จากหัวใจที่เหี่ยวแห้งละไร้ความหวัง แต่ทว่าในยามที่เธอมองเห็นใบหน้าของเขามันกลับทำให้เอโลอีสรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อครู่หากเธอได้ยินไม่ผิดเขากล่าวว่าที่มาช้าเพราะเขาต้องทำงานล่วงเวลาอย่างนั้นหรือ “มะ..ไม่เป็นไรค่ะข้ารอได้ ว่าแต่ท่านทานอะไรมารึยังคะ” ลูตินขบเม้มริมฝีปากไปมาก่อนที่เขาจะส่ายหน้าเบาๆ “ข้ารีบร้อนมาที่นี่ก็เลยยังไม่ได้ทานอะไรมาเลยครับ เช่นนั้นเราขึ้นไปยังชั้นสองด้วยกันดีหรือไม่ วันนี้ข้ารับปากเลดี้แล้วว่าข้าจะเลี้ยงเลดี้เอง ข้าพึ่งได้เงินจากการทำงานมา วันนี้เลดี้อยากทานอะไรก็สั่งมาให้หมดเลยนะครับ ข้าจะจ่ายเอง” แสนดีเกินไปรึเปล่านะ..แสดงว่าที่เขาทำงานล่วงเวลาก็เพราะคำกล่าวของเธอเมื่อวานอย่างนั้นหรือ..ที่ว่าให้เขาจ่ายในครั้งหน้า..เธอพูดไปเพราะว่าอยากจะจ่ายค่าอาหารมื้อเมื่อวานก็เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าคำกล่าวนั้นจะทำให้เขาต้องลำบากเช่นนี้ “คือว่า..ข้าขอโทษนะคะ อันที่จริงค่าอาหารเหล่านี้ข้าจ่ายได้สบายๆ อยู่แล้ว ท่านลูเซียนไม่ต้องจ่ายให้ข้าก็ได้นะคะ” ลูตินไม่ได้กล่าวคำใด เขาเพียงส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับเอโลอีสเท่านั้น น่ารักดีนะ ในตอนที่เรียวคิ้วทั้งสองข้างของเธอมันกำลังลู่ลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด สองชั่วโมงที่เขาปล่อยให้เธอรอ แน่นอนว่าเอโลอีสคงนั่งรอด้วยความรู้สึกที่สั่นไหวมากทีเดียว เธอคงกำลังนั่งรอด้วยความสับสนและไม่แน่ใจว่าเขาจะมาที่นี่หรือไม่..ในช่วงเวลาที่เขามองเห็นความอดทนในการรอคอยของเธอกำลังจะหมดลง ลูตินก็เลือกที่จะเดินลงมาหาเธอพร้อมกับเหตุผลที่เขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องทำให้เธอใจอ่อน.. “เรื่องนั้นไม่เป็นไรครับ ข้าจะให้เลดี้เป็นฝ่ายจ่ายค่าอาหารเพียงอย่างเดียวได้ยังไงกัน ข้าตั้งใจทำงานก็เพื่อให้เลดี้ได้ทานของ อร่อยๆ และเพื่อให้เราได้นั่งคุยกันด้วย..วันนี้กลับช้าได้ไหมครับ ข้าอยากจะอยู่กับเลดี้นานๆ สักหน่อย” เขามองเธอด้วยสายตาที่ชัดเจนว่าต้องการเธออย่างสุดหัวใจ ราวกับว่าทุกส่วนบนร่างกายของเธอมันเป็นของเขา.. ท่าทีออดอ้อนเช่นนั้นใครมันจะไปทนไหวกัน.. “ค่ะ วันนี้หากกลับช้าสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร” ในใจของลูตินกำลังท่องคำว่าไม่ต้องรีบร้อนเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เขาอยากรู้ว่าหากเขาขอร้องให้เธอค้างที่นี่กับเขา มันจะเร็วเกินไปรึเปล่านะ ไม่ใช่ว่าเธอจะถอยห่างเขาไปอีกหนอย่างนั้นหรือ..ฉะนั้นแล้วจนกว่าจะแน่ใจว่าแม่หงส์ขาวจะยินยอมนอนร่วมเตียงกับเขาแต่โดยดี เขาไม่ควร..