LOGINเมฆินทร์ขับรถมาจอดที่จุดบริการพาราไกลดิ้ง ดวงตาของจารวีเป็นประกายทันที เธอเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าที่มีคนกำลังร่อนอยู่ด้วยความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
เมฆินทร์มองเห็นท่าทางของเธอ จึงถามด้วยรอยยิ้ม "อยากเล่นไหมครับ"
จารวีพยักหน้าถี่ๆ พร้อมกับดวงตาที่ยังคงเงยค้างอยู่บนฟ้า "อยากค่ะ! อยากมากเลย!"
ในจังหวะนั้น เมฆินทร์ก็ไล่สายตาสำรวจรูปร่างเธออีกครั้ง ตั้งหัวจนถึงเท้า ใบหน้าสวยๆ กับกลิ่นหอมๆ และทรวดทรงของเธอน่าหลงใหล ทั้งเนินอกที่เต่งตึงภายใต้เนื้อผ้าบางเบา เอวที่คอดกิ่ว กับสะโพกที่ผายรับกันอย่างลงตัว
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว... เขายอมไม่ได้! ยอมไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเธอต้องถูกเจ้าหน้าที่คนไหนก็ตามโอบรัดและสัมผัสความนุ่มนวลนี้ไว้ตลอดการร่อน...
เมฆินทร์ตัดสินใจทันที เขาบอกให้เธอ "รอพี่อยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวพี่มา"
เขาหายไปไม่นานนัก แล้วเดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ชวนให้เธอตามไปยังจุดเตรียมอุปกรณ์
เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาสวมใส่อุปกรณ์เซฟตี้... แต่แทนที่จะเตรียมอุปกรณ์ให้เธอ กับเจ้าหน้าที่อีกคน เจ้าหน้าที่กลับยึดติดเธอเข้ากับเมฆินทร์!
จารวีทำหน้างงและรู้สึกกังวล "ไม่ใช่ว่า... เราต้องขึ้นไปกับเจ้าหน้าที่หรอคะ" เธอถามเสียงกล้าๆ กลัวๆ "จี๊ดยังเรียนไม่จบเลยนะคะ ยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่เลย..."
เมฆินทร์ถอนหายใจ ก่อนจะยกบัตรแข็งสีเข้มบางอย่างขึ้นโชว์ตรงหน้าเธอ มันคือบัตรอนุญาตนักบินพาราไกลดิ้งส่วนบุคคล
จารวีเบิกตากว้าง "พี่มีของแบบนี้ด้วยเหรอคะ!"
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อย "คนรวยนี่ก็แปลกดีนะ... มีอะไรที่คนทั่วไปเขาไม่มีกันจริง ๆ "
ขณะที่เมฆินทร์กำลังเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย เขาก้มลงสบตาเธออย่างลุ่มลึก "ไว้ใจพี่นะครับ... พี่จะพาจี๊ดไปในที่ที่ปลอดภัยและสวยที่สุด" เขาพูดพร้อมกับบอกวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นสั้น ๆ และชัดเจน
เมื่อทุกอย่างพร้อม เมฆินทร์ก็ออกคำสั่ง "วิ่ง!" ทั้งคู่เริ่มวิ่งฝ่าแรงลมจนเท้าหลุดจากพื้นหญ้า และร่มก็พาพวกเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที!
"ลืมตาได้แล้วครับ...ไม่ต้องกลัว หลับตาแบบนั้นจะเห็นวิวสวย ๆ ได้ยังไง...อื้อ" เสียงทุ้มอบอุ่นกระสิบข้างหู
เมื่อเธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
"ว้าวววว..." จารวีอุทานเสียงแผ่ว ดวงตาเธอเป็นประกายยิ่งกว่าเมื่ออยู่บนพื้น... ความกลัวหายไปแทนที่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ...
เมฆินทร์โอบรัดเธอไว้จากด้านหลัง ความใกล้ชิดบนอากาศทำให้หัวใจเต้นรัว... เขาซบหน้าลงข้างหูเธอ จงใจให้ลมหายใจอุ่น ๆ รดใบหู
"สวยไหมครับ" เขาถามเสียงกระซิบ... " ไม่ต้องกลัวนะครับ"
จารวีหน้าแดงก่ำ ... ทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ ขณะมองวิวเบื้องหน้า... วิวทิวทัศน์ที่สวยงามไม่ได้ดึงดูดใจเธอเท่ากับแผงอกอุ่นๆ และอ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดเธอไว้...
