เจียวเอินจวิ้น ฮองเฮาผู้เลอโฉม การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในวังหลังนั้นเป็นมาทุกสมัย และเจียวเอินจวิ้นคือผู้กุมอำนาจนั้น เหนื่อยเหลือเกินกับการแย่งชิง เหนื่อยเหลือเกินกับการยื้ออำนาจเอาไว้ในมือ ชาตินี้นางพอแล้ว เจียวเอินจวิ้น ฮองเฮาผู้เลอโฉม การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในวังหลังนั้นเป็นมาทุกสมัย และเจียวเอินจวิ้นคือผู้กุมอำนาจนั้น ฮึก!! กระบี่เรียวยาวบักลงที่กลางอกพระนาง ผู้ที่ถือกระบี่นั้นไม่ใช่ใคร องค์รัชทายาท โอสรพระองค์เดียวของนางอำนาจมันหอมหวานขนาดนั้นเลยเหรอ บุตรถึงลงมือสังหารมารดาได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้ เหนื่อยเหลือเกินกับการแย่งชิง เหนื่อยเหลือเกินกับการยื้ออำนาจเอาไว้ในมือ หาได้มีใครรักนางด้วยความจริงใจขนาดคนที่นางคลอดเลี้ยงดูอุ้มชูมาด้วยสองมือยังทรยศ หักหลัง หากชาติหน้ามีอยู่จริง ขอเกิดเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ต้องแก่งแย่งชิงกับใคร
View Moreบทที่ 1
เหมันต์ฤดู พัดผ่าน จูฮูหยิน คลอดบุตรคนที่ 5 ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นบุตรชายทั้งสิ้น หนนี้นางให้กำเนิดบุตรสาว เด็กน้อยผิวขาวราวกับหิมะแรก แก้มแดงราวผลผิงกั๋ว (แอปเปิ้ล)
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะจูฮูหยิน ท่านได้ลูกสาว” หมอตำแยผู้ที่ทำคลอดให้ทุกท้องรีบเอ่ยบอกทันทีที่ดึงทารกน้อยออกมาจากครรภ์ นางรู้ดีว่าจูฮูหยินอยากได้บุตรสาว ในที่สุดก็สมใจซักที รีบส่งทารกน้อยให้สาวใช้เช็ดด้วยด้วยน้ำอุ่น ทารกก็เปล่งเสียงร้องจ้าออกมาทันที
“อุ้มมาให้ข้า ข้าอยากเห็นนาง” จูฮูหยินเสียงแหบพร่าแทบหมดเรียวแรง ทารกตัวโตเหลือเกิน แม้จะผ่านการคลอดบุตรมาถึงสี่ครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนากว่าที่ผ่านมา
ความเจ็บหน่วงปวดร้าวบนอกยังมิคลายดีก็หมดสติไป เสียงอึกกระทึกวุ่นวาย เจียวเอินจวิ้นจึงค่อยๆ ลืมตา แสบตาจนตาพร่ามัว จนกระทั่งเริ่มมองเห็นชัดเจน นางกำลังถูกผู้คนแปลกหน้ารายล้อม ‘พวกเจ้าเป็นใคร จะทำอะไรข้า ปล่อยข้าเดียวนี้’
นางพยายามดีดดิ้นสุดแรงออกจากงื้อมือ แต่นางมิอาจสู้แรงได้ จึงตะโกนร้องจนสุดเสียง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงของเด็กทารกเท่านั้น
สาวใช้ห่อทารกน้อยด้วยผ้าขาวสะอาดและห่อด้วยผ้าห่มสีแดงผื่นเล็กป้องกันความหนาวอีกชั้น ก่อนมอบทารกคืนสู่อ้อมกอดมารดา
