Share

๐๒ สัญญาตัดขาด

last update Last Updated: 2025-10-17 22:13:40

รุ่งอรุณของวันที่สิบสามเดือนกันยายนมาเยือนเร็วกว่าที่คิด แสงสีทองอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์ยามเหม่า [1] สาดส่องผ่านช่องหน้าต่าง ปลุกทุกชีวิตในบ้านตระกูลหลินให้ตื่นขึ้นจากนิทรา บรรยากาศในบ้านยังคงดำเนินไปเหมือนทุกวัน พ่อหลินกับต้าเฉียงเตรียมตัวจะออกไปทำไร่แต่เช้าตรู่ แม่หลินกับซิวอิงก็ง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าง่าย ๆ อยู่ภายในครัว

มีเพียงหลินเยว่ซินเท่านั้นที่รู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงภาพฉากหน้าของพายุลูกใหญ่ที่กำลังจะพัดกระหน่ำในไม่ช้า

เธอตื่นนอนตั้งแต่ไก่โห่ ช่วยงานบ้านทุกอย่างอย่างแข็งขันผิดกับเมื่อก่อน บังคับให้ตัวเองทำตัวเป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องเป็นกังวล แต่ในใจกลับนับเวลาถอยหลังอย่างเงียบ ๆ สองหูคอยเงี่ยฟังเสียงจากนอกบ้านอยู่ตลอดเวลา

“วันนี้ลูกดูแปลก ๆ นะเยว่ซิน” แม่หลินเอ่ยขึ้นขณะยื่นข้าวต้มร้อน ๆ ให้ “เมื่อคืนยังนอนหลับสบายดีอยู่ใช่ไหม?”

“สบายดีค่ะแม่” เยว่ซินรับชามข้าวต้มมา พลางยิ้มบาง ๆ เป็นการกลบเกลื่อน “หนูแค่คิดว่าโตแล้ว ควรจะช่วยงานบ้านให้มากขึ้นหน่อย”

คำตอบของเธอทำให้ทุกคนในครอบครัวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ไม่มีใครติดใจสงสัยในความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงเป็นครอบครัวหลินที่แสนซื่อและมองโลกในแง่ดีเสมอมา

จนกระทั่งยามเฉิน [2] ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายไปทำงานของตน เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องผิดแผกไปจากความเงียบสงบของชนบทก็ดังกระหึ่มขึ้นจากทางเข้าหมู่บ้าน เสียงนั้นหนักแน่นและทรงพลัง ไม่เหมือนกับเสียงรถไถนาหรือรถบรรทุกที่ชาวบ้านคุ้นเคย มันดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุนัขในหมู่บ้านเริ่มพากันเห่าหอนเกรียวกราว

หลินเจี้ยนกั๋ววางจอบในมือลงแล้วขมวดคิ้ว “เสียงอะไรกัน?”

ไม่นานนัก รถเก๋งสีดำมันวาวราวกับนิลกาฬคันหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา มันเปรียบดั่งอสูรกายเหล็กกล้าที่ไม่เคยมีใครในหมู่บ้านแห่งนี้เคยพบเห็นมาก่อน ตัวรถสะท้อนแสงแดดยามเช้าจนแสบตา ชาวบ้านที่เห็นต่างพากันหยุดงานแล้วออกมายืนมุงดูด้วยความตื่นตะลึงระคนสงสัย

หัวใจของเยว่ซินหล่นวูบ พวกเขามาแล้ว!

รถคันหรูแล่นฝ่าฝุ่นดินมาจอดสนิทที่หน้าบ้านตระกูลหลินพอดิบพอดี ประตูหลังถูกเปิดออกโดยคนขับรถในชุดสุภาพ ชายหญิงคู่หนึ่งในวัยสี่สิบปลาย ๆ ก้าวลงมาจากรถ ตามด้วยเด็กสาววัยไล่เลี่ยกับเยว่ซินอีกคนหนึ่ง

วินาทีที่ได้เห็นพวกเขาอีกครั้ง ความทรงจำอันเจ็บปวดจากชาติที่แล้วก็ถาโถมเข้าใส่เยว่ซินราวกับคลื่นยักษ์

