เป็นคุณหมอดาวโซเชียลเต้นโย่ว ๆ อยู่ดี ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่กลางป่าในเสี้ยววินาทีราวกับดีดนิ้ว ความหวังหนึ่งเดียวคือเรือนนาที่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาหลังนั้น ทว่าคนในนั้นกลับไม่ต้อนรับและมีความแปลกบางอย่าง
View Moreบทนำ
ชายอัปลักษณ์ที่คนรังเกียจ “ข้าไม่แต่งกับเขา ข้าไม่ได้รักเขา ฮือ ๆ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่ เห็นใจข้าเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่ขี้เกียจ จะช่วยทุกคนทำงานหาเงิน แต่ขอร้อง อย่าให้ข้าแต่งกับเขาเลย” เสียงอ้อนวอนปนร่ำไห้ดังขึ้นมาจากสตรีนางหนึ่งที่กำลังเว้าวอนขอความเห็นใจจากทุกคนในครอบครัวที่กำลังผลักไสให้นางไปตบแต่งกับบุรุษผู้หนึ่งที่ตนไม่ได้รัก “คนอัปลักษณ์เช่นเจ้าจะหาเงินจากที่ใดได้เยอะแยะ แต่งออกไปแบบธรรมดาก็ไม่ได้ ขายก็ไม่ได้ ไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้จะมาอ้อนวอนอันใด” ผู้เป็นบิดานั้นหัวเสียไม่น้อย หลังตวาดลั่นก็ใช้เพียงหางตามองบุตรสาวก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง “แต่ถึงกระนั้นข้าก็สามารถดูแลท่านพ่อท่านแม่ในยามแก่เฒ่าได้ ข้า…” “เหอะ พวกข้ามีบุตรสาวบุตรชายตั้งหลายคน พวกเขาก็ล้วนแต่ดูแลพวกข้าได้เช่นกัน และข้าคิดว่าดูแลได้ดีกว่าเจ้าเป็นแน่” ครานี้ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นบ้าง ถ้อยคำล้วนแต่บาดลึกลงไปในจิตใจของผู้เป็นบุตรสาว “แต่ข้า….” แม้จะเจ็บปวดแต่ก็อยากจะขอร้องให้มากที่สุด ทว่า “ท่านพ่อท่านแม่ รีบเอานางไปขังไว้แล้วตอนค่ำก็เอานางไปส่งที่เรือนนาให้ไอ้อัปลักษณ์นั่นเถิด” พี่สาวคนรอง หรือก็คือพี่สี่ของหญิงสาวกลับรีบกล่าวตัดบท เพื่อให้บิดามารดารีบจัดการทุกอย่างให้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ทันได้ร้องขอสิ่งใด จ้งชุนเยว่ ก็ถูกพี่ชายทั้งสองจับตัวแล้วโยนเข้าไปขังไว้ที่ห้องเก็บฟืนเสียแล้ว จ้งชุนเยว่นั้นเป็นสตรีรูปร่างสั้นเตี้ย ผิวคล้ำ ใบหน้ามีรอยกระดำขึ้นมากมายจนเต็มใบหน้านั่นยิ่งทำให้ดูอัปลักษณ์ยิ่งในสายตาผู้คน ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว เรื่องนี้ทำให้กระทบถึงการออกเรือนของเหล่าพี่ชายพี่สาวเป็นอย่างมากและยิ่งหนักยิ่งขึ้นเมื่อผู้เป็นมารดาได้ไปดูดวงกับหมอดูที่ตลาดในเมืองผู้หนึ่ง กล่าวว่าหากพวกเขายังเก็บตัวอัปลักษณ์ไว้ในบ้าน บุตรชายและบุตรสาวที่เหลือจะมิได้ออกเรือน หรือออกเรือนไปก็จะได้ไปอยู่กับคู่ครองที่ไม่ดี หากแต่งสะใภ้เข้ามาก็จะได้สะใภ้ที่ไม่ดีเช่นกัน หนทางแก้ไขคือต้องแก้เคล็ดด้วยการรีบจัดการออกไปให้พ้นจากครอบครัวชายคาเดียวกัน แต่ห้ามฆ่าหรือขายโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้เองสองสามีภรรยาบ้านจ้งจึงได้หัวเสียกับบุตรสาวคนเล็กมากถึงเพียงนี้ สุดท้ายในเมื่อทำอันใดก็ไม่ได้จึงได้คิดที่จะส่งบุตรสาวคนเล็กไปอยู่กับตัวอัปลักษณ์ท้ายหมู่บ้านให้จบ ๆ ไป ถือว่าเป็นการแก้เคล็ดได้ขับไล่จ้งชุนเยว่ให้ออกจากชายคาไปแต่หากว่าหากมีอันใดก็สามารถเรียกตัวอีกฝ่ายมาใช้งานได้ เช่น งานซักล้างและงานนา ก็ถือว่าไม่ผิดต่อคำทำนายอันใด ด้านชุนเยว่นั้นในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เพราะบุรุษที่คนในครอบครัวจะให้นางออกเรือนไปอยู่ด้วยนั้นเป็นคนที่อัปลักษณ์ที่เรียกได้ว่าน่าเกลียดน่ากลัว ผู้คนกล่าวว่านางอัปลักษณ์ แต่นางกลับเทียบคนผู้นั้นไม่ติดเลยสักนิด คราหนึ่งเพราะความอยากรู้อยากเห็นว่าบุรุษอัปลักษณ์ที่ผู้คนเล่าลือกัน ที่อาศัยอยู่ที่เรือนนาท้ายหมู่บ้านจะหน้าตาเป็นเช่นไร จึงได้แอบไปดูตามลำพัง และภาพที่เห็นก็ทำให้ต้องผงะ คนผู้นั้นนั่นจะเรียกว่าคนได้อีกหรือ ราวกับผีก็ไม่ปาน หนำซ้ำยังขาพิการอีก!! เมื่อนึกถึงวันนั้นคราใดในใจยิ่งมีแต่ความหวาดกลัวและความรังเกียจ แล้วจะให้นางออกเรือนไปกับคนเช่นนั้นได้หรือ หญิงสาวคิดในใจว่าหากจะต้องตบแต่งไปกับตัวอัปลักษณ์ราวกับผีเช่นนั้นตนขอตายดีกว่า คิดแล้วจ้งชุนเยว่จึงได้หาทางออกจากห้องเก็บฟืนเป็นการด่วน จนในที่สุดก็สามารถพังฝาผนังที่ผุพังของห้องเก็บฟืนออกไปจนได้ หญิงสาววิ่งออกจากห้องเก็บฟืนไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะไปหยุดที่แม่น้ำใหญ่ในหมู่บ้าน “หากต้องแต่งงานกับคนเช่นนั้น ข้ายอมตายดีกว่า” จ้งชุนเยว่กล่าวพลางน้ำตานองหน้าก่อนจะกระโดดลงไปที่แม่น้ำนั้นโดยไม่ลังเลทันที ตูม! เสียงสายน้ำสาดกระจายออกเป็นวงกว้างนั้นกังวานไม่น้อยหากแต่ไม่มีผู้ใดอยู่ในเหตุการณ์จึงไร้คนขัดขวาง หญิงสาวจึงได้แต่ปล่อยร่างของตนเองให้จมแล้วปล่อยให้สายน้ำพัดพาร่างของตนไป ด้านคนที่ทำให้สตรีผู้หนึ่งหวาดกลัวจนถึงขั้นปลิดชีวิตตัวเองทิ้งอย่างง่ายดายนั้น ยามนี้กำลังนั่งกินมันเผาที่เด็กน้อยสองคนกำลังนำมาให้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย พี่ชายอร่อยหรือไม่ เสียงใสเอ่ยถามผู้ที่กำลังกินมันเผาด้วยความรอคอยบางอย่าง เป็นอวี๋หรู เด็กน้อยวัยหกหนาวที่มีดวงตากลมโตและใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตาล้มลุก อืม สองเด็กชายหญิงที่นั่งตาแป๋วเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายตอบว่าอร่อย ดวงหน้าทั้งสองก็เผยรอยยิ้มกว้าง นี่พวกเขาไปหาจากในป่ามาเองเลยนะ แล้วพี่ชายก็ตอบว่าอร่อยด้วย แม้ว่าใบหน้าของชายหนุ่มจะไม่ปรากฏอารมณ์ใดมากนัก แต่สายตากลับปรากฏความเอื้อเอ็นดูต่อเด็กน้อยทั้งสองคนไม่น้อย ต่อให้ผู้คนจะรังเกียจหรือหวาดกลัวเขา แต่เด็กน้อยทั้งสองคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งยังพยายามนำอาหารที่หามาได้นำมาแบ่งปันเขาอยู่เสมอ หากนับดูก็ราว ๆ หนึ่งปีแล้วกระมังที่พวกเขาทำเช่นนี้ นับตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่… ทั้งที่พวกเขาเองนั้นก็เกือบจะไม่พอกิน ดูได้จากรูปร่างผอมกะหร่องและใบหน้าแสนมอมแมมนั่นเถิด “พี่ชาย แล้วเรื่องนั้นท่านจะทำอย่างไรหรือ” อวี๋ซิ่ง เด็กน้อยวัยแปดหนาวเอ่ยถามพี่ชายเรือนนาผู้นี้ ด้วยเรื่องที่ว่าบ้านจ้งจะส่งบุตรสาวมาอยู่ที่นี่กับพี่ชาย พวกเขาแอบได้ยินมาจึงได้รีบมาบอกพี่ชายให้เตรียมรับมือ “ไล่!” ชายหนุ่มตอบ ดวงตาคมเผยความลึกล้ำและไม่ชอบใจ จะส่งผู้ใดมาอยู่กับเขา ถามเขาแล้วหรือยัง คอยดูเถิด หากกล้าส่งมาเขาก็จะไล่ตะเพิดไป และจะทำให้ทุกคนเห็นว่าตัวอัปลักษณ์ที่พวกเขากล่าวถึงแท้จริงนั้นน่ากลัวเพียงใด ต่อไปจะได้ไม่คิดมาวุ่นวายกับเขาอีก คิดแล้วมุมปากข้างหนึ่งก็เผยรอยยิ้มแสนน่ากลัว เด็กน้อยทั้งสองเห็นเช่นนั้นได้แต่มองหน้ากันก่อนจะจับมือกันไว้แน่นตอนพิเศษที่[3]ทำรากบัวเชื่อมกัน หลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปีสามีก็เอ่ยว่า อยากจะพานางไปที่ที่หนึ่ง ซึ่งรับรองว่านางต้องชอบเป็นแน่ นางจึงตกลงไปด้วยความตื่นเต้น “เอ๋ สระบัวหรือเจ้าคะ” ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกบัวที่งดงามมากมายมีส่วนที่เป็นสระน้ำและส่วนที่เต็มไปด้วยดอกบัวที่เกิดขึ้นกลางดินนางรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใจก่อนจะหันไปมองหน้าเขา “ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านซินเฉียว พี่ไม่ค่อยได้ช่วยเจ้าทำรากบัวเลย มาวันนี้มีโอกาสและนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวมีที่ดินที่มีสระบัวงดงามอยู่ผืนหนึ่ง จึงคิดอยากจะชวนเจ้ามาทำรากบัวเชื่อมกัน ให้เจ้าช่วยสอนพี่ทำแล้วจากนั้นค่อยเอาไปแจกจ่ายทุกคนดีหรือไม่” “ดีเจ้าค่ะ” นางก็ไม่ได้ทำรากบัวเชื่อมนานแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่อยู่ที่ท้ายเรือนนา คิดแล้วก็อยากกินเหมือนกัน แต่ทำไมนางจึงรู้สึกว่าสายตาของสามีนั้นมีความวาววับบางอย่างนะ มันดูแปลก ๆ แค่ทำรากบัวเชื่อมเหตุใดต้องดูตื่นเต้นถึงเพียงนั้นแต่ดูเหมือนว่านางจะคิดไปเอง เพราะหลังจากที่ตกลงกัน นางและเขาก็ช่วยกันทำรากบัวกันอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือขุดรากบัว…รากบัวที่นี่มีขนาดหัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่หมู่บ้านซินเฉียวเส
ตอนพิเศษที่[2]อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูกับชีวิตที่ไม่คาดฝัน อวี๋ซิ่งและอวี๋หรูหรูนั้น พวกเขาคิดว่าชีวิตของพวกเขาคงจะอยู่ได้แค่ในหมู่บ้านซินเฉียวเท่านั้น ด้วยท่านย่าก็แก่ชราแล้วยากที่จะมีโอกาสได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เข้าไปในตลาดตำบลด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนอยู่กับการช่วยท่านย่าหารายได้และขึ้นไปหาของป่าเพื่อประทังชีวิตกัน แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับสตรีผู้งดงามและใจดีอย่างพี่เยว่จิน พี่สาวผู้นั้นเป็นราวกับเทพธิดาลงมาโปรด ทำให้พวกเขามีรายได้ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ได้กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวตลาดในตำบลกับท่านย่า ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้นั่งรถม้าคันใหญ่โต นอกจากนั้นยังได้ย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ที่หลังใหญ่โตมาก ทั้งชีวิตไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้อยู่ที่นี่แม้ว่าก่อนออกมาจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเพราะท่านย่านั้นต้องบาดเจ็บ แต่ก็เป็นพี่สาวผู้นั้นที่เป็นผู้รักษาให้พวกเขาจึงคิดเอาไว้ว่านางนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณกับพวกเขา ในอนาคตพวกเขาสองพี่น้องจะต้องรักและตอบแทนนางให้จงได้ แม้ต้องตายแทนก็ยอม…ต่อมาพวกเขาก็ต้องพบเรื่องไม่คาดฝันอีกครั้งเพราะพี่
