"หากท่านรักข้า จงปล่อยข้าไปเสียเถอะเพคะข้าไม่อยากที่จะเจ็บปวดเช่นดังอดีตที่ผ่านมา" น้ำตาไหลรินร่วงหล่นน้ำเสียงที่เปล่งออกมาด้วยความเจ็บปวดปานจะขาดใจบอกบุรุษที่อยู่ตรงหน้าให้ได้รับรู้...
ดูเพิ่มเติมบทที่ 1 ราตรีสุดท้าย
ภายในห้องคุมขังที่มืดมนสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายากลับต้องถูกจองจำอยู่ในคุกแห่งนี้เพียงเพราะวิบากกรรมของนางในชาติปางก่อน ทำให้นางต้องมาชดใช้ในชาตินี้ กลิ่นห้องขังที่เหม็นอับความชื้นของพื้นห้องทำให้ร่างที่ถูกการโบยตีเป็นแผลเต็มตัว หนาวสั่นจนทนไม่ไหว นางนอนร้องไห้ด้วยความช้ำใจเพราะเหตุใดบุรุษที่เคยพร่ำรักนางหนักหนาถึงได้ตัดสินนางเช่นนี้
ร่างกายที่เจ็บปวดยากที่จะพยุงให้ตนเองลุกขึ้นจากพื้นเยือกเย็นไปที่กองฟางข้างๆ ได้ แสงของดวงจันทร์สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าที่ตอนนี้ช้ำเขียวไปหมดจากที่เคยแสนงามบัดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว นางนอนอิดโรยอยู่ที่พื้นพลางใช้มือลูบที่ท้องห่วงแต่ลูกของตนที่ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้
สักพักนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาหานางที่ห้องขังนี้ ในใจของนางหวังว่าจะเป็นคนที่ตนรักแต่ทว่ามิใช่อย่างที่นางคิดกลับกลายเป็นสาวใช้ข้างกายของนางที่เดินเข้ามาพร้อมข้าวปั้นที่แอบซุกซ้อนเอาเข้ามา
“พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเพคะ หม่อมฉันสงสารพระชายาเหลือเกิน ท่านกินอันนี้สักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้นั่งลงข้างๆนางที่ถูกโซ่ตรวนมัดขาทั้งสองข้างไว้
“ข้าไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะกินข้าวปั้นที่เจ้านำมาให้ ข้าอยากกินน้ำ” น้ำเสียงแหบพร่าที่พูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
“นี่เจ้าค่ะ ท่านค่อยๆกินนะเพคะ”สาวใช้รีบเอาน้ำที่นางพกมาให้นายหญิงของนาง
“ซูฮวาเจ้าช่างดีกับข้าเหลือเกิน แต่ชาตินี้ข้าคงอยู่เป็นพระชายาของเจ้าต่อไปไม่ไหวแล้ว” นัยน์ตาของนางตอนนี้ช่างว่างเปล่า
“เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนั้นเจ้าคะ ฮื้อๆ “ ซูฮวามิอาจจะห้ามไม่ให้ตนร้องไห้ออกมาไม่ได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินคำพูดของนายหญิงของนาง
“ตอนนี้ข้ารู้ตัวเองดี ข้าเหนื่อยข้าสงสารเพียงลูกของข้าเท่านั้น”
“พระชายาหม่อมฉันรู้ว่าท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น หม่อมฉันเชื่อมั่นในตัวของท่าน”
“ถึงเจ้าเชื่อใจข้า แต่ว่าตอนนี้ท่านพี่มิอาจเชื่อในคำพูดของข้าอีกต่อไป ข้าฝากเจ้าดูแลท่านพ่อท่านแม่ของข้าด้วย”
“ทำไมท่านถึงพูดเช่นนี้กับหม่อมฉันเพคะ ท่านจะไปไหนหม่อมฉันไม่ให้ท่านไป”
“เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าข้าถูกตัดสินเช่นไร รุ่งสางท่านพี่จะมอบความรักครั้งสุดท้ายให้กับข้า ข้าถูกตัดสินให้กินยาพิษเพื่อชะล้างความผิดที่ข้าไม่ได้ก่อ แต่เมื่อท่านพี่คิดว่าข้าทำและความรักของท่านพี่ที่มีต่อข้าบัดนี้ได้หมดสิ้นไปแล้ว เจ้าจงจำคำพูดของข้าไว้และฝากบอกท่านพี่แทนข้าด้วย ข้ามิอาจจะรอให้ถึงรุ่งสางได้ ในเมื่อข้าจะต้องตายข้าขอตายด้วยน้ำมือของตนเองเสียดีกว่า”
“ไม่นะเพคะ หม่อมฉันไม่ให้ท่านทำเช่นนั้น หม่อมฉันจะไปทูลต่อท่านอ๋องให้ลดโทษให้ท่านอย่างน้อยตอนนี้ท่านก็ท้องลูกของท่านอ๋องอยู่ “
“หยุดเถิด ท่านพี่ไม่ฟังเจ้าหรอกนะไม่แน่เจ้าก็อาจจะถูกทำโทษด้วยเช่นกันตอนนี้ท่านพี่โกรธจนไม่ลืมหูลืมตาคงจะไม่เชื่อว่าลูกในท้องเป็นของเขาแน่นอน ฟังข้านะนี่เป็นคำขอสุดท้ายจากข้า” หลิ่งฟู่ใช้มือที่แทบจะไม่มีแรงจับที่แขนของซูฮวาให้ฟังคำขอครั้งสุดท้ายของตน
“ได้เพคะ ข้าจะฟังท่านทุกอย่างไม่ว่าท่านจะให้หม่อมฉันทำอะไรหม่อมฉันก็จะทำ”
“นำคำพูดของข้าไปบอกท่านพี่เมื่อตอนที่ข้าจากไปแล้ว “ ซูฮวานางสะอึกไห้เพราะรู้ดีว่าอย่างไรนางก็ช่วยนายหญิงของนางไม่ได้ และต้องจำใจยอมฟังขอคำสุดท้าย
“หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราหากันไม่เจอและจำกันไม่ได้ ไม่รู้สึกผูกพันใดๆทั้งสิน ทุกเวรกรรมขอให้จบกันในเพียงชาตินี้ ข้าหลิ่งฟู่ผู้นี้มีเพียงท่านพี่ผู้เดียวและเสมอมา ข้าขอรักท่านพี่เพียงชาตินี้ชาติเดียวก็เพียงพอ ความรักและความเจ็บปวดที่ท่านพี่ได้มอบให้ข้ามา ข้าจะเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจของข้า” เสียงของหลิ่งฟู่ที่เปล่งออกมาจากความเจ็บปวดและคับแค้นใจปนความสุขที่เคยมีร่วมกันแต่ว่าหากมีชาติหน้านางขอใช้ชีวิตโดยที่ไม่รู้จักเขาเสียจะดีกว่า
สิ้นคำพูดของนางก็พลักซูฮวาให้เดินออกไป
“ เจ้าจงไปเถิดแล้วอย่าหันกลับมาไม่ว่าจะได้ยินเสียงอันใดก็ตาม”
“ไม่นะเพคะ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย” แม้ว่าซูฮวาจะอ้อนวอนขออย่างไรหลิ่งฟู่ก็มิอาจเปลี่ยนใจ
“ข้าขอล่ะซูฮวา” นางเดินออกมาทั้งน้ำตาและความปวดร้าวภายในใจ เพียงไม่กี่ก้าวที่นางเดินออกมาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหลิ่งฟู่ที่ร้องดังออกมา ซูฮวาไม่อาจจะทำตามคำสั่งของนางได้จึงรีบวิ่งกลับไปดูก็พบว่าพระชายาของนางได้ปลิดชีพตนเองไปแล้ว
หลิ่นฟู่มิอาจทำใจรอถึงรุ่งสางและมองหน้าคนที่นางรักสุดหัวใจถวายยาพิษให้นางได้นางลูบท้องของตนเองและพร่ำขอโทษลูกที่อยู่ในท้อง ก่อนที่จะใช้ปิ่นปักผมที่ท่านอ๋องชายที่นางรักที่สุดมอบให้นางเป็นของขวัญชิ้นแรก ปักลงที่คอของนาง
“เราไปอยู่ที่ๆมีแค่เราสองคนกันเถอะนะลูก แม้ว่าพ่อของเจ้าไม่รักเจ้า แต่แม่ของเจ้าผู้นี้รักเจ้ายิ่งนัก แม่ขอโทษที่ทำให้เจ้าไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลก แม่ขอโทษ ท่านพี่ข้าลาก่อน กรี๊ด!!”
สิ้นเสียงกรี๊ดร้องที่เจ็บปวดเลือดค่อยๆไหลรินออกมา ร่างของหลิ่งฟู่ล้มลงสายตามองดูดวงจันทร์ที่สาดส่องมาอย่างสวยงามก่อนที่นางจะค่อยๆสิ้นใจลงอย่างช้าๆ......
ตอนพิเศษเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายเดือนสายลมพัดผ่านร่างเล็กที่ยืนมองทอดไปด้านหน้าสายตาจับจ้องไปที่ท้องฟ้ายามนี้บ้านเมืองสงบสุข ความรักของนางก็เช่นกันไม่มีวันใดที่นางไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยจากท่านจวิ้นอ๋องเลย“พระชายาเจ้ามายืนอยู่ด้านนอกเช่นนี้ไม่หนาวรึ เข้าไปด้านในกันเถอะ” ท่านอ๋องเดินมาจากด้านหลังสวมกอดร่างเล็ก“ข้าหวนนึกถึงอดีตเพคะ เข้าฤดูหนาวทีไรใจของข้ามักจะเจ็บปวดทุดครั้งเลยเพคะ” หลิ่งฟู่เงยหน้ามองชายที่โอบกอดนางอยู่“ใยเจ้าต้องนึกถึงอดีตอีกเล่าตอนนี้ข้าเองก็ได้แก้ไขทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว เจ้าทำใจสบายเถิด ซูฮวาเจ้าไปนำชาอุ่นๆ มาให้พระชายาทีร่างกายจะได้อบอุ่น” ท่านอ๋องได้หันไปบอกแก่สาวใช้“เพคะ” ซูฮวาเดินเข้าไปด้านในหลิ่งฟู่เองก็เช่นกันนางได้เดินตามท่านอ๋องเข้ามาในห้อง สักพักฉางอู่ก็ได้เข้ามาหาท่านอ๋อง“ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านแม่ทัพหยวนเป่ามาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”“งั้นรึ เจ้าพาแม่ทัพหยวนเป่าไปรอที่ห้องรับรองเถิดเดี๋ยวข้ากับพระชายาจะตามไป”“พะย่ะค่ะ” ฉางอู่ได้เดินออกไป“ท่านแม่ทัพมาหาท่านทำไมกันนะเพคะ ช่วงเวลานี้บ้านเมืองก็สุขสงบไม่มีข้าศึกโจมตีแล้วแท้ๆ” หลิ่งฟู่ถามออกมาด้วยคว
บทที่ 33 ครองรักกันอีกครั้งนางได้นั่งรถม้ามาหาท่านจวิ้นอ๋องถึงกองทัพพร้อมกับซูฮวา ยามนั้นนางปากแข็งหากว่าเขาเป็นอะไรหรือหายไปจากชีวิตของนางก็คงดี บัดนี้ท่านจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บจริงๆ นางกลับรู้สึกใจหาย และกระวนกระวายอยากไปพบท่านจวิ้นอ๋องด้วยตัวของนางเองเพียงไม่นานรถม้าก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้ากองทัพ ทหารก็ได้เข้ามาถามว่าแม่นางทั้งสองมาหาผู้ใด"ไม่ทราบว่าแม่นางทั้งสองมาหาผู้ใดกันหรือขอรับ ข้าจะได้ไปแจ้งให้แม่ทัพหยวนเป่าได้รู้""ข้าเป็นคนรักของท่านจวิ้นอ๋อง ข้าได้รู้ข่าวว่าท่านจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บข้าขอเขาไปพบได้หรือไม่""เดี๋ยวข้าต้องเข้าไปเรียนท่านแม่ทัพแม่นางโปรดรอสักครู่" ทหารผู้นั้นวิ่งเข้าไปที่กองทัพ แม่ทัพหยวนเป่าต่างแปลกใจที่กองทัพเช่นนี้สตรีนางใดก็ไม่กล้าเข้ามาเยือน เขาจึงได้ออกมาพบนาง เมื่อนางเห็นแม่ทัพหยวนเป่าหลิ่งฟู่รีบวิ่งไปหาเขาทันที."แม่ทัพหยวนเป่าท่านจวิ้นอ๋องเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บาดเจ็บมากน้อยเพียงใด" แม่ทัพถึงกับงงงวยว่าสตรีนางนี้รู้จักชื่อเขาได้อย่างไร สงสัยเป็นเพราะท่านจวิ้นอ๋องคงเล่าเรื่องของเขาให้นางฟัง เขาเลยเชื่อว่าเป็นคนรักของท่านจวิ้นอ๋องจริงๆ"ท่านจวิ้นอ๋อง