ซูเจิ้งกั๋วสวมชุดสูทตัดเย็บอย่างดีจากผ้าเนื้อดีที่สุด รองเท้าหนังขัดมันวาววับไร้ฝุ่นจับ ส่วนเผยฮุ่ยหลันสวมชุดกี่เพ้าผ้าไหมปักลายดอกโบตั๋น บนคอมีสร้อยไข่มุกเส้นงาม และเหม่ยลี่นั้น เธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ราวกับเทพธิดาตัวน้อย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับไม่อาจซ่อนแววตาดูแคลนที่ฉายออกมาได้

การปรากฏตัวของพวกเขาสามคน ทำให้กระท่อมดินซอมซ่อของตระกูลหลินยิ่งดูน่าสมเพชเวทนาขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว หิ่งห้อยหรือจะแข่งแสงจันทรา ช่างเป็นภาพเปรียบเทียบที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้

ซูเจิ้งกั๋วปรายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความรังเกียจ ก่อนจะหยุดสายตาลงที่หลินเยว่ซิน เขาไม่แม้แต่จะชายตามองพ่อแม่หลินที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความงุนงงเลยแม้แต่น้อย

“เยว่ซิน” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงของผู้ที่คุ้นชินกับการออกคำสั่ง “เก็บข้าวของของแกซะ แล้วกลับบ้านไปกับพวกเรา”

คำพูดที่ไม่แม้แต่จะอารัมภบทใด ๆ ทำให้พ่อแม่หลินยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ “พวกคุณเป็นใครกันครับ?” หลินเจี้ยนกั๋วรวบรวมความกล้าถามออกไป

เผยฮุ่ยหลันปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนบาง

“พี่ชายคะ พวกเราคือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเยว่ซิน เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนเกิดความผิดพลาดที่โรงพยาบาล ทำให้ลูกสาวของเราสลับตัวกัน พวกเราตามหาเธอมานานเหลือเกิน” เธอหันไปหาเยว่ซินด้วยท่าทีโศกเศร้า “ลูกแม่... กลับบ้านเราเถอะนะลูก ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ลูกควรจะอยู่”

คำพูดนั้นเป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจของคนครอบครัวหลิน พ่อหลินหน้าซีดเผือด แม่หลินถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น ต้าเฉียงกับซิวอิงก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

“ไม่... ไม่จริงใช่ไหมเยว่ซิน?” แม่หลินถามเสียงสั่นเทา น้ำตาไหลพราก “บอกแม่สิว่ามันไม่จริง”

ในชาติที่แล้ว เยว่ซินก็ยืนนิ่งอึ้งและสับสนไม่ต่างกัน แต่ในชาตินี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

เยว่ซินก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืนขวางกั้นระหว่างสองครอบครัวอย่างองอาจ แววตาของเธอสงบนิ่งและเย็นชาจนน่ากลัว “พวกคุณกลับไปเถอะค่ะ”

น้ำเสียงเรียบ ๆ แต่เด็ดขาดของเธอทำให้ทุกคนตกตะลึง ซูเจิ้งกั๋วขมวดคิ้ว “เธอพูดว่าอะไรนะ?”

“ฉันบอกให้พวกคุณกลับไปค่ะ” เยว่ซินกล่าวซ้ำชัดถ้อยชัดคำ “บ้านของฉันอยู่ที่นี่ และพ่อแม่ของฉันก็มีเพียงสองคนนี้เท่านั้น” เธอผายมือไปยังพ่อแม่หลินที่กำลังร้องไห้ใจจะขาด

เผยฮุ่ยหลันเบิกตากว้าง “เยว่ซิน! นี่ลูกพูดอะไรออกมา! ลูกไม่อยากกลับไปอยู่สุขสบายกับพ่อแม่ที่แท้จริงของลูกหรือไง? ลูกดูสภาพที่นี่สิ มันแทบจะไม่ใช่ที่ที่คนจะอาศัยอยู่ได้ด้วยซ้ำ!”