ตอนพิเศษที่[1]ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเซี่ยเยว่จิน เยว่จินไม่ใช่คนที่ปล่อยวางอะไรได้ง่ายถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะเมื่อหากตอนที่โดนรังแกหรือเมื่อคนที่รักถูกรังแก ไม่ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนางไม่เคยที่จะปล่อยมันไปโดยง่าย จะต้องหาทางระบายเพื่อให้ความคับข้องใจให้หายไปและในคืนนี้ก็เช่นกัน…. หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายเข้าพักในห้องของตนในบ้านหลังใหม่หลังออกจากหมู่บ้านซินเฉียวแล้ว ในช่วงค่ำของคืนนั้นเยว่จินได้เตรียมอำพรางตัว ก่อนที่จะลอบเดินเท้าด้วยรองเท้าพิเศษกลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนหลับใหลและไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หญิงสาวยกยิ้มขึ้นราวกับมีแผนการบางอย่าง… เยว่จินแอบหยดบางอย่างลงไปในน้ำของชาวบ้านที่มาหาเรื่องตนและท่านย่าในวันนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำหมู่บ้านที่ไร้จริยธรรมและบ้านหานที่ไร้น้ำใจ นอกจากนั้นนางยังเอาฉี่แมวที่ให้ผู้อาวุโสอี้ไปรวบรวมนำมันไปราดที่หน้าบ้านของแต่ละคน เจ้าแก้แค้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ผู้อาวุโสอี้ กลิ่นฉี่แมวนั่นกลิ่นแรงฉุนเตะจมูกนัก นางในโลกก่อนก็เคยเลี้ยง จึงได้คิดว่ากลุ่มคนที่มีจิตใจสกปรกเช่นพวกเขา ก็ต้องได้รับอะไรที่สาสมกันเช่นนี้ เมื่อทุก
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)บุรุษที่อยู่เรือนนาผู้นั้น ที่แท้เป็นถึงซ่งกั๋วกงและที่เขาเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถูกพิษ บัดนี้ชุนเยว่เกิดความละอายใจไม่น้อย กับความคิดของตนด้วยตนนั้นก็อัปลักษณ์แต่มีสิทธิ์อันใดไปตัดสินและรังเกียจผู้อื่นเช่นนั้น โดยที่ไม่รู้จักเขาดีเลยสักนิด“พี่เยี่ยนซีไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องคิดมาก แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” ล่าสุดที่รู้คืออีกฝ่ายกระโดดน้ำตายไปแล้วยามนั้นชุนเยว่จึงได้นึกเรื่องราวในวันนั้นก่อนจะเล่าออกมา“วันนั้นข้าตั้งใจที่จะกระโดดน้ำให้ตายไป ด้วยเสียใจที่ถูกบังคับและเสียใจที่ท่านพ่อท่านแม่ทำราวกับข้ามิใช่ลูก เพราะว่าข้าเกิดมาเป็นคนอัปลักษณ์ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในขณะที่ร่างของข้าลอยออกไปและกำลังจะหมดลมหายใจ กลับมีคนผู้หนึ่งมาดึงข้าขึ้นจากน้ำ…”“คนผู้นั้นนอกจากจะไม่รังเกียจข้า ยังให้กำลังใจและยอมรับทุกอย่างที่ข้าเป็นอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาพาข้าเดินทางมาเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองหลวง รู้ตัวอีกทีก็มีบุตรกับเขาสองคนเสียแล้ว” ชุนเยว่ลูบท้องของตนไปมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และความสุขยามพูดถึงสามีที่รออยู
