คำเตือน!! เรื่องราวอาจจะมี NC18+ บ้าง หากใครละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ไม่แนะนำนะคะ ............. หลังจากสูญเสียเพื่อนรักได้ไม่นาน ก็ถึงคราวที่นางต้องตายบ้าง แต่ใครจะคิดว่าความตายนี้กลับเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่แสนเร่าร้อน ก็จะไม่ให้เร่าร้อนได้อย่างไร ในเมื่อโผล่มาตอนที่เจ้าของร่างนี้กำลังถูกกระทำก่อนจะเป็นฝ่ายพลิกมากระทำด้วยตัวเองหวังลดความเร่าร้อนแสนทรมานในร่างกาย แต่ขึ้นชื่อว่าชะตาชีวิตของอดีตนางร้ายมีหรือจะราบรื่น ไหนจะต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากกระทำของบิดา แม่สามีก็จ้องจะงับหัว ใครไม่เป็นนางไม่รู้หรอก... ปล.นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับเรื่อง ‘พระเอกคลั่งรักข้ามาก รู้หรือไม่’ สามารถแยกอ่านได้แต่... เพื่ออรรถรสควรไปอ่านเรื่องดังกล่าวก่อนเพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่อง
View Moreบทนำ
ท่ามกลางไอร้อนที่พร่ามัวบุรุษที่นั่งแช่อยู่ในน้ำร้อนเริ่มรู้สึกแปลกไป ในคราแรกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตนแช่น้ำเป็นเวลานานเกินไป จึงเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดร่างกายร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งพยายามคงไว้ซึ่งสติเท่าใดมันยิ่งรางเลือนเท่านั้น
แกร๊ก! เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนจะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เนื่องจากระวังตัวอยู่แล้วเขาจึงรีบออกจากถังอาบน้ำก่อนจะรีบคว้าอาภรณ์ตัวในมาคลุมไว้
“อื้อ!” เสียงร้องของสตรีดังขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงคนดิ้นพล่านบนเตียงไปมา
“นั่นใคร?” เขาตะโกนถามเสียงดังพลางกัดฟันข่มความรู้สึกแปลกประหลาดของตน
“อึก! กรอด...” เสียงที่ดังมายังคงมีเพียงเสียงดิ้นและเสียงคล้ายกำลังอดกลั้นบางสิ่งบางอย่าง
โหวซื่อจื่อที่สวมใส่อาภรณ์ตัวนอกเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหลังฉากกั้นด้วยท่าทางระแวดระวัง
“ช่วย...ข้า” สตรีที่นอนดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงส่งเสียงบอกด้วยท่าทีอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
“เจ้าเป็นใคร” เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า กลิ่นหอมฉุนจากกายของสตรีตรงหน้าทำให้ร่างกายของเขายิ่งรู้สึกร้อนรุ่ม แต่ก็ยังรั้งฝีเท้าไม่ให้เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเกินงาม
‘นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกทรมานอย่างนี้’ สตรีที่นอนอยู่บนเตียงดวงตาเบิกโพลงก่อนจะดีดตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าตรงหน้ามีผู้ชาย เธอจึงรีบโผเข้าหาอย่างไม่อาจห้ามปรามตนเองได้
เมื่อได้สัมผัสสตรีแทนที่หลวนจิ้นฝานจะผลักออกแต่เขากลับยินดีตอบรับสัมผัสนั้นสติเลือนหายพร้อมกับยาบางอย่างที่ออกฤทธิ์เต็มที่ ร่างสูงตอบรับสัมผัสของสตรีที่เขาไม่คิดจะสนใจหน้าตาของนาง
“อ๊า! ดีมาก” เธอสาบานได้มันเป็นสิ่งที่ส่งเสียงออกไปอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ทว่าความทรมานที่เกิดขึ้นในร่างกายทำให้เธอเลือกที่จะใช้สัญชาตญาณแทนการคิดไตร่ตรองอย่างมีสติ
