LOGINเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เหมยหลิงก็มั่นใจในทันทีว่า... นี่ไม่ใช่บ้านของเธอแน่ เพดานไม้เก่า กลิ่นสมุนไพรจาง ๆ และเสียงสาวใช้ข้างนอกที่พูดจาแปลกหู ล้วนยืนยันสิ่งเดียวกัน — เธอหลุดเข้ามาอยู่ในโลกนิยายที่เพิ่งอ่านก่อนนอนเมื่อคืน! “อย่าบอกนะว่า...นี่มัน ‘ชะตาสาวใช้ในจวนอ๋อง’?” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะหน้าซีดเผือดขึ้นทันที เพราะจำได้ดีว่าตัวละครชื่อเหมยหลิงในเรื่องนี้ — สาวใช้คนงามที่บังเอิญล่วงรู้ความลับของเจ้านาย — ถูกโบยจนตายอย่างอนาถในตอนที่สาม “ไม่เอานะ...อีกแค่สองตอนเองก็จะถึงฉากนั้นแล้ว!” เธอกุมขมับ ถอนหายใจยาว “เฮ้อ...ใครจะยอมตายกันล่ะ” ไหน ๆ ก็ต้องติดอยู่ในเรื่องนี้แล้ว เหมยหลิงจึงนั่งทบทวนเนื้อเรื่องทั้งหมดที่จำได้ พลางคิดหาทางเอาตัวรอดให้เร็วที่สุด ก่อนที่โชคชะตาในนิยายจะตามมาทัน
View More“หลี่จงหยาง... เสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งราชสำนัก บิดาของคุณหนูหลี่จือหยา”
เธอจำได้ชัด—ชายผู้นี้เป็นคนมีคุณธรรมสูงส่ง ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลตั้งแต่อายุสามสิบ เพราะบรรลุพลังปราณถึงระดับทอง ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างให้ความเคารพ
ส่วน คุณหนูหลี่จือหยา ที่เธอรับใช้...
“คุณหนูหลี่จือหยา... ผู้หญิงแสนดีที่ต้องตายเพราะถูกใส่ร้าย... และบ่าวคนสนิทของนาง—ก็คือข้า—จะถูกโบยตายตาม...”
หลี่เจินเจิน – คุณหนูรองผู้สูงศักดิ์ น้องสาวร่วมบิดาต่างมารดา เย่อหยิ่ง เย็นชา และไม่เคยเห็นหัวพี่สาว
หลี่เจิ้น – พี่ชายร่วมสายเลือดที่รักและปกป้องหลี่จือหยาที่สุด เป็นสหายสนิทกับเซียวหลีหยวน
ส่วน ตงซิงหยวน – คุณชายรองแห่งตระกูลตง เผ่านกฟีนิกซ์ ผู้ได้ชื่อว่างามที่สุดในแผ่นดินฟูฟง รักสนุก เจ้าสำราญ มีสาวใช้รายล้อมไม่ขาดสาย
เหมยหลิงเริ่มเห็นภาพทั้งหมดเชื่อมโยงกัน—โลกใบนี้คือแผ่นดินที่ มนุษย์และสัตว์อสูรเคยรักกันจนเกิดสายเลือดผสม
ระดับพลังในโลกนี้แบ่งออกเป็นหกระดับ:
และคุณหนูของเธอ... อยู่เพียงระดับดำเท่านั้น
หลังมารดาเสียชีวิต คุณหนูหลี่จือหยาก็เลิกฝึกปราณ ใช้ชีวิตอ่อนโยนไร้การป้องกันตัว
‘ในนิยาย...’ เหมยหลิงหรี่ตาลง
เธอกัดริมฝีปาก “อีกสองตอนเท่านั้น...หมายถึงอีกไม่กี่วันในโลกนี้สินะ!”