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)ปกติหญิงสาวมักจะไม่ปล่อยเรื่องราวพวกนี้ไปโดยง่าย แต่เหตุใดวันนี้จึงได้เอาแต่ยกยิ้มแปลก ๆ อยู่เช่นนั้น ทว่า“จัดการอยู่เบื้องหลังสนุกกว่าอยู่เบื้องหน้าอีกนะเจ้าคะท่านพี่” เมื่อได้ยินภรรยากล่าวเช่นนั้นเขาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างตาเห็น เมืองหนี่หรู่เป็นเมืองสุดท้ายที่พวกเขาจะบริจาคสิ่งของ แล้วจากนั้นก็จะได้เดินทางกลับเมืองหลวงเสียที ก่อนที่จะเดินทางกลับจึงเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อน แน่นอนว่าสองสามีภรรยาแห่งจวนตระกูลซ่งนั้นเลือกที่จะไปรำลึกความหลังกันที่บ้านเช่าหลังนั้น… พวกเขาได้ขอเช่าจากเจ้าของบ้านเป็นเวลาสามวันและให้บ่าวรับใช้ไปปัดกวาดเช็ดถูก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเข้าไปอยู่ “ท่านพี่ อ๊ะตรงนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยทักท้วงก่อนที่จะน้ำเสียงจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนบางประการเมื่อสามีพยายามสัมผัสจุดอ่อนไหวของนาง ซ่งเยี่ยนซีเอาวนอยู่กับร่างกายหอมของภรรยาอย่างไม่รู้เบื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ที่บ้านเช่าหลังนั้นอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด องค์รัชทายาทที่รู้ว่าสหายและภรรยานั้นหนีไปทำอันใดกันก็ได้แต่เขี่ย
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ) ด้านเถาเจียที่ได้ยินคนพูดถึงชื่อของสตรีผู้หนึ่งที่ตนไม่ได้ยินมานานและไม่ชอบหน้าจนกระทั่งกุข่าวลือที่ไม่ใช่เรื่องจริงเพื่อใส่ความอีกฝ่ายจนเกิดการแพร่กระจายออกไปช่วงหนึ่ง ก็ชะงักแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เพราะความทรงจำครั้งล่าสุดจากสตรีผู้นี้ไม่ดีนัก ในค่ำคืนนั้นที่สตรีผู้นี้ย้อนกลับมาเล่นงานตน…‘ถ้าไม่อยากหน้าเน่าแล้วก็ปากเน่าก็อย่าเที่ยวเอาปากไปพูดจาสกปรกที่ใดอีก’ คำพูดนี้น่ากลัวนัก จากที่คิดว่าวันนี้จะได้ทำตัวโดดเด่นเพื่อไปเตะตาองค์รัชทายาทและซ่งกั๋วกงให้มากที่สุดก็เป็นอันต้องพับเก็บไป ได้แต่พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากที่สุด สตรีผู้นั้นจะได้ไม่เห็นนาง หากเป็นไปได้นางอยากจะกลับหมู่บ้านไปด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถกลับได้ เพราะต้องรอรับของบริจาคก่อน ทั้งไม่มียานพาหนะกลับไปอีก “สตรีไร้น้ำใจผู้นั้นเหตุใดจึงได้ไปนั่งในรถม้าของผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น” ชาวบ้านหมู่บ้านซินเฉียวผู้หนึ่งยังไม่หายสงสัย ที่จู่ ๆ เห็นเยว่จินมากับผู้สูงศักดิ์จึงพากันเอ่ยความสงสัยของตนออกมา ทว่ามีหนึ่งในชาวบ้านหมู่บ้านที่ได้ยินพวกเขากล่าวไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงได้รีบเอ่ยขึ้น
Comments