จากนั้นแม้นางจะไม่สลบไปแต่รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างมาก นางถูกพาตัวมาที่นี่ ตลอดทางนางได้แต่คิดว่าเหตุใดยู่ยี่จึงหักหลังนาง นางช่างโง่เง่ายิ่งนัก หากนึกย้อนกลับไป ยู่ยี่ของนางหักหลังนางหลายครั้งแล้ว แต่เพราะนางเชื่อใจและไม่คิดว่ายู่ยี่จะทำเช่นนี้กับนาง สุดท้ายนางสารเลวนั่นยังไปหลอกให้สามีของนางมาติดกับดักนี้จนได้
หลี่เฟิ่งเซียนโกรธจนน้ำตาแทบร่วง นางเห็นทุกอย่างตั้งแต่สามีถูกพาตัวมา นางยังคิดว่าเขาถูกวางยาจนสลบ แต่จู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นมาสายตาระแวดระวัง ตอนเห็นนางถูกมัดอยู่เขายังทำท่าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกด้วย ช่างไม่รู้ตัวว่ากำลังเดือดร้อนเพราะนางแล้ว
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว" เขาทำปากกระซิบบอก จากนั้นลู่มู่เฉินก็เริ่มแกะเชือกที่มือของเขาได้อย่างง่ายดาย เขารีบลุกขึ้นมาแกะเชือกให้นางด้วย
"เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่" เขาถาม หลี่เฟิ่งเซียนพยักหน้าตอบ นางถูกวางยาจนแสบคอไปหมดก็จริง แต่นางยังมีสติ ตอนมาถึงนางทั้งอาละวาดทั้งต่อยตีไป ฝ่ายนั้นได้รับบาดเจ็บหลายคนอยู่ เสียดายสุดท้ายนางก็ยังถูกจับมามัดที่นี่อยู่ดีเพราะนางเวียนหัวมาก
"ไม่เป็นไร เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว อีกไม่นานจ้าวเหลียงก็คงตามมา ตอนนี้เราสองคนต้องเก็บแรงไว้ก่อน" เขาปลอบ
เขาแกะเชือกผูกมือให้นาง ทั้งยังล้วงยาในอกเสื้อมาทาบริเวณคอให้นางด้วย หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่าเย็นตรงคอ แม้จะยังพูดไม่ได้แต่ก็หายแสบคอแล้ว นางโถมตัวไปกอดเอวเขาจนแน่น เขากอดนางหลวมๆ ตบหลังปลอบโยน
ทันใดนั้น!! ลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ เขาคลำดูคล้ายว่าเขาจะถูกยิงด้วยเข็มพิษ เขาดึงเข็มพิษนั่นออกมาดู ดูลักษณะรอยดำบนเข็มแล้วไม่ใช่พิษร้ายแรงอะไร เขาสำรวจดูร่างกายของตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือกำลังหมดเรี่ยวแรง หลี่เฟิ่งเซียนเป็นห่วงเขามากทั้งตกใจทั้งไม่รู้จะทำอย่างไร มู่เฉินเห็นว่านางขอบตาแดงไปหมดรอมๆจะร้องไห้อยู่แล้ว
"ข้าไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง" เขาปลอบใจนางและพูดไปตามจริง
หลี่เฟิ่งเซียนมองไปทางทิศทางที่เข็มถูกยิงมา ที่นั่นเป็นประตูไม้สีดำดูแล้วไม่น่าจะมีคนอยู่ แต่ก็น่าจะเป็นเพียงทางเดียวที่จะออกไปข้างนอกได้ นางตัดสินใจจะเดินไปตรวจดูว่าตรงประตูนั้นด้านหลังมีใครอยู่หรือไม่ แต่เดินไปดูแล้วก็ไม่มีใครอยู่ ประตูก็ถูกปิดตาย
ทั้งสองคนนั่งรอให้จ้าวเหลียงมาช่วย หรือรอใครสักคนเข้ามาในห้องนี้ มาสั่งให้พวกเขาทำอะไรก็ได้ หรือมาพูดความจริงกับพวกเขาว่าจับตัวพวกเขามาเพราะเหตุใด แต่รอไปหลายเค่อก็ยังไม่มีผู้ใดออกมาบอกเจตนาที่จับตัวพวกเขาเอาไว้
หลี่เฟิ่งเซียนหงุดหงิดที่ทำสิ่งใดไม่ได้ นางเดินกลับไปกลับมาด้วยความโมโห จับตัวนางมาขังไว้เฉยๆเพื่ออะไรกัน!!
