บนโลกกลมๆใบนี้เต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อมากมายที่แม้แต่หลักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้แล้วมันจะผิดแปลกอะไรหากวันหนึ่ง…ความปรารถนาอันแรงกล้าของพระรองที่เป็นเพียงตัวละครในนิยายทำให้คำคืนหนึ่งมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้น ขณะพายุโหมกระหน่ำ นีรชา เจ้าของนิยายแนวรักโรแมนติกถูกดึงเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งและที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้น....คือการที่เธอเข้าไปอยู่ในร่าง พราวดาว นางร้ายในนิยายของตัวเอง ราวกับโชคชะตาต้องการเล่นตลกหลังจากหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตนเองเขียนเพียงชั่วข้ามคืน...เธอก็กลายเป็นดาราขยันมีข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวันแต่เรื่องเหลือเชื่อเหล่านี้ก็ยังไม่ชวนให้เธอ "หัวจะปวด" เท่าการที่เธอต้องกลายเป็นผู้หญิงของพ่อพระรอง โอกาสทองที่จะได้ใกล้ชิดพระเอกนิยายของตัวเองอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าต้องมาอยู่ข้างกายอีกคนแทน แถมยังถูกคนที่รับบทเป็นเพียงพระรองปั่นป่วนหัวใจเธออีก ปั่ดโธ่โว้ยย!
view moreขณะที่ใครหลายคนคงกำลังนอนหลับสบายเนื่องจากข้างนอกนั้นท้องฟ้าทำท่าจะหลั่งน้ำตาลมเย็นๆ โชยผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกระทบหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งใช้ความคิดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวเดิม
นีรชา เป็นนักเขียนที่เผยแพร่นิยายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ความเป็นมานั้นเกิดจากการที่เธอชื่นชอบการดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจ ชอบถึงขั้นเก็บเอาความหล่อเหลาของพระเอกมานอนฝัน
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เธอจึงลุกขึ้นมาแต่งเรื่องราวที่มาจากจินตนาการ จุดประสงค์ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเธอเอง ผู้ชายเย็นชา เย่อหยิ่งแต่คลั่งรักกว่าใครล้วนแล้วแต่ถูกหยิบยกมาเป็นพระเอกในนิยายของเธอแล้วทั้งนั้น
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่สมองของนักเขียนสาวไม่แล่นแต่ในที่สุดเธอก็คิดบทบรรยายดีๆออก เพียงไม่กี่บรรทัดที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านแป้นพิมพ์อาการเขินตัวบิด ยิ้มแก้มปริก็เกิดขึ้นเมื่อต้องบรรยายฉากเร่าร้อนของพระนาง
แต่กว่าที่ดอกพิกุลจะร่วงหล่นลงมาจากปาก พระเอกของเธอก็เล่นเอาคนอ่านสาปส่งไม่รู้กี่ตอนต่อกี่ตอนแล้ว
แต่เนื่องจากนีรชาไม่มีประสบการณ์บนเตียงมาก่อนอย่าว่าแต่เรื่องอย่างว่าเลยแค่จูบริมฝีปากอิ่มก็ยังไม่เคยได้ต้องชายใด ฉากชวนวาบหวิวในนิยายที่คนอ่านชอบก็มาจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการหาหนังผู้ใหญ่ที่มีอยู่ว่อนอินเทอร์เน็ตมาเปิดดู ทั้งท่าทางน้ำเสียงโหยหวนนีรชาล้วนจดจำมาจากหนังเรตเนื้อหาถึงอกถึงใจเหล่านี้ทั้งนั้น