“ใช่แล้วค่ะพี่เยว่ซิน” ซูเหม่ยลี่ที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้ง “พ่อกับแม่เป็นห่วงพี่มากนะคะ พวกท่านเตรียมห้องสวย ๆ เสื้อผ้าดี ๆ ไว้ให้พี่หมดแล้ว กลับบ้านเราเถอะค่ะ อย่าดื้อรั้นให้พ่อแม่ต้องเสียใจเลย”

คำพูดที่ดูเหมือนจะหวังดี แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นหอกแหลมที่มองไม่เห็น ทุกถ้อยคำล้วนเสียดแทงและตอกย้ำความแตกต่างทางฐานะ เธอกำลังจะบอกว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปคือความโง่เขลาและดื้อด้าน

“ขอบใจในความหวังดีของเธอ” เยว่ซินหันไปมองหน้าซูเหม่ยลี่เป็นครั้งแรก รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่เย็นเยียบจนน่าขนลุก “แต่ความสุขสบายที่เธอว่า มันอาจจะเป็นขุมนรกสำหรับฉันก็ได้ ใครจะไปรู้”

“แก!” ซูเจิ้งกั๋วเริ่มหมดความอดทน “นี่แกถูกคนจนพวกนี้ล้างสมองไปแล้วรึไง! ฉันคือพ่อของแกนะ! แกต้องกลับไปกับฉัน!” เขาหมายจะก้าวเข้ามาคว้าแขนของเธอ

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ต้าเฉียงที่ตั้งสติได้ก้าวเข้ามาขวางน้องสาวไว้ ดวงตาของเขาแดงก่ำจ้องมองผู้มาเยือนอย่างไม่เป็นมิตร “อย่ามาแตะต้องน้องสาวของผมนะ!”

ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ซูเจิ้งกั๋วเดือดดาล “ไสหัวไปไอ้เด็กบ้านนอก! นี่มันเรื่องของครอบครัวฉัน!”

“ครอบครัวหรือคะ?” เยว่ซินหัวเราะออกมาเบา ๆ เสียงหัวเราะของเธอไม่มีแววขบขันแม้แต่น้อย “ครอบครัวคือคำที่ใช้อธิบายคนที่ทอดทิ้งลูกสาวไปสิบเจ็ดปีโดยไม่เคยเหลียวแล พอมาเจอก็คิดจะใช้เงินฟาดหัวแล้วลากกลับไปเหมือนสิ่งของอย่างนั้นหรือ?”

“ครอบครัวคือคนที่เห็นลูกตัวเองลำบากแล้วยังยืนดูถูกเยาะเย้ยได้อย่างเลือดเย็นอย่างนั้นหรือ?”

“สำหรับฉัน ครอบครัวคือคนที่ยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้ฉันได้อิ่มท้อง คือคนที่ทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเพื่อส่งเสียให้ฉันได้เรียนหนังสือ คือคนที่คอยปลอบโยนในวันที่ฉันร้องไห้ และหัวเราะในวันที่ฉันมีความสุข คนเหล่านั้นต่างหากคือครอบครัวของฉัน!”

ทุกถ้อยคำของเยว่ซินดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มุงดูอยู่เริ่มซุบซิบกันไปต่าง ๆ นานา คำพูดของเธอมีน้ำหนักและสมเหตุสมผลจนทุกคนต้องคล้อยตาม

ซูเจิ้งกั๋วอับอายจนหน้ากลายเป็นสีม่วงคล้ำ เขาไม่เคยถูกเด็กเมื่อวานซืนคนไหนมาสั่งสอนเช่นนี้มาก่อน

“ดี! พูดได้ดีนี่!” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน “ในเมื่อแกเลือกที่จะอยู่กับพวกขอทานนี่ งั้นก็เชิญอยู่ไป! แต่อย่าได้คิดว่าเรื่องมันจะจบง่าย ๆ!”

