แชร์

บทที่ 38 ความในใจของเฟิงหยาง

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 09:56:32

บทที่ 38

ความในใจของเฟิงหยาง

            ฉินหรูล้างหน้าให้อาเหยาเสร็จแล้วถึงค่อยพาเจ้าตัวน้อยมานั่งกินข้าวที่ห้องโถง

            หลังจากเพ่ยเหนียงยกหมั่นโถและกับข้าวสองสามอย่างเข้ามา อีกฝ่ายก็ถามฉินหรูด้วยความเป็นห่วง

            “ฮูหยิน ท่านหน้าแดงๆ ไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ”

            “แดงมากเลยหรือ?” ฉินหรูไม่ตอบ แต่ถามกลับพลางลูบหน้าตัวเอง

            เพ่ยเหนียงพยักหน้าทีหนึ่งเป็นการยืนยัน “แดงมากเจ้าค่ะ” ทั้งยังถามฉินหรูว่าจะให้ไปบอกลุงหม่าเตรียมยาแก้ไข้หรือไม่

            ฉินหรูรีบชิงบอกว่า “สบายดี” ก่อนจะสั่งให้เพ่ยเหนียงกลับไปทำงานของต่อ ไม่ต้องห่วง

            เพ่ยเหนียงลังเล เพียงครู่ก็รับคำว่าเจ้าค่ะ แล้วกลับไปทำงานในครัวต่อ

            จากนั้นฉินหรูกับอาเหยาหยิบตะเกียบขึ้นมา สองแม่ลูกเพิ่งเริ่มลงมือกินข้าว ซินเหมียวก็เดินเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าสดใสเหมือนปกติ 

            จั่นเถิงเพิ่งกลับมาเมื่อเช้าพร้อมกับเฟิงหยาง ตามปกติซินเหมียวจะออกมานั่งรอในห้องโถงก่อนใครเพื่อน เช้านี้ที่ซินเหมียวออกจากห้องสาย คงอยู่ปรนนิบัติสามี 

            ทางด้านของลุงหม่าไม่ต้องพูดถึง พักหลังแยกตัวออกไปกินข้าวคนเดียว เห็นว่าสมุนไพรที่กำลังปลูกต้องดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ จึงไม่ค่อยมีเวลาออกมาข้างนอกสักเท่าไร

            ระหว่างกินข้าว ฉินหรูใจลอยคิดถึงคนในห้อง

            ซินเหมียวเข้าใจท่าทางของฮูหยิน ในตอนที่จั่นเถิงออกไปทำงานให้ท่านแม่ทัพ กลับเข้าบ้านตอนรุ่งสาง หรือไม่ก็เป็นช่วงสายของอีกวัน ซินเหมียวทั้งห่วงสามี ทั้งกังวลว่าเขาจะแอบไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน โดยอ้างเรื่องงาน ตอนแรกซินเหมียวก็ใจลอยทั้งวันเหมือนกับฮูหยินในยามนี้ แต่พอได้เปิดอกคุยกันตรงๆ สรุปแล้ว เป็นนางที่คิดมากไปเอง

            วงการขุนนางก็เป็นเช่นนี้ ทำงานหนัก ไม่คุ้มกับเบี้ยหวัดที่ได้รับในแต่ละเดือน ทั้งยังต้องแบกรับหม้อก้นดำ  เสมอ

            ซินเหมียวอยู่กับจั่นเถิงมานานปี แตกต่างจากฮูหยินที่เพิ่งกลับมาเจอกันในรอบสี่ปี

            ด้วยเหตุนี้เอง ระหว่างที่ซินเหมียวเก็บถ้วยชามหลังจากกินข้าวเช้ากันอิ่ม นางคะยั้นคะยอให้ฮูหยินไปดูแลท่านแม่ทัพที่ห้อง โดยตนจะช่วยดูแลอาเหยาให้

            “ฮูหยิน ท่านไปดูแลท่านแม่ทัพเถอะเจ้าค่ะ”

            “ปล่อยให้เขาพักผ่อนเงียบๆ ไม่ดีกว่าหรือ”

            “ข้ากลับคิดตรงกันข้าม พี่จั่นเถิงบอกว่าช่วงนี้งานในค่ายยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาอยู่บ้าน ฮูหยิน แม้ว่าท่านแม่ทัพจะไม่พูดออกมา แต่ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพต้องอยากใช้เวลาส่วนตัวร่วมกับฮูหยิน ไปเถิดเจ้าค่ะ วันนี้ข้าช่วยดูแลคุณชายน้อยให้เอง”

            เอ่อ...