“เฮ้อ เสร็จสักที” เสียงหวานเอ่ยพลางกางแขนออกเหยียดขี้เกียจอ้าปากหาวหวอดๆ ด้วยความง่วงเต็มประดาก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมมือไปกดปิดสวิสต์คอมพิวเตอร์แล้วทิ้งตัวลงยังเตียง ทันทีที่เปลือกตาสวยปิดสนิทเธอก็หลับเป็นตาย
เช้าวันใหม่แสงแดดจ้าลอดผ่านริ้วผ้าม่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนที่นอนอุดอู้อยู่ในผ้าห่มผืนหนานุ่มฝืนลืมตาขึ้นมา
“ตายแล้ว” นีรชาดีดตัวขึ้นมาจากที่นอนด้วยความตกใจเมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้อยู่ที่เลขแปดร่างเล็กกุลีกุจรลงจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำเป็นการด่วน วันนี้มีเรียนชั่วโมงแรกตอนเก้าโมงเช้าแต่ตอนนื้เกือบจะแปดโมงอยู่แล้ว
เพราะฉากวาบหวิวของท่านประธานแท้ๆ
ไม่วายที่นีรชาจะยกความผิดทั้งหมดให้พระเอกคนโปรดของเธอ
ทันทีที่นีรชาคว้ากระเป๋าใบเล็กพร้อมหนังสือสองเล่มติดมือได้ก็รีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นหอมที่ลอยเข้าจมูกมาแต่ไกลเดาว่ามื้อเช้าคนเป็นพ่อคงจะเตรียมโจ๊กหมูของโปรดเอาไว้ให้
“แล้วไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก” อรรถพลเอ่ยถามลูกสาวที่ทำท่ารีบร้อนขณะถือโจ๊กร้อนๆ ออกมาจากในครัว
ปีนี้อรรถพลอายุห้าสิบปลายๆ เขาเลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพังเพราะภรรยาเสียไปตั้งแต่ตอนที่อายุได้แค่สิบขวบอรรถพลเป็นพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่งด้วยประสบการณ์ทำงานกว่าหลายปีเงินเดือนและค่าตอบแทนเลยพอจะส่งเสียให้บุตรสาวได้เรียนสูงๆ
“ไม่ทันแล้วค่ะพ่อฟ้าจะสายแล้วเอาไว้ตอนเย็นนะคะ” นีรชาตอบคนเป็นพ่อด้วยความรีบร้อนออกไปจากบ้าน ถึงแม้ฐานะครอบครัวจะพอมีกินมีใช้ แต่อรรถพลก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดจะซื้อรถสวยๆ ให้ขับเธอจึงอาศัยนั่งรถเมล์ไปมหาวิทยาลัยทุกวันแต่วันนี้เห็นทีเธอคงต้องใช้บริการแท็กซี่เสียแล้ว
ต้องขอบคุณคุณลุงโชเฟอร์ที่ชำนาญเส้นทางจนพานีรชามาถึงมหาวิทยาลัยแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เจ้าของร่างบางวิ่งหอบเหนื่อยเข้าห้องเรียนด้วยชุดนักศึกษารัดรูปอย่างที่ถูกจริตสวมรองเท้ามีส้นแต่ไม่สูงมาก
“นอนดึกอีกแล้วสิท่าถึงมาสภาพนี้” ก้นยังไม่ทันหย่อนถึงเก้าอี้เธอก็ถูกเพื่อนซี้ทักอย่างรู้ทัน
“เกือบเช้า” คนถูกถามเอามือป้องปากขณะอ้าปากหาวหวอดๆ เพราะกว่าจะเขียนนิยายออกมาได้แต่ละตอนเธอต้องใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงบางครั้งก็เป็นวัน