เยว่ซินรู้ดีว่าคนอย่างซูเจิ้งกั๋วไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ชาติที่แล้วเขาก็ใช้วิธีการสกปรกต่าง ๆ นานาบีบคั้นครอบครัวหลิน จนสุดท้ายเธอก็ต้องยอมจำนนจากไปอย่างเจ็บปวด แต่ชาตินี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

เธอจะต้องตัดญาติขาดมิตรกับคนพวกนี้ให้เด็ดขาด ชนิดที่ว่าฟ้าดินเป็นพยาน

“เพื่อไม่ให้มีเรื่องยืดเยื้อต่อไป” เยว่ซินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดยิ่งกว่าเดิม “ฉันว่าเรามาทำสัญญาตัดขาดความสัมพันธ์กันดีกว่าค่ะ”

คำว่าสัญญาตัดขาดความสัมพันธ์ทำให้ทุกคนในที่นั้นนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง แม้แต่ครอบครัวหลินก็ยังมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง การกระทำเช่นนี้ในยุคสมัยที่ยังให้ความสำคัญกับสายเลือดและบรรพบุรุษ ถือว่าเป็นการกระทำที่อกตัญญูและรุนแรงอย่างที่สุด!

เธอกำลังจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเลือกข้างแล้วอย่างชัดเจน

“แก... แกกล้าดียังไง?!” เผยฮุ่ยหลันกรีดร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะคะ?” เยว่ซินสวนกลับทันควัน “ในเมื่อพวกคุณไม่ได้เลี้ยงดูฉันมาแม้แต่วันเดียว ไม่มีบุญคุณอะไรต่อกัน แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องผูกพันตัวเองไว้กับพวกคุณด้วย? การทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษรคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีกต่อไป”

เธอไม่รอให้ใครได้ทันตั้งตัว เดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วหยิบกระดาษ ปากกา และตลับหมึกแดงสำหรับพิมพ์ลายนิ้วมือออกมา

เธอบรรจงเขียนข้อความลงบนกระดาษด้วยลายมือที่มั่นคง

“ข้าพเจ้าหลินเยว่ซิน ขอประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับนายซูเจิ้งกั๋วและนางเผยฮุ่ยหลัน ณ บัดนี้เป็นต้นไป นับจากนี้สายเลือดที่เคยมีร่วมกันถือเป็นโมฆะ ชีวิตใครชีวิตมัน ยามอยู่ไม่ข้องเกี่ยว ยามตายไม่เซ่นไหว้ หนี้บุญคุณใด ๆ ที่เคยมีต่อกันถือว่าสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วินาทีที่ลงนามในสัญญานี้ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดสัญญา ขอให้ฟ้าดินลงโทษ”

ข้อความสั้น ๆ แต่ทุกตัวอักษรล้วนแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและเย็นชา เธอจรดปากกาลงนามชื่อของตัวเอง ก่อนจะใช้นิ้วโป้งกดลงบนตลับหมึกแดงแล้วประทับลงบนลายเซ็นอย่างหนักแน่น

“เชิญค่ะ” เธอยื่นกระดาษแผ่นนั้นไปตรงหน้าซูเจิ้งกั๋ว “แค่คุณเซ็นชื่อลงไป เรื่องทั้งหมดก็จะจบลง”

ซูเจิ้งกั๋วโกรธจนตัวสั่นระริก นี่คือการหยามหน้ากันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา เขาคือประธานบริษัทใหญ่โต มีหน้ามีตาในสังคม แต่กลับต้องมาถูกเด็กสาวจากบ้านนอกบังคับให้เซ็นสัญญาบ้า ๆ นี่ต่อหน้าชาวบ้านมากมาย

“แกคิดว่าฉันจะยอมทำเรื่องโง่ ๆ นี่รึไง!”

“คุณต้องทำ” เยว่ซินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่อย่างนั้นฉันจะไปที่หน่วยงานราชการในอำเภอ แล้วประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตระกูลซูผู้ยิ่งใหญ่ทอดทิ้งลูกสาวในไส้ไปสิบเจ็ดปี พอตามหาเจอแล้วยังพยายามจะใช้กำลังฉุดคร่ากลับไปอีก คุณคิดว่าชื่อเสียงของตระกูลซูจะเหลืออะไรคะ?”

