เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ

เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ

last updateLast Updated : 2025-08-20
By:  ต้าซ้อOngoing
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
167Chapters
1.7Kviews
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

นางตื่นจากความตาย...ในอ้อมแขนของปีศาจ! จากหญิงสาวยุคใหม่ กลายเป็นสตรีปีนเตียงของอ๋องผู้โหดเหี้ยม... แล้วต้องฝ่าฟันทั้งความรัก ความแค้น และสงครามการเมืองเพื่อปกป้องบ้านเมืองและลูกในท้อง!

View More

Chapter 1

บทที่ 1

ม่านทองปักมังกรไหวเอนในลมยามค่ำ กลิ่นกำยานหอมละมุนลอยกรุ่นอยู่ทั่วท้องพระโรงจินเต๋อ พระราชวังอันโอฬารแห่งราชวงศ์ต้าหรง ที่ประดับประดาด้วยแสงตะเกียงสีชาด

พิณเจ็ดสายบรรเลงรับจังหวะร่ายรำจากเหล่านางรำ ท่วงท่าชดช้อยเคล้าเสียงหัวเราะและคำเยินยอที่ฟังคล้ายกลุ่มฝูงแมลงหวี่ในยามร้อนระอุ

ทว่าสายตาของบุรุษหนึ่งกลับไม่เหลียวแลใคร…

เขานั่งนิ่งประหนึ่งรูปสลัก ชุดเกราะเงินประดับลายพยัคฆ์เปื้อนฝุ่นศึกไม่มากแต่สะท้อนแสงเปลวเทียนเป็นประกาย นัยน์ตาคมไม่หลบสายตาผู้ใด แต่ก็ไม่เปิดใจรับผู้ใดเช่นกัน

เขาคือ "อ๋องหย่งอัน" หรือ "จ้าวอวี้" แม่ทัพผู้คุมด่านจิงอัน ชายผู้เป็นนักรบที่มีฉายาว่า มัจจุราชแห่งชายแดน นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่เขาได้กลับเข้ามาในเมืองหลวงแห่งนี้

นับตั้งแต่มีคำสั่งย้ายให้เขาไปประจำการที่เมืองชายแดนตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จวบจนตอนนี้ก็เป็นเวลา 15 ปีแล้วที่เขาอยู่ที่นั่นและเติบโตมาพร้อมกับความหวาดกลัวของผู้คน บ้างก็ว่าเขาเป็นมัจจุราช บ้างก็ว่าเขาเป็นปีศาจที่ฆ่าไม่ตาย

ฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดา ทรงพระพักตร์นิ่งเมื่อทอดพระเนตรบุตรชายจากบัลลังก์มังกร ใจหนึ่งปลื้มปีติยิ่ง แต่คำพูดกลับราบเรียบดังลมเหมันต์

"หย่งอัน เจ้าปรารถนาสิ่งใดเป็นรางวัลแห่งชัยชนะครั้งนี้?"

เสียงในท้องพระโรงเงียบลงราวถูกปิดปากด้วยมือเดียว ขุนนางทั้งหมดย่อหัวต่ำมองอ๋องหนุ่มที่ลุกขึ้นคุกเข่าช้า ๆ

"กระหม่อมมีครบทุกอย่างแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงได้อยู่ชายแดน ทำหน้าที่รับใช้แว่นแคว้นก็เพียงพอแล้ว"

เสียงหนักแน่นจนแม้แต่สายลมยังหยุดไหว ฮ่องเต้ไม่ตรัสตอบทันที ทรงหันไปยังขันทีผู้จดราชโองการ แล้วตรัสเสียงเรียบ

"ด่านจิงอัน นับแต่นี้จะเป็นเขตศักดินาของอ๋องหย่งอัน เจ้าจงปกครอง บริหาร และป้องกันดั่งหนึ่งเจ้าแคว้น ขอเพียงภักดีต่อราชสำนัก"

"เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ที่ฝ่าบาททรงโปรดประทานที่ดินศักดินา ณ เมืองจิงอัน ให้กระหม่อมถือครอง ขอได้โปรดอย่าทรงเป็นกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม… ไม่มีความปรารถนาต่อบัลลังก์หรืออำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น"

"..."

