เข้าสู่ระบบเพราะถูกยัดเยียดให้เป็นแพะรับบาป จันทริกาจึงได้รับการลงทัณฑ์อันสุดโหดร้าย จากผู้ชายที่เคยเป็นดั่งแสงตะวันในชีวิต จันทริกา : ชีวิตของเธอไม่ได้สวยเด่นเฉิดฉายประดับนภาในยามรัติกาลประดุจชื่อแต่อย่างใด ตรงกันข้ามพระจันทร์ดวงนี้กลับมีแต่ความหมองหม่นและหนาวเหน็บ กระทั่งมีแสงตะวันอันอบอุ่นสาดแสงมาพบความงดงามของเธอ แต่ไม่นานตะวันดวงนั้นก็กลับกลายเป็นความโหดร้ายของชีวิต รังสิมันต์ : เขาคงไม่โหดร้ายเท่านี้ ถ้าคนที่ทำลายลูกและเมียของเขา จะไม่ใช่เด็กสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
ดูเพิ่มเติม“พี่คะๆ พี่ทำกระเป๋าเงินหล่นค่ะ”
เสียงหวานใสที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ร่างสูงซึ่งเพิ่งกดวางสายโทรศัพท์หยุดชะงักอย่างเป็นอัตโนมัติ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเสียงเสียงนั้นกำลังเอ่ยเรียกใคร ทว่าความกังวานหวานใสนั้นกลับสามารถสะกดเขาให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ หันมามอง เพราะภายในใจร้องบอกและอยากรู้เหลือเกิน ว่าหน้าตาเจ้าของเสียงอันแสนไพเราะนั้นเป็นอย่างไร
และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้หัวใจของรังสิมันต์เกิดอาการกระตุกอย่างไร้เหตุผล ภาพเด็กสาวรูปร่างเพรียวระหงที่มัดผมหางม้าเป็นพวงไว้ด้านหลัง อวดใบหน้ารูปไข่อันหวานสมตัว จนเขาอดไม่ได้ที่จะต้องสำรวจมองทุกรายละเอียดบนใบหน้านั้นอย่างไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
‘เธอ’ อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย บนหน้าอกปักอักษรย่อชื่อโรงเรียนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ผิวหน้าใสละมุนเหมือนผิวเด็ก ไร้เครื่องสำอางใดๆ ปกปิดความงดงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้รังสิมันต์พอใจไม่น้อย คิ้วเรียวได้รูปรับกับดวงตาที่สวยดั่งนางกวางสาว ตาคู่นั้นเปล่งประกายแต่เจือไว้ด้วยความเศร้าบางอย่างที่ชวนให้อยากค้นหา จมูกโด่งรับกับเครื่องหน้า และสิ่งที่ทำให้จังหวะการหายใจของเขาผิดปกติ เช่นเดียวกับจังหวะการเต้นของหัวใจเมื่อครู่นี้ก็คือ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อแบบธรรมชาติให้มา มันทำให้เขาเกิดคำถามในใจว่า เคยมีผู้ชายคนไหนประทับรอยจูบลงบนปากสวยๆ นั้นหรือยัง และถ้าหากว่าปากของเขาได้ประกบลงไปบ้างล่ะ มันจะให้ความรู้สึกเช่นไร
“กระเป๋าของพี่ค่ะ”
เสียงหวานใสดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมือเรียวบางยื่นกระเป๋าหนังสีดำแบบบุรุษมาให้ตรงหน้า ทำให้รังสิมันต์หลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ตาคมกะพริบถี่ๆ และละจากดวงหน้าใสหวานเป็นครั้งแรก เพื่อก้มลงมองว่ามันใช่กระเป๋าสตางค์ของเขาจริงๆ หรือไม่
“ขอบคุณครับ” รังสิมันต์เอ่ยขึ้นและยื่นมือไปรับเมื่อเห็นว่ากระเป๋าอันคุ้นตาใบนั้นเป็นของตน เขาคงทำมันหล่นตอนล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แค่พยักหน้าน้อยๆ แล้วทำท่าว่าจะเดินหนีไป ทำให้รังสิมันต์ต้องรีบเรียกไว้ทันที
“เดี๋ยวก่อนครับน้อง”
“คะ? พี่มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
รังสิมันต์ไม่ตอบในทันที แต่เปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอาธนบัตรฉบับละพันออกมาห้าใบ ก่อนจะยื่นสิ่งที่ใครๆ ก็เรียกว่าเงินให้กับเด็กสาว เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนน้ำใจความเป็นเด็กดีของเธอ
“พี่ให้ รับไปสิ”
“หนูไม่รับหรอกค่ะ หนูแค่เห็นว่าพี่ทำกระเป๋าเงินหล่นก็เลยเอามาคืนพี่” เด็กสาวปฏิเสธพร้อมกับส่ายหน้า
“แต่พี่อยากให้รางวัลกับเด็กดี”
“หนูไม่ได้ทำอะไรมากถึงขนาดจะต้องได้รางวัลขนาดนี้ เงินนี่ตั้งหลายบาท พี่เก็บไว้เถอะค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”