            ฉินหรูทั้งถูกทั้งถูกพูดหว่านล้อมทั้งถูกดันหลัง จนใจจะปฏิเสธจึงต้องกลับมาที่ห้องนอนใหญ่

            ….

            ภายในห้องเงียบกริบอย่างยิ่ง

            แสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาทางช่องว่างเล็กๆ ของหน้าต่าง พร้อมกับสายลมเย็นสบายที่พัดโชยเอื่อย

            ฉินหรูมองเฟิงหยางที่นอนบนเตียงกว้าง แผงอกกำยำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสะท้อนขึ้นลง ดูก็รู้ว่าเขากำลังหลับสนิท

            นางไม่กล้าเข้าไปรบกวน จึงยืนละล้าละลังอยู่ข้างเตียง

            ทันใดนั้นเอง ข้อมือเรียวเล็กพลันถูกมือใหญ่คว้าหมับ!

            ไม่เพียงเท่านั้น คนบนเตียงยังกระชากนางให้ลงมานอนด้วยกัน จากนั้นร่างกายหนาก็ทาบทับลงมาบนตัวนาง

            ฉินหรูตกใจ แต่ไม่ได้แสดงอาการออกมา

            “ท่านพี่...เฟิงหยาง?”

            ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ หากใบหน้าคมเข้มกลับโน้มเข้ามาใกล้ จากนั้นริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาประกบปิดปากของนาง

            หญิงสาวอึ้งไปสักพักหนึ่ง ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบิกโต

            ตอนเข้าหอครั้งแรก นางกับเขาถูกยาปลุกกำหนัดเล่นงาน นอกจากร่างกายเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ เฟิงหยางไม่เคยแม้จะจูบหรือเล้าโลมนางเลย

            ...นับเป็นครั้งแรกที่เขาจูบนาง

            ฉินหรูถูกเฟิงหยางจูบจนสองแก้มแดงเรื่อ หัวใจเต้นระส่ำระส่ายราวไม่เป็นตัวของตัวเอง

            ในที่สุดเฟิงหยางก็ยอมปล่อยภรรยาเป็นอิสระ

            ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉินหรูเองก็ไม่กล้าขยับตัว ทำได้เพียงนอนนิ่งๆ บนเตียงอย่างเงียบเฉียบ  

            ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เสียงทุ้มพลันเอ่ยขึ้น

            “สี่ปีก่อน เจ้ากับข้าแต่งงานกันด้วยความจำเป็น และข้าก็ยังจากเจ้ามาด้วยความจำเป็นเช่นกัน”

            ฉินหรูไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิงหยางถึงเอ่ยเรื่องนี้ แต่ก็ฟังต่อไปเงียบๆ

            “ตั้งแต่ที่ข้าจำความได้ ข้าอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยความฝืนทน ข้ารู้สึกเหนื่อยมาก จนอยากหนีจากบ้านเสิ่นไปให้พ้นๆ ในตอนนั้น ข้าทั้งอ่อนแอและไร้จุดหมาย พอมารู้ว่าพวกเขาต้องการกำจัดข้า เลือกข้าไปเป็นทหาร ข้าคิดว่า…นี่แหละคือโอกาสที่จะหนีไปจากนรกแห่งนี้ แต่แล้ว เจ้าก็แต่งเข้ามา”

            ฟังมาถึงตอนท้าย หัวใจของฉินหรูกระตุกวูบ เนื่องจากน้ำเสียงของเขาเย็นชาอย่างมาก

            เขากับนางแต่งงานกันโดยไม่มีความรัก หากว่าเขาจะทิ้งนาง ย่อมสามารถทำได้ง่ายๆ 

            ในตอนแรก เฟิงหยางคิดจะทิ้งภรรยาตัวน้อยอย่าไม่ไยดีเพราะเข้าใจว่านางเป็นคนของหนิงลี่

            การที่จู่ๆ ก็ซื้อตัวเจ้าสาวมาให้ หนิงลี่คงอยากใช้เจ้าสาวมาจองจำเขาให้อยู่บ้านเสิ่น หรือไม่ก็ใช้นางทำเรื่องสกปรกกว่านั้น

            ในคืนเข้าหอ เขากับนางถูกวางยากำหนัดทั้งคู่ 

            แม้ท่าทีของนางเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวและกระต่ายน้อยที่น่าสงสาร แต่เขายังเชื่อใจนางไม่ลง

            กระทั่งวันที่เขาต้องเดินทางไปรับใช้ชาติ เขาจึงตัดสินใจบอกความจริงกับนาง 

            ตอนนั้น สีหน้าของนางสะเทือนใจอย่างมาก เหมือนไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

