เข้าสู่ระบบใต้ฟ้าพร่างพราวด้วยดวงดาว ร่างกายแนบชิด ลมหายใจสอดประสาน... ความอบอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นแรงปรารถนาอันลึกล้ำ ยิ่งพยายามต้านทาน ก็ยิ่งถูกกลืนกินจนหมดสิ้น เขา...พ่อม่ายเจ้าของฟาร์มม้า ผู้กักขังหัวใจไว้กับความเศร้าโศกยาวนานกว่าสามปี เธอ...แอร์โฮสเตสสาวสวย ผู้ก้าวเข้าสู่โลกอันเงียบงันของเขาโดยไม่ตั้งใจ จากเพียงหน้าที่ดูแลเด็กน้อย-กลับกลายเป็นไฟปรารถนาที่จุดลุกในอกบุรุษผู้เย็นชา เพียงแค่สายตาที่สบ เพียงแค่สัมผัสเล็กน้อย เพียงกลิ่นกายหอมกรุ่น... ก็เพียงพอจะเผาผลาญกำแพงทุกชั้นที่เขาสร้างขึ้น ความใกล้ชิดที่เริ่มจากความจำเป็น กลับผูกพันธนาการเร่าร้อนที่ไม่มีใครอาจหลีกหนี นี่คือบทกวีแห่งไฟรัก ที่ไม่มีวันถอยกลับ หากมีเพียงการลุกโชนไปพร้อมกัน จนสุดปลายทางแห่งหัวใจ
ดูเพิ่มเติมบทนำ ฟาร์มม้า และ ผู้มาใหม่
ชีวิตแอร์โฮสเตสของ พิม ที่ปกติจะเต็มไปด้วยการเดินทางข้ามทวีป ตอนนี้กลับช้าลงกว่าเดิมมาก ตารางบินที่เบาบางลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ เธอ มีเวลาว่างเหลือเฟือ แทนที่จะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเปล่าๆ ประกายความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ ในเมื่อเธอมีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมและยังมีประสบการณ์ดูแลผู้คนมากมายมาอย่างยาวนาน การที่เธอจะรับงานดูแลเด็กที่ผู้ปกครองอยากให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และ ประกอบกับด้วยบุคลิกที่อ่อนโยน ใจเย็น อาชีพเสริมนี้ดูจะลงตัวกับ พิม อย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เธอ ยังดูดีและมีเสน่ห์ไม่แพ้สาวๆ วัย 20 ปลายๆ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีเยี่ยม แม้จะอายุ 35 ปีแล้วก็ตาม เมื่อประกอบกันทั้งบุคลิกหน้าตาและความมีวุฒิภาวะ โอกาสก็มาถึง อย่างง่ายดาย มีครอบครัวหนึ่งในจังหวัดสระบุรีกำลังมองหาคนดูแลเด็กที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วที่จะช่วยดูแลลูกชาย เป็นเวลา 2 เดือนเพื่อทดลองงาน พิมตัดสินใจตอบรับข้อเสนอทันที นี่ไม่ใช่แค่การหารายได้เสริม แต่ยังเป็นโอกาสที่จะได้หลีกหนีความจำเจจากชีวิตในเมืองใหญ่ไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ..................................... พิมกำลังเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปสระบุรี เธอคงกำลังคิดถึงบ้านหลังเล็กๆ ที่จะไปพัก การพบปะกับเด็กชายที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และแน่นอน... พิมจะคิดถึงแฟนหนุ่มนักบินของตนที่อาจต้องห่างกันไปชั่วคราว เธอตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ และไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะนำพาให้พบกับอะไรบ้าง... บ้านที่เธอจะไปพักเป็นบ้านของเจ้าของฟาร์มม้าและสวนผักผลไม้ขนาดใหญ่ ส่วนเด็กที่ต้องดูแลคือเด็กชายวัย 5 ขวบที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ผู้จัดการสวนเป็นคนกลางที่ประสานงานในครั้งนี้ และถึงแม้เธอเรียกเงินเดือนสูงในราคา 60,000 บาทต่อเดือน ทางผู้ปกครองก็ยินดีจ่ายโดยไม่ต่อรอง แม้เงินเเดือนราคานี้จะดูสูงมากในฐานะพี่เลี้ยงดูแลเด็ก แต่สำหรับอาชีพแอร์โฮสเตสของพิมมันกลับน้อยกว่ารายได้ปกติลงไปมาก แต่ในช่วงที่ไม่มีไฟลต์บินแบบนี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ เธอ จะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และถึงแม้จริงๆ แฟนหนุ่มนักบินของพิมอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยนักแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร พิม เก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ เสื้อผ้าที่เหมาะกับชีวิตในฟาร์มและอุปกรณ์การข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เธอคิดถึงบทสนทนากับแฟนหนุ่มนักบินที่บอกว่า "ไปดีๆนะ คิดถึงกันด้วย แต่พี่ว่าหนูอยู่ไม่ถึงอาทิตย์ก็ร้งกลับมาแล้ว" น้ำเสียงที่แสดงความไม่เชื่อมั่นว่าเธอจะไปใช้ชีวิตในฟาร์มแบบนั้นได้ ทำให้พิมอยากที่จะพิสูจตัวเองให้สำเร็จ แต่เธอก็เข้าใจว่าที่เขาพูดแบบนี้ก็เพราะว่าเขาไม่ค่อยอยากให้พิมไปไหนไกลจากเขา แต่การสื่อสารของเขาอาจจะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากที่ควรจะเป็นไปสักหน่อย รถที่พิมเช่าพา เธอออกจากความวุ่นวายของกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ทิวทัศน์สองข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนจากตึกสูงเป็นทุ่งนาเขียวขจีและเนินเขาสลับซับซ้อน อากาศที่บริสุทธิ์กว่าในเมืองใหญ่ทำให้ เธอรู้สึกสดชื่นและตื่นเต้นกับสิ่งที่จะได้เจอ ในที่สุด รถก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนดินแดงที่ทอดยาวเข้าไปในบริเวณฟาร์ม กลิ่นดินและพืชพรรณโชยเข้ามาในรถ บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นกว่าที่คิดไว้มาก พิมมองเห็นคอกม้าไกลๆ และต้นไม้ผลที่ปลูกเรียงรายเป็นระเบียบ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง ทันทีที่รถจอดลงที่หน้าบ้าน ผู้จัดการสวนที่เป็นคนติดต่อพิมไว้ มายืนรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่าแต่ยังคงความอบอุ่นแบบชนบทในสไตล์ Rustic ของอเมริกา ซึ่งสามารถเห็นได้จากในโลกออนไลน์ที่รวบรวมบ้านจากการออกแบบของสถาปนิกชื่อดัง “สวัสดีครับคุณพิมพ์ฟ้า...” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ยินดีต้อนรับสู่ฟาร์มของเราครับ” พิมยิ้มตอบกลับไป หัวใจเต้นระรัวด้วยความคาดหวัง เธอพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นบทบาทใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กชายวัย 5 ขวบ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตในฟาร์มม้าและสวนผักผลไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย พิม ก้าวลงจากรถพร้อมรอยยิ้มสดใส และแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เรียกว่า พิม ก็ได้ค่ะ” นางเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะถามเพื่อความแน่ใจ “คุณผู้จัดการใช่ไหมคะ” ผู้จัดการสวนยิ้มรับ มือของเขายกขึ้นแตะที่อกเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ เขาคือ คุณศักดิ์ ชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด ผิวคล้ำแดดจากการทำงานกลางแจ้งอยู่เป็นนิจ ใบหน้าของเขาดูใจดี มีรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่เสมอ ดวงตาของเขาฉายแววเป็นมิตรและดูซื่อตรง เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตที่สวมใส่ดูทะมัดทะแมง บ่งบอกถึงความเป็นคนทำงาน เขาดูเป็นคนเรียบง่ายและเข้าถึงง่าย ซึ่งทำให้ เธอ รู้สึกสบายใจตั้งแต่แรกเห็น "ครับ ผมศักดิ์ครับ ยินดีต้อนรับนะครับคุณพิม" คุณศักดิ์ผายมือเชิญให้คุณเดินตามเข้าไปในตัวบ้าน "ทางนี้เลยครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูห้องพัก แล้วค่อยแนะนำให้รู้จักกับน้องทีโอ" พิมพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมรับคำ เธอสูดหายใจลึกๆ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติเข้ามาเต็มปอด คุณศักดิ์เดินนำเข้าไปในตัวบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แค่มองก็รู้ว่าพิธิพิถันในทุกการออกแบบ ในระหว่างทางเขาเริ่มอธิบายรายละเอียดของงานที่พิมจะต้องรับผิดชอบ "คุณพิมมาถึงก็พักผ่อนให้สบายก่อนได้เลยครับ ห้องพักของคุณพิมอยู่ชั้นบน วิวดีทีเดียว" คุณศักดิ์พูดพลางชี้ไปยังบันไดไม้สัก "ส่วนเรื่องน้องทีโอ... ช่วงนี้แกเรียนเตรียมอนุบาลในตัวเมืองครับ เลิกเรียนแล้วกว่าจะกลับมาถึงฟาร์มก็คงจะช่วงประมาณ 