งานแต่งที่แลกมาด้วยเงื่อนไข อีกฝ่ายชิงชังนางจนถึงขั้นรังเกียจ แต่ใครจะคิดว่าฮูหยินที่เขาเกลียด จะเป็นผู้ที่ช่วยเขาในวันที่ลำบาก “เจ้าแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินแม่ทัพ ต่อให้ตายก็ต้องเป็นฮูหยินของข้า!" "เมิ่งหลินอิง" บุตรสาวภรรยารองของคหบดีเมิ่งฉี ยอมแต่งงานเพื่อแลกกับเงื่อนไขบางอย่างกับบิดาของตัวเอง "หลิวเว่ยหยาง" แม่ทัพหนุ่มของเมืองต้าเฟิง ยอมแต่งงานภายใต้เงื่อนไขเพื่อช่วยบ้านเมือง “ทำไม เจ้าตกใจอันใดกัน รีบ ๆ ดื่มสุรานี่เถอะจะได้จบพิธีเสียที” เพียงแค่ครั้งแรกที่พบกันในห้องส่งตัว นางก็รู้ได้ทันทีว่าเขามิใช่เพียงไม่ชอบนาง แต่ทว่าเขา... เกลียดนางมาก ๆ เลยต่างหาก “เจ้าฟังข้าให้ดี แม้ว่าข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อย่าได้คาดหวังในตัวข้าว่าจะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าข้าขยะแขยงพวกเจ้ายิ่งกว่าแมลงวันที่ตอมซากศพเสียอีก นับจากนี้ไปเจ้าอยู่ของเจ้า ข้าอยู่ของข้าอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก เข้าใจแล้วหรือไม่” ใครจะคิดว่าคำพูดที่แสนร้ายกาจนี้ เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น....
Lihat lebih banyakจวนสกุลเมิ่ง
วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของจวนสกุลเมิ่ง ที่จะแต่งบุตรสาวคนรองออกเรือน ผ้าแดงมงคลผูกเพื่อรอรับขบวนเจ้าบ่าวที่จะมารับเจ้าสาว ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิงนามว่า “หลิวเว่ยหยาง”
“ฮึก! คุณหนู….”
“เหตุใดเจ้าต้องร้องไห้ด้วย วันนี้เป็นวังมงคลของข้านะผิงเพ่ย”
“เหตุใดต้องเป็นท่านด้วย นายท่านช่างลำเอียงยิ่งนัก นี่เท่ากับส่งท่านไปตายชัด ๆ”
“ชีวิตของท่านแม่อยู่ที่การตัดสินใจของข้า หากวันนี้ข้าไม่ยอมแต่งงานออกไปแทนคุณหนูใหญ่ เกรงว่าจะช่วยท่านแม่ไม่ได้อีกแล้ว ข้าคิดเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะผิงเพ่ย”
“แต่ว่า… ท่านแต่งกับแม่ทัพหลิวที่กำลังจะออกศึกครั้งใหญ่ เป็นตายกลับมายังไม่รู้ชะตากรรมแต่นายท่านกลับ…”
“เอาล่ะได้เวลาคลุมหน้าเจ้าสาวแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
“เมิ่งหลินอิง” สั่งสาวใช้ข้างกายเพียงคนเดียวที่มาช่วยนางแต่งตัวในวันนี้ แม้จะเป็นบุตรสาวเศรษฐีใหญ่ในเมือง "ต้าเฟิง" เมืองที่ใหญ่รองเพียงแค่เมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนตู ฐานะของหลินอิงในจวนสกุลเมิ่งเป็นเพียงแค่บุตรสาวภรรยารอง แต่วันนี้นางกลับได้แต่งออกจากจวนในฐานะบุตรสาวภรรยาเอก
“เพียงให้ท่านยอมแต่งงานที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย นายท่านถึงกับไม่ยอมให้คุณหนูใหญ่แต่งออกไป”
“พอได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อนางสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเสร็จแล้ว เสียงประทัดหน้าจวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม่สื่อเดินมารับเจ้าสาวที่หน้าประตูเพื่อไปที่โถงทำพิธี เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องโถงก็เห็นเพียงรองเท้าและชุดสีแดงของเจ้าบ่าวที่ยืนรอนางอยู่
