นางมิอาจลงสู่ปรโลก ทว่ากลับตื่นขึ้นในร่างหญิงสาวที่มีชื่อแซ่และใบหน้าคล้ายกับตนไม่ผิดเพี้ยน ต่างกันที่หญิงสาวคนนี้ช่างร่างกายอ่อนแอไร้กำลังยิ่ง ในเมื่อปรโลกขับส่ง นางจะขอฝืนชีวิตลิขิตชะตาใหม่อีกครั้ง
View Moreเสียงลมหายใจดังผะแผ่วท่ามกลางความเงียบสงัด นัยน์ตากลมโตปิดสนิทราวคนมืดบอด อีกไม่นานคงต้องบอกลาโลกใบนี้เสียแล้ว สตรีร่างบอบบางนอนทอดกายไร้เรี่ยวแรงอยู่ภายในโลงไม้แสนคับแคบ เหตุใดบรรยากาศแลดูวิเวกวังเวงนัก
นางกำลังถูกฝังทั้งเป็น!
หญิงสาวผู้หนึ่งถูกใส่ความว่านางคบชู้สู่ชาย ขณะที่บุรุษสามารถมีภรรยามากมายทว่าสตรีกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ซ้ำร้ายบุรุษที่นางต้องแต่งเข้ามายังแก่คราวพ่อ มักมากในกาม
บิดาของนางไม่เคยไยดีต่อบุตรีเช่นนาง ทุกคนล้วนทราบดีว่านางเป็นคุณหนูรองที่บิดาไม่ได้ตั้งใจให้กำเนิด นางคือความผิดพลาดของตระกูล คือความอัปยศที่ไม่อาจกล่าวถึง ครั้นถึงคราต้องขายบุตรสาวเพื่อใช้หนี้ บิดาของนางจึงไม่ลังเลที่จะเลือกส่งนางออกไปเป็นอนุผู้อื่น อยู่จวนของตน ถูกพี่สาวต่างมารดารังแก ตบแต่งออกมาถูกอนุคนอื่น ๆ รุมกลั่นแกล้ง สวรรค์ช่างเลือดเย็นกับนางยิ่งนัก
ชาตินี้ข้าไม่อาจมีชีวิตดังใจหวัง ชาติหน้าขออย่าให้ข้าต้องเกิดมาอ่อนแอเช่นนี้อีกเลย
.
.
ซ่าาาาา.....
"ลากมันออกไป!"
สตรีร่างบอบบางนอนขดกายอยู่บนพื้นเย็นเยียบ มีเพียงฟางแห้งที่ใช้ปูรองเอาไว้อย่างลวก ๆ นางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาเนิบช้า เรือนกายสั่นระริกเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างสาดลงมาปะทะตน
หนาวจัง เสียงผู้ใด... นี่ข้าตายไปแล้วใช่หรือไม่
เปลือกตาคู่งามขยับไหวเชื่องช้า นางพยายามปรับดวงตาเพื่อขับไล่ละอองน้ำซึ่งถูกซัดสาดเข้ามาเสียจนเปียกชื้นออกให้พ้นทาง ศีรษะตอนนี้ชาหนึบประดุจมีความทรงจำหนึ่งซ้อนทับเข้ามา
"ฟื้นแล้วหรือนางตัวดี นอนขี้เกียจเป็นหมู ลุกขึ้น" เสียงสตรีแผดร้องจนแสบแก้วหู
หญิงสาวนิ่วหน้า กายของนางถูกลากถูลู่ถูกังให้ลุกขึ้นด้วยความถ่อยเถื่อน ดวงตากลมโตพยายามกวาดมองท่อนแขนขาวซีดซึ่งมีร่องรอยเฆี่ยนตีอยู่เป็นหย่อม ๆ เมื่อมองเห็นได้อย่างกระจะตา ดวงตาที่กลมโตอยู่เป็นทุนเดิมก็ยิ่งเบิกกว้างขึ้นอีกหลายส่วน
นี่แขนของผู้ใดกัน ข้าหรือ ข้าจริง ๆ น่ะหรือ!?
"มัวนั่งบื้ออะไรเล่า เร็ว!...วันนี้ใต้เท้าลู่จะมาแล้ว รีบเอานางไปล้างเนื้อล้างตัว แต่งกายให้สะสวยด้วยเล่า"
ใต้เท้าลู่งั้นหรือ?