"ต่อให้ต้องกลายเป็นเพียงวิญญาณเฝ้าอาณาเขต กระหม่อมก็จะไม่ล่วงล้ำแม้เพียงเงาของราชบัลลังก์"

เขาก้มศีรษะลงต่ำ ผืนหินเย็นกระทบหน้าผากของอ๋องหนุ่มโดยไร้ความลังเล เงาร่างที่ก้มอยู่ตรงนั้น… ไม่ใช่เพียงอ๋องผู้หนึ่ง แต่คือบุตรที่ครั้งหนึ่งเคยยิ้มให้พระบิดาอย่างบริสุทธิ์

ทว่าเวลาผ่านไป ยิ้มนั้นกลับเหือดแห้ง พร้อมกับภาพจำทุกอย่างที่เคยร่วมกันก็ค่อย ๆ จางหายไปเช่นกัน

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรบุตรชายที่คุกเข่าอยู่ด้วยใจที่เจ็บปวด ต่อให้ลูกชายจะคิดว่าพ่อต้องการผลักไสเขาให้พ้นจากบัลลังก์ ต่อให้ลูกจะคิดว่าพ่อคือคนที่ฆ่าแม่ คนเป็นพ่อก็ทำได้เพียงยินยอมให้ลูกเข้าใจผิด

สายตาหลายคู่ที่จับจ้อง ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ต้องแบกรับความโกรธเคืองของบุตรชายเอาไว้...

ในยามที่ฮ่องเต้ตรัสถามว่า "เจ้าปรารถนาอะไรเป็นรางวัลแห่งชัยชนะครั้งนี้?" เสียงในท้องพระโรงพลันเงียบงัน

อ๋องจิ้งหยวน จ้าวเฉิง (องค์ชายสาม) ช้อนสายตาขึ้นมองพี่ชายร่วมบิดาผู้นั่งนิ่งไม่พูดจาตั้งแต่ต้นงาน แววตาภายใต้ใบหน้าโดเด่น พลันสะท้อนรอยยิ้มเหยียดบางเบา

นิ้วมือเรียวเคาะถ้วยสุราเบา ๆ ราวกับกลั้นหัวเราะ เขารู้ดีว่า หากจ้าวอวี้ปรารถนาจะกลับเมืองหลวง ตำแหน่งองค์รัชทายาทที่มั่นคงของจ้าวหลิน คงมิใช่เรื่องแน่นอนอีกต่อไป

อ๋องจื่อหนาน จ้าวหาน (องค์ชายสี่) ในขณะที่องค์ชายผู้เลื่องชื่อว่าทรงเมตตาและอ่อนโยนกลับเอียงหน้าฟังคำตอบของพี่ชายคนรองด้วยรอยยิ้มลึก

ดวงตาคู่นั้นราวอาทิตย์ยามช้า อบอุ่นเสียจนทุกคนอยากเข้าใกล้ เขาจดจำความเคลื่อนไหวทุกอย่างไว้เงียบ ๆ เขาไม่พูด ไม่แม้แต่จิบสุรา แต่ทุกคำพูดของจ้าวอวี้ล้วนถูกบันทึกไว้ในใจเขา

อ๋องเกิ่งอี้ จ้าวเหวิน (องค์ชายห้า) จ้าวเหวินมองพี่ชายอย่างภาคภูมิ ถึงเขาจะไม่เคยได้ใช้เวลาร่วมกับพี่ชายคนที่สอง แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีความสามารถ และเป็นที่น่ากลัวเกรงของขุนนางในราชสำนัก

องค์รัชทายาท จ้าวหลิน บุรุษผู้สงบนิ่งที่สุดในท้องพระโรง ยกสุราขึ้นแนบริมฝีปาก แต่กลับมิได้ดื่ม สายตาจ้องมองน้องชายผู้กลับมาจากสนามรบด้วยแววตาที่ยากจะอ่านออก