อาภรณ์ถูกปลดเปลื้องไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ผู้ตรวจการหลวนผู้มีท่าทางเย็นชาจะบุกรุกสตรีตรงหน้าด้วยสัมผัสหยาบโลนไร้ซึ่งความอ่อนโยน ทุกอย่างเป็นเพียงการปลดปล่อยหวังให้หลุดพ้นจากความทรมาน เขาจับขาของนางแยกออกก่อนจะกดแท่งหยกลงตรงกลางจุดอ่อนไหว มือใหญ่กดคลึงอยู่บริเวณนั้นครู่หนึ่งก่อนจะดันส่วนแข็งขึงเข้าไปในส่วนลึกสุดอย่างไร้ปรานี
“เจ็บ มันเจ็บปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” แม้จะทรมานจะร่างแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่การถูกล่วงล้ำในจุดสำคัญก็ทำให้เธอเจ็บจนน้ำตาแทบไหล ริมฝีปากน้อย ๆ เอ่ยปากไล่สวนทางกับร่างกายที่พยายามบดเบียดเข้าหาร่างกายกำยำ
“อ๊า!” โหวซื่อจื่อครวญครางออกมาอย่างสุขสมก่อนจะขยับกายอย่างไร้ความปรานี เขามุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยเพื่อคลายความทรมานในร่างกายโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร
แต่ด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดรุนแรงที่สตรีผู้นั้นได้รับ แม้จะปวดหนึบตรงจุดอ่อนไหวเพียงใด แต่ความทรมานต้องการปลดปล่อยนั้นมากล้นกว่า นางจึงตอบสนองเขาทุกอย่างหวังให้ทุกอย่างมันดีขึ้น
มือใหญ่กอบกุมอกอวบอิ่มแล้วบีบเคล้นคล้ายกับพยายามระบายความกำหนัดของตนก่อนจะก้มลงใช้ลิ้นโลมเลียยอดอกของสตรีที่เด้งไปมายามถูกเขากระแทกกระทั้น ทำให้เรือนร่างเย้ายวนแอ่นรับความเสียวซ่านนั้นอย่างลืมตัว
“อ๊า! มันดีมาก แบบนี้แหละดี” สตรีที่ไร้ประสบการณ์ส่งเสียงครวญครางอย่างถูกใจเนื่องจากมันทำให้นางหลงลืมความเจ็บปวดตรงจุดอ่อนไหวแปรเปลี่ยนเป็นมีความสุขไปกับมัน
แม้จะเคยเห็นผ่านสื่อโซเชียลหรืออ่านฉากเหล่านี้ในนิยายมากมาย แต่ทว่าในความเป็นจริงเธอก็ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้
“อ๊า!” ยิ่งได้ยินคำชมเชยจากสตรี หลวนจิ้นฝานยิ่งรู้สึกฮึกเหิม ก่อนจะรีบเร่งจังหวะเพื่อปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นในส่วนลึกหวังลดความร้อนรุ่มในร่างกาย
“ข้า...ข้า อ๊า!” เรือนร่างเย้ายวนของสตรีเพศเกร็งก่อนจะกระตุกพร้อมกับเขาที่ปลดปล่อยหยาดน้ำสีข่าวขุ่นในส่วนลึก
เขานิ่งค้างในท่าที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางหว่างขาของนางเช่นนั้นอยู่ชั่วครู่แม้ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดจะลดลงแล้ว แต่มือเนียนที่ยังคงลูบไล้ไปมาบริเวณต้นขาขึ้นไปยังบริเวณท้องของเขาทำให้ความปรารถนาก่อเกิดขึ้นไม่จางหาย
นัยน์ตาคมจับจ้องดวงหน้าของสตรีที่ผัดแป้งเติมชาดจนหนาเตอะก่อนจะขยับกายกระแทกกระทั้นแท่งหยกเข้าในส่วนลึกอีกครั้งตามสัญชาตญาณและความปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อยจากเบื้องลึกในจิตใจ
เขาจับสตรีผู้นี้พลิกซ้ายพลิกขวาจนอีกฝ่ายแน่นิ่งไปถึงจะยอมผละออกห่างแล้วล้มตัวลงนอนด้านข้าง เมื่อฤทธิ์ยาในร่างกายหมดไปแล้วความอ่อนเพลียจากการปลดปล่อยก็เข้าจู่โจม เขาจึงล้มตัวลงนอนเคียงข้างสตรีผู้นั้นแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปในทันที
ในห้วงความฝันของหลิวอี้หราน ไม่ว่าเธอจะวิ่งไปทางใดก็มืดไปหมด ในขณะที่เธอกำลังหมดหวังอยู่นั้นสายตาของเธอก็เห็นเหอซือซือเพื่อนรักเพียงคนเดียวที่ตายในเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อหลายเดือนก่อน มายืนยิ้มให้ก่อนจะส่งเสียงเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา
ด้วยความคิดถึงเธอจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนอย่างไม่ลังเลแต่เหมือนยิ่งเดินไปอีกฝ่ายก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ ก่อนที่แสงสว่างจ้าจะทำให้เธอหลับตาลงตามสัญชาตญาณ
“คุณหมอ หัวใจคนไข้หยุดเต้นอีกแล้วค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้เธอรีบลืมตาขึ้น จึงได้เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ในห้องสีขาวโพลน รอบกายมีเครื่องมือช่วยชีวิตมากมาย สายตาของเธอสะดุดเข้ากับผู้หญิงที่หน้าเหมือนตัวเองกำลังนอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่บนเตียง
ติ๊ด...เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพดังลากยาวบ่งบอกว่าไม่พบสัญญาณชีพหรือหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว
“เวลาเสียชีวิต...” คุณหมอแจ้งเวลาตายของผู้หญิงบนเตียง
พรึ่บ! ภาพทั้งหมดตัดไปแปรเปลี่ยนเป็นภาพในงานไว้อาลัยที่ครอบครัวจัดให้ เสียงร้องไห้ของพ่อแม่และน้องสาวทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
“หนูขอโทษ” เธอเอ่ยพร้อมกับจะยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของแม่ ท่าทางร้องไห้แทบขาดใจของมารดาทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจแต่ทว่ากลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
พรึ่บ! ภาพทั้งหมดหายไปก่อนจะกลับมาอยู่ในที่แห่งเดิมที่รอบตัวมืดมิด
“คุณเป็นใคร” หลิวอี้หรานเอ่ยถามผู้หญิงในชุดฮั่นฝูสีแดงเพลิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อีกไม่นานเจ้าก็คือข้า ที่ผ่านมาข้าทำเรื่องชั่วช้าและโง่เขลาไปมาก หวังเพียงเจ้าจะใช้ชีวิตที่เหลือแทนข้าให้ดี”
‘ชุดฮั่นฝู ภาษาโบราณ’ เธอคงไม่ได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายหรือย้อนไปในยุคโบราณหรอกมั้ง
“แต่หากเจ้าใช้ชีวิตไม่ดีก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว เพราะอย่างไรเจ้าก็ไม่มีที่ไป หากตายอีกครั้งก็อาจจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก” ที่นางเอ่ยวาจาร้ายกาจและโกหกออกไป เพราะอยากให้คนผู้นี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ให้ชื่อเสียงที่เหลือของนางยังคงมีความดีงามอยู่บ้าง
“คุณหมายความว่าฉันจะต้องไปเป็นคุณโดยไม่มีทางเลือก และหากคิดจะตายอีกก็จะไม่ได้เกิดอีก”
“ข้าต้องไปแล้ว” ร่างสตรีตรงหน้าไม่ตอบคำถามของเธอพร้อมกับเริ่มเลือนราง
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย ไม่ก็ไปเข้าร่างผู้อื่นแล้วใช้ชีวิตให้ดีหรือ ข้าทำให้เจ้าสมปรารถนาแล้วจงขอบคุณข้าเสีย”
“หา! บ้าไปแล้ว”
“แต่เจ้าจะไม่เหงาไปหรอก สหายที่เจ้าคะนึงหาอยู่ที่นั่นรอเจ้านานแล้ว” สิ้นเสียงร่างของสตรีในชุดฮั่นฝูสีแดงเพลิงก็สลายหายไปหมดพร้อมกับภาพทั้งหมดที่มืดสนิท
“เสี้ยนจู่ ท่านตื่นเถิดขอรับ” เสียงของผู้ชายเสียงแหลมดังขึ้นพร้อมแรงเขย่า