เจ้าของใบหน้างามทว่ามอมแมมนิ่วหน้า ตระหนักนึกด้วยความรู้สึกงงงวย ไม่ใช่ว่านางตายไปแล้วหรือ เหตุใดนางจึงมาปรากฏกายยังสถานที่แห่งนี้ แล้วชื่อที่ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกคือผู้ใด สือลี่ผิง ร่างของสตรีผู้นี้คือนางเองในชาติก่อนงั้นหรือ ไฉนความทรงจำช่างเลือนรางนัก ประดุจว่าคือตัวนางเอง ทว่าสมองกลับสั่งการว่ามิใช่
สือลี่ผิงช้อนสายตาขึ้นเนิบช้า
ฮูหยินใหญ่! เหตุใดข้าจึงทราบว่านางคือฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลสือ นี่ข้าอวตารหรือว่าเกิดมาเป็นใคร สือลี่ผิงคือข้า แล้วสือลี่ผิงผู้นี้จะยังเป็นข้าด้วยหรือไม่
สือลี่ผิงงุนงงไปเสียหมด ดูเหมือนโชคชะตากำลังเหวี่ยงนางกลับมาที่ใดก็สุดจะรู้ ทว่าความทรงจำเจ้าของร่างและความทรงจำของนางกลับเข้ากันได้อย่างน่าฉงน
สตรีร่างโปร่งยืนเท้าสะเอวดวงตาเขียวปั้ดราวยักษา นางแผดเสียงร้องแปดหลอดสั่งบรรดาบ่าวไพร่ให้ลากตัวของสือลี่ผิงขึ้นมาจากพื้น
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร แม้แต่ปรโลกก็ไม่ต้องการเราหรือ
"ลุกขึ้นนังตัวดี วันนี้เจ้าอย่าได้ทำข้าขายหน้า ต้อนรับใต้เท้าลู่ดี ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะฝังแม่เจ้าทั้งเป็น"
"ท่านแม่... ท่านแม่ของข้ายังอยู่หรือ?" สือลี่ผิงเอ่ยหน้าฉงน
เวลานี้ราวกับว่าตนกำลังตกอยู่ภายใต้ม่านหมอก รู้สึกสับสนมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
สือเสี่ยวเย่ขึงดวงตามองนางอย่างนึกคาดโทษ "ไม่เช่นนั้นจะให้นางตายไปแล้วหรือไร หรือเจ้าเองก็อยากให้แม่เจ้าตาย"
จิตใจของสือลี่ผิงระส่ำระสาย สมองว่างเปล่าขาวโพลนอยู่ชั่วพริบตา มารดาของนางยังไม่ตาย อีกทั้งนางยังไม่ถูกส่งตัวไปเป็นอนุของใคร ใต้เท้าลู่เมื่อสักครู่ที่นางได้ยินคงเป็นความทรงจำอันเลวร้ายสำหรับสือลี่ผิงผู้นี้ นางคาดหวังว่าท่านแม่ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงจะเป็นท่านแม่ของนางจริง ๆ ไม่ว่าจะภพชาติใดก็ตาม
สวรรค์ให้โอกาสนางเกิดใหม่ ทว่าเหตุใดไม่ส่งไปเกิดเป็นทารกแล้วลบความทรงจำทั้งหมดสิ้นไปซะ เหตุใดต้องให้นางเข้ามายังขุมอเวจีเช่นกาลก่อน สวรรค์กลั่นแกล้งนางเพียงชาติหนึ่งยังไม่หนำใจ ต้องการให้นางตกอับเป็นสุนัขจนตรอกให้ได้เลยรึ ชาตินี้อย่าหมายว่าสือลี่ผิงจะยินยอมกระทำตามลิขิตของสวรรค์เลย
ร่างบอบบางถูกลากให้ยืนขึ้น เรือนกายโปร่งโงนเงนประจันกับสตรีอีกนาง คนเบื้องหน้าคือฮูหยินใหญ่สือเสี่ยวเย่ อีกฝ่ายหน้าตาสะสวยตามวัย ทว่าโหดร้ายราวปีศาจ การแต่งกายมีชาติตระกูล กระนั้นผู้ใดจะรู้กันเล่า ว่าแท้จริงสกุลสือกำลังสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องขายลูกสาวกิน
สือลี่ผิงยิ้มเยาะ ภาพความอดสูสาดสะท้อนเข้าม่านตา มันส่งผลให้นางรู้สึกเดียดฉันท์สตรีตรงหน้ายิ่งนัก "ใต้เท้าลู่! ตาแก่คนนั้น มิใช่ว่าเขาต้องการพี่หญิงหรอกรึ เหตุใดท่านจึงเลือกส่งข้าไปแทนนาง!"
