หอเหว่ยซิน หอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเป่ยหนาน แต่เบื้องหลังบุบผางามซ่อนไว้ด้วยความลับที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง คือเจ้าของหอตัวจริง เป็นแม่นางน้อยวัยสิบหกหนาวเท่านั้น
Lihat lebih banyakสายฝนที่กระหนำลงมาราวกับว่าสวรรค์กำลังพิโรธอยู่ ทำให้ร่างของสตรีที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองรอบด้าน
ดวงตาสีดำสนิทหรี่ลงเมื่อน้ำฝนตกกระทบลงมา นางค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
“อูยยย จะ เจ็บ เจ็บชะมัด” นางคำรามออกมาเสียงเบา
ความประหลาดใจเริ่มฉายชัดในแววตา เมื่อสภาพแวดล้อมที่เห็นไม่ชัดในตอนนี้ ไม่ใช่สถานที่ก่อนหน้าที่นางอยู่
เยี่ยนอิง คลานไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่นางเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ สายฟ้าที่ฟาดลงมา ส่งผลให้ทั่วบริเวณแสงวาบขึ้นมาเพียงชั่วอึดใจ
“ที่ไหน ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย” นางเริ่มจะตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รอบด้านที่เป็นป่าเขา มิใช่สถานเริงรมย์ที่นางเป็นเจ้าของ นางจำได้ว่า ก่อนหน้านี้นางเข้าไปตรวจงานที่ร้านเช่นทุกวัน เสียงโวยวายของลูกค้าที่เข้ามาดื่มกินทำให้เยี่ยนอิงลุกออกจากห้องทำงานเพื่อไปดู
นางคิดจะออกไปตำหนิผู้จัดการร้าน ว่าทำไมถึงปล่อยให้ลูกค้าก่อเรื่องได้
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนสามนัดดังขึ้นภายในไนต์คลับสุดหรู ย่านใจกลางกรุงเซี่ยงไฮ้ ที่เยี่ยนอิงได้รับเป็นมรดกมาจากคุณพ่อของนาง
ร่างของเยี่ยนอิงที่กำลังเดินพ้นประตูห้องทำงานออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น เสียงความวุ่นวายดังอยู่ภายในหูของนาง พร้อมกับสติที่ค่อยๆ จะเลือนรางลงทุกที
ตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง ครองกิจการในเมืองเซี่ยงไฮ้มากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของธุรกิจการค้า แต่งานที่ให้ความสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นไนต์คลับ ที่นางปรับปรุงจนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ด้วยระยะเวลาเพียงสองปีเท่านั้น
เบื้องหลังตระกูลฟู่ ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าคุณพ่อของเยี่ยนอิง เป็นถึงมาเฟียมีอิทธิพลในอันดับต้นๆ ของเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้
นางคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะพกอาวุธเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อหน้าร้านมีพนักงานตรวจค้นอาวุธก่อนจะปล่อยตัวเข้ามา
คงไม่พ้นฝ่ายต้องข้ามที่ต้องการจะกำจัดนางอย่างแน่นอน หากเยี่ยนอิงรู้ตัวเสียก่อน นางคงไม่เดินออกมาดูโดยที่ไม่ถืออาวุธปืนติดตัวมาด้วย
“บ้าจริง กล้าเอาฉันมาทิ้งในป่าเหรอ” นางกัดฟันคำรามออกมา
เรื่องที่คิดไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นไนต์คลับของนาง ลูกน้องที่มีหลายสิบคนอยู่ภายในร้าน ไม่มีทางปล่อยให้คนชิงตัวนางออกไปได้แน่ อย่างน้อยก็ต้องรีบพาตัวนำส่งโรงพยาบาลก่อน