บทที่ 32 ลาก่อนหมอกควันหนาเตอะทำให้หลิ่งฟู่มองไม่เห็นหนทางด้านหน้า มือของนางเต็มไปด้วยเลือดที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใด บรรยากาศช่างเยือกเย็น นางหันมองซ้ายมองขวาและเห็นเงาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังเดินจากนางไป นางจึงรีบเดินตามหลังชายผู้นั้นหวังจะออกมาหมอกควันนี้ไป"นี่เจ้าเป็นผู้ใด รอข้าด้วยให้ข้าออกไปกับเจ้าด้วย" หลิ่งฟู่ตะโกนบอกชายตรงหน้าและเขาก็หันหน้ามามองหลิ่งฟู่ด้วยรอยยิ้มที่แสนหวานแต่แววตากลับโศกเศร้า"ในที่สุดเจ้าก็เรียกข้าและจะมาพร้อมกับข้าแล้วหรือพระชายา" ทันทีที่ชายผู้นั้นหันกลับมาหลิ่งฟู่ก็จำได้ว่านั้นคือท่านจวิ้นอ๋อง แต่ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวริมฝีปากแห้งเกรอะ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นชุดเกาะที่สวมใส่เพื่อออกรบเต็มไปด้วยเลือด นางมองต่ำลงเรื่อยๆ ก็พบเลือดที่ไหลรินอกมาจากหน้าท้องด้านซ้ายของจวิ้นอ๋องที่ไม่ยอมหยุดเสียที"ท่านเกิดอะไรขึ้นเหตุใดเลือดของท่านถึงไหลออกมามากมายขนาดนี้ " หลิ่งฟู่รีบเดินเข้าไปไกลแต่เหมือนท่านจวิ้นอ๋องนั้นไกลจากนางยิ่งกว่าเดิม"ข้าทำได้แล้วนะ ข้าไม่ต้องรับมู่เอ๋อร์เข้าที่จวนของเราแล้ว แต่ข้าคงไม่มีวาสนาได้เคียงข้างกับเจ้า วันนี้ข้าเลยจะมาลา ได้โปร
บทที่ 31 โหยหาวันคืนไม่ย้อนกลับวันเวลาแห่งความสุขไปสิ้นหายไปตั้งแต่คืนนั้นมาหลิ่งฟู่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ที่ห้องของตนเองไม่ออกไปพบเจอผู้ใด ไม่ว่าใต้เท้าโจและท่านแม่ของนางจะเข้ามาหาเพื่อถามถึงเหตุุที่บุตรสาวของตนเองเปลี่ยนไปก็ไม่รู้แจ้งซูฮวานางรู้สึกสงสารที่คุณหนูของนางเอาแต่เม่อลอย นางไม่รู้เลยว่าคุณหนูของนางกับท่านจวิ้นอ๋องโกรธเคืองเรื่องใดกันถึงทำให้คุณหนูหลิ่งฟู่ถึงเอาแต่เหม่อลอยอยู่ทุกคืนวัน"คุณหนูเจ้าคะ ช่วงนี้ก็หมดฤดูฝนแล้วเราออกไปเดินเล่นที่ตลาดกันดีมั้ยเจ้าคะ ""ข้าเหนื่อย ไม่อยากออกไปที่ใดเลย ""คุณหนูรู้มั้ยเจ้าคะ ที่คุณหนูเป็นอยู่เช่นนี้ทุกคนต่างก็เป็นห่วงข้าไม่รู้หรอกนะเจ้าคะว่าคุณหนูกับท่านจวิ้นอ๋องเกิดเรื่องอันใดขึ้น และข้าก็รู้ว่าคุณหนูเองก็ชอบท่านอ๋องทำไมท่านต้องคอยไล่ให้ท่านอ๋องไปไกลๆ จากชีวิตท่านด้วยละเจ้าคะ ""ข้าไม่ได้ชอบท่านจวิ้นอ๋องเสียหน่อย" หากแต่ว่านางดันรักเขาหมดหัวใจ"หากท่านไม่ได้ชอบแล้วท่านจะมานั่งเศร้าโศกเสียใจในวันที่ท่านอ๋องไม่มาหาท่านอย่างนี้ทำไมเจ้าคะ ท่านต้องดีใจมิใช่หรือ ชีวิตของคนเรานั้นมันสั้นนักนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้คุณนูของข้าต้องมานั่งเสียใจภ