“แล้วแต่งใกล้จบหรือยังฉันอยากอ่านจะแย่แล้วนะ” เพลินเพลงคือเพื่อนที่นีรชาสนิทด้วยที่สุด ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เพลินเพลงชอบดูซีรีส์และชอบอ่านนิยายรักหวานแหววเหมือนกันแต่ติดตรงที่ไม่มีพรแสวงด้านนี้เลยได้แต่สนับสนุนเพื่อน
“ยังเลยพึ่งได้ครึ่งเรื่องเอง” นีรชาเท้าคางส่ายหน้าเนือยๆ พลางถอนหายใจยาว ทีแรกที่ลงมือทำไม่คิดว่าจะยากเย็นขนาดนี้แต่พอเอาเข้าจริงถึงรู้ว่าการแต่งนิยายเรื่องๆ หนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพลินเพลงกำลังจะถามต่อแต่อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาในห้องก่อนทั้งสองสาวเลยต้องจบบทสนทนาเพียงแค่นี้
เรียนช่วงเช้าเสร็จนีรชากับเพลินเพลงมานั่งทานข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย กับข้าวฝีมือแม่ครัวที่นี่ถูกปากกว่าข้างนอกอีกอย่างราคาก็ไม่แพงด้วย
“โอ๊ย พายุฉันทำไมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้” เพลินเพลงทำท่าจะร้องไห้หลังจากได้อ่านนิยายบทหนึ่ง เพราะเป็นเพื่อนสนิทเลยได้รับสิทธิ์พิเศษอ่านเรื่องย่อก่อนใคร
ความจริงนิยายเรื่องนี้เพลินเพลงมีส่วนช่วยคิดพล็อตเรื่องด้วยเธอเลยเข้าใจความรู้สึกของตัวละครเป็นอย่างดีโดยเฉพาะบทพระรองผู้น่าสงสารที่เธอพึ่งจะคร่ำครวญไปหยกๆ
“พอๆ เลยไม่ต้องอ่านแล้ว” นีรชาแย่งมือถือคืนมาอย่างอดหมั่นไส้ในความโอเวอร์ของเพื่อนตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ทั้งสองคนจะชอบอะไรเหมือนๆ กันอย่างเรื่องเรียนก็เลือกเรียนคณะบัญชีเพราะชอบตัวเลขเหมือนกันแต่ถ้าเป็นเรื่องซีรีส์
เรื่องนิยายล่ะก็กลับอยู่กันคนละฝ่าย เพลินเพลงมักจะหลงเสน่ห์ของพระรองทุกเรื่องแต่สำหรับนีรชาเธอมั่นคงกับพระเอกเพียงคนเดียว
“ขอเตือนนะถ้าแกทำให้พระรองของฉันเสียน้ำตาเมื่อไหร่ฉันเอาเรื่องแกแน่” เพลินเพลงทำท่าขู่เพื่อนฟ่อๆ
“เวอร์ พระเอกคู่นางเอกก็ถูกต้องแล้วส่วนพระรองก็เป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้นแหละ” นีรชาว่าพลางยักไหล่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“นี่ถ้าพระรองของฉันมีชีวิตเขาต้องอยากมาหักคอแกแน่ๆ ” เพลินเพลงโกรธแทนพระรองของเธอจนเอาเรื่องผีสางมาขู่ต่อ
“มาเลยไม่กลัวหรอก ลองมาดูดิเดี๋ยวจะขอหวยให้ดู”
“บ้า พระรองของฉันไม่ใช่ผีทวงแค้นนะยะพอเจอจะได้ให้มาขอหวย”
“ก็ถ้ามาบีบคอได้ขนาดนั้นก็ต้องเป็นผีแล้วล่ะ” นีรชาพูดติดตลกพลางนึกขันในใจ มีที่ไหนตัวละครในนิยายจะลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง บ้าไปแล้วแต่ในตอนนั้นอยู่ๆ เธอก็รู้สึกหนาวเย็นเข้าไปถึงกระดูก
“แกหนาวไหมทำไมฉันรู้สึกหนาวๆ ”
“หนาวบ้าอะไรอากาศร้อนจนตับจะแตกอยู่แล้ว” วันนี้อากาศร้อนอย่างที่เพลินเพลงว่าจริงๆ
“แต่เมื่อกี้ฉันรู้สึกหนาวจริงๆ นะหนาวเหมือนกำลังยืนตากฝนอยู่” นีรชาเอามือลูบแขนตัวเองไปด้วยทำเอาเพลินเพลงกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“แกไม่สบายหรือเปล่า” ถ้าไม่ใช่เพราะคิดไปเองนีรชาก็อาจจะหักโหมกับการแต่งนิยายมากเกินไปถึงได้รู้สึกเหมือนไม่สบายขึ้นมา
“อือ อาจจะใช่เมื่อวานโดนฝนตอนกลับบ้านน่ะ” นีรชาพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายแต่อย่างไรคงต้องกินยาดักไว้สักหน่อยเพราะคืนนี้ยังต้องกลับไปแต่งท่านประธานต่อแถมยังเป็นตอนสำคัญที่แต่งค้างเอาไว้หลายวันก่อน
ฉากนั้นเป็นฉากที่หลังจากพระเอกนางเอกทะเลาะกันรุนแรงนางเอกขอให้พระรองพาไปหลบพักรักษาแผลใจ ช่วงเวลาที่พระรองกับนางเอกอยู่ด้วยกันได้ก่อตัวเป็นความหวังว่าหญิงที่เขาแอบรักมาตลอด
ในที่สุดก็ยอมเปิดใจให้สักที แต่ความหวังนี้ไม่มีทางได้เป็นจริงเพราะเนื้อเรื่องที่นีรชาวางเอาไว้คือให้พระเอกตามมาเจอแล้วพานางเอกกลับไปด้วย
ฉากนี้เองที่นีรชายังคิดไม่ตกว่าจะสร้างสถานการณ์ยังไงให้พระรองของเธอดูน่าสงสารที่สุด
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งอีกทั้งฝนไม่มีทีว่าจะตั้งเค้าทว่าพออาทิตย์ลับขอบฟ้าเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกฤดูกาล สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างบานเกล็ดเข้ามา ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกทั้งที่อยากจะหลับเพื่อหลีกหนีความรู้สึกวังเวงแต่เป็นเพราะนิสัยเคยนอนดึก ทำให้แม่นักเขียนยังคงนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยพิเศษแห่งนี้ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วทั้งห้องด้วยดวงตาไหวระริก ความเงียบงันและวังเวงทำให้ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ขนอ่อนที่ต้นคอระหงลุกชันเมื่อสมองเอาแต่จินตนาการถึงสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ทั้งหมดนี้ต้องโทษใครหากแต่ไม่ใช่เพราะคุณหมอเจ้าของถิ่นเอาเรื่องเจ้าของห้องคนก่อนมาเล่าเธอคงไม่ต้องนั่งหวาดระแวงอยู่อย่างนี้หรอก แม้จะเปิดไฟส่องสว่างในหัวกลับจินตนาการถึงวิญญาณผีสาง ขนาดในห้องน้ำที่ไม่มีใครอยู่แต่แม่นักเขียนก็สร้างจินตนาการเอาว่าอาจจะมีใครยืนตรงหน้ากระจก ใครสักคนที่กำลังเฝ้ามองเธอขนกายอ่อนบนร่างบางลุกชันอีกระรอกสายตาพลอยหวาดระแวงว่าจะมีอะไรโผล่มาจากที่ไหนสักที่อีกทั้งพายุฝนนอกฤดูกาลก็ทำท่าว่าจะกระหน่ำลงมา ลมโชยอันให้ความเย็น
พายุคือคนที่คอยอยู่ข้างพราวดาวเสมอเรื่องนี้เหนือเมฆรับรู้มาโดยตลอดแม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะเติบโตมาด้วยกันแต่ถ้าเทียบกันแล้วพายุดูจะเข้าอกเข้าใจพราวดาวมากกว่าเพียงแต่ช่วงหลังๆมานี้คนสายตาเฉียบคมอย่างเจ้าของบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะดูเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนเกินขอบเขต ถ้าไม่รู้ว่าผู้หญิงที่พายุมีใจให้คือน้ำค้างแม่เลขาหน้าห้องของเขาคงจะคิดว่าคุณหมอแอบมีใจให้คนไข้แน่ๆและถ้ามันเป็นอย่างที่ชายหนุ่มคิดเล่นๆล่ะก็…ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าลิ้นกับฟันจะเข้ากันด้วยวิธีไหน“เอางั้นก็ได้” อ่ะอ้าว! แม่นักเขียนได้แต่โอดครวญอยู่ในใจเพราะดันคาดหวังไว้สูงว่าพ่อพระเอกของเธอจะยืนยันที่จะไปส่งให้ได้“คุณพยาบาลครับ” พายุส่งเสียงออกไปด้านนอกนางพยาบาลจึงรีบขานรับพร้อมกับยืนรอคำสั่ง“ช่วยพาญาติคนไข้ออกไปด้วยครับตอนนี้คนไข้ของผมจำเป็นต้องพักผ่อน” พายุถือโอกาสใช้ตำแหน่งหน้าที่ไล่เหนือเมฆให้กลับทางอ้อม จนเจ้าของบริษัทต้องหมายหัวคุณหมอผู้ถืออำนาจเด็ดขาดเอาไว้ก่อนจะหันไปพูดกับดาราสาวคนสนิทพร้อมกับเล่นหูเล่นตา&ldqu
แม้จะพยายามเข้าข้างตัวเองทั้งปัดความรับผิดชอบไปให้เจ้าของร่างกายแต่หากคิดตามหลักความเป็นจริงแล้วตัวละครอย่างพราวดาวที่เธอเป็นคนยัดเยียดอุปนิสัยเองกับมือ ไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนี้กับพายุอย่างแน่นอนครั้นจะให้ยอมรับออกไปว่าเธอเองที่ยอมให้เขาจูบอย่างว่าง่ายแถมยังเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบในตอนนั้น มันก็เสียชั้นเชิงน่ะสิ“อย่าบอกนะว่าเธอจะปฏิเสธ” คิ้วหนาขมวดขึ้นขณะชั่งใจ เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็จริงแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาไม่ใช่เหรอ“ใช่ ฉันขอปฏิเส…” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างพร้อมกันนั้นเสียงหวานก็ถูกกลืนหายกลับลงไปในลำคอเมื่อริมฝีปากหนากดทับริมฝีปากอิ่มแนบแน่นทั้งยังสอดลิ้นเข้าไปตักตวงเอาความหวานหอม ราวกับทุกอย่างที่อยู่ในโพรงปากเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวความรู้สึกคุ้นเคยนี่มันอะไรกันแน่นะ“พ่ะ…พอ” นีรชาฉวยจังหวะชั่วอึดใจที่พายุถอนริมฝีปากออกไปสั่งให้เขาหยุดการกระทำอันจาบจ้วงนี้ทว่าเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลเพียงแค่อยากรู้อะไรบางอย่างพอถูกสั่งให้หยุดคำพูดไม่รื่นหูจึงถูกกลืนหายอีกครั้งเปลือกตาสวยปิดลง
พายุไม่ได้รอฟังว่าเหนือเมฆจะตอบอะไรกลับมาเพราะเขาเพียงพูดในสิ่งที่ควรพูดเท่านั้นทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลพายุก็ใช้หน้าที่การงานของตัวเองติดต่อคุณหมอเฉพาะด้านเพื่อจะได้ตรวจร่างกายของพราวดาวอย่างละเอียด“ผลเอกซเรย์ได้แล้วค่ะคุณหมอ” นางพยาบาลยื่นผลตรวจร่างกายพราวดาวมาให้พายุซึ่งจากผลตรวจไม่พบความผิดปกติใดๆ นอกจากอาการบาดเจ็บที่ขาที่ยังไม่หายดี“แปลก...”“อะไรที่ว่าแปลกเหรอคุณหมอ” คุณหมอวัยวุฒิสูงกว่าและเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองโดยตรงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลุดประโยคลอยๆ ออกมาอย่างใช้ความคิด“ผมขอปรึกษาอะไรคุณหมอหน่อยได้ไหมครับ” สีหน้าของพายุมีความลำบากใจฉายชัด สิ่งที่เขากำลังจะพูดเป็นเรื่องส่วนตัวของดาราดังที่จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เพราะอาจจะกระทบกับงานหรือชื่อเสียง คุณหมอผู้มีทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิสูงกว่ารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องสำคัญจึงได้สั่งให้พยาบาลออกไปรอด้านนอก“ทีนี้มีอะไรก็ว่ามาเลย” เจ้าของห้องเอ่ยอย่างเป็นกันเอง แม้งานในโรงพยาบาลจะล้นมือแต่เรื่องข่าวสารบ้า