"มองลงไปข้างล่างสิ... เห็นหาดทรายไหม เล็กนิดเดียว" เขาพยายามชวนคุย... เพื่อดึงสติของตัวเองออกจากความรู้สึกที่อยากจะซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นของเธอเสียเดี๋ยวนี้
"ค่ะ... เล็กนิดเดียวเอง" จารวีตอบเสียงใส... ความรู้สึกเหมือนได้เหาะเหินในอ้อมกอดของคนที่เธอรู้สึกดีด้วย มันโรแมนติกและน่ารักจนอยากให้เวลาหยุดนิ่ง
พี่เมฆที่ดูอบอุ่นใจดี คนนั้นกลับมาแล้วเหรอ? เธอตั้งคำถามกับตัวเองในใจ...
การร่อนลงสู่พื้นเป็นไปอย่างนุ่มนวล เมฆินทร์ดึงสายบังคับได้อย่างแม่นยำ ทำให้เท้าของทั้งคู่แตะพื้นหญ้าได้อย่างปลอดภัย จารวียังคงยืนนิ่ง มีอาการมึนเล็กน้อยจากความตื่นเต้นที่เพิ่งผ่านไป...
เจ้าหน้าที่รีบเข้ามาปลดสายรัดนิรภัยให้พวกเขา
<ฉับ ฉับ!>
ทันทีที่สายรัดถูกปลดออก ความอบอุ่นและอ้อมกอดของเมฆินทร์ที่โอบล้อมเธอไว้ก็หายไปอย่างกะทันหัน ความรู้สึกโล่งแปลกๆ ผสมกับความเคว้งคว้างเข้าแทนที่
ความรู้สึกเดียวกับเมื่อสามปีก่อนก็แทรกเข้ามา มันเป็นความรู้สึกตอนที่ได้เจอกับเขาเป็นครั้ง... พี่เมฆคนนั้น... คนที่สุภาพ ใจดี และอบอุ่นอย่างแท้จริง... แต่พี่เมฆคนนั้น...ไม่มีอีกแล้ว
จารวี สูดหายใจลึก พยายามปรับอารมณ์ให้เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอรู้สึกแปลก ๆ ที่ข้อเท้าขวา เหมือนมีบางอย่างเสียดสีอยู่ข้างใน เธอพยายามมองลงไปที่ข้อเท้าตัวเอง
จารวีพึมพำกับตัวเอง "สงสัยน่าจะเป็นตอนเท้ากระแทกพื้นมั้ง" พร้อมกับสะบัดข้อเท้าเพื่อผ่อนคลาย
เมฆินทร์มองเธออย่างพิจารณา และสังเกตเห็นว่าเธอจ้องมองลงไปที่เท้า เขาคิดในใจว่าเธอคงจะยังไม่หายตื่นเต้น
"สนุกไหม" เมฆินทร์ถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี เขาส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มาให้เธอ
"ค่ะ...สนุกมาก" จารวีตอบเสียงเรียบ แต่แววตาของเธอไม่ได้สื่อถึงความสนุกอย่างเดียว
เธอจ้องมองเขาตรงๆ พลางคิดในใจอย่างเจ็บปวด
ความในใจ "ทำไมพี่ต้องเป็นคนใจร้ายขนาดนี้ ทำไมคนที่ทำเรื่องโรแมนติกเมื่อกี้ ถึงไม่สามารถเป็นพี่เมฆคนนั้นตลอดไปได้นะ"
"พี่เก่งมากเลยนะคะ"
จารวีพูดเสียงนิ่ง ๆ "สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกดีได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือการกระทำ... และถ้าพี่ไม่ได้เป็นคนใจร้ายขนาดนี้ จี๊ดคงจะประทับใจมากกว่านี้ค่ะ"
คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในความพอใจของเมฆินทร์ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้างไปเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
เขาเดินเข้ามาประชิดตัวเธอ จนแทบจะหายใจรดกัน เมฆินทร์โน้มตัวลงมาเล็กน้อย แล้วใช้เสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความท้าทายและเจ้าเล่ห์
"ก็เพราะพี่เป็นคนใจร้ายไงคะ...เลยได้สิ่งที่ต้องการ" เขาเว้นจังหวะ แล้วเสริมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอหวั่นไหว "รวมถึงการได้ร่อนอยู่บนฟ้ากับจี๊ดแบบแนบชิดขนาดนี้ด้วย"
จารวีหน้าแดงขึ้นมาทันทีกับคำพูดที่ตีความได้สองแง่ของเขา เธอผละตัวออกอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาพื้นที่ส่วนตัวที่กำลังถูกคุกคาม