เข้าหาเธอเร็วมากเกินไป เอโลอีสยกมือขึ้นมาก่อนจะถอดหน้ากากสีม่วงของตัวเองออก เธอส่งยิ้มให้ท่านลูเซียนก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “แล้ววันนี้ท่านลูเซียนยังไม่ถอดหน้ากากอย่างนั้นหรือคะ?” หน้าตามันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นเพราะขนาดเขาสวมหน้ากากเช่นนี้ เขายังหล่อเหลามากเสียจนทำเอาเธอแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้เพราะความประหม่าเลยด้วยซ้ำ ลูเซียนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับเธอ วันนี้เอโลอีสคงไม่ได้สังเกตสินะว่าเขาพาเธอมายังห้องอาหารที่เป็นห้องส่วนตัว อันที่จริงต่อให้เรานั่งทานอยู่ด้านนอกเหมือนเมื่อวานก็ไม่มีใครมารบกวนเราหรอกเพราะห้องอาหารที่ชั้นสองมีเอาไว้สำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น นั่นคือพวกที่สวมหน้ากากสีดำ..ซึ่งผู้สวมหน้ากากสีดำมีแค่สี่คนเท่านั้น ซึ่งมีเขา..และเจ้าพวกสามคนที่เหลือก็ไม่มีทางมาทานอาหารที่นี่ในตอนนี้แน่ๆ เพราะนี่ไม่ใช่เวลาลิ้มรสอาหาร..แต่เป็นเวลาลิ้มรสอย่างอื่นต่างหาก “ช่วยถอดให้หน่อยได้ไหมครับ..” เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่แผ่วเบาตรงข้างแก้ม ซึ่งมันสร้างความรู้สึกสั่นไหวให้เธออย่างไม่น่าเชื่อ เอโลอีสเอื้อมมือไปถอดหน้ากากสีม่วงของเขาออกมา..และในวินาทีที่เธอเห็นหน้าเขาในระยะประชิด หัวใจก็เต้นแรงมากยิ่งกว่าเก่า “..ผิดหวังรึเปล่าครับ ใบหน้าของข้านั้นไม่เหมือนอย่างที่เลดี้คิดรึเปล่า” เอาอะไรมาผิดหวังก่อน ความหล่อเหลาที่แทบทำให้เธอหยุดหายใจ เขาไม่ได้เป็นพวกหนุ่มหล่อหน้าใสไทป์หมาโกลเด้น แต่ทว่าเขากลับให้อารมณ์คล้ายๆ กับตัวร้ายเลย..แบบว่าเหมือนหนุ่มแบดบอย..แค่เหมือนเท่านั้นนะเพราะเท่าที่เธอรู้จักกับเขามาสองวันถ้วน เขายังไม่ทำอะไรที่มันไม่ดีกับเธอเลย “อา..ข้าไม่ได้มองคนที่ใบหน้าหรอกนะคะ แค่มองแล้วรู้สึกใจเต้นแรงก็พอแล้วค่ะ...” ลูตินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วสัมผัสลงไปบนต้นแขนของเธอ เอโลอีสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาลูบไล้ไปตามต้นแขนก่อนที่เขาจะซบใบหน้าลงมา “ข้าเหนื่อยมากๆ เลยครับ เพราะไม่ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวยนั่งจึงทำให้ข้าต้องพยายามมากกว่าคนอื่น.." เขาแค่ต้องการความสนใจและลูตินมองว่าช่วงเวลาที่เขาบอกถึงฐานะที่ยากลำบากของตัวเอง แววตาของเธอจะเริ่มสั่นไหวและแสดงความสงสารออกมา.. ความสัมพันธ์ของเรานั้นมันเริ่มต้นขึ้นมาจากความโกหก..และเขาไม่คาดหวังว่าระหว่างเขาและเอโลอีสจะทำความรู้จักกันยืนยาวเกินหนึ่งสัปดาห์ ลูตินตั้งใจเอาไว้แล้วว่าภายในระยะเวลาเจ็ดวันเขาจะต้องครอบครองเธอให้ได้...หลังจากนั้นเขาจะละทิ้งตัวตนของลูเซียนแล้ว กลับไปเป็นแกรนด์ดยุคอย่างที่ควรจะเป็น “เรื่องนั้นข้าเข้าใจดีเลยล่ะค่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีที่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยสักหน่อย ในช่วงเวลาที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อฝ่าฟันไปให้ถึงวันพรุ่งนี้มันช่าง..เหนื่อยล้าและทรมานมากเลยใช่ไหมคะ” เธอเข้าใจมันดีถึงเรื่องนั้น เพราะตัวเธอเองก็เคยทำงานอย่างหนักเพื่อนำพาชีวิตให้มันผ่านพ้นไปเหมือนกัน เขา..