เยี่ยนอิง ปวดหัวจนคิดสิ่งใดไม่ออก นางมองหาที่หลบฝนที่ใหม่ หากยังนั่งอยู่ตรงนี้ต่อ นางได้ตายลงเพราะพิษไข้ หรือไม่ก็ต้องหนาวตาย
นางค่อยๆ ประคองร่างที่บาดเจ็บ คลำทางเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ จากแสงสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นระยะ ทำให้มองเห็นถ้ำที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เยี่ยนอิงกัดฟันแข็งใจอีกครั้ง นางใช้พลังที่มีทั้งหมดเร่งฝีเท้าออกเดินไปที่ถ้ำตรงหน้าโดยเร็วที่สุด
“เหนื่อยเป็นบ้า” ภายในถ้ำมืดสนิท แม้แต่แสงของฟ้าผ่าก็ส่องเข้ามาไม่ถึง เยี่ยนอิงจะถอดเสื้อผ้าออกเผื่อผึ่งลม นิ้วมือของนางก็ต้องชะงักค้างอยู่กับสาบเสื้อ
สายตาของนางเลื่อนลงมาที่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ก่อนจะเห็นว่าฝ่ามือของนางตอนนี้เล็กราวกับเด็กสาวที่เพิ่งจะเติบโต
“กรี๊ดดดดดด” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งถอยตัวเข้าไปจนติดผนังถ้ำ
“ปะ ปะ เป็นไปได้ยังไง” นี่ไม่ใช่ตัวนางแน่นอน
หลิวเลี่ยงเฟิ่งเชยคางของฟู่จูอิ๋งขึ้น ก่อนจะประทับจุมพิตไว้แน่น จุมพิตครั้งนี้ของเขา ราวกับอยากจะเผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีเอาไว้ให้นางได้รู้ ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียนางไปอีกครั้ง ความคิดถึงทั้งหมดของภพที่แล้วที่มี อยู่ในจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นาง“แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าท่านพ่อเพิ่มองครักษ์แล้วรึ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัย“ข้าย่อมมีหนทาง นอนพักเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“หากมีคนมาเห็นเล่า”“ข้าจะออกไปก่อนฟ้าสว่าง อาม่านให้ข้าได้นอนพักหน่อยเถิด ข้ามิได้นอนดีๆ มาหลายวันแล้ว” เขาถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะดึงตัวนางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นพอเห็นคนในอ้อมแขนหลับไปแล้ว หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้แต่นอนมองนางอย่างเป็นสุข เมื่อชาติก่อน แม้แต่หลับฝันยังไม่กล้าจะคิด เขาต้องขอบคุณสวรรค์เพียงใด ที่ยอมให้เขาได้กลับมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นผ่านเรื่องร้ายมาได้สองเดือน จวนตระกูลฟู่และตระกูลหลิวก็มีงานมงคลเกิดขึ้นผู้ตรวจการหลิวอยู่ในชุดมงคลนั่งบนหลังม้าสง่ามารับเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ภาพความทรงจำตอนที่ไปรับสวีอวี้หรันเข้าจวน ตัวเขาเองก็แทบจะจำไม่ได้แล้ว และไม่คิดจะจำอีกด้วยตอนกราบลาบิด