“ยกน้ำชา”
ทั้งคู่ยกน้ำชาให้กับใต้เท้า “เมิ่งฉี” ซึ่งเป็นบิดาของนาง และภรรยาเอก “หวังลี่จิง” ที่ในวันนี้นางอยู่ในฐานะมารดาของนางก่อนออกเรือน
“ส่งตัวเจ้าสาวออกเรือน”
มือสากหนาที่ถือแต่ดาบมาครึ่งชีวิต หันมาจับนางเดินไปอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เมืองต้าเฟิง มีผู้ใต้บังคับบัญชาเกือบหนึ่งพัน เป็นขุนศึกที่เก่งกล้าเฉียบขาดจนทุกคนต้องนับถือในฐานะจอมแม่ทัพ แม้แต่ชิงอ๋องที่ปกครองเมืองต้าเฟิงยังต้องให้เกียรติเขา แต่ทว่า… เขาช่างเย็นชายิ่งนัก ไม่ว่ากับใคร
“เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว”
‘ท่านแม่ ข้าจะรีบกลับมาพาท่านออกจากจวนสกุลเมิ่งโดยเร็วที่สุด’
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่นางคิด ก่อนจะเดินขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อขบวนเคลื่อนตัวออกไปจากจวนสกุลเมิ่งไปถึงจวนแม่ทัพ เมิ่งหลินอิงก็เริ่มได้ยินเสียงแตรมงคลของขบวนเจ้าบ่าว ไปถึงหน้าจวนแม่ทัพที่จุดประทัดรอ
โถงพิธี
“คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดิน”
“คำนับบิดามารดา”
“คำนับกันและกัน”
“ส่งตัวเข้าหอ”
เจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าห้องหอตามกำหนดเดิม หลินอิงรู้สึกได้ว่าที่จวนแม่ทัพแทบจะไม่มีแขกมาเลย เพราะมันเงียบเสียจนคิดว่าเขาไม่ได้เชิญแขกในงาน ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง เพราะงานแต่งในครั้งนี้เป็นราชโองการจากท่านอ๋อง โดยที่ “หลิวเว่ยหยาง” มิได้เต็มใจนั่นเอง
ห้องส่งตัว
ประตูห้องส่งตัวเปิดออกมาอย่างแรง ราวกับว่าผู้เปิดโกรธใครมา เจ้าสาวที่นั่งนิ่งเพราะแอบสัปหงกอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว แต่นางก็รีบนั่งหลังตรงรอให้เจ้าบ่าวมาเปิดหน้าเจ้าสาว
พรึ่บ
“เฮือก!”
นางตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้กระตุกผ้าคลุมหน้าของนางรุนแรง และไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้
“ทำไม เจ้าตกใจอันใดกัน รีบ ๆ ดื่มสุรานี่เถอะจะได้จบพิธีเสียที”
นางเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขา ก็รับรู้ได้ถึงความเย็นชาและผนังกำแพงใหญ่ที่มองไม่เห็น เมื่อเขาหันกลับมาหลินอิงก็นิ่งไปอีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มตรงหน้าสีหน้าเคร่งขรึม ดูเหมือนจะโกรธอยู่ตลอดเวลา แต่หากตัดสิ่งเหล่านั้นออกไปแล้ว ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาคมคายและสายตาที่ดุดันนี้ ก็นับได้ว่าเขาคือบุรุษที่หล่อเหลาคมคายมากคนหนึ่ง
“จะดื่มหรือไม่ดื่ม หรือว่าดื่มสุราไม่เป็น ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นน้ำชาเถอะ”
“มะ ไม่เจ้าค่ะ ข้าดื่มได้ ว้าย!”