"เจ้าปฏิเสธการมีชื่อเสียง...แต่ยิ่งปฏิเสธ ชื่อเสียงของเจ้าก็ยิ่งโด่งดัง" องค์รัชทายาทรำพึงเบา ๆ กับตัวเอง

องค์หญิงจิ้งเหยา แม้นั่งอยู่มุมหญิงในตำแหน่งฝ่ายใน ทว่าสายตาขององค์หญิงผู้ฉลาดและเปี่ยมจินตนาการ กลับไม่อาจละไปจากพี่ชายร่วมบิดา จ้าวอวี้ในยามแต่งเกราะรบสะท้อนแสง ดูสง่างามราววีรบุรุษในตำนาน องค์หญิงจึงได้แต่ชื่นชมพี่ชายอยู่เงียบ ๆ

ฮองเฮาสวี่ สวี่เซี่ยนเจิน พระพักตร์ของนางยังคงเยือกเย็นและสงบนิ่ง ดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเมตตาและความรัก แม้จ้าวอวี้จะมิใช่โอรสของนางโดยสายเลือด ทว่าคำสัญญาที่ให้กับสตรีผู้จากไปในอดีต ยังคงฝังแน่นในหัวใจ

และนาง…ยังคงเฝ้ามองลูกชายของสหายรักเหมือนแม่แท้ ๆ ที่เฝ้ามองลูกกลับบ้าน

ทว่าในสายตาของขุนนางทั้งราชสำนัก...'ชายผู้นี้มิเคยปรารถนาสิ่งใด...ย่อมเป็นภัยใหญ่ในภายภาคหน้า'

การประกาศให้ด่านจิงอันกลายเป็นพื้นที่ศักดินาของอ๋องหย่งอัน ทำให้ขุนนางบางส่วนเริ่มคิ้วขมวด รู้ดีว่านี่มิใช่แค่รางวัล แต่มันคือ 'การวางหมาก' ของฮ่องเต้ที่พวกเขาไม่เข้าใจเสียทีเดียว

เมื่อจอกสุราถูกเติมซ้ำจนเต็ม จ้าวอวี้ก็ยกดื่มโดยไร้ถ้อยคำ เหล่าขุนนางต่างพาลูกหลานมาแสดงความเคารพ กลับถูกเพียงสายตาเย็นเยียบตวัดตอบแทน

ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้บุรุษเยี่ยงนี้นัก...

จนกระทั่งเขาลุกขึ้นจากที่ประทับและออกจากท้องพระโรงไปโดยไม่มีผู้ใดกล้าทักท้วง

เสียงบรรเลงยังดังต่อเนื่องในท้องพระโรง ทว่าอ๋องหย่งอันกลับเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงสวนหลวงด้านทิศตะวันตกของท้องพระโรง ซึ่งใกล้ตำหนักรับรองที่เขาต้องพักในระยะนี้ กลิ่นดอกชาหอมกรุ่นในอากาศ ศาลาหินเล็กกลางสวนตั้งอยู่ริมสระบัว ที่โต๊ะมีถ้วยชาและขนมวางอยู่ เขามิได้คิดอันใด ดื่มดับกระหายเข้าไปหลายจอก

หารู้ไม่ว่ายาเพิ่งเริ่มออกฤทธิ์...

ณ ตำหนักรับรองของพระราชวัง

ร่างบอบบางของหญิงสาวผู้หนึ่งถูกพาเข้าห้องมาอย่างเร่งร้อน เหยียนเมิ่งซี บุตรีสามจากตระกูลเหยียน ร่างของนางเย็นเฉียบ แต่ผิวกลับแดงเรื่อ ดวงหน้าอ่อนหวานประดับด้วยหยาดเหงื่อ นัยน์ตาปรือก่อนปิดสนิท

ไม่มีผู้ใดรู้ว่านาง…กำลังจะตายไป...

