เขมกับขิมไม่มีทางออกใด เพื่อจะรู้ได้เลยว่า การกอดจูบลูบคลำกับผู้ชายเป็นยังไง พวกเธอสองคนเก็บตัวอยู่ในห้อง แต่ดันลืมล็อคประตู เพราะร้อนรนอยากลองทำกันเอง
สองสาวฝาแฝดกอดจูบกันเอง แลกลิ้นเลียนแบบ ยิ่งทำยิ่งเพลินสนุกลิ้นจนหยุดไม่ได้ มือทั้งสองคน ต่างวนลูบไล้ตามเรือนกาย และบีบนมไว้ในมือ ยิ่งจูบยิ่งบีบ ก็ยิ่งเสียวในช่องภายในจนตัวสั่น
เสียงริมฝีปากนวลนุ่มบดเบียดแลกลิ้นกัน มันทำให้ขิมเคลิบเคลิ้มมากยิ่งขึ้น ยิ่งเขมแทรกลิ้นลงไป เธอยอมให้พี่สาวจูบแทบจะหมดแรง
“อยากให้พี่เขมเป็นผู้ชายจริงๆ เวลาเราทำอะไรด้วยกัน คงจะไม่มีใครสงสัย” ขิมนึกเสียดายที่แฝดพี่เป็นผู้หญิง ตอนนี้ใช้แค่ลิ้นเธอยังเสียวขนาดนี้ ไม่รู้ว่าอ่านหนังสือจินตนาการไปได้ไกลแค่ไหน ถึงทำได้ราวกับชำนาญเคยมาก่อน
“รู้สึกร้อนในร่างกายจริงๆ เราไปอาบน้ำกันเถอะ” เขมชวนน้องสาวไปอาบน้ำในห้องรวมด้วยกัน หลังจากป้าและแม่ใช้เสร็จแล้ว ไปนั่งดูละครหลังข่าวชั้นล่างของบ้าน พวกเธอคิดว่า แฝดสาวทำการบ้าน และกำลังจะอาบน้ำ
******
ปนิตามีอาการคลื่นไส้อาเจียน ส่งเสียงอยู่ในห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนตัวเอง ทำให้สีหน้าของแฝดสาวทั้งสองคนกังวล ว่าทำไมพี่สาวป่วยไม่สบาย อาหารเป็นพิษ หรือท้องเสียหรือเปล่า? เธอรู้สึกไม่แน่ใจ จึงวิ่งไปบอกวราลี
“แม่จ๊ะ พี่นิตาไม่สบายค่ะ ช่วยไปดูหน่อยดีมั๊ยคะ?” ขิมวิ่งมาบอกวราลี สีหน้าของปราณชลและวราลี แปลกประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับปนิตา
ในขณะที่เขมกำลังอยู่กับปนิตา และธายุกรกำลังดูอาการดูของปนิตาอย่างสงสัย เธอไม่น่าป่วยอะไรเลย อาการเป็นปกติมาตลอด...
“ไปหาหมอกันเถอะ” วราลีคิดว่าไม่อยากปล่อยให้ปนิตาต้องทรมานด้วยอาการแบบนี้อีกต่อไป...
“ถ้างั้นผมจะพาปนิตาไปหาหมอเองนะครับ คุณน้า” ธายุกรอยากจะไปกับปนิตา เพราะเขาไม่อยากอยู่ตามลำพังกับน้า หรือปราณชลก็ตาม... แฝดสาวทั้งสองเผ่นไปอาบน้ำ และเล่นสนุกกันตามลำพัง โดยแม่และป้าไม่รู้...