สือเสี่ยวเย่กัดฟันกรอด ในดวงตาของนางคล้ายมีเปลวเพลิงลุกโชน นางฟาดฝ่ามือลงบนพวงแก้มเปื้อนเขรอะสุดแรง
เพียะ!
สือลี่ผิงหน้าหัน นางไม่ได้ผินหน้ากลับเดี๋ยวนั้น สือเสี่ยวเย่จึงสั่งสาวรับใช้นางหนึ่งให้บังคับบีบคางของนางเบนกลับมาประจันหน้าของตนอีกหน ทว่าแววตารูปหงส์กลับไม่อนาทรร้อนใจ สือลี่ผิงแค่นยิ้ม พลางถ่มน้ำลายปนโลหิตลงบนพื้นโดยไม่แยแส กิริยาทระนงตนเช่นนั้น ยิ่งเพิ่มประกายความกรุ่นโกรธให้แก่ฮูหยินใหญ่เป็นทบทวีคูณ
"เจ้ารู้ได้อย่างไร!? อย่าได้กล่าววาจาส่งเดชต่อหน้าท่านพ่อของเจ้าและใต้เท้าลู่เข้าใจหรือไม่ เจ้าต้องเป็นคุณหนูใหญ่นับจากนี้ หากเจ้ากล้าเล่นลูกไม้ ข้าจะฆ่าแม่เจ้าเสีย"
คิดข่มขู่นางโดยการยกมารดามาอ้างอีกแล้วหรือ ชาติก่อนนางอาจเคยเป็นผู้อ่อนแอ ทว่าชาตินี้อย่าหมายว่านางจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้รังแกอยู่ฝ่ายเดียว สือลี่ผิงไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ มุมปากเหยียดยิ้มน้อย ๆ ขณะถูกลากตัวอย่างไม่ไยดี
"ปล่อยข้า ข้าเดินเองได้" สือลี่ผิงสะบัดกายออกจากการควบคุม
บ่าวทั้งหลายต่างถอยกรูดพลางหลุบดวงตาลง
เสียงแหลมเอ่ยไล่หลัง "รีบไปขัดศรีฉวีวรรณให้ดี อย่าให้เสียเรื่อง แล้วเร่งออกมาพบข้าที่ห้องโถงใหญ่"
สือลี่ผิงไม่กล่าวคำใดอีก นางเดินโผเผย้อนไปยังอีกด้าน ไม่รู้เช่นกันเหตุใดสมองจึงสั่งการเช่นนี้ เพียงแต่นั่นคงเป็นสถานที่ที่นางไปแล้วสบายใจที่สุด
"คุณหนูรอง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้ท่านไปเตรียมตัวนะเจ้าคะ" สาวใช้ผู้หนึ่งเอ่ยกะพร่องกะแพร่ง นางรู้สึกหวาดกลัวแววตาดุดันของสือลี่ผิงขึ้นมาแล้ว
เดิมทีสือลี่ผิงเป็นคนอ่อนแอ แววตาไม่เคยแข็งกระด้างเฉกเช่นวันนี้มาก่อน กระทั่งปริปากโต้เถียงสิ่งใดก็ยังไม่กล้า ทว่าจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทำเอาบ่าวไพร่มึนงงกันไปเสียหมด
"ข้าอยากไปพบท่านแม่ พวกเจ้าก็จะห้ามข้าหรือ ตกลงแล้วข้าหรือพวกเจ้าที่เป็นคุณหนู"
บ่าวรับใช้ก้มหน้างุด "ข้ามิกล้าเจ้าค่ะ"
"ดี! ข้าไปพบฮูหยินใหญ่และท่านพ่อแน่ พวกเจ้าไม่ต้องร้อนใจ" กล่าวเพียงเท่านั้น สือลี่ผิงพลันจ้ำเท้าจากไปด้วยความเร็วรี่
บรรดาบ่าวรับใช้ต่างมองหน้ากันหลุกหลิก "เจ้าตามคุณหนูรองไป ส่วนพวกข้าจะไปเตรียมตัว หากนางไม่มาเจ้าก็ไปรายงานฮูหยินใหญ่"
สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยปาก ส่วนอีกนางพยักหน้าและเดินตามสือลี่ผิงไปอย่างเงียบเชียบ