น่าสงสารจังเลย เอโลอีสขยับยุกยิกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหยิบถุงเงินของตัวเองออกมา เมื่อวานเธอให้เขาสามเหรียญทอง ซึ่งเงินในจำนวนสามเหรียญทองนั้นมันมากขนาดที่สามารถใช้จ่ายในชีวิตของชาวบ้านธรรมดาได้เป็นเดือนเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ถึงเงินที่เธอส่งให้เขามันหนักมากกว่าเดิม และแน่นอนว่าด้านในมันเต็มไปด้วยเหรียญทองมากมายในจำนวนที่นับไม่ถ้วน “ข้าไม่รู้ว่าท่านจะมองข้าแบบไหนเพราะการกระทำเช่นนี้มันมองได้หลายแบบมากจริงๆ แต่ข้าไม่ได้ดูถูกท่านนะคะ ข้าให้เพราะข้าเข้าใจความลำบากของท่านดีและหากท่านจะมองว่าข้าคือสตรีโง่งมก็ย่อมได้ แต่ข้าไม่อยากให้ท่านเอาเรื่องเงินมาตัดสินความสัมพันธ์ของเรา ข้าไม่ได้ให้เงินท่านเพื่อให้ท่านมารักข้านะคะ แต่ข้าให้เพราะข้าเข้าใจความลำบากของท่าน..”
ถ้อยคำที่เคาน์มาเอลทิ้งท้ายเอาไว้ ทำให้ซีโมนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก“ซีโมน..เท่าที่ข้ารู้ครอบครัวของมาเอลล้มหายตายจากไปแล้วใช่หรือไม่ ทั้งมารดา บิดาและญาติพี่น้องล้วนแล้วแต่เสียชีวิตไปหมดแล้วทั้งสิ้น..”ลูตินเอ่ยถามด้วยแววตาเย็นยะเยือก และนั่นทำให้ซีโมนยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อเบาๆ“เรื่องนั้นมันก็ใช่..”“เช่นนั้นหากหมอนั่นตายไปอีกคนเขาก็จะได้พบเจอกับครอบครัวใช่หรือไม่ ข้าควร..ทำให้เพื่อนรักได้พบเจอครอบครัวในเร็ววันอย่างนั้นสินะ”ซีโมนส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับลูติน เขาอยากจะบอกกล่าวออกไปเหลือเกินว่านั่นเพื่อนนะโว้ย แค่สตรีนางเดียวถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยงั้นเรอะ!!“ลูติน..มาเอลก็แค่ล้อเล่น เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลยน่า..ตอนนี้หากเจ้าอยากจะเข้าหาเลดี้อแลงจริงๆ คนที่เจ้าควรกังวลคือเซอร์ลาเบนผู้นั้นต่างหาก”เมื่อลูตินได้ยินเช่นนั้นเขาก็ปรายสายตาไปมองที่เอโลอีส สิ่งที่เขาพบเห็นคือเธอกำลังแย้มยิ้ม..เป็นรอยยิ้มละมุนละไมชวนให้หัวใจรู้สึกอบอุ่น และบุรุษที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ เธอคือเซอร์ลาเบน..เพื่อนวัยเด็กนี่มันช่างน่ารำคาญชะมัดเลยโว้ย!!หรือว่าเซอร์ลาเบนคือสามีในอนาคตของเอโลอีส ส่วนเขา..เ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูติน หรือว่าวันนี้ม้าที่เจ้าลงเดิมพันมันวิ่งได้ห่วยรึไง”ซีโมนเอ่ยถามพร้อมกับปรายสายตาลงไปมองที่สนามแข่งม้า“นี่ซีโมน..ปกติแล้วหลังจากที่เจ้ากระทำเรื่องเช่นนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาก่อนที่เจ้าจะแยกทางกัน เจ้าทำอย่างไร..”นั่นมันคำถามอะไรวะนั่น ซีโมนวางฝ่ามือของเขาลงบนหน้าผากของลูติน“เจ้าไม่สบายรึเปล่าลูติน ถามคำถามแบบนั้นทำไมกัน ปกติเราต่างหากที่เป็นฝ่ายลุกออกจากเตียงก่อน เพราะไม่อยากอยู่รอจนถึงช่วงเช้าเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเรามีใจน่ะ”ใช่ไหมล่ะ ปกติเขาก็เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงรุ่งเช้าเป็นเขาที่ต้องลุกขึ้นก่อนแล้ววางของมีค่าเอาไว้ให้สตรีที่นอนอยู่บนเตียง นั่นก็เพื่อให้เราเข้าใจตรงกันว่าเขาไม่ต้องการสานต่อความสัมพันธ์ในครั้งนี้“..