ยามค่ำคืนดึกดื่นที่ปนิตายิ้มแย้ม มองสายตาสบกับธายุกร ชายหนุ่มยิ้มร่าเริงมากมาย หลังจากกลับจากร.พ. ปราณชลและวราลี นั่งรอพวกเขาสองคนอยู่บ้าน ทำให้ปนิตาแปลกใจว่าทำไมแม่กับน้าไม่เข้านอน
“อาการเป็นยังไงบ้างล่ะ? ยัยนิตา ป่วยเป็นอะไรกัน? ถ้าไม่ไหวก็น่าจะนอนอยู่ร.พ.นะ” ปราณชลถามลูกสาว เห็นท่าทางไม่สบาย ก็น่าจะนอนอยู่ร.พ. ไม่ต้องรีบกลับมาบ้านก็ได้ ปล่อยให้ธายุกรกลับมาพักที่บ้าน เผื่อเธอได้มีโอกาสเล็กๆ น้อยๆ
“หมอตรวจสุขภาพแล้วค่ะ บอกว่าปกติดีทุกอย่าง...” ปนิตาพยายามค่อยๆ บอก เพราะมันเป็นข่าวดี หลังจากแต่งงานกับธายุกร
“ป่วยอ้วกอาเจียนหนักขนาดนั้น ยังจะว่าปกติดีอีกหรอ? หมอนี่ก็แปลกนะ” วราลีบ่น เพราะเธอเองก็จ้องจะงาบหลานเขยกกทั้งคืนอยู่ รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ
“คุณหมอบอกว่า ปนิตากำลังท้องได้สามเดือนกว่าแล้วครับ” ธายุกรเป็นคนบอกเฉลย สร้างความดีใจให้แก่ปนิตาอย่างมาก รอยยิ้มของปราณชลแผ่กว้าง หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ธายุกรคงจะหลับนอนกับปนิตาไม่ได้ เธอคงจะมีเวลาได้อยู่กับเขาได้บ่อยครั้ง
“ดีใจด้วยนะ หลานน้า” วราลีเดินเข้าไปสวมกอด ในขณะที่อีกมือเลยหลังหลานสาว ลับตาปราณชล เธอเอื้อมมือไปลูบกับองคชาติใต้เสื้อผ้า ว่าเธอจะได้มีโอกาสกับหลานเขยได้มากกว่าเคย สีหน้าของธายุกรต้องพยายามยิ้มออกมา
ไม่ใช่เพราะดีใจภรรยาตั้งครรภ์ แต่เพราะหน้าตาของปราณชล และวราลี คิดไม่ซื่อกับเขาพร้อมกัน โดยที่สองพี่น้อง สาวกลางคนทั้งคู่ไม่รู้ว่า เขาได้กับพวกเธอมาหลายครั้ง ลับหลังภรรยา...
******
ปราณชลและวราลี เข้านอนตามปกติ พลางปิดบ้านและปิดไฟ หลังจากนี้ ปนิตาคงต้องเริ่มไปฝากครรภ์ และต้องได้รับการดูแลการตั้งท้องอย่างดี
ธายุกรจึงทำได้เพียงแค่สวมกอดภรรยาจนเธอเพลีย และหลับไป ยังมีบ้างที่มีอาการคลื่นไส้กลางดึก เธอต้องลุกกลางคัน เพื่อวิ่งมาอาเจียน จนเพลียหมดแรงหลับเป็นตาย
แต่ธายุกรกลับนอนไม่หลับกลางดึกตอนตี4 เขาจึงคิดว่าออกจากห้องไปหาอะไรกินในครัวเสียหน่อย หวังว่าจะไม่เจอปราณชลไปดักรอในห้องครัวเหมือนคราวก่อน...
เขาไปหยิบขวดน้ำดื่ม และรีบเดินกลับมาห้องนอนของปนิตาได้เป็นผลสำเร็จ แต่ไม่ทันจะได้กลับเข้าไปในห้องนอนนั้นได้ เขาพบกับเงามืดไหวๆ ยืนอยู่บริเวณประตูห้องนอน ราวกับถูกจับตามองมานาน...
“เอ่อ.. นั้นใคร?” ธายุกรรู้สึกกลัวว่าจะเป็นใครระหว่าง ปราณชลหรือวราลี
“หนูเองค่ะ” เด็กสาวฝาแฝดสองคนโผล่ออกมาในความมืด พวกเธอตื่นเช้า เพราะตื่นเต้นจากสิ่งที่ทำร่วมกันเมื่อคืน สองสาวฝาแฝดยังมีอารมณ์อย่างว่า จนนอนไม่หลับเลย
“เขม, ขิม นี่มันจะเช้าแล้วนะ หนูสองคนก็ต้องเตรียมตัวไปสอบเข้าอีกนะ” ธายุกรเปรยเสียงอย่างเป็นห่วงอนาคตเด็กสาว แต่ทว่า... มือเล็กๆ ทั้งสี่จูงมือเขาออกห่างจากประตูห้องนอนของปนิตา เพื่อลากเขาเข้าไปในห้องนอนของพวกเธอสองคน...
******
ประตูห้องเด็กสาวม.ปลายปิดแน่นลงกลอน ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจว่า เด็กสาวทั้งสองคนจะเล่นตลกอะไรกับเขา
“พี่จะต้องไปดูแลนิตาอีกนะ เธอกำลังท้องลูกของพี่อยู่” แววตาเด็กสาวสองคนหันเข้าหากัน และเริ่มเปลื้องเสื้อผ้าชุดนอนออกจนเหลือร่างเปลือยเปล่า ธายุกรตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก ทำไมพวกเธอทำเช่นนั้น
“พี่กร สอนพวกหนูก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหน่อยได้มั๊ยคะ? รบกวนแค่ไม่กี่ครั้งเอง นะคะๆ” เขม, ขิม รบเร้าธายุกรจนเขาเงอะงะ ตกใจ ทำไมสาวๆ บ้านนี้ต้องการเพียงเขา ทำไมไม่ไปหาชายอื่นนอกบ้านบ้างนะ...