หลิวเลี่ยงเฟิ่ง มิกล้าพูดออกมา ว่าเป็นเพราะตัวเขา ตระกูลสวีคงต้องการให้สวีอวี้หรันแต่งเข้าตระกูลหมาน ผู้ใดเล่าจะไม่ต้องการบุตรเขยที่เป็นถึงผู้ตรวจการนครหลวงไปเสริมบารมีให้จวนตนเอง“อีกหนึ่งชั่วยาม ท่านไปรอที่ว่าการได้เลยขอรับ ข้าน้อยคงต้องออกไปช่วยตามหาคุณหนูสวีอีกแรง อาชวี่เจ้าไปกับข้า”“เหตุใดข้าต้องไปด้วยเล่า” ฟู่ชวี่ไม่เข้าใจ เขามีเหตุผลอะไรถึงต้องไปช่วยตามคนที่คิดร้ายกับน้องสาวของเขาด้วย“ประเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง”นายท่านฟู่ยังไม่ทันถามเลยว่า แล้วเหตุใดสวีอวี้หรันนางถึงได้ถูกลักพาตัวไปแทนบุตรสาวของตนได้ หลิวเลี่ยงเฟิ่งก็พาฟู่ชวี่เดินออกจากห้องโถงไปเสียแล้ว“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ฟู่ชวี่เอ่ยถามออกมาเมื่อทางที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งพาเดินมา เป็นป่าที่อยู่ด้านหลังทิศตะวันตก มิใช่เส้นทางที่จะออกนอกเมือง เช่นนี้แล้วจะเรียกว่าออกมาตามหาคนได้อย่างไร ด้วยคนร้ายก็คงไม่โง่จับตัวคนมาซ่อนเอาไว้ใกล้หูใกล้ตาเช่นนี้แน่“ข้าสั่งให้คนจับตัวคุณหนูสวีนางมาซ่อนเอาไว้ ข้าอยากให้นางได้รับรู้ว่าหากอาม่านนางถูกจับตัวไป นางจะต้องหวาดกลัวมากเพียงใด” ฟู่ชวี่เข้าใจสหายของตนได้ทันทีเพียงเดินเข้าไปในป่าไม่ได้ไกลมากน
ครั้งนี้เขารุนแรงกับนางไปหน่อย ด้วยโมโหที่คิดว่านางจะต้องไปเป็นสตรีของผู้อื่นเช่นชาติที่แล้ว หน้าของอู๋หยวนก็ไม่เคยได้พบเห็น แต่รู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูกรถม้าของฟู่จูอิ๋งเคลื่อนตัวได้ช้า ทำให้หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้ลงโทษนางจนพอใจ“บวมหมดแล้ว” หลิวเลี่ยงเฟิ่งมองริมฝีปากบางที่บวมเจ่ออย่างสงสาร“ก็ท่านมิใช่รึ ที่ทำข้า” ฟู่จูอิ๋งต้องใช้ผ้าปิดหน้าที่นางเตรียมมาแต่ไม่คิดว่าจะใช้ ปิดบังสิ่งที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งทำไว้หลิวเลี่ยงเฟิ่งลงจากรถม้าก่อนที่รถม้าจะมาหยุดลงที่หน้าโรงน้ำชา สถานที่ ที่ฟู่จูอิ๋งนัดพบกับสวีอวี้หรันพอหลิวเลี่ยงเฟิ่งเห็นสวีอวี้หรันมองมาทางตนอย่างหลงใหล เขาก็มองตอบนางอย่างรังเกียจโดยไม่ปิดบังเมื่อชาติที่แล้ว เขามิได้สังเกตการณ์กระทำของนาง พอมาตอนนี้จึงได้เข้าใจว่าทุกครั้งที่นางต้องการพบเจอเขา จะใช้ฟู่จูอิ๋งมาเป็นข้ออ้าง“คารวะพี่เฟิ่งเจ้าค่ะ”“เรียกข้าผู้ตรวจการหลิวเถิด หากผู้อื่นมาได้ยินจะเข้าใจผิดได้ คำเรียกขานนี้ ข้าให้อาม่านนางเรียกข้าได้เพียงผู้เดียว” ใบหน้าของสวีอวี้หรันซีดเผือดทันที ยิ่งสายตาของเขาที่มองนางอย่างโกรธแค้น หรือว่าจะรู้แผนการที่นางวางเอาไว้แล้ว“พี่เฟิ่ง ท่านพ
“คุณชาย คุณชายขอรับ หากตื่นสายกว่านี้ จะไม่ทันไปรับคุณหนูฟู่นะขอรับ”เสียงบ่าวร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมทั้งเสียงเคาะประตูระรัว ปลุกให้หลิวเลี่ยงเฟิ่ง ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเขามองไปรอบห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเรือนพักเก่า ที่เขาใช้อยู่ก่อนที่จะแต่งสวีอวี้หรันเข้ามาในจวนเขานั่งพิงหัวเตียงนวดขมับอย่างไม่เข้าใจ เขาจำได้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังนอนรอความตายอยู่บนเตียงอยู่เลยหลิวเพ่ยหมินผู้เป็นบุตรชาย ยังจับมือเขาไม่ห่าง และสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะฝังร่างของเขาใกล้สุสานตระกูลฟู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ความปรารถนาสุดท้ายที่จะได้พบเจอ ฟู่จูอิ๋งในภพชาติหน้าเป็นจริงหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ยังจำคำพูดสุดท้ายที่เยี่ยนอิงนางมาพบเขาก่อนตายได้ดี“ผู้ตรวจการหลิว ภพหน้าที่ท่านปรารถนามีจริง ข้าหวังว่าท่านจะตามหาท่านแม่ข้าเจอ แต่ท่านคงไม่เชื่อ ว่าข้า...