธอก็อยากรู้ว่าลูกสาวจะยังจำได้หรือไม่
“หนูพาย หนูเห็นไหมคะนี่ตัวอะไร จำได้ไหม” คุณแม่คนสวยยกนิ้วชี้ไปยังบ่อน้ำ ลูกสาวตัวน้อยหันมองตามมือ แล้วทำตาโตส่งเสียงโวยวายดังลั่น
“โปโป้ ปูโป้ ว้าวว้าว” เด็กน้อยที่เพิ่งเห็นฮิปโปตัวใหญ่ กำลังชูคอพ้นบ่อน้ำขึ้นมา ก็ตื่นเต้นดีใจ ใช้มือเล็ก ๆ ตีบ่าผู้เป็นพ่อไม่หยุด
“ฮิปโปหรือเปล่า ลูก ฮิปโป” ชายหนุ่มได้ยินลูกสาวออกเสียงไม่ชัดก็ช่วยแก้ให้ อดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางของหนูพายที่ดูสนอกสนใจฮิปโปตัวโตเอาเสียมาก ๆ
ถัดจากฮิปโปตัวเขื่อง ทั้งสามพ่อแม่ลูกก็เข้าสู่อาณาจักรของเจ้าเสือตัวใหญ่ กริชเฝ้ามองอาการของลูกแต่หนูพายก็ไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัว ตรงกันข้ามกลับยื่นตัวไปข้างหน้าเหมือนอยากให้บิดาเดินเข้าไปให้ใกล้อีกนิด
“หนูพาย นี่ตัวอะไรลูก” กริชตั้งคำถามกับลูกน้อยในอ้อมแขน
“แมว เหมียว เมี้ยว” หนูพายตอบชัดถ้อยชัดคำ ดูแล้วมั่นอกมั่นใจมากว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกรงนั้นคือแมวตัวโต พร้อมทั้งเลียนแบบเสียงร้องของแมวให้ผู้เป็นพ่อฟัง “เหมียว เหมียว”
“นั่นมันแมวซะที่ไหนล่ะลูก พี่เสือ”
“โอ้ ทาเกอร์” ได้ยินดังนั้นหนูพายจึงเรียกแมวตัวใหญ่ด้วยภาษาอังกฤษอีกครั้ง คราวนี้คนเป็นพ่อถึงกับตาโตและหันกลับไปมองเมลานีด้วยสายตาที่ชื่นชม เธอสอนลูกสาวได้มากกว่าที่เขาคิด
“เก่งมากเลยค่ะ หนูพายลูกสาวของแม่” เมลานีเผยรอยยิ้มอย่างภูมิใจในตัวลูกสาวตัวน้อย อารมณ์ดีจนอยากหันไปแบ่งปันความภาคภูมิใจกับคนเป็นพ่อ “หนูพายหัวดีเหมือนพี่กริชนะคะ จำเก่ง ชอบตัวเลขด้วย”
“ลูกเราน่าจะเป็นอัจฉริยะนะ” กริชหัวใจพองฟู ทั้งปลาบปลื้มกับความเก่งล้ำเลิศของลูกสาว และระทวยกับคำพูดอ่อนหวาน รอยยิ้มชวนฝันจากแม่ของลูก
หนูพายเองก็ดูจะมีความสุขกับการที่ได้พบเจอสัตว์ตัวเป็น ๆ ไม่ใช่ภาพนิ่งในหนังสือนิทาน เด็กน้อยจึงดูจะสนอกสนใจและพูดคุยกับสัตว์ที่เดินผ่านแทบทุกชนิด จนมาถึงกรงขนาดใหญ่ เด็กหญิงที่สอดส่ายสายตาไปทั่ว รีบยกแขนขึ้นชี้นิ้วพร้อมทั้งกระตุกคอเสื้อผู้เป็นพ่อไม่ยอมหยุด
“เบิร์ด เบิร์ด เบิร์ด” สายตาและท่าทางที่แสดงออกถึงความดีอกดีใจที่ได้เจอเบิร์ดตัวใหญ่ของลูกสาว เรียกรอยยิ้มให้คนเป็นพ่อแม่ได้อย่างมากล้น โดยเฉพาะกริชที่เป็นตัวตั้งตัวตีพาลูกสาวมาตามหานก คำสัญญาของเขาต่อลูกสาวถือเป็นอันสำเร็จไปอีกหนึ่ง
เมลานีมองความตื่นเต้นของลูกสาวกับกริช รู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ปกติหนูพายก็เป็นเด็กที่ร่าเริงอยู่แล้ว แต่พอมีคู่หูที่พากันแสบพากันซนอย่างกริช ก็ยิ่งเริงร่าไปกันใหญ่
“หนูพายหิวน้ำไหมครับ เดี๋ยวพ่อหยิบน้ำให้” ชายหนุ่มหยิบเป้ที่สะพายลงจากบ่าและรูดซิปหยิบเอาน้ำเปล่าที่มีหลายขวดออกมาให้ลูกสาวได้ดื่มแก้กระหาย ด้วยเพราะเดินวนอยู่ในสวนสัตว์นานนับชั่วโมงแล้ว กระนั้นก็ยังไม่ลืมหันไปถามแม่ของลูกสาว
“หนูเมล ดื่มน้ำไหมคะเดี๋ยวพี่หยิบให้” สิ้นคำพูดก็เปิดฝาขวดและยื่นให้กับหญิงสาวไปก่อน หันกลับมาเปิดฝาและจิ้มหลอดในขวดยื่นให้ลูกสาว เด็กน้อยที่กำลังจ้องมองฝูงกวางอยู่ในขณะนั้นรีบหันกลับมาคว้าหลอดจากมือพ่อและใช้ปากงับดูดน้ำกินเอง ชายหนุ่มมองภาพนั้นของลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“เหนื่อยหรือยังครับหนูพาย”
“ไม่ ม่าย” หนูน้อยเหมือนยังมีพลังมหาศาล และพร้อมจะเรียนรู้กับสิ่งแปลกใหม่ไม่จบไม่สิ้น ทว่าคนเป็นแม่มองมาด้วยความเป็นห่วงแกมร้อนใจ
“อย่าปล่อยให้ลูกเหนื่อยมากเลยนะคะ มันไม่ดีกับลูก คุณก็รู้ว่าลูกมีโรคประจำตัว”
“พี่รู้” เห็นสีหน้ากังวลของเมลานี ชายหนุ่มก็ใช้อีกมือที่ว่างบีบแขนเบา ๆ ราวกับปลอบประโลมและให้กำลังใจ เขาเพียงต้องการที่จะให้ลูกได้สัมผัสและเปิดจินตนาการใหม่ ๆ จากของจริง แล้วก็คิดไม่ผิด วันนี้น้องพายดูสดใสร่าเริงมากเป็นพิเศษ ทำเอาเขาแช่มชื่นไปด้วยเช่นกัน สิ่งที่เมลานีจะพูดไม่ใช่เขาไม่ตระหนัก แต่เขาเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้สำหรับลูกสาวตัวน้อยแล้วต่างหาก
“เมลไม่ต้องกังวล พี่นัดหมอที่ดีที่สุดไว้แล้ว วันนี้พี่ถึงได้พาน้องพายมาผ่อนคลายซะหน่อยก่อนที่จะเข้ารับการรักษาจริงจังเสียที”
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ







