เข้าสู่ระบบผ่านมาห้าวันแล้วนับจากที่แม่ทัพซูได้มาแจ้งว่าตนเองได้ตกลงตามเงื่อนไขที่ฮ่องเต้เสนอมา ว่าจะยอมให้ยืดเวลาการหย่าขาดออกไปสามเดือนเพื่อแลกกับการเรียกตัวพี่ชายกลับมา ซึ่งซินหยางเองก็ไม่ได้ติดขัดอันใดเพราะคิดว่าต่อให้ยืดเวลาไปสักแค่ไหนผลลัพธ์ก็จะยังคงเหมือนเดิม คือตนนั้นต้องการหย่าขาดจากจ้าวหนานหลิงเท่านั้น!
ตอนนี้บาดแผลของซูซินหยางนั่นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว เมื่อเทียบกับผู้อื่นถือได้ว่านางนั้นหายไวมาก ด้วยเพราะเหตุที่ว่า ซินหยางนั้นเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดา จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนนี้เหลือแค่ให้แผลตกสะเก็ดและรอยแผลเป็น
ในช่วงเวลานี้ซูซินหยางเพียรพักรักษาตัวอยู่ภายในจวน นางไม่ได้สนใจความเป็นไปของโลกภายนอก ส่วนจ้าวเฉิงอวี้นั้นแม้ว่าจะมีอายุเพียงแค่สี่ขวบปีแต่เมื่อเจอเหตุการณ์สะเทือนใจบวกกับความฝันที่เคยเล่าให้ฟัง นางสังเกตุได้ว่าบุตรชายแม้ว่าจะยังเป็นเด็กที่ร่าเริ่งเหมือนปกติ แต่ภายในแววตานั้นมักจะแฝงไปด้วยความหวาดกลัวว่านางจะทิ้งตนไปเหมือนกับในฝัน
ดังนั้นในช่วงนี้จึงจะเห็นได้ว่าตั้งแต่วันที่กลับมาจวนแม่ทัพบุตรชายก็มักจะมานอนกับนางทุกคืน ตัวติดกับนางแทบจะตลอดทั้งวัน เมื่อซูซินหยางสังเกตุเห็นดังนั้นจึงได้คอยเอาใจใส่จ้าวเฉิงอวี้ยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้สนใจเรื่องของจ้าวหนานหลิงว่าที่อดีตสามีเลย ทางฝั่งนั้นจะเป็นอะไร ทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนางและลูกอีกต่อไป
"ท่านแม่ลูกอยากเรียนวรยุทธ์ขอรับ" จ้าวเฉิงอวี้เอ่ยบอกถึงสิ่งที่ตนต้องการขึ้นมาในขณะที่นางสอนเขียนอักษร ตอนนี้ใกล้ถึงเกณฑ์ที่บุตรชายต้องเข้าเรียนในสำนักศึกษาแล้ว นางจึงปูพื้นฐานให้เขาด้วยตนเอง
"เหตุใดเจ้าอยากเรียนวรยุทธ์เล่า" ซูซินหยางถามด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่จ้าวเฉิงอวี้เกิดมาก็แทบจะไม่เคยเห็นการใช้กำลังหรือความรุนแรงใดๆนอกจากครั้งนั้นที่เกิดขึ้นกับนางครั้งเดียว
"ข้าอยากปกป้องท่านแม่ อยากเป็นแม่ทัพแบบท่านตาขอรับ" ภาพวันนั้นที่เขาพยายามเข้ามาปกป้องนางแต่ไม่สามารถทำได้คงเป็นแผลใจของบุตรชายเป็นแน่
"ได้ แม่จะบอกท่านตาให้หาคนมาสอนเจ้า ลูกแม่...แม่รักเจ้ามากนัก เจ้าอย่าได้ตำหนิตัวเองเลย แม่อยากให้เจ้ามีความสุข ดังนั้นเจ้าลืมเรื่องในวันนั้นไปได้หรือไม่" วันนี้นางอยากคุยกับบุตรชายให้เขาได้รู้ว่าไม่ใช่ความผิดของเขา ไม่อยากให้เขากล่าวโทษตัวเอง
"ท่านแม่... ข้าจะลืมเรื่องวันนั้น ขอเพียงท่านไม่ทิ้งข้าไว้คนเดียวอีก"ภาพที่ท่านแม่นอนนิ่งไม่หายใจอยู่ภายในโลงศพ เขาเรียกท่านแม่เท่าไรท่านแม่ก็ไม่ตอบกลับยังคงทำให้เกิดความหวาดกลัวอยู่ในใจยากที่จะลบได้ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันนั้นเป็นเรื่องจริง
"ได้ แม่สัญญา"ซินหยางลูบศรีษะบุตรชายอย่างรักใคร่ 'ชีวิตนี้ของข้าจะอยู่เพียงเพื่อบุตรชาย'
.....
ตำหนักตงกง
บ่ายวันนี้รัชทายาทได้กลับมาจากการว่าราชกิจต่างเมืองที่ได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ ในระหว่างที่จัดการชำระล้างร่างกายเพื่อเตรียมถวายรายงานนั้นก็ได้เรียกขันทีประจำตัวมาสอบถามเรื่องราวน้อยใหญ่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมือหลวงในระหว่างที่เขาไม่อยู่ ตำแหน่งอย่างเขาต้องระแวดระวังทุกสถานการ์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อเขาได้ตลอด
"เสิ่นกงกง เจ้าว่าอันใดนะ จ้าวหนานหลิงรับอนุเข้าจวน สั่งโบยฮูหยินตนเอง ซินหยางต้องการหย่าขาดจากสามีหรือ!" รัชทายาทจ้าวเยียนหลงค่อนข้างประหลาดใจว่าเหตุใดญาติผู้น้องคนนี้ของเขาถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ เขาสู้อุตส่าห์ยอมถอนตัวออกมาให้แล้วเพราะซินหยางกับหนานหลิงนั้นมีใจรักใคร่ต่อกัน หากรู้เช่นนี้เขาไม่มีทางปล่อยมือจากนางเป็นแน่!
"ทูลรัชทายาทกระหม่อมสืบได้ความมาเท่านี้ เห็นทีว่าข่าวนี้จะเป็นความจริงพะยะค่ะ เพราะทางคุณหนูซูได้ส่งคนไปขนสินเดิมมาจากตำหนักชินอ๋องแล้ว เหลือเพียงแค่ส่งหนังสือหย่าเพียงเท่านั้น"
"เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเตรียมรถม้า ข้าจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จพ่อ"
"พะยะค่ะ"
แม้จะค่อนข้างแปลกใจแต่เขาเองก็ดีใจที่ตอนนี้นางเริ่มหมดรักในตัวน้องชายของเขาแล้ว เขาไม่ถือเรื่องที่ว่านางเคยเป็นภรรยาน้องชายและมีบุตรมาก่อน เพราะเขานั้นรักนางเกินกว่าที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้ได้
.....
ตำหนักชินอ๋องหลังจากที่เมิ่งเหลียนฮวาออกจากจวนไปได้สามเค่อ ชินอ๋องจ้าวจื่อเหวินและพระชายาฮั่วเย่วอิงก็เดินทางมาถึงตำหนักในยามเว่ย(13.00-14.59น) ทั้งสองนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากระหว่างที่เดินทางใกล้ถึงเมืองหลวงต่างก็มีเรื่องโจษจันกันว่าบุตรชายนั้นลุ่มหลงอนุภรรยาที่พึ่งรับเข้ามาจนถึงขนาดสั่งโบยภรรยาที่ตบแต่งมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามนานกว่าห้าปีโดยไม่กระพริบตาและตอนนี้ทั้งลูกสะใภ้และหลานชายของพวกตนนั้นก็ได้ขนย้ายข้าวของออกจากตำหนักกลับไปยังบ้านเดิมแล้ว โดยมีแม่ทัพซูเป็นผู้มารับเอง ดีเท่าใดแล้วที่ทางบิดาของลูกสะใภ้ไม่ลงมือสั่งสอนบุตรเขยคนนี้หากว่าจ้าวหนานหลิงมิใช่บุตรชายของสหายสนิทเช่นตนเกรงว่าป่านนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปนานแล้วเมื่อชินอ๋องและพระชายาลงมาจากรถม้าก็มีบุตรชายจ้าวหนานหลิงสองพ่อลูกแซ่ไป๋และบรรดาบ่าวไพร่ออกมายืนต้อนรับ "ถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พะยะค่ะยินดีต้อนรับบ้านพะยะค่ะ" จ้าวหนานหลิงกล่าวทักทายคนทั้งสองด้วยความปิติยินดีที่
เมื่อพ่อบ้านไป๋ออกไปแล้ว จ้าวหนานหลิงก็ได้แช่น้ำชำระกาย คิดถึงเรื่องถุงหอมตอนที่เขาจะไปที่ค่าย ไม่ได้บอกกล่าวแก่เมิ่งเหลียนฮวา นางถึงขั้นสั่งให้บ่าวนำถุงหอมมาให้ตนเองถึงที่ค่ายทหาร ครานั้นเขาก็เพียงรับมาสูดดมแล้วก็พกติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เพราะกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆเขาไม่เตยสังเกตุว่าตนเองมักจะคนึงหาแต่เมิ่งเหลียนฮวาทุกครา บางครั้งยามที่อยู่คนเดียวก็มักจะนั่งเหม่อลอยแต่ถุงหอมใบนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่ถึงสองวันก็มีเหตุให้ฉีกขาดระหว่างกำลังฝึกทักษะต่อสู้บนหลังม้าให้ทหารใหม่เมื่อขาดไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด เพียงแต่เขากลับรู้สึกเมื่อยล้า ไม่มีกำลังและมักจะหงุดหงิด นอนหลับไม่สนิท ในทุกคืนก็สะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเพราะในฝันนั้นมีเสียงสตรีนางนึงเอ่ยกับเขาว่า 'ท่านเป็นของข้า จงมาหาข้า จงปกป้องข้าจงเชื่อฟังข้า!'หลายวันเข้างานที่ต้องทำเสร็จแล้วกลับล่าช้าลงแต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นนี้เขานั้นไม่ได้มีความรู้สึกคนึงหาเมิ่งเหลียนฮวาเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได
"คารวะซื่อจื่อ ขออภัยที่ข้ามิอาจลุกขึ้นคารวะท่านได้ตามพิธีการ" น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน อีกทั้งถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นราวกับนางนั้นไม่ได้กำลังสนทนาอยู่กับสามีร่วมผูกผมแต่นางกำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า"ซินเอ่อร์ เจ้า..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" จ้าวหนานหลิงน้ำเสียงสั่นแววตาเริ่มแดงก่ำภายในอกของเขาตอนนี้กำลังอัดอั้นเจียนจะขาดใจอย่างถึงที่สุด"เรียนซื่อจื่อ ข้าน้อยสบายดี รบกวนซื่อจื่อเรียกข้าว่าคุณหนูสามเถิด ข้าน้อยมิอาจเอื้อมจะสนิทกับซื่อจื่อได้หรอกเจ้าค่ะ" ตลอดทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย"ข้า..." จ้าวหนานหลิงนั้นไม่สามารถพูดประโยคหลังออกมาได้ว่า 'เป็นสามีเจ้าใยต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูสาม' เพราะประโยคนี้มันจุกอยู่ในอก สามีอะไรกันถึงทำกับภรรยาตนเองเช่นนั้น"ซื่อจื่อมาพอดีเลย คราแรกข้าตั้งใจว่าจะให้ท่านพ่อนำหนังสือหย่านี้ไปให้ท่านลงนาม แต่ฝ่าบาทขอเวลาไว้สามเดือน ข้ามาคิดดูแล้วเห็นว่าไม่
ในคืนวันเดียวกันยามห้าย(21.00-22.59น) หลังจากเมื่อยล้าอยู่กับการสะสางงานต่างๆที่ค้างคาระหว่างที่ตนไปจัดการราชกิจให้แก่ฮ่องเต้กำลังจะเตรียมเข้านอน ก็มีทหารเข้ามารายงานว่ามีกงกงจากในวังขอเข้าพบ"ให้เข้ามาได้""คารวะซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ยามซื่อ(09.00-10.59น) พะยะค่ะ" เจากงกงลูกศิษย์ของเกากงกงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งรับสั่งในยามดึก"เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกหรือไม่""ไม่มีแล้วขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน""หยวนคัง พรุ่งนี้เจ้ากลับจวนไปก่อน ไม่ต้องตามข้าเข้าวัง" ไป๋หยวนคังเป็นบุตรชายของไป๋ซานพ่อบ้านใหญ่ตำหนักชินอ๋องเดิมทีพ่อบ้านใหญ่นั้นเป็นทหารในสังกัดของชินอ๋องมาก่อนแต่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ชินอ๋องจึงได้เสนอให้มาเป็นพ่อบ้านใหญ่ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งนายกองอีกทั้งยังเป็นคนสนิทของจ้าวหนานหลิงอีกด้วย"ขอรับซื่อจื่อ งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน" หยวนคังนั้นพึ่งกลับมาจากเมือ