            นางทุบตีเขา ร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่ 

            ด้วยความสับสนเขาจึงปล่อยให้นางทำแบบนั้นโดยไม่ได้ห้าม

            มารู้ภายหลัง ฉินหรูถือกำเนิดในบ้านที่ยากจน ตอนที่พ่อบ้านเสิ่นไปซื้อตัวเจ้าสาวในหมู่บ้าน นางเข้าใจว่าการได้แต่งงานกับคุณชายใหญ่บ้านเศรษฐี เป็นโอกาสให้นางได้ยกฐานะตัวเอง แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น หนิงลี่ซื้อตัวเจ้าสาวให้เขา เพื่อให้เขาลิ้มรสความสุขก่อนเข้ากองทัพและตายจากไป 

            หลังจากรู้ความจริงในเรื่องนี้ เฟิงหยางรู้สึกผิดต่อฉินหรู

            เรื่องแรก เขาข่มเหงนาง เรื่องที่สอง เขาปล่อยให้นางอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยความโดดเดี่ยว ไม่รู้ว่าหนิงลี่จะรังแกนางอย่างไรบ้าง  

            “ตั้งแต่เล็กจนโต ข้ามีเพียงลุงหม่าคอยสอนหลายๆ อย่างให้ ในวันที่ข้าเดินทางเข้ากองทัพ ลุงหม่าตามไปส่งข้าถึงชายแดน และยังแนะนำข้าให้เปลี่ยนแซ่ และยังเป็นคนกลับไปรายงานให้กับเจ้าบ้านตระกูลเฟิง นำชื่อข้าเข้าทะเบียนราษฎร์ ทางตระกูลเฟิงตั้งใจจะรับข้าเข้าตระกูลนานแล้ว ติดก็แต่เสิ่นเทาที่กีดกัน”

            ฟังมาถึงตรงนี้ ฉินหรูเข้าใจทุกอย่างแล้ว

            ก่อนหน้านั้น เฟิงหยางเคยเล่าว่าลุงหม่าสอนวรยุทธ์กับสมุนไพร เขาถึงมีชีวิตรอดกลับมาจากสนามรบ

            เฟิงหยางหันใบหน้าหล่อเหลากลับมามองภรรยาที่นอนข้างๆ ดวงตาคมเข้มทอประกายวูบไหว ทั้งยังสะท้อนความจริงทุกประการ

            ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ ถึงระลึกความหลัง หรือว่า งานที่กำลังทำอยู่มีปัญหา?

            “ท่านมีเรื่องทุกข์ใจหรือ”

            สิ้นคำถามของนาง เฟิงหยางเม้มปากเงียบ สักครู่ถึงค่อยตอบกลับ

            “ข้ามีหลักฐานเอาผิดเสิ่นเทา หากยื่นเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ตระกูลเสิ่นจะต้องจบสิ้นทันที”

            “ท่านลังเลเพราะเขาเป็นเรื่องของบิดาท่าน?” นางถามต่อ

            ของมันแน่อยู่แล้ว เสิ่นเทาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ต่อให้เขาเปลี่ยนแซ่ แต่สายเลือดตัดกันไม่ขาด

            ทว่า…

            เฟิงหยางกลับส่ายหน้า สีหน้าหนักแน่น

            “ข้าไม่ได้รู้สึกเห็นใจเสิ่นเทาสักนิด ทั้งที่เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด”

            “แล้วท่านลังเลอะไรหรือ”

            “ข้ากลัว...”

            “กลัว?”

            “ข้ากลัวว่าตัวเองทำศึกสงครามมากไปจนกลายเป็นคนไร้หัวใจแล้วหรือไม่ ตั้งแต่ที่ข้าได้ยินว่าเสิ่นเทาถูกตรวจสอบเรื่องปล่อยเงินกู้ และเลี้ยงดูขุนนาง ข้าอาสารับภารกิจตรวจสอบโดยที่ไม่รู้สึกอะไร”

            น้ำเสียงของเฟิงหยางเยือกเย็นอย่างยิ่ง สื่อให้เห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกรู้สา แม้ตระกูลเสิ่นกำลังพังพินาศ

            “ท่านไม่ได้ไร้หัวใจ ท่านแค่กำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง” นางบอก