นางลุกขึ้นกะทันหัน รองเท้าเจ้าสาวที่สูงกว่าปกติและชุดที่รุ่มร่ามพลันทำให้นางล้มลงไปชนแผ่นหลังเย็น ๆ ของเขาอีกครัง เมื่อแม่ทัพหนุ่มหันมา ก็ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ พร้อมกับดันตัวนางให้นั่งที่เตียง
“ซุ่มซ่าม ข้าบอกให้เจ้าลุกขึ้นแล้วงั้นหรือ รีบ ๆ ดื่มเถอะข้ายังมีงานอื่นต้องสะสางอีก”
“เอ่อ ท่านจะไปคืนนี้เลยหรือ…ท่านพี่”
เขาหันมามองหน้านางชัด ๆ สตรีที่กล้าจะแต่งงานกับเขาโดยใช้เงินและเสบียงของทหารต้าเฟิงเป็นเดิมพัน สตรีที่ต้องการเพียงตำแหน่งฮูหยินตราตั้ง เพื่อให้ตระกูลของนางจะได้ทำการค้าสะดวกมากขึ้น
“เรียกข้าว่าท่านแม่ทัพเถอะ จะเหมาะสมมากกว่า ข้าไม่ชินกับคำนั้นอย่าเรียกเลย”
หลินอิงรีบกลืนสุรามงคลตอนที่เขาพูดขึ้นมา สุราที่ร้อนราวกับลวกคอนางได้ ยังไม่เท่ากับคำพูดที่ตัดรอนเย็นชาของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางในตอนนี้
“เอาละพิธีก็เสร็จแล้ว ข้าไปละ”
“เอ่อ… คือ…”
“เจ้ายังมีอะไรอีก”
“มิใช่ว่าค่ำคืนส่งตัว พวกเราห้ามออกจากห้องหรอกหรือเจ้าคะ”
แม่ทัพหนุ่มหมดความอดทน เขากำหมัดแน่นและชกไปที่เสาเตียงจนเจ้าสาวหมาด ๆ ตกใจจนสั่น สายตาดุดันและกำลังโกรธมองมา หากเขาถือดาบอยู่ในตอนนี้คงจะฆ่านางไปแล้ว
“เจ้ายังต้องการอะไรจากข้าอีก เท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือ”
“มะ ไม่พองั้นหรือ ท่านพูดถึงอะไรกัน”
“เช่นนั้นข้าจะพูดให้ชัด ๆ นะคุณหนูเมิ่ง”
“มะ เมิ่งหลินอิง ขะ ข้าชื่อหลินอิง”
“หุบปาก! ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดแทรกข้าได้งั้นหรือ”
นางนั่งตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่คิดเลยว่าการแต่งงานที่นางคิดเอาไว้จะเลวร้ายไม่ต่างกับการอยู่ที่สกุลเมิ่ง ที่นั่นเหมือนนรกบนดินเพราะนางเป็นเพียงลูกสาวอนุ
“เจ้าฟังข้าให้ดี แม้ว่าข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพ แต่อย่าได้คาดหวังในตัวข้าว่าจะรักเจ้า รู้หรือไม่ว่าข้าขยะแขยงพวกเจ้ายิ่งกว่าแมลงวันที่ตอมซากศพเสียอีก นับจากนี้ไปเจ้าอยู่ของเจ้า ข้าอยู่ของข้าอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก เข้าใจแล้วหรือไม่”
“ฮึก!”
นางพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ เดิมทีก็ทำใจมาก่อนหน้านั้นแล้วว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้จะไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายขนาดนี้
“แมลงวันตอมซากศพงั้นหรือ…ช่างเป็นวาจาที่ใจร้ายนัก”
“หึ ใจร้ายงั้นหรือ คนที่อยากให้ตระกูลพ่อค้าได้เชิดหน้าสู่สังคมชั้นสูงได้ไม่ใช่พวกเจ้าหรอกหรือ ถึงกับเอาลูกสาวมายัดเยียดให้แต่งงานกับข้า นี่ไม่ใช่แผนการของพวกเจ้าตั้งแต่แรกหรอกหรือ”
“แต่ท่านก็ต้องออกศึกทันทีหลังพิธีแต่งงาน ข้ามากกว่าที่เสี่ยงจะเป็นหม้าย ท่านกล้าพูดออกมาได้เช่นไรว่าข้าอยากแต่งกับท่าน…โอ๊ย!”
แม่ทัพหนุ่มหันมาบีบแก้มทั้งสองข้างของนางไว้และดันไปที่เตียง ร่างบางล้มลงเพราะสู้แรงของเขาไม่ได้ นางเจ็บตรงแก้มสองข้างที่ถูกเขาบีบและดันตัวให้ติดกับเตียง
“อื้อ…”
“ข้ายังไม่ทันจะออกศึก เจ้าที่พึ่งแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินก็กล้าแช่งสามีตัวเอง จะไม่ให้ข้าคิดได้อย่างไรว่าพวกเจ้ามันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงสารเลวทั้งตระกูล จงจำเอาไว้ให้ดี…ข้าเกลียดคนเห็นแก่ตัวอย่างพวกเจ้ามากที่สุด!!”