ภายในใจของสือลี่ผิงร้อนรนประดุจไฟแผดเผา อย่างน้อย ๆ นางก็ยังได้รับรู้วันที่มารดายังมีชีวิตอยู่อีกครา นางจะเป็นสือลี่ผิงชาติต่อไปก็ดีหรือสือลี่ผิงชาติที่ผ่านมาก็ช่าง ขอเพียงคนผู้นั้น ผู้ที่นางเรียกว่าท่านแม่ยังมีลมหายใจ ต่อให้ชาตินี้ต้องประสบความวิบัติใดนางก็จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตให้ถึงที่สุด เดิมทีสือลี่ผิงผู้นี้อ่อนแอหรือ ซ้ำยังมีชีวิตไม่ต่างจากนางเมื่อกาลก่อน เช่นนั้นชาตินี้สือลี่ผิงคนใหม่จะฝืนโชคชะตาให้ดู
"อี้ฝาน ลี่ผิง นี่คือสิ่งใดกันหรือ" ลู่อี้เหนียงยกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้น เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มู่หรานซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็พลอยทอดถอนใจไปตามกัน "เอ่อ..." สือลี่ผิงกล่าวอ้อมแอ้ม นางเอื้อมมือสะกิดลู่อี้ฝานเบา ๆ คนตัวสูงยืนตัวแข็งทื่อไม่ต่างกัน เขาเหลียวมองสือลี่ผิงเนิบนาบ สือลี่ผิงเอ่ยพลางขยิบตา "ทะ…ท่านบอกท่านแม่สิ" ฮูหยินทั้งสองเลิกคิ้วฉงน มองท่าทีหลุกหลิกของลูกรักพลางถอนหายใจโดยพร้อมเพรียง ลู่อี้เหนียง "อี้ฝาน เจ้าว่าอย่างไร" ลู่อี้ฝานกระแอมหนึ่งหนเพื่อรวบรวมความกล้า "ท่านแม่ ท่านแม่ยาย ที่จริงแล้ว สัญญานั่นเกิดจากความเข้าใจผิด เดิมทีข้าว่าจะทำลายมันทิ้ง แต่บังเอิญว่าหาไม่เจอขอรับ" "เข้าใจผิดหรือ เข้าใจผิดใดกัน ถึงขั้นต้องมีสัญญาว่าจ้างสามีภรรยา" ลู่อี้เหนียงขมวดคิ้วมุ่น "นั่นสิลี่ผิง ตกลงแล้วพวกเจ้าอยู่ด้วยกันมีความสุขหรือไม่ พวกข้าทั้งสองจะตายตาหลับได้อย่างไร ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ เหตุใดต้องเล่นละครตบตาคนแก่กันเล่า" มู่หรานหน้าเครียดขึ้นอีกหลายส่วน เดิมทีนางคิดว่าทั้งสองคงมีใจให้กันจึงรับปากตบแต่ง แต่เมื่อเรื่องมันกลายเป็นสัญญายุ่งเหยิง มีแม่คนใดต้องการฝืนใจลูกตนเองหรือ ใครบ
หลายคนต่างมารวมตัวกันที่หน้าห้องของคุณชายลู่หย่วน และสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าส่งผลให้สืออี้หนานขุ่นเคืองแทบแดดิ้น นางกัดฟันกรอดโพล่งเสียงดังอย่างนึกลืมตัว"เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!?"ลู่เยี่ยนฮ่าวหันขวับ "หมายความว่าอย่างไร"สาวใช้ของนางกระตุกชายเสื้อสืออี้หนานแผ่วเบา เมื่อรู้ตัวว่าตนเผลอเอ่ยสิ่งใดออกไปนางจึงส่งยิ้มแห้งขอดส่งให้เดี๋ยวนั้น "ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าแค่ตกใจที่เห็นพี่หญิงสามและคุณชาย...เอ่อ...""พอแล้ว!" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกมือขึ้นปรามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม"ท่านพ่อฟังลูกก่อน" ลู่หย่วนพยายามอธิบาย"เจ้าทั้งสองไม่ต้องพูดแล้ว ลู่หย่วนสตรีทั้งเมืองเจ้าต้องการผู้ใดพ่อล้วนไม่ขัด ทว่านางเป็นอนุของข้า เรื่องบัดสีเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกมือขึ้นกุมขมับอนุสาม "ท่านพี่ แต่ว่าเมื่อคืน...""