สมองของเหมยหลิงทำงานอย่างรวดเร็ว —
“จะอย่างไรก็ต้องเปลี่ยนเส้นเรื่องให้ได้…”
ตอนที่ 18 ดีทั้งสองฝ่ายผู้ที่ต้องแสดงบทถัดไปกลับไม่ใช่องค์หญิงจือหยา เป็นฮูหยินเซียวที่ยืนร่างกายสั่นเทิ่ม บอกว่ากำลังโกรธแค้นอย่างมาก“นี้มันอะไรกัน!!!”เสียงตวาดของฮูหยินเซียวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณสวน บ่าวไพร่คุกเข่าลงกับพื้นร่างกายสั่นเทิ่ม ด้วยพลังลมปราณของฮูหยินเซียวไม่ใช่สามัญเสียงตะโกนที่ออกมาต่างย่อมทำให้คนหวาดกลัวหลี่เจินเจินคราวนี้นางกลัวจริงๆ ร่างกายนางเริ่มสั่นหวาดกลัว“หลี่เจินเจิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลังจากได้สติจากเสียงตวาดของฮูหยินเซียวฮูหยินหลี่ก็รี่เข้าไปดูบุตรสาวเซียวหลีหยวนจึงค่อยๆ วาง หลี่เจินเจิน ลงเขาถอดเสื้อคลุมตัวเองออกปิดร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้แทบเปิดเผยให้ผู้คนมองจนหมดสิ้นแม้ตอนนี้ หลี่เจินเจินจะมีอายุเพียง 13 ปี เพราะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีทรวงทรงองค์เอวและบัวดอกเล็กก็เริ่มเบ่งบาน ผิวนวลละเอียด ยิ่งตรงเนินอกเกือบจะโชว์จนหมดนั้น แม้ไม่เติบโตเต็มที่ย่อมสามารถกระตุ้นแรงปราถานาของบุรุษได้ แต่เซียวหลีหยวนที่อุ้มร่างกายสาววันแรกแย้มยังมีแววตาเย็นชาเช่นเดิมหลี่เจินเจินเม้มปากแน่น ร้องให้สะอื้นไร้เสียงร่างกายสั่นเทา เมื่อเห็นสภาพของบุตรสาว ฮูหยินหลี่จึงเ
ณ เรือนไป๋หลานเหมยหลิงหลับไปแล้ว ตงซิงหยวนจึงค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปนั่งอยู่ขอบเตียงจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวเวลานอนก็ยังทำหน้ายั่วยวนอีกเขาเลิกผ้าห่มขึ้นจากนั้นซุกร่างกาย เพียงแค่เข้ามาใกล้แท่งกายของตงซิงหยวนก็ตื่นตัวทันที วันนี้หญิงสาวดูเพลียมาก เขาไม่อยากกวนจึงโอบกอดหญิงสาวจากข้างหลังเบาๆ เพียงแค่ประชิดเข้าไปใกล้จุดนั้นก็เข้าประจำที่อย่างพอดิบพอดี"อา..." เหมยหลิงละเมอพึมพำขึ้นมาแม้จะหลับอยู่แต่ส่วนนั้นของเหมยหลิงก็ยังทำงานตอดบีบรัดแท่งหยกของตงซิงหยวนเป็นจังหวะหนึบหนับสร้างความรัณจวน ซาบซ่าไม่น้อย ตงซิงหยวนยิ่งเคลิบเคลิ้มหลงใหล บทรักของเหมยหลิงยิ่งทำให้เขาแทบโงหัวไม่ขึ้น"เหมยหลิง เจ้านี้นะ เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็กลืนไว้เช่นนี้ให้ข้านะ" จากนั้นตงซิงหยวนก็หลับไปกับการปรนนิบัติบีบนวดคลึงตรงจุดนั้นใกล้รุ่งเช้า เหลยหลิงจึงได้รู้สึกตัวสลึมสะลือลืมตาเห็นตงซิงหยวนกำลังยิ้มหวานให้ เขาประทับจูบเบาๆ ตรงที่หน้าพาก"เจ้าไม่ต้องกลัวนะข้าจะมาปกป้องเจ้าทุกวัน ข้าจะเร่งให้ท่านแม่มาคุยเรื่องการกำหนดวันแต่งงานไวๆ เจ้าจะได้เป็นของข้าอย่างสมบูรณ์"//ตอนนี้ไม่สมบูรณ์ตรงไหน"ท่านกลับได้แล้ว" เช้าแล้วนางก็