วันถัดมา“ท่านแม่ทัพ ท่านมั่นใจแล้วหรือที่จะ เอ่อ…”“กุนซือ ท่านคิดว่าแผนการนี้มีอะไรต้องแก้ไขงั้นหรือ หากว่าท่านมีแผนการอื่น ที่ดีกว่าแผนที่ฮูหยินขอข้าเสนอมา ก็พูดออกมาได้เลย”“แม้ว่าจะดูรอบคอบ แต่จะทำอย่างไรถึงจะให้ศัตรูเชื่อว่าเรื่องนี้มิใช่กลลวง”“เรื่องนั้นง่ายมาก เราต้องปล่อยข่าวออกไป และให้พวกเขาปล้นเสบียงไปก่อนครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาจะเชื่อข่าวเรื่องนี้ทันที”“อะไรนะ เราต้องเสียเสบียงให้ข้าศึกก่อนงั้นหรือ ท่านแม่ทัพนี่มันจะไม่เสี่ยงไปสักหน่อยหรือ”นางกองหวังพูดขึ้นมา เมื่อรู้ว่าต้องใช้เสบียงจริงในการหลอกล่อ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมา แต่กุนซือเผิงอิ้งกลับตบพัด และหันมายิ้มให้กับแม่ทัพหลิวและฮูหยิน“จะตกปลา หากไม่ใช้เหยื่อก็คงไม่ได้ปลาใหญ่ ข้าเข้าใจแผนการของฮูหยินแล้ว นี่ช่างเป็นการพลิกกลยุทธ์ทางการค้ามาใช้กับกองทัพได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”“ขอบคุณท่านกุนซือ เช่นนั้นแผนการที่เหลือเราก็เร่งวางแผนกันได้แล้วสินะ”“แน่นอนขอรับ”“เช่นนั้นข้าออกไปก่อน”“ไม่ต้องหรอก เจ้าเป็นคนคิดแผนนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมมีสิทธิ์ที่จะรู้แผนการทั้งหมด มาเถอะ”แม่ทัพหลิวโอบเอวนางมาที่โต๊ะซึ่งมีแผนที่อยู่ พวกเขาใช้เว
เสียงทุ้มต่ำของหลิวเว่ยหยาง ทำให้นางจำได้ในทันที นางทิ้งกระบอกและมองเขาชัด ๆ อีกครั้ง จื่อรั่วถูกสั่งให้ออกไปรอข้างนอก หลังจากยืนตกตะลึงไปกับน้ำที่สาดออกมาโดนทั้งคู่ “ทะ ท่านแม่ทัพ!”"ข้าเอง"นางโผเข้ากอดเขาในทันที เว่ยหยางได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของนางก็รู้ว่าที่จริงแล้ว ฮูหยินของเขากลัวมากเพียงใด อีกอย่างตัวนางที่สั่นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด“ข้าเองหลินอิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ตะ ตัวท่านเปียกไปหมด ข้าขอโทษ ข้าคิดว่าท่านเป็น…เป็น…”“เจ้าใจเย็นก่อน ข้าไม่เป็นอะไรทั้งนั้นเจ้าอย่าตกใจ เดิมทีแค่คิดจะแวะมาหาเจ้าเท่านั้น แต่ดูท่าตอนนี้คงต้องเปลี่ยนชุดเสียแล้ว”หลินอิงรีบหันไปเตรียมชุดใหม่ให้เขา ระหว่างที่แม่ทัพหลิวเดินไปอาบน้ำที่ห้องด้านหลัง เมื่อเดินออกมาก็เห็นหลินอิงวางชุดใหม่ให้เขา นางกำลังสาละวนทำบางอย่างอยู่ข้างนอก เมื่อเขาเปลี่ยนชุดเสร็จจึงได้เห็นหมั่นโถวที่พึ่งนึ่งออกมาใหม่ ๆ กับหมูแดดเดียวที่แค่เห็นก็รู้สึกน้ำลายสอ“นี่เจ้าเตรียมให้ข้าหรือ”“เจ้าค่ะ ในครัวมีแป้งเหลืออยู่นิดหน่อย ข้าก็เลยรีบไปนึ่งมาให้ ท่านรีบกินก่อนเถอะ”เขานั่งลงและเริ่มกินอีกครั้ง ศึกที่ยืดเยื้อมาหลายวันทำให้เ