"เก็บของแล้วไปหาอะไรทานเถอะค่ะพี่เมฆ" จารวีพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุด "ตอนนี้จี๊ดเริ่มหิวแล้ว"
เมฆินทร์มองตามเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ แม้คำพูดของเธอจะเจ็บปวด แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายของเธอก็บอกเขาว่า...ความใกล้ชิดเมื่อครู่ไม่ได้ไร้ความหมายเลยแม้แต่น้อย
"ครับ...ไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกัน" เขาตอบรับ พลางเดินนำไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ แต่คราวนี้เขาไม่เร่งให้เธอขึ้นรถทันที แต่เดินอย่างช้าๆ เป็นการแสดงความสุภาพที่ดูย้อนแย้งกับอำนาจที่เขาใช้ควบคุมเธอ
ในขณะที่ทั้งคู่ขับรถไปตามเส้นทาง รถก็กระตุกสองสามครั้งแล้วเครื่องก็ดับสนิท เขาพยายามสตาร์ทใหม่อีกครั้ง แต่ได้ยินเพียงเสียงแหบๆ ของกลไกเท่านั้น
"น้ำมันหมด" เมฆินทร์พึมพำเรียบๆ ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดออกมามากนัก
จารวีนึกขึ้นได้ทันทีที่พนักงานรีสอร์ตเคยบอกว่ารถมีน้ำมันติดไว้แค่หนึ่งลิตร และนักท่องเที่ยวต้องเติมเอง แต่ด้วยความรีบร้อนและตื่นเต้นที่หนีออกมากับแผนของเธอเอง ทำให้เธอละเลยไป
"จี๊ด...ขอโทษค่ะ" เธอพูดเสียงแผ่ว
เมฆินทร์ไม่ได้หันมามอง เขาเพียงถอนหายใจยาว "ไม่เป็นไร"
แต่โชคดีที่จุดชมวิวเมื่อครู่ตั้งอยู่บนเนินเขา พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ เมฆินทร์ปล่อยให้รถไหลลงมาตามทางลาดอย่างช้าๆ จารวีต้องขยับตัวเข้ามาชิดแผ่นหลังของเขาอีกครั้ง เพื่อช่วยในการทรงตัวและควบคุมทิศทาง
ช่วงเวลาที่รถมอเตอร์ไซค์ไหลลงเนินอย่างช้าๆ นั้นเงียบงัน มีเพียงเสียงยางรถเสียดสีกับพื้นถนนและเสียงลมที่โชยมาเท่านั้น จารวีแนบแก้มไปกับแผ่นหลังของเขาอย่างไม่ตั้งใจ เพราะต้องก้มตัวหลบกิ่งไม้เล็กๆ ที่ยื่นออกมาข้างทาง มันเป็นความใกล้ชิดที่เกิดจากความจำเป็น แต่กลับทำให้ความตึงเครียดของทั้งคู่ค่อยๆ คลายลง
เมื่อถึงพื้นราบ รถก็ไม่สามารถไปต่อได้อีก เมฆินทร์เหยียบเบรกแล้วลงจากรถ เขายืนเท้าสะเอวมองมอเตอร์ไซค์ที่หมดฤทธิ์อย่างพิจารณา ก่อนจะหันมามองจารวี
"คงต้องจูงไปหาน้ำมันข้างหน้า" เขาบอกแล้วหันไปเตรียมเข็นรถ
"เดี๋ยวจี๊ดช่วยเข็นค่ะ" เธอรีบลงจากรถ
เมฆินทร์ใช้มือเดียวจับแฮนด์รถไว้ แล้วจูงมันไปตามไหล่ทางที่ร่มรื่น ส่วนจารวีเดินตามอยู่ข้างๆ ช่วยประคองตัวรถไว้บ้างเป็นครั้งคราว
เดินไปได้ไม่นาน ท่ามกลางแนวป่าที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เมฆินทร์ก็ชะงักฝีเท้า เมื่อมองลอดพุ่มไม้เข้าไปก็เห็นทางเดินเล็กๆ ที่นำไปสู่หาดทรายขาวละเอียดบริสุทธิ์ หาดนั้นโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ มีโขดหินใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่สุดหาด และไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เลยแม้แต่คนเดียว
"แวะพักตรงนี้ก่อนไหม" เมฆินทร์เสนอ "ดูเหมือนจะเป็นหาดลับ"
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







