เลนส์ เจ้าของธุรกิจสายการบินชื่อดัง หล่อ โสด เย็นชา เอาแต่ใจ มีฝาแฝดชื่อ ฟิล์ม (จากเรื่อง "เธอในความ(ลับ)รัก") และน้องสาวคนสวย น้องโฟกัส (จากเรื่อง "โฟกัสเพียงเธอ") ลูกชายฝาแฝดของนาย - หนูมาย จากเรื่อง "รักกันแบบธุรกิจ" พรีม ดาวคณะวิศวะการบิน น่ารัก ยิ้มเก่ง เธอแอบชอบเขามานาน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้มากที่สุด ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหันมามองกัน แต่ความเย็นชาของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ไกลเข้าไปทุกทีและไม่อยากแอบรักเขาอีกต่อไป... "แค่นี้จะยอมแพ้?" "พี่เลนส์ไม่เคยรักใคร ไม่รู้หรอกค่ะว่าพรีมรู้สึกยังไง" "รู้ได้ยังไง?" #นิยายฟิลกู้ด #ไม่มีนอกกายนอกใจ นิยายเรื่องนี้แต่งจากจินตนาการของไรท์แต่เพียงผู้เดียว โปรดอย่าลอกเลียนแบบและนำไปตัดแต่ง ขอสงวนสิทธิ์เป็นไปตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พุทธศักราช 2558
Lihat lebih banyak"ยัยพรีม วันนี้พี่เขามาวันสุดท้ายแล้วนะ แกจะไม่บอกเขาสักหน่อยหรอ"
"ฉันกลัว" ฉันตอบใยไหมเพื่อนสนิทที่สุดของฉันไปตามความรู้สึก ฉันกลัวว่าถ้าเด็กแว่นอย่างฉันวิ่งเข้าไปบอกความรู้สึกกับเขาตอนนี้ สุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดต้องเป็นฉันคนนี้แน่ ขอยืนมองเขาอยู่ไกลๆ อยู่ตรงนี้ แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว ฉันยืนมองคนตัวโตอยู่ตรงมุมตึก แอบมองเขาที่กำลังยุ่งอยู่กับการรับดอกไม้และของขวัญจากรุ่นน้องที่ต่างก็มาแสดงความยินดีที่เขาสำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดของโรงเรียนและยังสามารถสอบติดคณะวิศวะการบินของมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศเป็นอันดับหนึ่งได้อีกด้วย จะว่าไปเส้นทางของฉันกับเขาก็เหมือนเส้นขนานไม่มีทางมาเจอกันได้เลยด้วยซ้ำ จนเมื่อหลายเดือนก่อนวันที่ฉันย้ายเข้ามาเรียนที่นี่เป็นวันแรก และเพราะความซุ่มซ่ามของฉันเองนี่แหละที่ทำให้เราได้เจอกัน ...หลายเดือนก่อน... คนตัวเล็กในชุดนักเรียนชั้นมัธยมปลายวิ่งหน้าตาตื่นเข้าประตูโรงเรียนอย่างเร่งรีบเพราะใกล้เวลาเข้าเรียนคาบแรกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ใช่! ฉันมาสาย สายมากด้วย!! แต่แล้วยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้า... ปึก!! "โอ๊ย!!" เพราะฉันมัวแต่ก้มหาแว่นตาในกระเป๋าผ้าไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างหน้า กระทั่งหน้าผากมนกระแทกกับแผ่นหลังแกร่งเข้าอย่างแรง สองขาเล็กถอยเซไปด้านหลังจนเกือบจะหงายท้อง แว่นตาที่ฉันนั่งซ่อมมาเมื่อเช้าให้พอใส่ได้ชั่วคราวหลุดออกจากมืออย่างง่ายดาย นาทีนี้ฉันได้แต่ภาวนาขอให้กระจกแว่นไม่แตกก็พอ ไม่อยากนั้นคนสายตาสั้นมากอย่างฉันคงใช้ชีวิตลำบากแน่ "เป็นอะไรรึป่าว" เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่งๆ "ขะ ขอโทษค่ะ" ฉันพยายามตั้งขาให้มั่น ก้มศีรษะขอโทษเขาเล็กน้อย โทษฐานที่เป็นฝ่ายซุ่มซ่ามทำให้เขาเสียเวลา ก่อนจะย่อตัวลงไปเก็บแว่นพังๆ ของฉันที่นอนอยู่บนพื้น "อืม" แต่ยังช้ากว่าเขา เพราะตอนนี้แว่นสีชมพูคู่ใจได้ถูกส่งมาอยู่ในมือเล็กนี้แล้ว "ไอ้เลนส์ ทำไรอยู่วะ สายแล้วนะเว้ย" "เร็ว!" ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณความใจดีของเขาที่ช่วยเก็บแว่นให้ เขาก็วิ่งตามหลังเพื่อนที่พูดเสียงเข้มเข้าอาคารเรียนไปแล้ว เขาชื่อ 'พี่เลนส์' "พรีม แกนั่งรอตรงนี้ อยากกินอะไรเดี๋ยวฉันไปซื้อให้" ใยไหมเพื่อนคนแรกของฉันที่นี่บอกอย่างใจดี เพราะเธอรู้ว่าฉันเดินค่อนข้างลำบาก "เหมือนกันก็ได้" ฉันบอกเพื่อนอย่างไม่เรื่องมาก หยิบแว่นขึ้นมามองตาละห้อย ดีที่ใยไหมช่วยขอสลับที่กับเพื่อนให้ฉันได้นั่งข้างหน้า ไม่อย่างนั้นฉันคงเรียนไม่รู้เรื่องและจดการบ้านไม่ทันแน่ "ตัวเล็ก" "..." ฉันมองแว่นกรอบสีชมพูในมือใหญ่ของคนตัวโตอย่างงุนงง ดูจากความหนาของเลนส์แล้ว น่าจะพอพอกับของฉันเลย "แว่นพังไม่ใช่?" "อะ อ่อค่ะ" "เอาไปใส่ก่อน" "มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็เลิกเรียนแล้ว" กรอบสีชมพูขนาดนี้ ต้องเป็นของแฟนเขาแน่เลย "อย่าดื้อ" เขาขมวดคิ้วทำเสียงดุใส่จนฉันตกใจรีบยื่นมือรับมาถือไว้ทั้งที่ไม่ควรทำ "ขะ ขอบคุณค่ะ" ยังไม่พอแค่นั้น เขายังยืนกดดันใช้สายตาบังคับให้ฉันใส่แว่นที่เขาเอามาให้ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารกับเพื่อนๆ ถัดไปอีกสองโต๊ะหันหน้ามาทางฉัน ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องเขาตลอดทางราวกับว่าเขาเป็นดาราเลยก็ว่าได้ "แกรู้จักพี่เขาด้วยหรอ" "ฉันวิ่งชนพี่เขาเมื่อเช้า" "นั่นหน่ะ หนุ่มฮอตประจำโรงเรียนเราเชียวนะ" "ร หรอ" และหลังจากนั้นประวัติทั้งหมดของคนตัวโตก็ถูกถ่ายทอดออกมาทุกเรื่องราวผ่านเสียงเจื้อยแจ้วของใยไหม จนฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบทานเผ็ด เล่นกีฬาเก่ง เรียนเก่งมาก มีฝาแฝดหนึ่งคนชื่อ 'พี่ฟิล์ม' น่าจะเป็นคนที่เรียกเขาเมื่อเช้า กลุ่มของเขามีสี่คน มีพี่มินินเป็นผู้หญิงคนเดียวและเป็นคนที่ทั้งโรงเรียนจับให้เป็นคู่จิ้นกับเขา พอฟังมาถึงตรงนี้ฉันก็อดจะเงยหน้าขึ้นไปมองผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เขาไม่ได้ พี่เขาทั้งสวยทั้งน่ารักเวลายิ้มก็สดใสมากๆ ดูเหมาะกันสุดๆ ไปเลย สมแล้วที่เป็นคู่จิ้นกัน "พี่คะ" "..." "พรีมเอาแว่นมาคืนค่ะ ส่วนนี่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง พรีมตั้งใจซื้อมาฝากขอบคุณที่พี่ให้ยืมแว่นตาค่ะ" เป็นประโยคยาวเหยียดที่ฉันซ้อมท่องมาตลอดคืนเพื่อมาพูดกับเขาวันนี้ ฉันตื่นแต่เช้ามืดเพื่อให้ทันแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าปากซอยหมู่บ้านมาฝากเขาและใยไหม ตั้งใจมายืนรอเขาตรงมุมตึกตามที่ใยไหมเล่าให้ฟังว่าปกติแล้วเขาจะมาถึงเวลาประมาณนี้และชอบมานั่งหลบมุมอยู่กับเพื่อนด้านหลังอาคารเรียน กว่าฉันจะพูดทุกคำที่ซ้อมมาจบทำเอามือเต็มไปด้วยเหงื่อ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้เสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างในตอนนี้ มันตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า เขาเรียกว่าอะไร? อาจจะเป็นเพราะความใจดีของเขาก็ได้ที่สร้างความประทับใจให้กับฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน "ขอบคุณครับ" "พรีม พรีมไปก่อนนะคะ" เขายื่นมือมารับของไปถือไว้เองทั้งหมด รวมถึงข้าวเหนียวหมูปิ้งด้วย พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ พอให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ ของเขา อย่างนี้สินะ เขาถึงได้ฮอตที่สุดในโรงเรียนแบบที่ใยไหมว่า... และหลังจากวันนั้น ฉันก็พาตัวเองไปอยู่ในรัศมีของเขาเสมอ เขาซ้อมกีฬา ฉันซ้อมเชียร์ เขาแข่งกีฬา ฉันไปเป็นกำลังใจให้อยู่ห่างๆ ห่างจนเขาไม่สังเกตเห็น ตอนพักกลางวันของทุกวันฉันเลือกที่จะนั่งโต๊ะเดิมทุกครั้ง โต๊ะที่เขาเดินเอาแว่นมาให้ รอถึงเวลาที่เหมาะสม...ฉันจะพาตัวเองให้ได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ เขามากกว่านี้ 'พี่เลนส์รอพรีมก่อนนะ' #พาพี่เลนส์กับน้องพรีมมาทักทายค่ะ #ฝากกด ♥️ เป็นกำลังใจให้น้องพรีมด้วยนะคะ #อ่านเพลินๆ ฟินๆ สบายๆ เหมือนเดิมนะคะหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ
Komen