5 โมงเย็นนี่แหละครับ" พิมพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ คุณศักดิ์อธิบายต่อว่า หน้าที่หลัก ของเธอคือ การดูแลกิจวัตรประจำวันของน้องทีโอ เมื่อน้องทีโอกลับมาถึง พิมจะต้องช่วยดูแลเรื่องการอาบน้ำ แต่งตัว และการทานอาหารเย็น และต้องเป็นเพื่อนเล่น พาทำกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมพัฒนาการ เช่น อ่านนิทาน วาดรูป หรือเล่นเกมในบริเวณบ้านและสวน และสุดท้ายคือ การดูแลทั่วไป เช่น ตรวจสอบความปลอดภัยและสุขอนามัยของน้องทีโอในระหว่างที่พิมรับผิดชอบดูแล "ส่วนคุณพ่อของน้องทีโอ คือคุณธนินทร์ แกอายุ 42ปี อยู่ในวัยที่กำลังทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนักมากครับ ไม่มีเวลาดูแลในเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย" คุณศักดิ์อธิบายด้วยน้ำเสียงเห็นใจ "เลยอยากให้คุณพิมมาช่วยดูแลในส่วนนี้ครับ จริงๆ ก็เหมือนเป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวเลยก็ว่าได้" คุณศักดิ์อธิบายด้วยน้ำเสียงเห็นใจ "เลยอยากให้คุณพิมมาช่วยดูแลในส่วนนี้ครับ จริงๆ ก็เหมือนเป็นพี่เลี้ยงส่วนตัวเลยก็ว่าได้" พิมฟังแล้วเข้าใจในสถานการณ์ของครอบครัวนี้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและใจเย็น แต่เธอก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ หลังจากที่คุณศักดิ์พาไปเก็บของและพักผ่อนเล็กน้อย พิมก็ลงมาสำรวจรอบๆ บ้าน เธอเดินชมสวนผลไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน เห็นต้นไม้เขียวขจีออกผลอุดมสมบูรณ์ และได้ยินเสียงม้าร้องแผ่วๆ มาจากคอกม้าที่อยู่ห่างออกไป สายลมพัดเอื่อยๆ พาเอาความหอมของดินและพืชพรรณมาปะทะจมูก เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากกลิ่นน้ำหอมในห้องโดยสารเครื่องบินที่คุณคุ้นเคย หลังจากเดินเล่นในสวนผลไม้จนวนกลับมาที่ตัวบ้านอีกครั้ง บรรยากาศเงียบสงบเริ่มมีความคาดหวังแฝงอยู่ เธออดคิดไม่ได้ว่าเด็กชายวัย 5 ขวบคนนี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะเข้ากับเธอได้ไหม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดในใจเมื่อคุณศักดิ์เอ่ยถึงคุณธนินทร์... ‘คุณธนินทร์... อายุ 42 แล้วมีลูก 5 ขวบ... แสดงว่ามีลูกตอนอายุ 38 เลยเหรอเนี่ย? …’ ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของพิมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะฉุกคิดได้ว่า... ‘เดี๋ยวนะ! แล้วฉันล่ะ... ฉันก็ 35 แล้วนี่หนา... ลืมไปเลยว่าตัวเองก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วเหมือนกัน! ฮ่าๆๆ’ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เธออดขำกับตัวเองไม่ได้ที่เผลอไปตัดสินคนอื่น ทั้งที่ตัวเองก็ใกล้จะอยู่ในช่วงวัยเดียวกันแล้ว ‘คุณธนินทร์คงเป็นคนวัยกลางคนคนหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ ที่กำลังวุ่นกับการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวจนไม่มีเวลาให้ลูกชายตัวน้อย…’ พิมพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง ชายวัย 42 ที่เป็นเจ้าของฟาร์มม้าและสวนผลไม้ขนาดใหญ่ แถมยังต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลลูก... ภาพในจินตนาการของคุณพิมเริ่มชัดเจนขึ้น เขาคงเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่น และอาจจะดูสุขุมรอบคอบ พิมยังคงเดินสำรวจรอบๆ ตัวบ้านชั้นล่างอย่างเพลินๆ เธอเดินผ่านสวนหย่อมเล็กๆ สัมผัสความร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้า จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่มุมหนึ่งที่ห่างออกไปจากบริเวณบ้าน ไม่ไกลจากลานกว้าง เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างม้าตัวใหญ่สีดำสนิท เขาสูงใหญ่ สง่างามในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มและกางเกงยีนเก่าๆ ที่ดูเหมือนจะผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ใบหน้าถูกปกปิดไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้าปิดหน้าสีเข้ม และสวมหมวกปีกกว้างที่ดึงลงต่ำ บดบังใบหน้าส่วนบนเกือบทั้งหมด เหลือเพียงช่วงล่างของใบหน้าที่เห็นเค้าโครงคมสัน รูปร่างของเขาดูบึกบึน มีกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าแต่ก็ยังพอสัมผัสได้ถึงพละกำลัง เขากำลังสาละวนอยู่กับการผูกบังเหียนม้าตัวนั้นอย่างเงียบเชียบ -🖤🤍🖤-บทที่ 64 การจัดการของธนินทร์"ส่วนหลังจากนั้น..." ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม "ตอนพิมกลับไปบิน ผมจะจัดตารางงานตัวเองเพื่อไปหาพิมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้""ทุกครั้งที่พิมมีวันหยุดเราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าพิมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม" ธนินทร์กล่าวอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม "ถ้าพิมสะดวกที่จะกลับมาที่นี่ ผมก็จะจัดเตรียมทุกอย่างให้พิมกลับมาพักผ่อนที่บ้านหลังนี้ได้อย่างเต็มที่""... ผมจะโทรหาพิมทุกวัน” ธนินทร์กล่าวอย่างมั่นใจ "เราจะวิดีโอคอลกันทุกคืนก่อนนอน ถ้าพิมไม่เหนื่อยเกินไป""ผมจะทำให้พิมรู้สึกว่า ผมอยู่ข้างพิมเสมอ ไม่ว่าพิมจะอยู่บนฟ้า หรืออยู่ต่างประเทศ" ธนินทร์กระชับมือพิมแน่น "ความสัมพันธ์ของเราจะไม่ทรมาน อย่างที่พิมกังวล""ผมจะพิสูจน์ให้พิมเห็นว่า ผมพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งให้พิมได้เสมอ ไม่ว่าพิมจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม"ธนินทร์เพิ่งนำเสนอแผนการที่เป็นรูปธรรมในการดูแลพิมในความสัมพันธ์ทางไกล แต่พิมกลับยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เธอคิดถึงแฟนคนปัจจุบันที่แม้จะToxicแต่ก็อยู่เคียงข้างกันเสมอ"ถ้าเราจะคบกันจริงๆในฐานะแฟน แล้วต่างคนต่างอ
บทที่ 63 บทสนทนาที่เกินเรื่องธนินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคง "เรื่องที่พิมต้องกลับไปบิน... พิมไม่ต้องกังวลเลย""สองเดือนที่พิมอยู่กับผมที่นี่... ผมจะทำให้พิมมั่นใจว่า ผมจริงจังมากแค่ไหน""ส่วนเรื่องหลังจากนั้น... ไม่ว่าพิมจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร" ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิม "ผมก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ และพร้อมที่จะรอพิม"‘แปลว่านี้จะกลาย... เป็น Love with Long Distance สินะ’ พิมคิดในใจ เธอไม่เคยต้องการอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เลย ‘มีแฟนเหมือนไม่มี’ พิมรู้สึกเหนื่อยใจกับความคิดที่ตีกันอยู่ในหัว ‘ความสัมพันธ์นี้คงไม่เวิร์คแน่ๆ มีอุปสรรคเยอะไป มีสิ่งให้กังวลเยอะไป’ เธอคิดถึงความยากลำบากของการคบหากันทางไกล ทั้งระยะทาง เวลาที่ไม่ตรงกัน ความเหงา และความไม่มั่นคงชายหนุ่มมองออกว่าพิมกำลังครุ่นคิดอย่างหนักและเห็นแววความกังวลในดวงตาของเธอ เขารู้ว่าพิมกำลังมองเห็นอุปสรรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"ผมรู้ว่าพิมกำลังคิดอะไรอยู่" ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น "พิมกำลั