คำขู่ของเธอได้ผลชะงัด การเสียหน้าย่อมดีกว่าการเสียชื่อเสียงจนทำธุรกิจต่อไปไม่ได้ ซูเจิ้งกั๋วรู้ดีว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ใช่หมูในอวยที่จะเชือดได้ง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว

เขาคว้าปากกาจากมือเธอมาอย่างกระชาก เซ็นชื่อของตัวเองลงไปบนกระดาษอย่างรวดเร็วราวกับมันเป็นของร้อนลวกมือ

“ดี!” เขาโยนปากกาทิ้งลงพื้น “จำคำพูดของแกไว้ให้ดี! วันไหนที่แกอดอยากจนต้องไปขอทานอยู่ข้างถนน อย่าได้ริอาจมาเหยียบหน้าบ้านตระกูลซูเป็นอันขาด!”

“แกจะต้องเสียใจที่เลือกไอ้พวกคนจนนี่!”

ซูเจิ้งกั๋วตะคอกใส่หน้าเธอเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปขึ้นรถอย่างหัวเสีย เผยฮุ่ยหลันมองเยว่ซินด้วยแววตาผิดหวังเจ็บปวด ส่วนซูเหม่ยลี่ เธอส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความสมเพชและสะใจมาให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวเดินตามพ่อแม่ไป

รถยนต์คันหรูสตาร์ทเครื่องแล้วแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควันและบรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วนไว้เบื้องหลัง

เมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญจากไปแล้ว ความเงียบอันหนักอึ้งก็เข้าปกคลุมบ้านตระกูลหลิน ชาวบ้านที่มุงดูอยู่เริ่มแยกย้ายกันกลับไปพร้อมกับเรื่องร้อน ๆ ให้ได้นินทากันไปอีกหลายวัน

เยว่ซินยืนกำสัญญาแผ่นนั้นไว้ในมือแน่น มันคือใบเบิกทางสู่อิสรภาพและชีวิตใหม่ของเธอ แต่เมื่อเธอหันกลับมาก็ต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน เจ็บปวด และคำถามมากมายจากครอบครัวที่เธอเพิ่งจะเลือก

————

[1] ยามเหม่า     คือช่วงเวลา 05:00-06:59 น.

[2] ยามเฉิน       คือช่วงเวลา 07:00-08:59 น.

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๖ จุดจบของตัวร้าย

    กาลเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของปี 1989 โลกได้หมุนไปข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง...ณ กรุงปักกิ่ง หลินเยว่ซิน หลินต้าเฉียง และหลินซิวอิงได้กลายเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ บริษัทหลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ปได้เปิดสำนักงานใหญ่และสาขาแฟล็กชิปที่เมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย และได้กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับชาติที่ทรงอิทธิพลทว่าณ อำเภอหลิวอันที่ห่างไกล ช่วงนี้ได้มีข่าวลือระลอกใหม่เกิดขึ้นในวงน้ำชาของเหล่าแม่บ้าน ข่าวลือที่เกี่ยวกับบุคคลที่แทบจะถูกลบหายไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว“นี่เธอได้ยินเรื่องนั้นหรือยัง?” หญิงคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนบ้าน “เห็นว่านังหนูซูเหม่ยลี่อะไรนั่นกำลังจะกลับมาแล้วนะ”“หา?! กลับมาอะไรกัน?” อีกคนถามด้วยความไม่ใส่ใจ“ก็ฉันได้ยินมาว่าเธอไปเจอผู้อุปถัมภ์คนใหม่ เป็นถึงเถ้าแก่จากต่างเมืองที่ร่ำรวยมากเลยล่ะ เห็นว่าเธอกำลังจะกลับมาทวงทุกอย่างคืน เธอบอกกับคนไปทั่วว่าความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดโปง ที่แท้หลินเยว่ซินนั่นแหละคืออสรพิษตัวจริง!”ในอดีต ข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้คงจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว แต่ในวันนี้ปฏิกิริยาของผู้คนกลับแตกต