เฮือก! เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งพร้อมกับความทรงจำทั้งหลายของร่างนี้หลั่งไหลเข้ามาในหัวรวมถึงเรื่องวาบหวามที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วย
‘ฉิบหายแล้ว นี่ฉันทะลุมิติมาเป็นผู้หญิงร้ายกาจและมีพ่อชั่วช้า’ หลิวอี้หรานที่บัดนี้อยู่ในร่างของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ย บุตรสาวเหลียงอ๋องที่เป็นภัยต่อบังลังก์มังกรจึงถูกสั่งห้ามเข้าเมืองหลวงชั่วชีวิต
“เสี้ยนจู่ ท่านรีบสวมใส่อาภรณ์ให้เรียบร้อย ข้าน้อยจะพาท่านไปพบกับฮ่องเต้และฮองเฮา” บุรุษในชุดโบราณกล่าว จากเสียงที่เล็กแหลม นางคิดว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นขันที
“ได้ ๆ” นางตอบรับอย่างงุนงง ก่อนจะใช้ผ้าห่มห่อตัวแล้วเดินลงจากเตียงเข้าไปหลังฉากกั้น
‘ปวดไปทั่วทั้งตัวเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นเรื่องจริง’ ชีวิตช่างโชคร้ายจะทะลุมิติมาทั้งทีก็ดันมาตอนที่เจ้าของร่างอยู่บนเตียงกับผู้ชาย หรือเพราะความดุดันของคนผู้นั้นเลยทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุขจนขาดใจตาย
แต่...ความสุขกับผีอะไรกัน เอาแต่กระแทกกระทั้นไม่อ่อนโยนนุ่มนวลเลย คิดแต่จะมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว หากไม่เพราะเธอพยายามแอ่นหน้าอกล่อหูล่อตา เขามีหรือจะหยอกเย้าสร้างอารมณ์ร่วมให้เธอ
ไม่คิดเลยว่าการทะลุมิติที่เคยพร่ำบ่นว่าอยากลองจะกลายเป็นเช่นนี้ นี่มันเรื่องสยองขวัญชัด ๆ
“พวกเขามีลูกเหมือนกัน ย่อมรู้ดีว่าการจะหาเวลาอยู่ตามลำพังสามีภรรยานั้นยากเพียงใด นี่ท่านคงไม่ได้กำลังสงสัยว่ามันเป็นแผนการที่ข้าอยากรวบหัวรวบหางท่านหรอกนะเจ้าคะ แต่หากใช่แล้วอย่างไร ท่านเป็นบุรุษก็ไปปลดปล่อยที่หอนางโลมได้ ข้าเป็นสตรียังสาวยังมีความต้องการปลดปล่อยเช่นกัน หรือข้าควรต้องไปหอชายงามให้พวกชายงามช่วยปลดปล่อยเช่นท่าน” นางแสร้งตีโพยตีพายกลบเกลื่อน อย่าคิดรู้เท่าทันแผนการของนางเชียวนะ “ข้าขอโทษที่ห่วงใยเจ้า กลัวเจ้าต้องเจ็บปวดจากการคลอดบุตร จึงละเลยที่จะอุ่นเตียงให้เจ้า แต่ข้าสาบานได้ว่าแม้ข้าจะไม่ได้ปลดปล่อยกับเจ้า แต่ข้าก็ไม่เคยไปหอนางโลมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีสตรีใดได้แตะต้องแท่งหยกของข้านอกจากเจ้า” “...” นางเงียบคล้ายกับกำลังแง่งอน “เจ้าไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นข้าจะมอบความสุขให้เจ้าเพื่อพิสูจน์ว่าความโปรดป
“ยามนี้ในจวนก็ไม่มีใครอยู่ เรามาลองทำกันตรงนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะก้มตัวลงไปอ้าปากงับยอดอกของเขาเพื่อเร่งเร้า ลิ้นเรียวเล็กที่โลมเลียหยอกเย้าทำให้หลวนจิ้นฝานรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว “ประเดี๋ยวเจ้าจะป่วยเอานะ” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากเขา “ก็ยังไม่ต้องถอดหมดสิเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะลงจากตักของเขา มือเรียวถลกชายอาภรณ์ของผู้เป็นสามีเผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงจนดุนดันอาภรณ์ให้โป่งพองขึ้น นางกอบกุมแท่งหยกที่ทั้งแข็งและร้อนเอาไว้ก่อนจะรูดขึ้นลงเบา ๆ ดวงหน้าหวานโน้มเข้าไปใกล้จนลมหายใจเป่ารด “จิ่วเม่ย ลมหายใจของเจ้าทำให้พี่สั่นสะท้านยิ่ง” จิตใจส่วนลึกปรารถนาอยากให้นางใช้ปากและลิ้นหยอกเย้า 