ว่าแล้วเด็กผู้หญิงในชุดมัธยมปลายก็เดินจากไปพร้อมกับดึงสายตาของรังสิมันต์ให้มองตามไปด้วย จนกระทั่งเห็นว่าเธอเดินเข้าไปในร้านเค้กแห่งหนึ่ง
เท้าของเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นก้าวตามไปอย่างเป็นอัตโนมัติ เธอไม่รับเงินจากเขา อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ตอบแทนน้ำใจอันงดงามของเธอเป็นอย่างอื่นบ้างนะ แม่เด็กน้อยผู้น่ารักของฉัน
ไฟร้านเบเกอรีในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเชียงใหม่ ถูกประดับด้วยสีส้มนวลตาผิดกับบรรยากาศภายนอกร้านซึ่งสว่างจ้าด้วยแสงของดวงไฟสีขาว เค้กมากมายหลายแบบวางเรียงรายกันอยู่ในตู้กระจกใส เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรรอย่างละลานตา จันทริกากวาดมองความสวยงามของเค้กก้อนนั้นก้อนนี้อยู่ชั่วขณะ ก่อนจะบอกพนักงานร้านหยิบก้อนที่ตัดแบ่งเป็นชิ้นแล้วให้ชิ้นหนึ่ง
“ทำไมไม่เอาใหญ่ๆ กว่านี้ล่ะ”
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของร่างสูงซึ่งเพิ่งได้เจอกันเมื่อครู่นี้ ทำให้จันทริกาเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย ไม่เชิงว่าตกใจแต่แปลกใจมากกว่าที่เห็นว่าเป็นเขา
“พี่...” เสียงหวานเอ่ยเรียกสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้ามีชื่อว่าอะไร
“เลือกสิ อยากได้กี่ปอนด์ก็ตามสบายเลย เดี๋ยวพี่ซื้อให้” รังสิมันต์บอกอย่างใจดี แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังเริ่มสวมวิญญาณป๋าสายเปย์กับเด็กคนนี้ต่างหาก เธอจะรู้ไหมนะหนูน้อยว่าต่อให้เธอเหมาเค้กทั้งร้าน เขาก็จ่ายได้ โดยไม่แม้แต่จะกระเทือนยอดเงินในบัญชีธนาคารของเขาด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเอาชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็พอ หนูกินคนเดียวน่ะค่ะ” จันทริกาปฏิเสธเช่นเดิมและอธิบายถึงเหตุผลที่เลือกเค้กชิ้นตัดแบ่งนั้น
“ให้พี่จ่ายให้นะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูจ่ายเองได้”
“เถอะน่า ถือว่าเป็นการตอบแทนที่เราเก็บกระเป๋าตังค์คืนให้พี่ เมื่อกี้พี่ให้เงินเราก็ไม่รับ คราวนี้พี่ขอเลี้ยงเค้กก็แล้วกัน”
“งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เสียงใสๆ กล่าวขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้อย่างน่ารัก ทำเอารังสิมันต์รับไหว้แทบไม่ทัน คาสโนวาผู้มีประสบการณ์ช่ำชองรีบควบคุมอาการเงอะงะของตัวเองให้สงบ ก่อนจะพาเธอขยับไปยังหน้าเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินค่าเค้กชิ้นเท่าขี้ตาแมวในความคิดของเขา
จันทริกาส่งเค้กชิ้นนั้นให้กับพนักงานเพื่อใส่ถุงหิ้ว ส่วนรังสิมันต์ทำหน้าที่เป็นคนจ่ายเงิน เธอยืนรอเงียบๆ ขณะที่อีกคนใช้ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นมองมายังเด็กสาวที่ยืนข้างๆ ราวกับจะประทับภาพเธอเอาไว้ในใจให้ได้มากที่สุด
“ได้แล้วค่ะ” พนักงานร้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นถุงเค้กและเงินทอนมาให้
เด็กมัธยมปลายรับเค้ก หากแต่เจ้าของห้างกลับไม่ยอมรับเงินทอน เขาบอกให้พนักงานเก็บไว้เป็นทิป ทำให้จันทริกาเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความประทับใจและซาบซึ้งใจ นอกจากเขาจะมีน้ำใจกับเธอแล้ว เขายังมีน้ำใจกับพนักงานร้าน ซึ่งเธอรู้ดีว่าคนทำงานระดับแบบนี้ต้องเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะได้เงินแต่ละบาท แม้อาจจะไม่เหนื่อยดังเช่นกรรมกรที่ต้องตรากตรำกรำแดด ทว่างานบริการไม่มีงานไหนที่สบายหรอก
บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก
บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก
บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ
บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ
บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ
บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก
ความคิดเห็น