“รอบ ๆ ค่ายหรือ แล้วจะไม่เป็นอันตรายหรือเจ้าคะ”“ไม่หรอก รอบ ๆ บริเวณนี้มีทหารอารักขา อีกอย่างที่นี่เป็นเขตของเยี่ยนตู ไปกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เมื่อเดินออกมาจื่อรั่วก็ถูกสั่งให้เตรียมม้า เขาก็เตรียมมาสองตัว แม่ทัพหลิวจึงหันมาบอกเขาอีกครั้ง“แค่ตัวเดียวก็พอ ไม่ต้องตามข้าไปหรอก สั่งให้คนเฝ้าที่นี่ดี ๆ ก็พอ”“ขอรับ”จื่อรั่วแอบยิ้ม เมื่อเห็นท่านแม่ทัพและฮูหยิน ที่เอาแต่เดินก้มหน้าเพราะเขาบอกว่าจะใช้ม้าแค่ตัวเดียว นางถูกเขาจูงมือไปที่ม้าตัวโปรดของเขาเอง ก่อนจะอุ้มนางขึ้นไปนั่งและตามขึ้นไปอย่างชำนาญ“จับเอาไว้ให้แน่น แต่อย่าไปดึงแผงคอมันแรงเล่า หากมันเจ็บเดี๋ยวจะวุ่นวาย”“เจ้าค่ะ”เสียงที่กระซิบอยู่ข้างกกหู ยิ่งทำให้หลินอิงรู้สึกวูบวาบจนหมดแรง เขาพานางขี่ม้าออกจากค่าย ตรงไปยังเชิงเขาข้าง ๆ ค่าย ซึ่งแต่เดิมค่ายทหารก็อยู่บนเนินเขาอยู่แล้ว เพื่อมองเห็นศัตรูได้ในระยะไกล เมื่อขึ้นเขาไปอีกไม่นานก็ถึงยอดเขาที่มีต้นไม้ใหญ่และต้นน้ำที่ไหลผ่านด้านหลังค่ายทหาร “สวยมากเลย”“คิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องชอบที่นี่ ข้าเองก็ชอบมาที่นี่เวลาที่ต้องการคิดอะไรบางอย่าง”“ท่านมีอะไรที่คิดไม่ต
“ท่านอย่าโทษคนอื่น เรื่องนี้ข้าคิดเอาไว้ตั้งแต่ที่มาแล้ว เหตุใดท่านจึงต้องห้ามด้วย”“แม้ว่าก่อนหน้านี้ที่เจ้าเดินทางมา จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเจ้าขนส่งเสบียง แต่ขากลับไปเจ้าคิดหรือว่าข่าวจะไม่เล็ดลอดออกไป”“ข้า… ไม่ทันคิดเรื่องนี้ แต่ข้ามีอาวุธ มีคนคุ้มกันข้าขี่ม้าเป็นแล้วก็…”“เหลวไหล! คิดว่าเพียงเท่านี้จะรักษาชีวิตเจ้าได้อย่างนั้นหรือ ช่างโง่เขลายิ่งนัก”หลินอิงนิ่งไปเมื่อเขาพูดเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าเขาพูดออกมาก็มีความจริงที่นางคิดไม่ถึง แต่ที่สุดแล้วเขามีทางเลือกจะใช้วิธีพูดที่ดีกว่านี้ได้ แต่กลับไม่ทำ“หลินอิง ข้า…ไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจที่ท่านพูดแล้ว หากเป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านจะสั่งการเถิดเจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว”“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ไปกินข้าวก่อน เสร็จแล้วจะได้มานอนพักผ่อน เจ้าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว”นางลุกขึ้นทันที เขาจะเดินมาจับตัวนาง แต่หลินอิงเดินเลี่ยงออกมาทันที เป็นครั้งแรกที่เว่ยหยางรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกนางเมินเฉย แต่พอนึกย้อนกลับไปก็พอจะเข้าใจที่นางโกรธ“วันนี้มีเนื้อกินแล้ว เจ้ากินมาก ๆ หน่อยร่างกายจะได้อบอุ่น”“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ระหว่างทางข้าเองก็ไม่ได้อดถึงขนาดขาดแคลนอา