            แต่…เฟิงหยางกลับขมวดคิ้ว ตอบด้วยสีหน้าตึงเครียด

            “บอกตรงๆ ก่อนที่ข้าจะกลับมาที่เมืองฉาง ข้าไม่เคยมั่นใจในตัวเจ้า คิดอยู่ตลอด หากเจ้ามีคนอื่น ข้าจะทำอย่างไร เจ้าเป็นสมบัติเพียงหนึ่งเดียวของข้า หากเจ้าไม่อยากอยู่กับข้าแล้ว ข้าจะเผลอทำเรื่องโง่เขลากับเจ้าหรือไม่ ข้าจะวางยาทำให้เจ้าเป็นอำมพาตแล้วขังไว้ในห้อง เพื่อให้เจ้าอยู่กับข้าตลอดไปหรือไม่ ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในหัว ข้าจึงกลัว...กลัวว่าตัวเองจะไร้หัวใจ”

            คำพูดของเฟิงหยาง ทำเอาหัวใจของฉินหรูหนักอึ้ง หากกระนั้นก็รู้สึกสะท้อนใจ 

            ไม่คิดเลยว่าเขาจะยึดติดกับนางถึงเพียงนี้

            มิน่าเล่า ทำไมชาติก่อนเขาถึงตามตื้อให้นางกลับมาอยู่ด้วยกัน ทั้งที่เห็นๆ อยู่ว่านางเป็นของชายอื่นแล้ว นั่นเพราะสิ่งเดียวที่เป็นของเขาจริงๆ ก็คือนางนี่เอง

            ตัวนางในชาติที่แล้วโง่เขลานัก ทำเรื่องสกปรกไว้มาก หลังจากกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง นางจึงตัดสินใจว่าจะเป็นมารดาที่ดีให้กับอาเหยา และเฝ้ารอสามีกลับมาจากชายแดน

            ดีจริงๆ ที่คิดถูก!

            ไม่อย่างนั้น ตอนนี้คงนอนเป็นผักอยู่บนเตียง อยู่กับเขาตลอดกาลก็เป็นได้

            “เจ้ารังเกียจข้าหรือไม่ เสี่ยวหรู” 

            นางจ้องมองเขานิ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ สองแขนของนางพลันยื่นออกไปกอดเขาแล้วกระซิบบอกเสียงเบา

            “ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน”

            “แต่เจ้าหวาดกลัวข้า?”

            ฉินหรูกะพริบตาปริบๆ “หวาดกลัวหรือ ข้าจะหวาดกลัวท่านเรื่องอะไร”

            “ทุกคืนที่นอนร่วมเตียงกัน เจ้ามักจะทำหน้าตื่นกลัว”

            ความคิดของนางแสดงออกทางสีหน้าหมดเลยหรือ 

            “คือว่า...ข้า...”

            นางอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก

            เฟิงหยางพูดต่อ “ตอนร่วมหอกันเมื่อสี่ปีก่อน ข้าคงทำให้เจ้าหวาดกลัวมากใช่หรือไม่ เสี่ยวหรู ข้าสาบาน หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าจะไม่แตะต้องเจ้าเด็ดขาด”

            เอ่อ…

            พูดถึงต้นเหตุของความกลัวก็คือ ‘ไอ้นั่น’ ของเขาต่างหาก 

            ในชาติก่อน หลังจากคลอดลูกแล้วหนีออกจากบ้านมา ฉินหรูร่วมเตียงกับผู้ชายคนอื่น ใช้ร่างกายยกสถานะตัวเองขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูง เทียบกันแล้ว ไม่เคยมีใคร ‘ขนาดใหญ่’ เท่าเฟิงหยางสักคน!

            ถึงอย่างนั้น ฉินหรูก็ตระหนักรู้ว่า หากภรรยาไม่ทำหน้าที่บนเตียงให้ดี สามีต้องไปหาผู้หญิงคนอื่นทำหน้าที่นั้นแทน

            ไม่ได้ๆ

            นางต้องทำใจยอมรับกับขนาดของสามีให้เร็ว ไม่อย่างนั้น ความสัมพันธ์นี้จะจบลง 

            เมื่อสี่ปีก่อน แม้จะทุลักทุเลไปบ้าง แต่นางกับเขาก็มีอาเหยาไม่ใช่หรือ สี่ปีให้หลังก็คงไม่ต่างกันนักหรอก…ละมั้งนะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทพิเศษ มิตรภาพ

    บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทพิเศษ เป็นวันที่ดี

    บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทพิเศษ อุ่นรัก(อีกครั้ง)

    บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทที่ 45 บทสรุป

    บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทที่ 44 ชะตากรรมของบ้านเสิ่น

    บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ

  • เกิดใหม่ทั้งที จะเป็นมารดาที่ดีให้ได้!    บทที่ 43 ไต่สวน

    บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status