แล้วสมมุติว่าสตรีผู้นั้นลุกออกไปก่อนเจ้าล่ะ”ซีโมนยกมือขึ้นมาลูบคางเบาๆ“เรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับข้ามาก่อนเลย แต่หากให้เดานะที่สตรีผู้นั้นลุกขึ้นไปก่อนอาจจะเป็นเพราะว่าลีลาและท่าทางของเจ้ามันห่วยจนเกินจะรับไหวอะไรแบบนั้นรึเปล่า”คำตอบนั้นทำให้ลูตินหน้าชาไปหมด เขายกแก้วสุราขึ้นมาดื่มเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา อันที่จริงเขาก็แอบๆ คิดถึ
เอโลอีสลืมตาขึ้นมาในกลางดึก เธอผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นท่านลูเซียนนอนอยู่ข้างกายเสียแล้ว..ในใจเกิดเป็นความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาพร้อมกับคำถามที่อัดแน่นอยู่ในนั้น..หรือว่าที่เขาจากไปมันเป็นเพราะว่าเขาต้องการบอกกล่าวเป็นนัยๆ ถึงจุดจบของความสัมพันธ์เธอและเขาเมื่อได้บทสรุปเช่นนั้นอยู่ๆ น้ำตาที่พึ่งจะแห้งเหือดไปมันก็รินไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบชุดเดรสที่แขวนอยู่มาสวม เอโลอีสใช้หลังมือในการเช็ดน้ำตาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว..ในเมื่อเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเช่นนั้นให้มันจบลงเร็วๆ ก็ดีแล้วล่ะเธอจัดการยืนสงบสติอารมณ์อีกพักหนึ่งก่อนจะเดินออกไปจากที่นี่..เธอไม่ควรกลับไปที่คฤหาสน์ในยามนี้ เพราะอย่างนั้นเอโลอีสจึงเลือกที่จะไปหาเฟมที่คฤหาสน์ ความเจ็บปวดจากตรงส่วนนั้นส่งผลให้การเดินนั้นยากลำบากมากพอสมควร..เธอกัดฟันแน่นพร้อมกับดึงสติของตัวเองกลับมา..ไม่เป็นไร..เธอจะผ่านความเจ็บปวดนี้ได้ และเธอจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในเร็ววัน..“ดูสภาพเจ้าสิ..ให้ตายเถอะไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าคงจะพบเจอกับความสัมพันธ์ที่มันไม่สวยหรูเท่าไหร่ใช่ไหม..เอโลอีสไม่ต้อ
เอโลอีสปรือตามองหน้าเขา..มันน่าตกใจที่เขาจับจูงมือเธอเดินมาจนถึงขั้นนี้ แต่ทว่าเมื่อได้ลองคิดดูดีๆ เป็นเธอที่เรียกร้องให้เขากระทำเช่นนี้เอง เธอเป็นคนเริ่มมันมาเองเพราะอย่างนั้นในยามนี้สิ่งที่เอโลอีสกำลังทำคือการรับผิดชอบคำพูดของตัวเองขาทั้งคู่ถูกแยกออกจากกัน มือใหญ่ช้อนใต้เข่าเพื่อรั้งเรียวขายกขึ้นจนถึงไหล่ แรงปรารถนาซัดสาดไปทุกหนทุกแห่งจนร่างกายสะท้านไหว จริงอยู่ที่ในครั้งแรกนั้นมันมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่ฉายชัดเข้ามาในร่างกาย แต่ทว่าในช่วงเวลาถัดมา เมื่อความเจ็บปวดเริ่มจางหายความรู้สึกสั่นไหวก็เข้ามาแทนที่ ทุกครั้งที่ช่องทางนุ่มๆ ถูกเสียบด้วยความแข็งตึงนั้นความสุขสมอย่างรุนแรงก็แล่นริ้วไปทั่วทั้งร่างดวงตาของลูตินไม่ละไปจากใบหน้าของเอโออีสเลย เขาจ้องมองเธอตลอดเวลา คอยมองดูใบหน้าที่งดงามนั้นอย่างไม่คาดสายตาว่าเธอจะแสดงสีหน้าออกมาแบบไหน“อา..ลึกไปแล้วค่ะ”เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพรมจูบไปที่ใบหน้าของเธอ“แล้วไม่ชอบรึไง..แบบนี้เสียวกว่าเยอะเลยไม่ใช่เหรอ”ต้นขาด้านในสั่นสะท้าน เอโลอีสได้แต่บิดตัวเร่าเมื่อการสอดแทรกทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ..จะกล่าวออกไปว่าชอบมากมันก็ช่างน่า