"ทูล..ทูลรัชทายาท เป็นๆแผนการของฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการช่วยให้คุณหนูรองได้หมั้นหมายกับหว่างซื่อจื่อ" จูถิงลนลานรีบสารภาพทันที ถ้านางไม่สารภาพตอนนี้ ก็คงต้องโดนทรมารเป็นแน่ จูจินเองเมื่อเห็นว่าสหายสารภาพแล้วตนก็สารภาพบ้าง"เดิมทีนายหญิงผู้เฒ่าไม่ชอบฮูหยินใหญ่ ต้องการให้เจียงอี๋เหนี๋ยงหลานสาวของตนมาเป็นฮูหยินเอก จึงได้ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างยามที่อี๋เหนี๋ยงวางยาให้ฮูหยินใหญ่ตายเมื่อสามปีก่อน เพราะอี๋เหนี๋ยงต้องการให้คุณหนูรองหมั้นหมายกับหว่างซื่อจือ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองยังไม่ปักปิ่น วิธีเดียวที่จะหยุดการหมั้นหมายได้และตำแหน่งฮูหยินราชครูจะว่างลงคือให้ฮูหยินใหญ่ตายเจ้าค่ะ" จูจินสารภาพทุกสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดไส้หมดพุงเมื่อได้ยินคำสารภาพของจูจินแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจากที่คราแรกนั้นเกรงกลัวรัชทายาทอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ยังมาโดนเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนจึงเป็นลมทันที "พวกเจ้าใส่ร้ายข้า กล้าป้ายสี หักหลังข้า เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านพ่อ
ในขณะที่ลู่จื่อหลานสิ้นหวังว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสรอดแล้วจึงเตรียมที่จะกัดลิ้นตาย ทันใดนั้น 'ปัง' บานประตูถูกถีบให้เปิดออกโดยชายผู้หนึ่ง ลู่จื่อหลานเริ่มสะอื้นพยายามร้องขอให้ช่วยด้วยเสียงอู้อี้ ม่านน้ำตาคลออยู่ทำให้นางมองไม่ชัดนักว่าเป็นผู้ใด"พวกเจ้าช่างกล้าไม่เบา ถึงกับกล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ของจวนราชครู " "เจ้าเป็นใครกัน คุณชายนี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน" ว่าแล้วต้าหลางกับเอ่อหลางก็พุ่งเข้าไปทำร้ายรัชทายาท องค์รักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่รีบออกจากที่มืดมาคอยคุ้มกันผู้เป็นนายทันทีอีกมุมนึงลู่จื่อหลานที่โดนฤทธิ์ธูปปลุกกำหนัดก็นั่งขดอยู่ที่มุมนึงของเตียงนางพยายามทำให้ตนเองมีสติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะทำเรื่องน่าอายอันใดออกไป องค์รักษ์เงาจัดการสองพี่น้องอันธพาลได้ภายในพริบตาจึงคุมตัวออกไปที่นอกห้องรอเจ้านายสั่งการ รัชทายาทเห็นว่าจัดการคนร้ายเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินตามออกไปเช่นกัน แต่ก็ต้องชะงักเพราะตนเองนั้นเริ่มมีอาการของคนโดนพิษปลุกกำหนัด เมื่อหันไปมองรอบห้องจึงเห็นว่ามีธูปถูกจุดอยู่จึงได้หันไปหยิบฝากาน้ำชานำไปครอบไว้ เพราะถ้าใช้น้ำสาดควันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นขณะที่ก







