ไทเฮาถึงกับต้องยอมปล่อยฉางสื่อหลี่เฟยที่อายุมากแล้วไปใช้ชีวิตเป็นฮูหยินผู้เฒ่าจวนแม่ทัพ ตัวไทเฮากลับยังต้องใช้ชีวิตเป็นรูปปั้นทองคำ ถูกขังอยู่ในวังหลังไปตลอดชีวิต อำนาจอะไรก็ไม่มี เพราะถูกฮ่องเต้ใช้กลอุบายตัดทุกหนทาง
นางเคยพยายามใช้แผนหญิงงามเพื่อควบคุมฮ่องเต้ เพราะฮ่องเต้ได้ชื่อว่าลุ่มหลงอิสตรีเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ไม่ว่านางจะส่งไปกี่คน ตั้งแต่หญิงสามัญชนไปจนถึงหญิงชนชั้นสูง ทุกคนต่างตกหลุมรักฮ่องเต้ ยอมกระทั่งถวายชีวิตให้
ไทเฮาถึงขั้นยอมส่งหลานรักของนางไปเป็นสนม ใช้ชีวิตเป็นหมูตัวเมียไม่ต่างจากตัวเอง แต่เพื่อยึดครองอำนาจบางส่วนจากฮองเฮาของฮ่องเต้ที่เฉลียวฉลาดมาก ถือว่าสนมฟางหรงทำได้ดี เพราะฮ่องเต้ดูรักและเอ็นดูนางไม่น้อย ฟางหรงยังสามารถตีสนิทกับจวนแม่ทัพหลี่ได้ด้วย
แต่เสียดายที่สุดท้ายก็ยังเสียรู้ฮ่องเต้จนได้ เพราะสนมฟางหรงเกิดอยากเอาใจฮ่องเต้ด้วยการถวายทองคำชนิดพิเศษที่มีเพียงน้อยนิด สุดท้ายทองคำนั่นถึงกับเป็นของที่ฮ่องเต้ประทานให้หลี่เฟิ่งเซียน!
ตอนที่หลี่เฟิ่งเซียนถูกจับ แม้ไทเฮาจะโกรธหลงอี้มาก เพราะหลี่เฟิ่งเซียนได้ทำลายแหล่งหาเงินของนางลงในพริบตา แต่อย่างน้อยก็สามารถปัดให้เป็นเพียงความโชคร้ายของคุณหนูใหญ่ผู้ดื้อรั้นจะวิ่งไล่ตามผู้ชายไปชายแดนอย่างโง่เขลา ไม่มีอะไรสาวมาถึงตัวของไทเฮา
วันแต่งงานของหลี่เฟิ่งเซียน บังเอิญไทเฮาได้รู้ความลับของสาวใช้ที่ชื่อหยวนหยวน นางจึงซื้อตัวสาวใช้คนนั้นด้วยการสัญญาว่าจะให้เป็นสนมของฮ่องเต้องค์ต่อไป และจัดฉากยิ่งใหญ่เพื่อใส่ร้ายฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางสร้างข่าวเรื่องฮ่องเต้หลงใหลกุ้ยเหรินคนใหม่ที่เป็นหญิงคณิกา โจมตีสกุลหลี่ทุกทาง ไทเฮาถึงขั้นขายข้อมูลทางกองทัพที่หลงอี้ได้มา ให้กับพวกนอกด่าน แต่พวกนั้นกลับทำอะไรแม่ทัพหลี่ไม่ได้
กำลังพลและอาวุธที่นางได้จากการจับลูกสาวชาวบ้านมาขาย สุดท้ายกลับถูกความวิปริตของหลงอี้ทำแผนพังหมด หากหลงอี้ไม่ลุ่มหลงในกาม หลงใหลการแอบดูกิจกรรมในห้องหอ และฆ่าหลี่เฟิ่งเซียนตั้งแต่แรก ตระกูลหลี่ก็อาจระส่ำระสายมากถึงขั้นไร้ผู้สืบทอด