เจ้าหุบปาก หญิงแพศยาเช่นเจ้าข้าเลี้ยงไว้ก็เสียข้าวสุก"อนุสามหุบปากลงเดี๋ยวนั้น ลู่หย่วนทำได้เพียงทอดถอนใจ ในเมื่อภาพทุกอย่างมันเด่นชัดเช่นนี้ต่อให้เอ่ยปฏิเสธไปก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ ซ้ำเ
รุ่งเช้าของวันถัดมาเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังสนั่นไปทั้งจวนสกุลลู่ ทว่าสือลี่ผิงและลู่อี้ฝานยังคงนอนตระกองกอดกันอยู่ไม่ห่าง เปลือกตาบางค่อย ๆ ขยับไหว ศีรษะของนางตอนนี้ชาหนึบไปเสียหมด สือลี่ผิงรู้สึกร้าวระบมไปทั้งตัว คิ้วเรียวเริ่มเคลื่อนเข้าหากันช้า ๆ เมื่อภาพบางอย่างสาดสะท้อนเข้ามายังมโนสำนึกเราฝันหรือ กำลังฝันเรื่องบัดสีใดกันร่างบอบบางขยับกายเนิบนาบ เมื่อรู้สึกประดุจมีบางสิ่งกำลังรั้งกายของตนเอาไว้ สือลี่ผิงจึงลดนัยน์ตาลงมองเนิบช้า ท่อนแขนแกร่งพาดอยู่บนเอวเปลือยเปล่าขะ...แขนใคร คงไม่ใช่...สือลี่ผิงช้อนดวงตาขึ้นด้วยหัวใจไหวระทึก นางหวังเพียงว่าเมื่อคืนสืออี้หนานทำไม่สำเร็จเป็นพอ เพียงแต่นางกำลังนอนอยู่ใต้อ้อมแขนของบุรุษหรือ เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่ความฝันนัยน์ตารูปหงส์กะพริบปริบ ๆ เมื่อสบประสานเข้ากับดวงตาคมปลาบเข้าพอดี"ตื่นแล้วหรือ" เสียงทุ้มเอ่ยถามสือลี่ผิงเบิกตากว้าง นางรีบหลุบดวงตาลงแล้วเบิกขึ้นอีกครั้งเรื่องจริงหรือลู่อี้ฝานขมวดคิ้ว "เป็นอะไรของเจ้า"
ลู่หย่วนรีบถลันกายเข้ามาในห้อง อนุสามเองก็เร่งตามเข้ามาเช่นเดียวกัน สบเข้ากับจังหวะที่สืออี้หนานกำลังสาละวนหยิบปล้องไม้ไผ่ขึ้น พลางยื่นให้สาวใช้คนสนิทของตนเป่ากลุ่มควันเข้ามาด้านใน โชคดีที่สือลี่ผิงรู้ตัวก่อน ทว่ากลุ่มควันเหล่านั้นกลับลอดผ่านผ้าคลุมซึ่งนางผูกเอาไว้ได้ ร่างบอบบางพยายามคลานไปหลบบริเวณใต้เตียงแค่ก แค่กทั้งอนุสามและลู่หย่วนต่างสำลักควันโขมงโฉงเฉงที่ลอยว่อนทั่วห้อง"นะ...นี่มันคือสิ่งใด" เสียงแหลมเล็กเอ่ยไปพลางปัดฝุ่นควันไปพลาง จู่ ๆ ร่างกายของพวกเขาเกิดร้อนรุ่มกะทันหันสือลี่ผิงเองก็ไม่ต่างทว่านางพยายามควบคุมสติของตนเอาไว้ สืออี้หนานมองร่างสูงของบุรุษและสตรีในห้องผ่านกลุ่มควันก็ให้ต้องเหยียดยิ้มพึงใจ ทั้งสองไม่อาจควบคุมความรู้สึกได้แล้ว ไฟกำหนัดกำลังพัดโหมอย่างบ้าคลั่งสือลี่ผิงเบิกตากว้างตะลึงลานยาปลุกกำหนัดตอนนี้สือลี่ผิงเองก็รู้สึกร้อนรุ่มไม่ต่างกัน เสียงจุมพิตจากคนบนเตียงดังขึ้นอย่างดูดดื่ม สืออี้หนานวางใจแล้วว่าแผนการของตนสำเร็จนางจึงผละกายจากไปด้วยสีหน้าสบายอารมณ์&nbs