นิ้วที่สามซึ่งมันไม่น่าเข้ามาได้ตั้งแต่แรกกำลังขยับเข้าออกในร่างกายของเธอ เอโลอีสส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แพรขนตางอนงามเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา เธอพยายามร้องขอเพื่อให้เขาหยุด อย่างน้อยก็ช่วยหยุดพักให้เธอหายใจสักหน่อยก็ยังดี แต่ทว่าท่านลูเซียนนอกจากไม่หยุดพัก เขายังทำมันรุนแรงขึ้นอีกต่างหาก“อะ..อ๊า! ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ ท่านลูเซียนได้โปรด..ยะ..หยุดก่อน!”สะโพกบางบิดเกร็งทุกครั้งที่มือของเขาเคลื่อนไหว นิ้วเปียกลื่นค่อยๆ ดันเข้ามาทีละน้อย เธอขบเม้มริมฝีปากพร้อมกับพยายามดันสะโพกหนี แต่การประท้วงเล็กๆ น้อยๆ ของเอโลอีสมันไม่เป็นผลเลย เมื่อลูตินใช้มืออีกข้างของเขากอดสะโพกของเธอเอาไว้“อยากให้หยุดอย่างนั้นหรือเอโลอีส”เธอพยักหน้าทั้งน้ำตา พร้อมกับช้อนสายตามองหน้าเขาอย่างน่าสงสาร ลูตินแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะขยับใบหน้าไปกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา“โกหก..เจ้าจะอยากหยุดได้อย่างไรกันในเมื่อด้านในมันบีบรัดนิ้วข้าแน่นขนาดนั้น..เอโลอีสไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกดีมากกว่าการใช้นิ้วเอง”สิ้นเสียงนั้นเขาก็ยกเรียวขาทั้งสองข้างของเธอพาดเอาไว้บนบ่า รอยยิ้มของท่านลูเซียนมันแ
เอโลอีสรู้สึกได้เลยว่าเธอกำลังจะยืนไม่อยู่ ขาแข้งสั่นเทาไปหมด และคาดว่าอีกไม่นานเธอจะต้องล้มลงอย่างแน่นอน ลูตินหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะอุ้มเธอขึ้นไปบนเตียง “พอไม่ได้สิ..ตรงนี้จะเจ็บมากแน่ๆ หากว่าข้าใส่เข้าไปน่ะ เอโลอีสเพราะว่านี่คือครั้งแรกของเจ้า..ฉะนั้นแล้วจงรับรู้เอาไว้เลยว่าในวันนี้ข้ากำลังพยายามหักห้ามใจของตัวเองอย่างถึงที่สุด” ไม่อย่างนั้นเขาคงจะกางขาเธอออกแล้วกดแทรกมันเข้าไปด้วยความต้องการทั้งหมดที่มีไปแล้วล่ะ “หากไม่อยากเจ็บก็อย่าบอกให้ข้าพอเลยเอโลอีส” เธอหน้าชาวาบเมื่อเขาใช้ปลายนิ้วอ้ากลีบดอกไม้ของเธอออก..เขาจูบตรงปากทางเข้าก่อนที่ปลายลิ้นร้อนผ่าวจะแทรกเข้ามา “อ๊า!!” ของเหลวสีใสไหลทะลักออกมาตามจังหวะของการขยับปลายลิ้น ลูตินละใบหน้าออกจากตรงนั้น เขาใช้ปลายนิ้วลูบไล้ปากทางเข้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะกดแทรกมันเข้าไปตรงส่วนที่เปียกชื้นและอ่อนนุ่ม สะโพกของเธอลอยขึ้นในทันทีที่ได้รับสัมผัสอันแสนแปลกใหม่ “อื้อ!..ทะ..ท่านลูเซียนคะ ข้าขอพัก..ขอพักก่อน” ปลายนิ้วของเขาขยับเป็นวงกลมจากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วแล้วเสียดสีตรงจุดเดิมย้ำๆ ราวกับเสียงอ้อนวอนแสนหวานของเอโลอีสเป็นเพีย