“ลูกสาวของข้า เจ้าดูสินางมองข้าตาแป๋วเชียว น่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน”
“ฮูหยินตั้งชื่อคุณหนูว่าอะไรเจ้าค่ะ”
“จูไป๋เสวี่ย นางเกิดหน้าหนาวผิวขาวราวหิมะ “จูฮูหยินก้มลงหอมแก้มทารกน้อยฟอดใหญ่ ก่อนจะคีบยอดถันป้อนเข้าปากทารกน้อย
“เหมาะกับคุณหนูมากเลยเจ้าค่ะ”
เจียวเอินจวิ้นจ้องมองใบหน้าหญิงสาวที่เรียกนางว่าบุตรสาว หรือนางตายแล้ว เกิดใหม่ นางสิ้มลมหายใจด้วยน้ำมือของโอรสตนเองจริงๆ หรือนี่ เจียวเอินจวิ้นค่อยๆ หลับตาลง โดยที่ปากยังดูดยอดถันของจูฮูหยินอยู่ตามสัญชาตญาณ
นางตายแล้วจริงๆ สิน่ะ อกข้างซ้ายยังคงรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากปลายกระบี่ที่ปลิดชีพของโอสรสวรรค์ นางทำผิดอันใด คนที่นางเลี้ยงดูและอุ้มชู มอบอำนาจทุกอย่างให้ แต่เขาก็ไม่เคยพอ ทำการอุกอาจก่อนกบฏ สังหารฮองเต้และฮองเฮา บิดามารดาผู้ให้กำเนิด
นางใช้ชีวิตอยู่ในวังหลังตั้งแต่อายุ 16 ถีบตัวเองจากเฟยกุ้ยหลิน จนขึ้นมาเป็นฮองเฮาได้ เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ยาพิษทุกแบบนางหยิบใช้มาหมดแล้ว ทำทุกอย่างเพื่อตระกูลและโอสรพระองค์เดียว แม้มือต้องเปื้อนเลือดนางก็ลงมือทำแบบไม่กระพริบตา
เจียวเอินจวิ้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง เห็นใบหน้าอ่อนโยนของหญิงที่กำลังคั้นเลือดจากอกให้นางดูดดื่ม แววตาที่ทอดมองมาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ขอบคุณสวรรค์ที่มอบชีวิตให้คนบาปอย่างนางอีกครั้ง
จูไป๋เสวี่ย ทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกคือนาง มือน้อยๆ ปะป่ายไปคว้าหน้าอกอีกข้าง แก้มซาลาเปาชุกลงกับอกอวบอิ่ม อบอุ่นเหลือเกิน
พอแล้วกับการแย่งชิงอำนาจ เหนื่อยเหลือเกินกับการแย่งชิง เหนื่อยเหลือเกินกับการยื้ออำนาจเอาไว้ในมือ หาได้มีใครรักนางด้วยความจริงใจ นางจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง คราวนี้นางจะถอยให้ทุกคน
ตอนพิเศษ2“โอ๊ยๆ เบาฮูหยิน เบาๆ เดี๋ยวเนื้อข้าหลุด” แม่ทัพที่คุมทหารนับแสน ถูกภรรยาหยิบเข้าที่สีข้างก็ร้องโอดโอย ราวกับถูกกระบี่ฟันเขาแค่ล้อเล่นไหม ใครจะยกลูกให้คนอื่นยืมได้อย่างไรเล่า ตั้งใจปั้นมาขนาดนี้“เจ้าจะเดินทางไปรับเสด็จจูล่งฮองเต้ที่เมืองหน้าด่านที่ลี่เจียงหรือเปล่า” หลังจากฟัดพุงกลมๆ แก้มนิ่มๆ จนพอใจ ก็ส่ง ทารกน้อยหลิวไป๋อิงคืนให้บิดาของนางหลิวเสวี่ยอวี้รับบุตรสาวมานั่งลงบนตักแกร่ง“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากให้เสวี่ยเอ๋อร์อยู่กับเด็กๆ ตามลำพัง อีกอย่างนางตั้งครรภ์อยู่ เกิดเจ้าสามแสบชนหกล้มไปจะทำอย่างไร ข้าไม่ไว้ใจคนอื่นให้ดูแลแทน”เฉิงตงกลอกตามองบน เหตุผลมันก็พอฟังขึ้นอยู่ แต่ไม่ใช่เพราะความรักฮูหยิน ที่มากจนเกินไปหรืออย่างไร ทำให้เสี่ยวไป๋ท้องไม่เคยว่าง ตั้งแต่เดินทางมาอยู่แคว้นฉู่ จนย่างเข้าปีที่ 5 แล้วไม่เคยได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่แคว้นเว่ยเลย จนทำให้จูล่งฮองเต้ถึงกับต้องเสด็จมาเยี่ยมพระขนิษฐาด้วยพระองค์เองถึงแคว้นฉู่“ข้าอยู่ได้ สามแสบก็ใช่ไม่รู้ความ ข้าปรามอะไรก็ฟังตลอด มีเพียงตอนอยู่กับท่านพี่เท่านั้น ที่พูดอะไรก็ทำเป็นหูทวนลม” ตลอด 5 ปีที่อยู่แคว้นฉู่ นางไม่เคยได้กลับบ้า
ตอนพิเศษ1เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นไปทั้งสวนดอกไม้ สี่พ่อลูกกำลังวิ่งปลุกปล้ำกันมันมาอย่างสนุกสนาน“ท่านพี่ ถ้าต้นดอกไม้ข้าหัก ข้าจะให้ท่านไปนอนที่เรือนรับรอง” ฮูหยินเล็ก จูไป๋เสวี่ย ตะโกนปรามแม่ทัพและเด็กชายแฝดทั้งสาม ตอนนี้เด็กแฝดทั้งสามอายุได้ 4 หนาวแล้ว ชอบเล็กกันรุนแรงจนบ่าวไพร่ พี่เลี้ยงสู้แรงไม่ไหว นอกจากบิดาเท่านั้นที่รับมือนั้นได้ วันหยุดจึงมักจะมาเล่นกันที่สวนปลดปล่อยพลังกันอย่างอย่างบ้าคลั่งหลิวเสวี่ยอวี้ผินหน้ามามองภรรยาด้วยความรู้สึกผิด แต่จะให้เขาทำยังไง เด็กทั้งสามคนซนเหลือเกิน วิ่งจับคนนั้นคนนี้วิ่งหนี วิ่งจับคนนี้คนนั้นวิ่งหนี พอจับสองคนอีกคนก็กระโดดขี่คอ แฝดสามยังเด็กนักบางครั้งจึงไม่รู้น้ำหนักมือของตนเอง พลั้งมือลงแรงมากเกินไปทำเอาบ่าวไพร่เจ็บตัว จนไม่มีใครกล้าเล่นด้วย มีเพียงเขาคนเดียวที่รับมือไหว“สมน้ำหน้า อยากมีสิบคนใช่ไหม ข้าจะคลอดให้ท่านเลี้ยงให้ครบเลย” จูไป๋เสวี่ยขำเครือ เมื่อเห็น สามีถูกเด็กแสบทั้งสามคนตะลุมบอน“ข้าว่าอีกไม่นานหรอกสวนดอกไม้ของเจ้าต้องเหลือแต่ชื่อ” เฉิงตง สอดมือใต้รักแร้ทารกน้อยวัย 1 ขวบเศษ หลิวไป๋อิง นางช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน จนเฉิงตงอดไม่ไ
บทที่37ขุนนางทั้งหลายจากเดิมไม่คิดที่จะให้บุตรสาวแต่งกับแม่ทัพหลิวเพราะคิดว่าภายใต้หน้ากากเหล็กนั้นคือบุรุษอัปลักษณ์ อีกทั้งองค์หญิงฉู่เฉียวหมายปองอยู่คิดกันแค่เพียงว่าองค์หญิงอยากแต่งเพราะเป็นสหายมาตั้งแต่เยาว์วัยและอำนาจทหารที่สกุลหลิวถืออยู่ จึงไม่มีขุนนางคนไหนมาทาบทามไปเป็นเขย แต่หลังจากงานเลี้ยง พอได้เห็นใบหน้าและความมั่นคงของสกุลหลิวแล้ว