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๕ คำตอบรับ

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท่านนายพลลู่และภรรยาเดินทางกลับไปแล้ว บ้านของตระกูลหลินก็ยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความตื่นเต้นไม่จางหาย ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขท่ามกลางความชื่นมื่นนั้น หลินเยว่ซินกลับรู้สึกว่าหัวใจของตนเองยังคงมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่ เธอยอมรับการสู่ขอ แต่ทว่าเธอยังไม่เคยได้ให้คำตอบแก่เขาจากหัวใจของเธออย่างแท้จริงเลยบ่ายวันนั้น ขณะที่เธอกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่ในห้องทำงาน ลู่เฟิงในชุดลำลองสบาย ๆ ก็เดินเข้ามาหาอย่างเงียบ ๆ“เยว่ซิน” เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ไปเดินเล่นกับฉันหน่อยได้ไหม?”แม้จะเป็นคำเชิญที่เรียบง่าย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง นี่คือการนัดหมายครั้งแรกของพวกเขาในฐานะคู่หมั้นอย่างเป็นทางการเยว่ซินพยักหน้ารับเบา ๆ เธอรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองเสียทีทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากตัวเมือง ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่สวยงามหรือโรแมนติกใด ๆ แต่กลับเดินไปตามเส้นทางดินสายเก่าที่ทอดตัวมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านหงซิง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดส

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๔ คำขอจากใจจริง

    ฤดูสารทของปี 1988 ได้นำพาสายลมเย็นสบายและใบไม้สีทองโปรยปรายมาสู่เมืองหลิวอัน ครอบครัวหลินกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เปี่ยมสุขและวุ่นวายที่สุด พวกเขากำลังเตรียมการใหญ่สำหรับการย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองหลวงของต้าเฉียง ซิวอิง และเยว่ซินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเอง จดหมายฉบับหนึ่งจากลู่เฟิงก็ได้ถูกส่งมาถึง ซึ่งเนื้อหาข้างในนั้นก็ค่อนข้างที่จะสั้นกระชับ แต่ทว่ากลับทำให้หัวใจของเยว่ซินเต้นไม่เป็นส่ำ เขาเขียนว่าเขาจะกลับมาเยี่ยมบ้านในสัปดาห์หน้า และครั้งนี้เขาจะไม่ได้มาคนเดียวสัญชาตญาณของเยว่ซินร้องบอกว่าการมาเยือนในครั้งนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านก็จะรู้สึกได้เช่นเดียวกัน แม่หลินถึงกับลงมือทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่และสั่งให้พ่อหลินไปซื้อใบชาต้าหงเผาชั้นดีที่สุดมาเตรียมไว้ต้อนรับแขกเช้าวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส รถยนต์เก๋งหงฉีสีดำมันวาวสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูบ้านทรงลานสี่ทิศของตระกูลหลินอย่างเงียบเชียบแต่แฝงไว้ด้วยบารมีอันน่าเกรงขาม การปรากฏตัวของรถยนต์ระดับผู้นำประเทศเช่นนี้ทำให้เพื่อนบ้านที่สัญจรผ่านไปมาถึงกับต้องหยุดยืนมองด้วยความตก

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๓ ตระกูลใหม่ที่รุ่งโรจน์

    ฟ้าหลังฝนสำหรับครอบครัวหลินแล้ว ท้องฟ้าของพวกเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะสดใสไร้เมฆหมอกบดบัง แต่มันยังประดับประดาไปด้วยดวงดาวแห่งเกียรติยศที่ส่องประกายเจิดจรัสอีกด้วยเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของปี 1988 หนึ่งปีกว่านับตั้งแต่การล่มสลายของตระกูลซู ช่วงเวลาที่ปราศจากมารผจญนี้เองที่ทำให้ธุรกิจใบไหวดีไซน์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์บัดนี้ หลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ป ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าในอำเภอเล็ก ๆ อีกแล้ว แต่ได้กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง มีสาขากระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทั้งมณฑล และกำลังจะเริ่มขยายตลาดไปยังเมืองหลวงอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แบรนด์ใบไหวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ทันสมัย คุณภาพดี และเป็นความภาคภูมิใจของสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างแท้จริงครอบครัวหลินเองก็ได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิมมาอาศัยอยู่ในบ้านทรงลานสี่ทิศ หลังใหญ่ที่เยว่ซินทุ่มเงินซื้อมันมาแล้วตกแต่งใหม่ทั้งหมด ที่นี่กว้างขวางและงดงามราวกับจวนของขุนนางในสมัยก่อน กลางลานบ้านมีสวนหย่อมที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีสระปลาคาร์ปเล็ก ๆ และต้นไหวที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ปร