“อยู่ที่นี่กันเองเหรอคะพอดีว่าใกล้จะได้เวลาแล้วไม่ทราบคุณหมอพร้อมหรือยังคะ” ในสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจปกคลุมทั่วทั้งบริเวณนี้นุชจรีก็เดินมาตามคนสองคนที่พึ่งทำเรื่องอย่างนั้นกันจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ“พร้อมแล้วครับ”“งั้นเชิญคุณหมอกับน้องพราวเลยนะคะ” นุชจรีสังเกตเห็นว่าทั้งคู่มีอากัปกิริยาแปลกๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว พนักงานสาวเดินนำทั้งคู่จนมาถึงสถานที่ถ่ายทำทีมงานของเหนือเมฆจัดฉากทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้วแต่เมื่อเห็นพรีเซนเตอร์ดาราดังกลับเข้ามา ทุกคนก็พากันทำสีหน้าลำบากใจ เนื่องจากสิบนาทีก่อนหน้านี้ลูกค้าพึ่งจะโทรมาแจ้งผ่านตัวแทนที่ส่งมาดูการถ่ายทำโฆษณาว่าอยากให้พราวดาวเดินพรีเซนต์เพื่อให้เข้ากับสรรพคุณอวดอ้างของตัวยา จากทีแรกแค่ให้ยืนพูดและนั่งคุยกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ“ลูกค้าอยากให้เน้นเดิน” เนตรนภาเดินเข้ามาหาพราวดาวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก“อ้าว เหรอคะ”“แค่เนี๊ยเหรอ” คนนิสัยอย่างพราวดาวน่าจะต้องโวยวายหรือต่อว่าอะไรบ้างเพราะการปรับเปลี่ยนที
“ฉันไม่ใช่…” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากในสิ่งที่ไม่ควรพูดแม้นักเขียนก็ถึงกับใบ้รับประทาน“ไม่ใช่อะไร” มีบางอย่างที่ทำให้พายุเกิดความคืบแคลงสงสัย หลายครั้งที่เขารู้สึกว่าพราวดาวดูเปลี่ยนไปจากเดิม"ว่าไงเธอไม่ใช่อะไร" สายตาคมจ้องอย่างคาดคั้นในขณะที่นีรชาไม่ต่างจากคนที่วิ่งเข้าหาทางตันของกำแพงสูงชัน อะไรกัน เธอกำลังจะถูกพายุรู้ความจริงเข้าแล้วเหรอ!ราวกับโชคเข้าข้างเมื่อคนหลุดมาจากอีกมิติถึงทางตันพระเอกนิยายของเธอก็เปิดประตูเข้ามาช่วยชีวิตโดยมีหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาสะสวยคนหนึ่งตามมาด้วย“เห็นคนของฉันบอกว่าให้นายมาท่องบทในนี้ฉันเลยเข้ามาดูเผื่อมีอะไรให้ช่วย” อยากจะคิดแบบนั้นแต่เท่าที่สายตาแหลมคมมองเข้ามาภายในห้องเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ“ไม่ต้องถึงมือเจ้าของบริษัทอย่างนายหรอกเรื่องพวกนี้ฉันขอให้พราวช่วยแล้วและพราวก็ช่วยฉันได้เยอะด้วย” แม้ว่าเหนือเมฆรู้เรื่องแกล้งเป็นแฟนกันของทั้งคู่แต่พายุก็อยากแสดงให้เห็นว่าเขากับพราวดาวยังสนิทกันดีไม่สิ เขากำลังบอกว่าระหว่างเขากับพราวดาวยังราบรื่นดี
Mga Comments