ก็อยากให้บุตรสาวแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ส่งเทียบเชิญไปงานเลี้ยงมาไม่ได้หยุดหย่อน หรือไม่ก็สั่งให้บุตรสาวไปเดินผ่านให้แม่ทัพเห็นสักครั้ง หากแม่ทัพถูกตาต้องใจก็จะได้แต่งเข้าจวน ยิ่งข่าวลือที่ว่าแม่ทัพรักมั่นต่อองค์หญิงเท่าไร สาวงามในเมืองหลวงยิ่งเพ้อฝันอยากแต่งเข้าจวนแม่ทัพ เพราะอยากได้สามีที่รักมั่นกับตนเองแบบนั้นบ้าง แต่ก็ถูกแม่ทัพพูดจาหักหน้าตรงๆ จนเสียหน้าไปหลายราย“ท่านพี่ไม่คิดที่จะไปตามเทียบเชิญบ้างเลยเหรอ ข้าเห็นวันก่อนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ส่งเทียบเชิญให้ท่านไปงานเลี้ยงวันเกิด”“ไม่ล่ะ ข้าขี้เกียจปั้นหน้า เดิมแต่ก่อนตัวข้าก็แทบไม่เคยอยู่เมืองหลวงนาน ไม่ตรวจตราตามหัวเมืองชายแดน ก็ไปแอบดูเจ้าที่เมืองหยิ่งตู่” ริมฝีปากหนาก้มลงจุมพิตหน้าท้องขาวนวลที่ขึ้
บทที่36ขบวนราชบุตรเขยและองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยเดินทางมาถึงเมืองหลวงของแคว้นฉู่ในที่สุด ชาวเมืองออกมายืนขนาบสองข้างถนนจนแน่นขนัด ถนนสองข้างทางประดับประดาไปด้วยกระดาษสีแดงและสีทองขบวนรถขับเคลื่อนไปถึงประตูวังหลวง ฮองเต้แคว้นฉู่ และเหล่าขุนนางเตรียมงานเลี้ยงรอไว้ต้อนรับอย่างดีเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นใบหน้าของแม่ทัพหลิวเสวี่ยอวี้ชัดๆ เพราะที่ผ่านมาเห็นแค่ครึ่งหน้าเท่านั้น แต่พอล่ะสายตามายังสตรีที่เดินเคียงข้างมาแม้กระทั่งฮองเต้ยังตกตลึงไม่คิดว่าองค์หญิงจูไป๋เสวี่ยจะงดงามได้ถึงเพียงนี้ด้านองค์หญิงฉู่เฉียวที่แต่งตัวงดงามกว่าวันไหนๆ รีบมายืนประจำตำแหน่งของตนเอง ลอบเยาะยิ้มสตรีผู้นั้นบังอาจลงมือทำร้ายพระองค์แถมข่มขู่ไม่ให้บอกใคร แล้วเป็นอย่างไรสุดท้ายก็ถูกแม่ทัพหลิวทิ้งไปแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้น อยากจะเห็นใบหน้าองค์หญิงจูไป๋เสวี่ยนัก ว่าจะต่อกรกับสตรีหยาบช้าอย่างฮูหยินเอกของหลิวเสวี่ยอวี้ได้หรือไม่“ถวายบังคมฝ่าบาท” แม่ทัพหลิวพาองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยเข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์เมื่อได้ยินเสียงองค์หญิงฉูเฉียวรีบเงยหน้าขึ้นมอง ขนกายลุกชู่ไปทั้งร่าง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เลื่อนหายไป สีหน้าคล้า