บทที่ 30 ข้ารักเจ้าท่านจวิ้นอ๋องเองก็เฝ้าคิดทั้งคืนวันเขาเป็นห่วงนางเหลือเกินแต่ก็ออกตามนางไปไม่ได้ หากเขาตามนางไปจะคอยทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม จนรุ่งเช้าท่านอ๋องก็ยังคงเป็นห่วงนาง ท่านอ๋องจึงตัดสินใจไปหานางที่บ้านเมื่อมาถึงท่านอ๋องก็ได้เข้าไปพบกับใต้เท้าโจก่อนจะขอมาหาบุตรสาวของเขาและรู้ว่าหลิ่งฟู่ไม่สบายเป็นไข้หวัด"ซูฮวาคุณหนูของเจ้าอยู่ด้านในหรือไม่" ท่านอ๋องเดินมาที่หน้าห้องของหลิ่งฟู่เห็นซูฮวากำลังนำน้ำไปเช็ดตัวเขาเลยนอ่ยถามนาง"คาระวะท่านจวิ้นอ๋อง วันนี้คุณหนูของหม่อมฉันไม่สบายนอนที่ในห้องเพคะ""นางป่วยหนักเลยรึ ข้าขอเข้าไปพบนางได้หรือไม่""หม่อมฉันขอเข้าไปถามคุณหนูก่อนนะเพคะ ท่านจวิ้นอ๋องโปรดรอสักครู่"ซูฮวาเดินเข้าไปหาฟลิ่งฟู่ที่ห้องนอนเพื่อถามว่าจะออกไปพบท่านจวิ้นอ๋องหรือไม่"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่นี้ก่อนที่ข้าจะเข้ามาท่านจวิ้นอ๋องขอเข้ามาพบท่าน ท่านจะอกไปพบท่ายจวิ้นอ๋องมั้ยเจ้าคะ" หลิ่งฟู่ที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นทันที"ไม่ ข้าไม่ต้องการพบบุรุษผู้นี้เจ้าจงไปบอกท่านจวิ้นอ๋องว่าชาตินี้ไม่ต้องมาหาข้าอีก ""ได้เจ้าค่ะ " ซูฮวาก็ได้รู้ทันทีว่าที่คุณหนูของนางร้องไห้เมื่อวานต้องเกิดมาจ
บทที่ 29 อย่าได้พบเจอกันอีกเลยข้าไม่อยากมีชะตาเช่นดังอดีตเมื่อใกล้แจ้งนางจึงรีบไปหาท่านจวิ้นอ๋องที่จวนของเขา และนางจำได้ดีว่าทางไปที่จวนของท่านจวิ้นอ๋องนั้นไปทางใด แม้ตอนนี้นางฝนยังคงตกอยู่ไม่รู้จักหยุดแต่ก็ไม่ได้ทำให้นางหวนกลับบ้านของตน วันนี้นางต้องไปพบเจอท่านจวิ้นอ๋องให้ได้ นางไม่ลืมที่จะคว้านำปิ่นที่เขานำมาให้นางกลับไปให้เขาดังเดิม และถือร่มเดินตากฝนไปที่จวนของงท่านจวิ้นอ๋องโดยไร้ความกลัวใดๆเมื่อนางมาถึงที่จวนของจวิ้นอ๋องก็ได้บอกให้ทหารแจ้งต่อท่านอ๋อง เมื่อเขารู้ว่านางมาหาเขาถึงที่จวน เขาดีใจอย่างมากและเป็นเห่วงนางซะเหลือเกินที่เดินผ่าฝนมาทหารได้พาหลิ่งฟู่ไปพบท่านจวิ้นอ๋องที่ตำหนักของเขา ทันทีที่เห็นหน้าหลิ่งฟู่ท่านจวิ้นอ๋องยิ้มในนางด้วยความดีใจแต่ทว่าเมื่อหลิ่งฟู่เข้ามาถึงนางก็โยนปิ่นอันนั้นใส่หน้าของท่านจวิ้นอ๋องอย่างแรง"ที่ท่านนำปิ่นมาให้ข้าเพราะว่าจะให้ข้าได้รับรู้ว่าปิ่นอันนี้ข้าใช้ปลิดชีพตนเองหรือไร ไม่ว่าเมื่อใดท่านก็ยังคงใจร้ายเช่นเคย" นางเปล่งเสียงออกมาอย่างติดขัดเพราะตอนนี้น้ำตาของนางกำลังไหลรินออกมาด้วยความคับแค้นใจและเจ็บปวดเจียนตายจวิ้นอ๋องหุบยิ้มทันที เขาไม่เข้า
ความคิดเห็น