กว่างานเลี้ยงจะเลิกลา นางจากเหมยหลิงและจือหยาเป็นดาวเด่นไม่สามารถปลีกตัวกลับก่อนได้กลับมาถึงจวนก็เกือบยามจื่อ (ประมาณ 23.00 น.) เหมยหลิงเมื่อยล้าไปหมดทั้งตัวพอถึงเรือนบ่าวรับใช้ช่วยเหมยหลิงล้างหน้าตา ก่อนล้าถอยออกไปให้เหมยหลิงพักผ่อน เหมยหลิงไม่ได้ให้ใครนอนร่วมในห้อง สาวใช้จะนอนบริเวณหน้าห้องแทนพอเหมยหลิงได้เอนกายนอนกอดหมอน จึงได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น วันนี้ความสำเร็จของนางผ่านไปอีกขั้น เรื่องราวถัดจากนี้ต้องระวังตัวเองให้ดีหลังจากพระสนมเสียนเฟยทานโอสถบุปผาราตรีแล้ว จะต้องระแคะระคายเกี่ยวกับส่วนผสมของยา สักวันจะต้องส่งคนมาสืบเรื่องราวยิ่งตัวเองไปขัดขวางแผนการณ์ มอบยาถอนพิษเป็นไปได้มากว่าจะต้องกำจัดนาง ถึงจะมีองค์รักษ์เงามากมาย แต่เหมยหลิงยังไม่รู้สึกปลอดภัย ถ้ามีตงซิงหยวนมาอยู่ด้วยนางจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเราอุตสาส่งสายตาสื่อความหมายไปให้ กลับมาซื่อบื่อซะนี้!!แต่ดึกสงัดแล้วยังไม่เห็นร่างของบุรุษโผล่มา เหมยหลิงอดทนกับความง่วงไม่ไหวจนเผลอหลับไปใต้แสงจันทร์ทราบนหลังคาตระกูลหลี่ ในเวลาดึกดื่นกลับมีเงาร่างบุรุษ 2 เงายืนนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงชายเสื้อผ้าไหมชั้นดีของทั้งสองบุรุษต่าง
ณ จวนเสนาบดีตระกูลหลี่เสนาบดีหลี่จงหยางร่วมทั้งผู้คนที่อยู่ในจวนทุกคน ต่างมานั่งเรียงรอรับราชการโองการผู้เชิญราชโองการ ในครั้งนี้ เป็นชินอ๋องซึ่งถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่ตระกูลหลี่ได้รับ“หลี่เหมยหลิงและหลี่จือหยา รับราชการโองการ”หลี่เหลยหลิงและหลี่จือหยาก็เดินออกมาคุกเข่าหน้าชินอ๋อง"หลี่จือหยา มีคุณงามความดีเป็นผู้มีความรู้ความสามารถพร้อมทั้งมีประพฤติตนดีงามกิริยาล้ำเลิศ พระราชทางอิสริยศให้เป็นองค์หญิง "จวิ้นจวิน" (郡君) นามจวิ้นจวินจือหยา ตำแหน่งท่านหญิง เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 5และหลี่เหมยหลิง มีคุณงามความดีเป็นผู้มีความรู้ความสามารถพร้อมทั้งมีประพฤติตนดีงามกิริยาล้ำเลิศ พระราชทางอิสริยศให้เป็นองค์หญิง "จวิ้นจวิน" (郡君) นามจวิ้นจวินเหมยหลิง ตำแหน่งท่านหญิงเป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 5 เช่นเดียวกัน จบราชโองการ"“หลี่จือหยา/หลี่เหมยหลิง รับราชโองการ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”หญิงสาวทั้งสองค่อยๆ ประครองรับราชโองการจากชินอ๋อง“ยินดีกับน้องสาวทั้งสองด้วย”เมื่อชินอ๋องเอ่ยเรียก หลี่เหมยหลิงและหลี่จือหยาว่าน้องสาว เหมยหลิงจึงหันไปสบตากับจือหยาว่าคว