บทที่35“น้องเขยมาๆ ดื่มอีกจอก” คุณชายสี่ จูหรงจียกกาสุรามารินเติมให้น้องเขยไม่ให้ขาดตอน จูหรงจีคือคนที่หวงน้องห้ามากที่สุด เดิมทีคิดว่างานจบจะคุยกับพี่ใหญ่ให้ถอนหมั้นกับยกเลิกงานแต่งซะ แต่เพราะความรักและเสียสละของแม่ทัพหลิวทำให้เขายอมปล่อยมือให้น้องแต่งงานในครั้งนี้ คงไม่มีใครดูแลน้องห้าได้ดีเท่าหลิวเสวี่ยอวี้อีกแล้ว“ดื่มๆ” เฉิงตงช่วยดันจอกสุราเข้าปากราชบุตรเขยอีกแรงราชบุตรเขยเดินโซซัดโซเซ เขาโดนมอมสุรา คงกะให้เข้าหอคืนนี้ไม่ไหว พี่ชายทั้งสี่ของฮูหยินเล่นงานเขาแล้ว สหายสุดที่รักก็ร่วมมือด้วย ทั้งๆ ที่เฉิงตงเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเขาคาดหวังกับคืนนี้มากแค่ไหน มันน่าตัดเพื่อนทิ้งจริงๆ ได้แต่คิดในใจ ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มอย่างเสียไม่ได้ ทั้งพี่ชายจูไป๋เสวี่ยและสหายคงไม่ปล่อยให้เข้าหอง่ายๆ แน่คืนนี้“ถึงฤกษ์เข้าหอแล้ว พอเถอะท่านแม่ทัพยืนแทบจะไม่ไหวแล้ว” รองแม่ทัพไป๋ชูได้รับสัญญาณมือจากแม่ทัพหลิวก็รีบเข้ามาประคอง เดินประคองร่างคนเมาแทบจะหิ้วปีกไปส่งถึงประตูห้องหอที่เจ้าสาวรออยู่เมื่อประตูห้องหอปิดลง คนที่ต้องให้รองแม่ทัพหิ้วปีกมาเมื่อสักครู่ ก็เดินตัวตรงอย่างมั่นคงไปยังเตียงที่เจ้าสาวนั่งรอ
บทที่34หลิวเสวี่ยอวี้อาการดีวันดีคืนด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดของฮูหยิน จูไป๋เสวี่ยตัดสินใจรับตำแหน่งจากพี่ชาย ในฐานะพระขนิษฐาของฮองเต้อีกทั้งยังเป็นฮูหยินของแม่ทัพแห่งแคว้นฉู่ จะช่วยเสริมสร้างฐานอำนาจจูล่งฮองเต้ได้อย่างมาก ใครจะกล้านางได้รู้ความจริงอันเจ็บปวดอีกอย่างจากเจียวเจี้ย ตอนที่เจียวก้านยังมีชีวิตอยู่เคยคิดพลักดันน้องสาวต่างมารดาของฮองเฮาเจียวเอินจวิ้นเข้าวัง ฮองเต้หลงในตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็น ไท่จื่อ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเจียวก้านมาขอให้ช่วยไปพูดกับฮองเฮาให้ นั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทจื่อไม่อาจรอได้อีกต่อไป เพราะหากมีองค์ชายจากตระกูลฮองเฮาเพิ่มขึ้น ตำแหน่งของตนย่อมสั่นคลอนวันนี้เป็นวันที่หลิวเสวี่ยอวี้รอคอย พออาการเริ่มดีขึ้นเขาก็เขียนจดหมายให้บิดามารดาเดินทางมายังวังหลวงแคว้นเว่ย เพราะต้องการจัดพิธีแต่งงานกับพระขนิษฐาของจูล่งฮองเต้ ไม่อยากรอหายแล้วกลับไปแต่งที่แคว้นฉู่แล้ว อยากเข้าหอกับนางสักทีราชบุตรเขยในชุดสีแดง ยืนชะเง้อคอยาวรอเกี้ยวเจ้าสาวที่ตำหนักรับรอง งานแต่งงานครั้งนี้จัดขึ้นในวังหลวง บิดามารดาของเขาขนสินสอดทองหมั้นมาจากแคว้นฉู่ถึง 100 เกวียน บอกแล้วงานแต่
Comments