และเมื่อไร้ซึ่งสกุลหลี่ ฮ่องเต้ก็ไร้มือเท้า ถึงฤดูล่าสัตว์ ไทเฮาตั้งใจจะวางแผนฆ่าฮ่องเต้ และอ้างว่าเป็นบัญชาสวรรค์ที่ลงโทษฮ่องเต้ชั่ว แต่หลงอี้ก็ทำแผนพังหมดแล้ว แม้แต่เขยไร้ชื่อไร้ศักดิ์ของสกุลหลี่ยังกลายเป็นยอดฝีมือ ไม่ว่าทางใดไทเฮาก็ถูกกำหนดให้พ่ายแพ้
เพียงแต่ไทเฮาแค่ไม่เคยระแคะระคายเลยว่าตั้แต่ฮ่องเต้ยอมรับหญิงบรรณาการจากหลี่เฟิ่งเซียน เขาก็ได้วางแผนขุดหลุมรอวันพ่ายแพ้ของไทเฮาแล้ว ผู้อื่นอาจมองว่าฮ่องเต้เพียงมักมากในกาม แม้แต่หญิงสกปรกที่เคยอยู่ในโรงน้ำชาก็ยินดีรับไว้เป็นสนม แต่ความจริงฮ่องเต้ผู้ล้ำลึกได้คำนวณไว้แล้วว่าเรื่องรับหญิงมีมลทินเป็นสนมจะต้องถูกไทเฮาใช้เป็นเครื่องมือแน่นอน เขาก็เพียงรอให้เสด็จของเขาเผยตัวออกมาเท่านั้น
ไทเฮาถูกตัดสินประหารชีวิต ฮ่องเต้ยอมตัดมวยผมเพื่อบวงสรวงล้างความผิดให้เหล่าหญิงคณิกา และสาบานจะไม่ร่วมประเวณีกับหญิงใดอีกตลอดชีวิต แม้เหล่าขุนนางจะขอร้องอ้อนวอน แต่ฮ่องเต้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เขาอ้างว่าเขามีผู้สืบทอดสกุลมากพอแล้ว ซึ่งก็จริงหากดูจากจำนวนของเหล่าองค์หญิงองค์ชายที่ต่างเรียกหลี่เฟิ่งเซียนว่าคุณหนูใหญ่ มีไม่ต่ำกว่าห้าสิบคน
กุ้ยเหรินอาหงตัดสินใจสนับสนุนการทำความดีของฮ่องเต้ด้วยการบวชเป็นนางชีตลอดชีวิต เพื่อยืนยันว่านางและเหล่าพี่สาวน้องสาวไม่มีความผิด พวกนางเป็นเพียงราษฎรผู้เดือดร้อนจากการก่อกรรมทำเข็ญของไทเฮา
หลี่เฟิ่งเซียนและแม่ทัพหลี่ต่างกลับมาที่จวนเพื่อให้ท่านเขยรักษาตัว ท่านเขยรักษาแผลให้ท่านแม่ทัพไปแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดในยามค่ำคืน เพราะบาดแผลบนตัวของแม่ทัพทั้งติดเชื้อและสาหัสมาก ท่านย่าก็ยังคงป่วยแม้จะดีใจมากที่รู้ว่าลูกชายของนางยังไม่ตาย ดังนั้นหน้าที่ดูแลจึงได้แต่ต้องมอบให้ฮูหยินรอง
ฮูหยินรองผู้ไม่เคยเข้าหอกับท่านแม่ทัพ ยังคงรู้สึกแปลกประหลาดกับการได้รับความไว้วางใจไม่สิ้นสุดนี้ แต่นางก็ถือว่ารับผิดชอบหน้าที่ได้ดี
ส่วนคุณหนูใหญ่ ย่อมต้องเป็นท่านเขยเป็นผู้ดูแล แม้นางจะไม่ได้มีบาดแผลใหญ่อะไร บนตัวนางก็มีเพียงแผลขีดข่วนเท่านั้น แต่เขาก็ดูแลเป็นอย่างดี โดยการใช้ลิ้นสำรวจทุกซอกทุกมุมบนตัวนาง เขายังคงดูแลนางชนิดที่ไม่ยอมให้นางได้นอนหลับพักผ่อน