“เฉ่าเหมยก็กำลังมีบุตรคนที่สอง แล้วเจ้าเล่าจิ่วเม่ย ข้าอยากได้หลานสาวตัวน้อย” “เห็นทีเจ้าคงต้องไปถามเอากับสามีข้าเสียแล้ว ว่าเมื่อใดจะมอบบุตรคนที่สองให้ข้า” ทุกวันนี้เขาไม่ยอมปลดปล่อยน้ำพิสุทธิ์ในกายนางเพราะกลัวนางจะตั้งครรภ์แล้วต้องเจ็บปวดยามคลอดบุตรอีก “กล่าวเช่นนี้ มิใช่เป่ยกั๋วกงร่างกายมิไหวแล้วหรือ” เจียงเซียวเล่อเอ่ยถามอย่างซุกซน ต่างจากสามีของตนลิบลับที่ขยันยิ่งนักจนตอนนี้ตนมีบุตรชายบุตรสาวสามคนแล้ว “เขาบอกว่าไม่อยากเห็นข้าเจ็บปวดตอนคลอดบุตรอีก” “อ่า...ข้าคิดว่าข้าเข้าใจเจ้าแล้ว สามีข้าก็เป็นเช่นนั้นหลังจากที่ข้าคลอดซือเหวิน” “ยามนั้นข้าอ
กลวิธีขอบุตรจากสามี เวลาช่างผันผ่านไปรวดเร็วนัก หกปีแล้วกระมังที่นางไม่ได้มาเยือนเมืองหลวง ยามนี้ได้ยินว่าหลวนฟูเหรินล้มป่วย นางจึงอยากพาหลานชายมาให้อีกฝ่ายพบหน้าเพียงเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากฟังที่บุตรชายกล่าวจบ นางก็รีบเก็บความหวังดีนั้นกลับมาทันที “ท่านแม่ ข้าไม่อยากไปจวนของท่านปู่ท่านย่าขอรับ” วาจาของบุตรชายทำให้นางหันไปมองหน้าสามีด้วยสีหน้าลำบากใจ “เพราะเหตุใดลูกจึงกล่าวเช่นนั้น บอกเหตุผลให้แม่ฟังได้หรือไม่” เหลียงจิ่วเม่ยเอ่ยถามบุตรชายอย่างใจเย็น ที่ผ่านมาแม้ตนจะไม่ถูกกับแม่สามีแต่ทว่าก็ไม่เคยสอนให้บุตรชายมีอคติกับผู้อาวุโส “ท่านย่าเกลียดท่านแม่และว่าท่านแม่ชั่วร้าย ท่านพ่อจึงได้หลวมตัวแต่งกับท่านแม่โดยที่ไม่ได้รักใคร่กันแต่จำใจต้องอยู่ด้วยกันเพราะข้า แต่ข้ารักท่านแม่มาก ข้าไม่อยากได้ยินท่านย่ากล่าวว่าร้ายท่านเช่นนั้นอีก ดังนั้นข้าไม่ไปจวนท่านย่าได้หรือไม่” เด็กน้อยกล่าวด้วยวาจาฉะฉาน “ใครบอกเจ้าเช่นนั้น” เป็นเป่ยกั๋วกงที่เอ่ยถามซ้ำ “ท่านย
เหอซือซือคลอดบุตร สตรีร่างเล็กบิดกายไปมาบนเตียงคล้ายเกียจคร้าน ก่อนจะถูกผู้เป็นสามีที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอกรวบตัวเข้าสู่อ้อมกอด “หิวหรือไม่ ข้าจะบอกให้คนยกสำรับมาให้เจ้า” หลวนจิ้นฝานเอ่ยถามฮูหยินของตน “แล้วท่านหิวหรือไม่เจ้าคะ” “สามารถรอกินพร้อมเจ้าได้” “เช่นนั้นรออีกสักประเดี๋ยวดีหรือไม่เจ้าคะ” นางกล่าวพลางบดเบียดกายเข
“อ๊า...” จูเฉ่าเหมยร้องครวญครางไม่เป็นภาษา รู้สึกวาบหวามกับสัมผัสของเขา พอเห็นในโพรงนุ่มพร้อมแก่การบุกรุกเขาก็สอดนิ้วของตนเข้าไปเพื่อคลายความคับแน่นภายใน เพราะได้น้ำหวานที่เอ่อล้นจากการโลมเลียทำให้เขาสามารถใส่นิ้วเพิ่มได้อีก แรงตอดรัดภายในทำให้เขาค่อย ๆ ขยับนิ้วอย่างช้า ๆ พลางคิดไปว่าหากสอดใส่ของตนเข้ามามันคงแทบปริแตกแพราะแรงรัดรึงเป็นแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสอดใส่นิ้วเพิ่มอีกจากสองนิ้วเป็นสามนิ้วแล้วขยับเข้าออกจนน้ำหวานไหลออกมาเปรอะเปื้อนทั่วมือ “อ๊า! ท่านพี่ อ๊า…ท่านเก่งกาจยิ่งนัก” นางส่งเสียงร้องพลางบิดกายไปมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่านก่อนจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมา แรงตอดรัดในโพรงนุ่มทำให้เขารับรู้ได้ว่านางสุขสมแล้ว เขาจึงตวัดลิ้นโลมเลีย
Comments