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๒ เปิดโปงสู่สาธารณะ

    หากคิดจะจับ ก็ต้องแสร้งปล่อยไปก่อนนี่คือกลยุทธ์ที่หลินเยว่ซินและลู่เฟิงได้วางไว้ร่วมกัน...สองวันหลังจากที่ซูเหม่ยลี่ได้จ่ายเงินก้อนสุดท้ายของเธอไป บทความชิ้นเอกอันแสนสกปรกของเฒ่าเหมาก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ใต้ดินฉบับหนึ่ง มันถูกนำไปแจกจ่ายตามร้านน้ำชาและแผงลอยต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง เรื่องราวที่ถูกปรุงแต่งขึ้นอย่างสุดฝีมือได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนอีกครั้ง ความสงสัยระลอกใหม่เริ่มซัดสาดเข้าใส่ชื่อเสียงของหลินเยว่ซินอีกคราทางฝั่งร้านใบไหวดีไซน์ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ยอดขายตกลงเล็กน้อย และมีเสียงซุบซิบนินทาจากลูกค้ามากขึ้น หลินเยว่ซินดูเหมือนจะตกอยู่ในภาวะตั้งรับ เธอเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาโต้ตอบใด ๆ ท่าทีที่ดูเหมือนยอมจำนนนี้เองที่ทำให้ซูเหม่ยลี่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ แต่แล้ว ในขณะที่ข่าวลือกำลังคุกรุ่นถึงขีดสุด ร้านใบไหวดีไซน์ก็ได้เคลื่อนไหวในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดบัตรเชิญที่ถูกออกแบบอย่างสวยหรูได้ถูกส่งไปยังสำนักข่าวทุกแขนง ทั้งสื่อท้องถิ่นและสื่อสิ่งพิมพ์ระดับมณฑล เนื้อหาในบัตรเชิญระบุว่าทางร้านจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๑ สิ้นไร้หนทาง

    ลมหนาวในช่วงปลายปี พัดพาเอากลิ่นอายของเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงให้ลอยอบอวลไปทั่วทั้งเมือง บนถนนหนทางประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสดใส ผู้คนต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ แต่สำหรับตระกูลซูแล้วฤดูหนาวในปีนี้มันช่างหนาวเหน็บและโหดร้ายเสียเหลือเกินธุรกิจที่เคยยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ล่มสลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว...การที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ถูกระงับไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ เป็นดั่งสิ่งสุดท้ายที่ทำให้คู่ค้าและธนาคารต่างหมดสิ้นความเชื่อมั่นในตระกูลซู พวกเขารู้ดีว่าตระกูลซูไม่เพียงแต่กำลังจะล้มละลาย แต่ยังไปเหยียบตาปลาของผู้มีอำนาจระดับสูงเข้าให้อีกด้วย ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาอีกตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง คฤหาสน์หลังงามกำลังจะถูกยึดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทรัพย์สินเงินทองที่เคยมีก็ร่อยหรอลงไปจนแทบไม่เหลือ พวกเขาไม่มีทางไปอีกแล้วค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบงันอันน่าสมเพชภายในคฤหาสน์ที่เคยโอ่อ่า ซูเจิ้งกั๋วที่บัดนี้ดูแก่ชราลงไปนับสิบปีได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“เรายังเหลือหนทางสุดท้าย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status