ในอีกกาลเวลาหนึ่ง

เมิ่งซี ครูสอนศิลปะป้องกันตัวสาววัยยี่สิบแปดกำลังปีนผาเพื่อสอนนักเรียน เธอพลาดท่าตกลงมา หัวกระแทกอย่างรุนแรง โลกทั้งใบดับวูบ ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะเปิดขึ้นอีกครั้ง…

นัยน์ตาพร่าเบลอ ร่างกายเร่าร้อนอย่างไม่เคยเป็น ลมหายใจขาดเป็นห้วง

'ที่นี่…ที่ไหน…'

เสียงในใจดังขึ้น แต่ริมฝีปากกลับมิอาจขยับ เรี่ยวแรงไม่มี แม้แต่จะลืมตายังเป็นไปได้ยาก

กลิ่นชา…กลิ่นกำยาน…อากาศที่ร้อนระอุราวจะลุกเป็นไฟ

เสียงเสื้อคลุมหลุดร่วงลงกับพื้นเย็นเยียบของตำหนักรับรอง เงาของบุรุษสูงใหญ่ปกคลุมร่างบางซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผ้าแพรหรู กลิ่นชาหอมจางลอยอบอวลเจือกลิ่นกำยานอุ่นร้อน ราวกับเร่งเร้าเพลิงปรารถนาในอกให้โหมกระพือ

จ้าวอวี้(อ๋องหย่งอัน)กำลังคร่ำครวญด้วยความทรมานจากฤทธิ์ยา

ร่างของเขาเปียกชื้นเหงื่อจากความร้อนรุ่ม สายตาคมปลาบเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวผสานความปรารถนา เมื่อเห็นสตรีบนเตียงปรือตา ลมหายใจถี่ระรัว ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย

"เจ้าคิดจะปีนเตียงข้าอย่างนั้นหรือ?" เขากระซิบเสียงพร่า ขณะก้มลงใกล้ใบหูของนาง

"..."

"กล้าดีนัก!..."

แขนแกร่งเกี่ยวร่างของหญิงสาวเข้าหาตัว ขณะที่ริมฝีปากกดลงบนซอกคอ ลากไล้ราวสัตว์นักล่าที่รอปลดปล่อยตัวตนดิบเถื่อน

"หึ...เรือนร่างแบบนี้ เจ้าเตรียมมาล่อลวงข้าใช่หรือไม่"

"อื้อ..."

เสียงครางเบาหวิวหลุดจากริมฝีปากหญิงสาว ใบหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาที่มองเห็นเพียงเงาร่างพร่ามัวสั่นระริก

เมิ่งซีในจิตสำนึกสุดท้ายที่ยังหลงเหลือจากกาลเวลาเดิม ตกตะลึงกับสัมผัสวาบหวามที่เข้าครอบงำนางอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายกลับตอบสนองต่อทุกแรงสัมผัสราวกับเป็นเจ้าของที่แท้จริง

จ้าวอวี้กัดฟันแน่น มือใหญ่ลากเลื่อนแถบผ้าออกจากเรือนกายบางเบาอย่างไร้ความปรานี

"เจ้าทำให้ข้าร้อนรุ่มได้ขนาดนี้...ก็ควรรับผิดชอบให้ถึงที่สุด"

เสียงฟืดฟาดของผ้าไหมถูกฉีกดังสะท้อนในห้อง ก่อนเขาจะฝังตัวลงเหนือกายบางที่สั่นสะท้าน ใบหน้าเขาแนบชิดแทบประชิดต้นคอของนาง กลิ่นกายผสมกลิ่นเหงื่อร้อนผ่าวทำให้โลกทั้งใบคล้ายหมุนคว้าง

"บอกข้าสิ ว่าเจ้าต้องการ..."

"ขะ...ข้า..." เมิ่งซีพยายามพูด ทว่าความรู้สึกแปลกประหลาดในร่าง ทำให้ทุกคำกลืนหายไปพร้อมเสียงหอบ

เขาไม่รอฟัง...

ท่วงท่าของเขาร้อนแรง รุนแรง และไม่เปิดช่องให้ตั้งหลัก ความอดกลั้นพังทลายลงตั้งแต่ริมฝีปากหยักทาบทับ และสะโพกกระแทกแน่นเข้าหาร่างกายอ่อนนุ่ม

"อาาาา..."