เจ้าของนัยน์ตาหงส์นั่งกวาดสายตาเศร้าสลดมองใบหน้าของตนผ่านคันช่องสีอำพัน ครึ่งหนึ่งของชีวิตสตรีควรฝากฝังไว้กับบุรุษอันเป็นที่รักมิใช่หรือ แล้วดูนางตอนนี้ เหตุใดต้องตบแต่งด้วยความไม่เต็มใจอยู่เรื่อย ดูเหมือนเวรกรรมที่กระทำเอาไว้คงยังชำระให้ตระกูลลู่ไม่หมดสิ้น นางจึงได้กลายมาเป็นสือลี่ผิงอีกคน หวนมาใช้หนี้แก่บุตรชายของลู่เยี่ยนฮ่าวแทนทุกอย่างกำลังอลหม่านตบตีกันเสียจนสับสน สือลี่ผิงกำลังหมกมุ่นครุ่นคิดจึงไม่ทันได้ยินเสียงที่เยื้องย่างเข้ามาด้านในเนิบนาบจนเมื่อสตรีร่างผอมบางประชิดกายของนาง พลางโน้มลงขนาบใบหู สือลี่ผิงจึงช้อนดวงตาขึ้น ทันทีที่พบว่าเป็นผู้ใด ดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง นางหันหลังขวับ"ท่านแม่!"สือลี่ผิงโผเข้ากอดเอวผู้เป็นมารดาเดี๋ยวนั้น น้ำเสียงสดใสระคนตื่นเต้นแฝงความลิงโลด ฝ่ามือผอมแกร็นค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้ศีรษะของบุตรสาวเชื่องช้า"ลี่ผิง อย่าเสียใจไปเลยนะ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นแม่เองที่ตัดสินใจแทนเจ้า"สือลี่ผิงขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจ พลางแหงนหน้าขึ้นมองมารดาของตน "ท่านแม่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ" 
สือลี่ผิงเพลิดเพลินกับการอาบน้ำชำระร่างกายจนหลงลืมไปว่าด้านในมีเพียงอาภรณ์ตัวบางเท่านั้น นางควรทำเช่นไรดี เรียกหาซือซือหรือ เกรงว่าตอนนี้ซือซือคงไม่อยู่ที่นี่สือลี่ผิงกวาดสายตาเมียงมองด้วยความระแวดระวัง นางเกรงว่าลู่อี้ฝานยังคงอยู่ด้านใน เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อเมื่อวางใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ย่างกรายเข้ามาเป็นแน่ นางจึงลุกขึ้นหยิบอาภรณ์ตัวบางสีขาวสวมทับลงบนเรือนร่างเปลือยเปล่า แล้วจึงย่องปลายเท้าออกจากฉากกั้นเนิบช้าสือลี่ผิงออกมาพบกับความว่างเปล่านางจึงระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าวางใจไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกหน เมื่อแผ่นหลังของนางชนเข้ากับบางสิ่งเจ้าของร่างสูงยืนชิดหลังของนาง เขาโน้มกายลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "กำลังมองหาสิ่งใดหรือ"สือลี่ผิงกระโดดโหยงทันควัน กายของนางร่วงแหมะลงไปนั่งบนเตียงเข้าพอดี "ทะ...ท่านกำลังเล่นพิเรนทร์ใด"คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง "เป็นอะไรไปเล่า ทำราวกับข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้น""แล้วไม่น่ากลัวหรือไง บุรุษตระกูลลู่น่ากลัวทุกคน" สือลี่ผิงหายใจไม่ทั่วท้อง นางถึงขั้นลอบสูดลมหายใจลึกเข
Comments