เรือนไป๋หลาน เรือนของเหมยหลิงเหมยหลิงนั่งเอาคางเกยขอบหน้าต่างมองหมู่ดาว สายลมพัดกระทบใบหน้า สายลมในฤดูใบไม้ร่วงช่างทำให้คนรู้สึกเหงากล่อมใจให้หมอนหมองเสียจริงภาพหญิงงามภายใต้ในค่ำคืน ผิวของนางส่องประกายแวววาวแข่งกับดวงดารา ยิ่งมืดกลับยิ่งสว่างไสว เหมยหลิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนกำลังจ้องมองอยู่ความสวยสดงดงาม ยั่วยวนยิ่งกว่าปีศาจ ตงซิงหยวนวันนี้ตั้งใจมาพูดคุยกับหญิงสาวแม้จะมาแอบมองดูอยู่ทุกวันเหมยหลิงรู้สึกถึงการมาของตงซิงหยวนแล้ว จึงค่อยๆ ปิดหน้าต่างๆ ลง หันกายมาสบตาสายตาที่เร้าร้อนของตงซิงหยวน ไม่ว่าจะเมื่อไรบุรุษผู้นี้ก็มีแต่ท่าทีแบบนี้เสมอ เหมยหลิงส่ายหน้าถอนหายใจไร้สุ่มเสียง เรื่องนี้คงโทษคนแต่งนิยายเรื่องนี้เท่านั้นเมื่อคราวที่เขาออกตัวปกป้องตนที่ป่าศักดิ์สิทธิ์ เหมยหลิงก็หายโกรธเขาแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงพึ่งมาจนปานนี้ แต่ก็เข้าใจได้ก่อนหน้านี้มีเรื่องเผ่าปีศาจเขาย่อมงานยุ่งเป็นธรรมดา เหมยหลิงเองก็ไม่รู้ตัวว่าเริ่มแก้ตัวให้บุรุษตั้งแต่เมื่อไรตงซิงหยวนขยับฝีก้าวเดินเข้ามาหาเหมยหลิงอย่างเนิบช้าเหมยหลิงไม่ได้มีท่าทีตกตะลึงโวยวาย แง่งอน คล้ายว่ากำลังรอเขามาเยือนอยู่ในทีด้วยซ้ำ เป็นอย
หลังจากที่ฮองเฮาทรงหายจากประชวร จึงได้ทรงเรียกทั้งหลี่จือหยาและหลี่เหมยหลิงเข้าพบร่วมดื่มน้ำชาตำหนักหยกอรุณในขณะที่หลี่จือหยาและหลี่เหมยหลิง ทำความเคารพฮองเฮาและเหล่าสนมหลายคนก็เริ่มพินิจพิจารณาสาวงามทั้งสอง เป็นสตรีที่งดงามโฉมสะคราญใจผู้คนโดยแท้เมื่อหญิงสาวยืนคู่กันต่างให้อารมณ์คนละแบบหลี่จือหยาให้ความงามดังน้ำบริสุทธิ์ชโลมจิตให้สดใสไร้ความมัวหมอง ส่วนหลี่เหมยหลิงเป็นดั่งความอบอุ่นละมุนละไมซาบซ่าหัวใจผู้ที่ได้รับความสนใจที่สุดย่อมเป็น หลี่เหมยหลิง หญิงสาวที่ขยับฐานะจากบ่าวในเรือน กลายมาเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่ได้ เมื่อได้พบพานจึงประจักต่อสายตา ผู้คนต่างรู้สึกไร้ข้อกังขาว่าเหตุใดเสนาบดีหลี่จงหยางจึงรับหลี่เหมยหลิงเป็นบุตรบุญธรรม ไม่ต้องกล่าวถึงความสามารถเป็นถึงผู้ปรุงโอสถเพียงกิริยาท่าทางก็เหมาะสมเพียงนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเพียงบ่าวในเรือน หรือจะเป็นบุตรนอกเรือนของคณบดีใหญ่หรือไม่ภายใต้สายตามากมาย หลี่จือหยาและหลี่เหมยหลิง เพียงยืนนิ่งแววตาไร้ความรู้สึกใดๆ ฮองเฮารู้สึกชอบใจและถูกชะตาหญิงสาวทั้งคู่ยิ่งนัก“ตามสะบายเถิด เจ้าทั้งคู่ช่วยชีวิตข้าไว้ย่อมเป็นผู้มีพระคุณ ตัวข้าไม่สะดว












Comments