เสียงครางจากหญิงสาวทำให้ดวงตาของเขาวาววับ ร่างกายตอบสนองรุนแรงยิ่งขึ้น

"อย่าหลบตาข้า..." เขากระซิบชิดริมฝีปาก

"..."

"ถ้าเจ้าจะปีนเตียงข้า เจ้าก็ต้องมองข้าทุกครั้งที่ข้าขยับ"

มือข้างหนึ่งยึดเรียวคางของนางไว้ สายตาอันเร่าร้อนประสานตรงเข้ากับดวงตาปรือมัวของนาง ขณะที่สะโพกของเขาเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดยั้ง

"อื้อ...มัน...มันแปลก..." เธอกระซิบเสียงสะอื้น ทว่าแววตากลับสั่นไหวด้วยความปรารถนา

"เจ้าจะต้องจำคืนนี้ไปชั่วชีวิต...เจ้าจะไม่มีวันลืมสัมผัสของข้าได้เลย"

ร่างกายกำลังถูกสัมผัสจากมือใหญ่และหยาบกร้าน ลมหายใจอุ่นจัดเป่ารินตรงซอกคอ ริมฝีปากแข็งกระด้างทาบลงมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย

"เจ้าวางยา ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบ…อ๊าา" เสียงกระซิบแหบพร่ากระซิบข้างหู

เมิ่งซีที่อยู่ในร่างเหยียนเมิ่งซีอยากจะกรีดร้อง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาอยู่ในร่างใคร เกิดอะไรขึ้น และเพราะเหตุใดถึงร้อนรุ่มจนแทบจะคลั่ง

เงาของบุรุษใหญ่โตคร่อมร่างเธอไว้ มือสากกระชากเสื้อผ้าจนหลุดลุ่ย ร่างกายเธอกลับตอบสนองทุกสัมผัสด้วยความร้อนแรง ราวกับร่างนี้มีชีวิตเป็นของมันเอง

นอกประตู องครักษ์เงาทั้งสี่กำลังจะรายงานเรื่องสตรีที่อยู่ในห้องทว่า...

"ท่านอ๋อง"

"ชู่…"

เหวินลั่วยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ ดวงตาเขามองผ่านช่องไม้ เห็นเงาร่างนายเหนือหัวกำลัง…

"ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเข้าไปขัด!"

ขณะในห้อง เสียงสะท้อนแห่งบทรักแว่วอยู่เคล้าเสียงหอบเหนื่อย เมิ่งซีพยายามต่อต้าน แต่แรงเธอไม่พอแม้แต่จะผลักอกเขาออก

ก่อนสติจะดับวูบลงอีกครั้ง หญิงสาวคนใหม่ในร่างนี้รู้เพียงว่า…ชีวิตของนางจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

"ว่ากันว่ามีหญิงลึกลับขึ้นเตียงกับอ๋องหย่งอัน ท่านอ๋องเรียกน้ำตั้งหลายครั้ง"

"สตรีนางใดถึงหาญกล้าเพียงนั้น หากมิใช่ในวังหลวง มีหวังนางคงถูกฆ่าทิ้งแล้ว"

เสียงกระซิบกระซาบของบรรดาสาวใช้ดังไปทั่ววัง เพียงไม่นานเรื่องราวก็ลุกลามบานปลาย

📌 คำเตือนเนื้อหาและข้อชี้แจงสำคัญ 📌

นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนแนวจินตนาการ ที่ผสมผสานระหว่างโลกอดีตกับองค์ประกอบจากโลกปัจจุบัน ตัวละครบางส่วนมีต้นกำเนิดจากยุคสมัยใหม่และย้อนกลับไปยังยุคโบราณ ด้วยเหตุนี้ อาจปรากฏถ้อยคำ สิ่งของ หรือแนวคิดบางประการที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของยุคโบราณในทางประวัติศาสตร์ ขอความกรุณาอ่านเพื่อความบันเทิง ไม่ดราม่านะคะที่รัก...

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
167 Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status