หลิวเว่ยหยางหันมามองหน้านาง ตัวเขาเองก็รู้สึกเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ใบหน้าน้อย ๆ ตรงหน้ามีเลือดฝาดแดงราวกับลูกมะเขือเทศ ทำให้เขารู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที“เจ้า… พูดก็ถูก เป็นฮูหยินของแม่ทัพ อีกอย่างในค่ายไม่มีสตรีเลยสักคน หากให้เจ้าแยกไปอยู่กระโจมอื่น ข้าเองก็ไม่ไว้ใจเช่นนั้นก็.. พักด้วยกันเสียที่นี่เถอะ”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปเอาของที่รถม้า”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวให้จื่อรั่วจัดการให้”“เช่นนั้นตอนนี้…”“เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“เจ้าคะ?”“เอ่อ ข้าหมายถึงด้านหลังมีน้ำตกอยู่ เจ้าเดินทางมาหลายวันคงรู้สึกเหนียวตัว ที่นี่ไม่มีน้ำอาบ อีกอย่างหากจะให้คนไปตักน้ำมา”“เช่นนั้นท่านจะไปกับข้าใช่หรือไม่”“ข้า… จะไปคุ้มกันให้เจ้า”“เช่นนั้นข้าไปเจ้าค่ะ”สองสายตาที่หันมาประสานกัน ทำให้เขารู้สึกอยากจะทำอย่างอื่น หลินอิงเริ่มร้อนที่ใบหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงรีบเบือนหน้าหนีความเขินอายนี้“เช่นนั้น… ข้าไปเอาชุดสำหรับเปลี่ยนมาก่อน”“ดะ ได้สิ รีบไปเถอะ”นางรีบวิ่งออกไปจากกระโจมทันที แม่ทัพหลิวถึงกับหมดแรงและต้องรีบนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม เขารินน้ำมาดื่มเพื่อดับกระหาย แต่ดูเหมือ
“ทะ ท่านแม่ทัพ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนมองกันใหญ่แล้ว”แม่ทัพหลิวหันไปมองเหล่าทหารที่ยืนอ้าปากค้าง บางคนก็ขยี้ตามองเขา เพราะไม่คิดว่าจู่ ๆ ท่านแม่ทัพจะวิ่งเข้ามากอดพ่อค้าที่มาส่งเสบียง ทุกคนไม่มีผู้ใดมองออกเลยว่านางเป็นสตรี แต่เขาก็ยอมที่จะคลายอ้อมกอดนั้นออกและจับมือนางเดินมาที่กระโจมแม่ทัพทันที“นะ นั่นคือ…ฮูหยินหรอกหรือ ให้ตายเถอะนางใจกล้าเกินไปแล้ว สมกับเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพยิ่งนัก”“เจ้าบอกว่านั่นคือ…”“ใช่ขอรับนายกองจาง นางก็คือฮูหยินของท่านแม่ทัพ”“นี่หรือว่า… นางจะเป็นบุตรสาวของสกุลเมิ่ง พ่อค้าร่ำรวยแต่หน้าเลือดผู้นั้น”“นายกองจาง พ่อก็ส่วนพ่อลูกก็ส่วนลูกสิขอรับ มิใช่ฮูหยินของข้าหรือ ที่ดั้นด้นนำเสบียงมาให้พวกเราถึงที่นี่”“จริงของเจ้า แต่งกายเช่นนั้นคงปลอมเป็นบุรุษ เพื่อมิให้ใครสงสัยสินะ ฮูหยินช่างฉลาดเฉลียวยิ่งนัก”“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมไปเลย”ในกระโจมแม่ทัพเมื่อหลิวเว่ยหยางดึงนางเข้ามาในกระโจมได้ ก็รีบสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะบีบแขนสองข้างของนางแน่น“เหตุใดเจ้าจึงมาถึงที่นี่ได้ แล้วทำไมถึงได้เสบียงมา แล้วตลอดทางมานี้เจ้า…”“ท่านใจเย็นลงหน่อยเถิด อีกอย่างข้าเจ็บ
Komen