ชายหนุ่มกำลังใช้ปากกับช่องสวาทใหม่แกะกล่อง สำรวจพรหมจรรย์ที่ยังมีม่านกั้นอยู่ทั้งสองคน เขาคิดหนักอยู่ในใจ ที่จิตสามัญสำนึกของเขากำลังรู้สึกผิดต่อปนิตา ที่แอบร่วมรักกับน้า หรือโดนปราณชลขอเมคเลิฟ แล้วนี่ก็หลานสาวฝาแฝดเธออีก ขอร้องให้เขาหลับนอน ก่อนรุ่งสางตะวันจะขึ้น...
เด็กสาวนอนกอดกันเอง สวมกอดและจูบดูดดื่ม ราวกับทำแก้อารมณ์ตัวเองมานานแล้ว แววตาชายหนุ่มคิดว่า น่าจะทำให้พวกเธอสมใจอยาก พวกเธออาจจะพยายามหาผู้ชายมาเป็นของตัวเอง เผื่อจะไม่ต้องอาศัยเขาอีกต่อไป...
“ทำไมไม่หาแฟนล่ะ?” ธายุกรขอถามอีกครั้ง ระหว่างที่ใช้ปากกับเขม
“แม่ห้ามค่ะ พี่กร ถ้ารู้ว่าพวกหนูมีแฟน แม่จะขับออกจากบ้าน ไม่ให้เรียนหนังสือต่อ” หลังจากขิมตอบจบ ธายุกรเลื่อนปากมาโลมเลียแลบใส่กลีบ และดันปลายลิ้นสาก ถูเข้าไปในร่องสวาท ปลุกเร้าอารมณ์จนเธอสยิวเสียวซ่าน
เขมหอบหายใจ หลังจากถูกใช้ปาก และยามนี้ได้แรงนิ้วมือแกร่งกำลังถูกยอด โหนกนูนจนเปียกฉ่ำ ริมฝีปากเธอยังคงหันไปจูบกับขิมเหมือนเดิม ราวกับโหยหาหนักเพิ่มมากขึ้น และต้องการมันอีก
“ถ้าพี่สอนให้ ทำให้แล้ว ต้องหาแฟนเองแล้วนะ” ธายุกรขอทำข้อตกลง ก่อนที่เขาจะเหนื่อยมากกว่านี้ แค่รับมือปราณชลและวราลี เขาแทบจะไม่เหลือเวลาให้ปนิตา ซึ่งตอนนี้เธอดันมาท้องอีก หากเขาเพลียบ่อยเกินไป ปนิตาจะสงสัย
“ก็พี่นิตาท้องอยู่นิคะ อยู่กับพวกหนูสักพักหนึ่งก็ได้นิคะ” เขมละจูบจากขิม หันมากระซิบเสียงแผ่ว มองหน้าธายุกรซึ่งอยู่เบื้องล่าง ใช้ปากกับขิมนานกว่า...
“พี่ทำให้ได้แค่นี้แหละ พี่ไม่อยากพรากผู้เยาว์หรอก ถุงยางไม่มี” ธายุกรแซวกลับ หาโอกาสเผ่นออกจากเด็กแฝด แต่เขมกลับเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเธอซื้อมาได้เดือนกว่าๆ มันเป็นหนังสือนิยายโปรโมชั่นสำหรับแนวสิบแปดบวก แถมถุงยางมาให้หนึ่งกล่อง
“ถ้ามีถุงยาง แปลว่าพี่จะทำให้พวกหนูสองคนใช่มั๊ยคะ?” เขมหยิบมันออกมา พร้อมแกะซองราวกับรู้วิธี สีหน้าของธายุกรแทบตกตะลึง เมื่อพบว่า เขมกำลังใช้ปากกับของสงวนของธายุกร ราวกับรู้วิธีว่าต้องใช้ปากและลิ้นอย่างไร
“รู้อยู่ก่อนแล้ว ยังจะให้พี่สอนอีกทำไม?” ธายุกรบ่นเปรย แต่ขิมลุกขึ้นไปจูบปิดปากเขา ในขณะที่เขมกำลังกลืนกินองคชาติของเขา จนตื่นตัวใหญ่ยาว คับปากเล็กๆ ซึ่งพยายามดมและดูดกลืน มันใหญ่มากจนขิมอยากจะลองบ้าง
ฝาแฝดสาวจึงร่วมกันโลมเลียนองคชาติของธายุกรพร้อมกัน ชายหนุ่มแทบต้องยอมศิโรราบ แก่เด็กสาวที่รู้มาก และแก่นกะโหลก พวกเธอมีอารมณ์มากกว่าจะอยากรู้เรื่องพวกนี้จากเขา...
“พี่ว่า เขม,ขิม คงตั้งใจจะเล่นกับพี่โดยเฉพาะใช่มั๊ย?”
“ค่ะ” เขม,ขิม ตอบพร้อมกัน และยินดีจะเล่นด้วยกันก่อนตะวันจะขึ้น...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้