จนหลี่เฟิ่งเซียนยังต้องเอ่ยถามเขาว่าเขาได้ขับพิษของยาปลุกกำหนัดออกไปหมดแล้วใช่หรือไม่ แต่เขากลับทำเพียงหัวเราะและเคี่ยวกรำนางต่อไป แม้รุ่งขึ้นนางจะลุกจากเตียงไม่ไหวก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ เพราะทุกคนต่างคิดว่าทั้งคุณหนูใหญ่และแม่ทัพหลี่ต่างเหน็ดเหนื่อยมากจากการจับกบฏอย่างไทเฮา
คืนต่อมานางยังคงถูกเขาดูแลอย่างหิวกระหาย แม้นางจะเจ็บปวดไปทั้งร่าง ไม่มีการหลั่งน้ำแห่งความสุข แต่นางก็เริ่มเข้าใจคำว่า สามีหลงใหลภรรยาหลังคืนเข้าหอ นั้นเป็นเช่นไร
“เอานางออกมา” หลี่เฟิ่งเซียนบอกจ้าวเหลียง
หลังจากนางเข้าหอกับสามีทั้งคืน และตอนเช้าสามีของนางก็ถูกเรียกตัวเข้าไปพบหมอหลวงอิ่นอย่างเร่งด่วน บ่ายวันนี้หลังจากเข้าไปดูอาการของท่านพ่อที่ยังคงนอนป่วยโทรมตัวร้อนไม่หาย ในที่สุดหลี่เฟิ่งเซียนก็กล้ามายืนอยู่หน้าห้องคุกใต้ดินของจวนแม่ทัพหลี่
จ้าวเหลียงเดินเข้าไปด้านใน สักพักก็พาตัวของหยวนหยวนออกมา สภาพของหยวนหยวนแทบดูไม่ได้ ผมเผ้ารุงรัง ตัวเหม็นสกปรก ผอมแห้งจนผิดตา ไม่มีแม้แต่รองเท้าใส่ หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกบีบรัดในหัวใจ นางไม่รู้ว่าควรรู้สึกกับเรื่องตรงหน้าอย่างไรดี
“จะยืนจ้องหน้าข้าอีกนานหรือไม่ จะฆ่าก็ฆ่า มาถึงขั้นนี้ ข้ายังจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปหมู่บ้านของข้าอีก ทุกคนที่นั่นคงก่นด่าสมน้ำหน้าข้า ถึงกลับไปพ่อแม่ก็ไม่เอาข้าแล้ว จะทำอย่างไรก็ทำ” หยวนหยวนเป็นฝ่ายพูดก่อน
“หยวนหยวน...” หลี่เฟิ่งเซียนพูดได้แค่นั้น รู้สึกเพียงว่ามีบางสิ่งติดอยู่ตรงคอ จนคำพูดใดๆ ก็พูดออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆ ที่แท้เจ้าก็รู้จักชื่อของข้าหรอกหรือ ข้ายังนึกว่าเจ้าจำชื่อของข้าไม่ได้ ถึงได้จงใจเรียกชื่อข้าใหม่ เรียกด้วยชื่อที่แสนจะหยาบคาย ข้าเกลียดชื่อนั้นมาโดยตลอด” หยวนหยวนเชิดหน้าขึ้น
“...ยู่ยี่ ข้าชอบชื่อนี้ ดูไร้เดียงสา จริงใจ เหมือนเจ้า” น้ำตาของคุณหนูใหญ่ไหลริน
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่