บทที่ 62 อย่าเล่นกับธนินทร์ mini NC+ธนินทร์ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดเขากลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกดศีรษะของเธอลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เธอขัดขืนได้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร มือที่เคยดันอกกว้างไว้แน่น รีบดึงขึ้นมาปิดปากของเขาไว้แทน ในเสี้ยววินาทีนั้นร่างกายส่วนบนของพิมก็แนบชิดไปทั้งตัวบนร่างกายส่วนบนของธนินทร์ มือนิ่มขวางกั้นระหว่างริมฝีปากหนานุ่มของเขากับริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไว้ธนินทร์รู้สึกถึงแรงปะทะจากมือบางที่ปิดปากเขาไว้แต่เขากลับไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดวงตาของเขาจ้องมองพิมอย่างลึกซึ้งและร้อนแรงเขาไม่ได้ถอยกลับหรือหยุดสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ ใบหน้าคมยังคงโน้มเข้าหามือของพิมที่ปิดปากเขาไว้ราวกับจะพยายามจูบผ่านฝ่ามือของเธอให้ได้ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นลงบนฝ่ามือของพิมเป็นการแส
บทที่ 61 ยั่วนักหรอคำพูดของพิมเป็นการเสนอทางออกที่เธอคิดว่านี้คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องการ และธนินทร์ก็เป็นหนึ่งในผู้ชายพวกนั้น เธอมองว่าก็ตกลงให้ชัดเจนไปเลยเพื่อตัดจบความสัมพันธ์ โดยไม่ต้องมาเร้ารือหรือพยายามมากมายอย่างที่เขากำลังทำอยู่ให้เสียเวลาธนินทร์ชะงักค้างอยู่กลางอากาศใบหน้าของเขาที่กำลังจะโน้มลงไปจูบพิมแข็งทื่อไปในทันที แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความปรารถนาและความอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความโกรธที่ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ธนินทร์ไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนโดยเฉพาะจากคนที่เขาตั้งใจจะจริงจังและปรารถนาร่างสูงถอนใบหน้าออกจากพิมอย่างรวดเร็วจนเกิดระยะห่างขึ้นอีกครั้ง มือที่เคยแตะแก้มพิมอย่างอ่อนโยน ลดลงมาบีบที่วางแขนเก้าอี้ของตัวเองแน่นจนข้อกระดูกขาวโพลน กรามของเขาขบกันจนขึ้นเป็นสันนูนสาวตาคมมองพิมด้วยแววตาที่เย็นชาและดุดันราวกับพยายามควบ
บทที่ 60 จริงจังหรือแค่อยากได้พิมมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสับสนที่ถาโถมเข้ามาในใจ เธอรับรู้ถึงความจริงใจในแววตาและคำพูดของเขาแต่ก็ยังคงไม่เข้าใจในจุดยืนของธนินทร์"ถึงแม้พิมจะกลับไปหาเขางั้นเหรอ...?" พิมถามเสียงแผ่วใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้ว่าธนินทร์จะยังคงยืนยันคำพูดนั้นอยู่หรือไม่ หรือเขาแค่พูดไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้รู้สึกกับเธอมากขนาดนั้นเขามองพิมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มือที่จับหลังมือของเธออยู่ก็กระชับขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไปให้เธอ"ใช่...." ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ทุกคำพูดชัดเจนและตรงไปตรงมาจนพิมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก"ไม่ว่าพิมจะเลือกทางไหน... ผมก็จะยังอยู่ตรงนี้เสมอ"เ
บทที่ 59 ความสัมพันธ์เป็นพิษ"แล้วพี่จะยอมไปหรอ เครื่องลำเดิม" พิมถามด้วยความเป็นห่วงปลายสายเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง ตอบในทำนองว่า ก็เพราะไม่ยอมนั่นแหละถึงไฟลต์ดีเลย์ แต่สุดท้ายถ้าบริษัทให้ไปก็ทำอะไรไม่ได้"อือม ก็จริง" พิมพึมพำตอบด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ของแฟนธนินทร์ที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินว่าแฟนของเธอหงุดหงิดที่พิมแสดงความเป็นห่วง ธนินทร์รู้สึกว่าชายคนนี้ ไม่ได้มีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลความรู้สึกของพิมความรู้สึกของเขาจากความหงุดหงิดส่วนตัวกลายเป็นความห่วงใยพิมอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นที่จะปกป้องหญิงสาวไม่ให้ต้องอยู่กับคนแบบนี้ชัดเจนและแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆการสนทนาดำเนินมาจนใกล้จะจบ เพราะพิมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนรักอีก เพราะดูเหมือนทุกอย่างที่เธอพูดมันสามารถทำให้เขาหงุดหงิดได้ทุกอย่าง"งั้นพี่ไปพักเถอะ หนูไม่กวนดีกว่า" พิมเอ่ยเสียงแผ่วลง เธอเริ่มไม่อยากคุยแล้ว เพราะโดนหงุดหงิ
ความคิดเห็น