"ไม่ต้องเดินไปมาแล้ว เจ้านั่งลงเถิด เก็บแรงเอาไว้" ลู่มู่เฉินบอกนาง
หลี่เฟิ่งเซียนจึงเดินมานั่งข้างๆเขา นางเห็นว่าเขาเหงื่อออกเต็มหน้าผากจึงยื่นมืออยากช่วยเช็ดให้เขา แต่ลู่มู่เฉินกลับหันหน้าหนี กัดฟันแน่น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกหน้าชา นางสำรวจดูมือของตัวเอง มันทั้งสกปรกและเปื้อนคราบเลือด หลังมือก็ถลอกมีเลือดซึมออกมา นางได้แต่ถอนหายใจ อยากขอโทษเขาก็ไม่มีเสียง
"ไม่ใช่เช่นนั้น ข้า ไม่ได้รังเกียจเจ้า ข้าคิดว่า..ข้าโดนวางยา..ปลุกกำหนัด" เขากัดพูด แต่อับอายเกินกว่าจะมองหน้านางได้ เขาจึงก้มหน้าซุกเข้าไประหว่างมือที่กอดเข่าอยู่
หลี่เฟิ่งเซียนตกใจไม่น้อย คงเป็นเข็มพิษเมื่อครู่แน่ๆ
"อย่าอยู่ใกล้ข้า หรือถูกตัวข้า ข้าอาจ..ทำเรื่องเลวร้าย" เขาส่งเสียงสั่นๆน่าสงสาร
หลี่เฟิ่งเซียนดึงแขนเสื้อของเขา ไม่ใช่ว่านางกลัวเขาทำไม่ดีกับนาง แต่นางกลัวว่าเขาอาจจะเจ็บปวด หรือทุกข์ทรมาน
ลู่มู่เฉินหันดูตรงที่ถูกดึง นางย้ายมือน้อยๆไปเขียนบนพื้นว่า
'สามีภรรยา...ข้าจะช่วยเจ้า'
เขายิ้มทั้งที่หน้าผากยังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
"ไม่เป็นไร ข้าทนได้ ที่นี่สกปรกและอาจจะ..." เขาเงียบไป
หลี่เฟิ่งเซียนจึงดึงแขนเสื้อเขาอีกครั้ง เป็นเชิงบอกให้เขาพูดความจริงออกไป นางอยากฟัง
"ข้าคิดว่า มันไม่สมเหตุสมผล พวกเราถูกจับ เหตุใดยังต้องวางยา ทั้งยังเป็น..ยาเช่นนี้ ทั้งที่จะฆ่าพวกเราควรเป็นยาพิษร้ายแรงถึงจะถูกต้อง ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาพิษเลยก็ตาม เพราะเราถูกจับเอาไว้ในกำมืออยู่แล้ว" มู่เฉินเสียงเบาลง
"ข้าเกรงว่า คนที่จับเรามาอาจมีแผนอื่น" เขาแทบจะกระซิบ
หลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าเคร่งเครียด เป็นเช่นที่เขาพูด ไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องวางยา และไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอดทน นางเคยเข้าหอกับเขา ไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะช่วยบรรเทาพิษให้เขา นางจึงเขียนลงไปบนพื้นว่า
'ข้าไม่ขัดข้อง ไม่รังเกียจพื้นสกปรก ข้าจะช่วยเจ้า'
ลู่มู่เฉินตาโต ยังไม่ทันตกใจก็ถูกภรรยาตัวเองผลักล้มลงพื้น นางขึ้นคร่อมเขาเอาไว้ มู่เฉินเห็นว่ามือน้อยของภรรยากำลังตั้งท่าจะดึงเชือกผูกเอวของเขา เขาทั้งตกใจทั้งกังวล
เขารีบดึงมือของนางออกจากพื้นที่อันตราย ถึงจะเจ็บปวดตรงบริเวณแท่งหยกที่นางนั่งทับ เขาดึงมือนางเล็กน้อยตัวนางก็ล้มลงสู่อ้อมอกของเขา เขายกสองแขนกอดนางไว้แน่นไม่ปล่อยให้นางพลิกตัวหรือขยับไปมามากไปกว่านี้
"ข้าทนได้ เรื่องนี้ผิดปกติ เจ้าช่วยเป็นเด็กดี อยู่นิ่งๆได้หรือไม่" เขาขอร้องเสียงแหบพร่า กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก
หลี่เฟิ่งเซียนถึงจะสงสารเขามาก แต่นางก็ได้พยักหน้าเชื่อฟังเขา
"เด็กดี" เขาชมภรรยา ก่อนจะพลิกตัวกอดนางนอนตะแคง แม้จะเจ็บปวดท่อนเนื้อร้อนและบริเวณท้องน้อยอย่างรุนแรง แต่เขายังอดทนได้ เขาซุกหน้าเข้าซอกคอของภรรยา พยายามกำหนดลมหายใจเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
เรื่องเล็กเพียงนี้ ตั้งแต่นางชำเราเขาครั้งนั้น เขาฝึกฝนอดทนอยู่ทุกคืน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และตั้งแต่เขาย้ายมานอนร่วมเตียงกับนาง เขาได้กลายเป็นนักพรตตบะสูงส่งไปแล้ว แม้จะเข้าหอกับนางไปแล้วก็ตาม ตั้งแต่ท่านย่าป่วย เขาก็ไม่ได้นอนกับนางเลย มีปัญหารายวันจนมาถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรวดทรง ความนุ่มนิ่มหรือกลิ่นหอมของนาง เขาอดทนได้!!!
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่