คือคนที่ข้ามภพมาจากภพอื่น”เยี่ยนอิงเพียงต้องการให้เขาเชื่อว่าชาติภพมีจริง หากแรงปรารถนาของเขาแข็งแกร่งมากพอ นางเชื่อว่าเขาจะต้องได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ใช้สายตาที่พร่ามัว จ้องมองภาพของเยี่ยนอ
วันที่สามของการแต่งงาน เยี่ยนอิงกลับบ้านเดิม พร้อมข้าวของที่ตระกูลหมานจัดเตรียมเอาไว้ให้นางหลายคันรถม้า แม้จะบอกแล้วว่าที่จวนตระกูลฟู่มิได้ขาดแคลนสิ่งใด แต่ในเมื่อเป็นความตั้งใจของพ่อแม่สามี นางจึงมิอยากจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจ“พวกเจ้า กลับมาค้างที่จวนหมานบ่อยๆ เล่า” ฮูหยินหมานเอ่ยออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทั้งสองจะย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง จนกว่าจวนท่านแม่ทัพจะปรับปรุงเรียบร้อย“ได้เจ้าค่ะ ข้าอยู่ห่างไปเพียงสองตรอกเท่านั้น หากท่านแม่คิดถึงท่านพี่ ข้าจะให้คนมารับท่านไปพักด้วยกันสักหลายวันหน่อย”ฮูหยินหมานรู้ในความหมายของเยี่ยนอิง นางมิได้ชวนไปพักที่จวนตระกูลฟู่ แต่ชวนเข้าไปพักในมิติต่างหาก“ท่านพี่ ไปวันนี้เลยดีหรือไม่” ฮูหยินหมานหันไปเอ่ยถามสามี“อีกสองวันเถิด ข้าจะพาเจ้าไป” นายท่านหมานถอนหายใจออกมา กับความเอาแต่ใจของผู้เป็นภรรยาเยี่ยนอิงได้แต่อมยิ้มมองแม่สามีของนางงอนพ่อสามี ก่อนจะเอ่ยลากลับจวนตระกูลฟู่คนตระกูลฟู่ล้วนแต่ไม่มีผู้ใดไปทำงาน แม้แต่ซานเซินที่ไม่เคยทิ้งเรื่องการเรียนยังขอหยุดเพื่อรอรับพี่สาวอยู่ที่จวน“พี่หญิง!!!” เขาร้องเรียกอย่างยินดี พร
สายตาของหมานจื้อจ้าน จ้องมองร่างงามที่เปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างเหม่อลอย“จะมองอีกนานหรือไม่” เยี่ยนอิงกระดิกนิ้วอย่างเชื้อเชิญ“ไม่มองแล้ว” หมานจื้อจ้านรีบถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปอยู่บนเตียงเสียงใสของเยี่ยนอิงที่หัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานที่เกิดจากความเสียวซ่านที่ได้รับเรียวลิ้นร้ายของหมานจื้อจ้านกวาดเลียไปทุกส่วนของร่างกายเยี่ยนอิง ราวกับมาจะประทับร่องรอยของเขาไว้บนเรือนร่างงามของนางนิ้วมือของเขาลูบไล้เรือนร่างของนางอย่างหื่นกระหาย เมื่อเล้าโลมนางจนอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว นิ้วร้ายของก็หยอกล้ออยู่ที่กลีบดอกไม้งามอย่างเชี่ยวชาญ“อ๊า....” เยี่ยนอิงเชิดหน้าขึ้น ยามที่หมานจื้อจ้านส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของนางลิ้นของเขาก็ตวัดดูดกลืนเนินเนื้องามอย่างที่เคยหมายเอาไว้อย่างอดยาก มือด้านล่างก็เร่งจังหวะให้นางได้เสร็จสมเร็วขึ้น ด้วยตัวเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว“ชะ ช้า หน่อย” เยี่ยนอิงกัดฟันแน่น เมื่อหมานจื้อจ้านกดลำทวนของเขาเข้ามาในช่องทางรักจนเกือบจะมิดลำทวนในคราเดียว“เจ็บหรือไม่” เขาจูบที่ขมับของนาง“มะ ไม่” เยี่ยนอิงไม่ได้มีความรู้สึกเจ
Komen