ถึงเขาจะมักมาก แต่เขาก็เลือกผู้หญิงเกรดดีขึ้นเตียงเสมอ แต่สำหรับเธอ ยัยเลขาเซ่อซ่าซุ่มซ่ามที่เขาไม่มีวันชายตาแล กลับทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวเป็นครั้งแรกในชีวิต
ดูเพิ่มเติม“นี่ครับบอส แฟ้มโปรไฟล์ของนางแบบและดาราทั้ง 10 คน ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจากคณะกรรมการและบอร์ดของบริษัท”
แฟ้มเอกสารวางลงบนโต๊ะทำงานสุดหรูของ CEO หนุ่มผู้หล่อเหล่าและล้นเหลือเสน่ห์ นักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบห้าปีที่มีดีกรีดอกเตอร์จากอเมริกา เจ้าของทรัพย์สินหมื่นล้าน เจ้าพ่อแห่งวงการน้ำหอมของไทย ผู้บริหารของบริษัท SKONE ซึ่งผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอางระดับไฮคลาสที่มีสินค้าวางอยู่ในห้างยักษ์ใหญ่ทั่วโลก
ธีรุตจ์ โรจนภาคินทร์ เจ้าของตึกสูงเจ็ดสิบชั้นใจกลางกรุงเทพมหานคร บอสหนุ่มรูปหล่อที่ทรงเสน่ห์และเจ้าชู้ระดับตัวพ่อ เพราะนอกจากเขาจะรวยเงินแล้ว เขายังรวยข่าวลืออีกด้วย ซึ่งมีทั้งข่าวดี ข่าวสีเทา ข่าวซุบซิบ โดยเฉพาะข่าวที่บอกว่าเขากินดารานางแบบมาแทบหมดวงการแล้ว
เขาหล่อ มาดเข้ม สุขุม ลุ่มลึก และล้นเหลือเสน่ห์ ดวงตาดุดันแพรวพราว ร้ายกาจ และสะกดคนได้อยู่หมัด เขาเท่ เก๋ไก๋ด้วยไลฟ์สไตล์นักธุรกิจที่เล่นกีฬาเก่ง ทั้งผาดโผน เอ๊กซ์สตรีม ทั้งทางน้ำและทางบก เขาจึงไม่ได้แค่หล่อกระชากใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หุ่นของเขายังแซ่บสนั่นมดลูกของสาว ๆ ทั้งเมืองอีกด้วย
ธีรุตจ์ฉลาด สมบูรณ์แบบ เพอร์เฟค เป็นเสือยิ้มยากที่ยิ้มมาที สาว ๆ จะต้องละลายกลายเป็นขี้ผึ้งอยู่ตรงนั้น แต่เพราะยิ้มยากและหัวเราะไม่เป็น จึงทำให้บางครั้งก็ถูกมองว่าเขานั้นหยิ่งยโสโอหังและไร้หัวใจ
ลับหลังเขา เหล่าพนักงานของบริษัท จึงมักพนันขันต่อกันว่าหากใครทำให้เขายิ้มได้หรือหัวเราะได้ จะถูกยกให้เป็นเทพ หรือไม่ก็ยอดมนุษย์
เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ไม่เคยจริงจังกับใคร เพราะเขาไม่เชื่อในรักแท้ และเห็นผู้หญิงสวยเป็นเพียงสินค้า ส่วนผู้หญิงธรรมดาก็เป็นแค่เครื่องใช้ในครัวเรือน เขาหยิ่งยโส อวดดี ไม่ค่อยเห็นใจใคร แต่หากในเรื่องงาน เขานิยมชมชอบคนขยัน มากกว่าคนเก่ง หากลูกน้องคนไหนขยันทำงาน เอาใจใส่ ทุ่มเท เขาจะรักษาคนแบบนี้เอาไว้อย่างที่สุด
ก็อย่างเช่นคุณชานนท์ เลขาวัยสี่สิบเก้าปีของเขานั่นเอง คุณชานนท์เป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ ขยัน ซื่อสัตย์ ทำงานเป็นเลขามาตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา กระทั่งพ่อของเขาวางมือจากงานแล้วไปใช้ชีวิตส่วนตัว เขาก็ได้คุณชานนท์คอยช่วยเหลือในเรื่องงาน นับว่าเป็นมือขวาของเขาเลยทีเดียว
“ขอบคุณมากคุณนนท์”
“ครับบอส บอสอย่าลืมเลือกนางแบบนะครับ เพราะเดือนหน้า บริษัทต้องเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์แล้วนะครับ”
“อืม เดี๋ยวผมจะลองดูว่าคนไหนน่าสนใจ”
ธีรุตจ์เปิดแฟ้มโปรไฟล์ของเหล่านางแบบและนางเอกที่ผ่านการคัดเลือกดูทีละหน้า สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของสาวสวยไปทีละคน เขาดูพลางฉีกกระดาษออกจากแฟ้มไปด้วย กระทั่งเขาปิดแฟ้มลง...
“ผ่านเกณฑ์แค่สามคนนะ” เขาวางกระดาษที่ฉีกออกจากแฟ้มลงบนโต๊ะทั้งหมดสามใบ “พรุ่งนี้เรียกทั้งสามคนนี้มาพบผมได้เลย ผมจะสัมภาษณ์สามคนนี้ แล้วก็ เรียกมาคนละเวลานะ ช่วงเช้าคนหนึ่ง บ่ายคนหนึ่ง และตอนเย็นอีก 1คน”
“ครับบอส อ้อ บอสครับ เย็นนี้ท่านมีนัดรับประทานอาหารเย็นร่วมกับคุณพ่อ และคู่หมั้นนะครับ”
อ่า...ใช่แล้ว เขามีคู่หมั้นแล้ว เป็นหญิงสาวที่บิดาของเขาเลือกให้ เธอเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนบริษัท เป็นผู้หญิงที่เขาเห็นว่าเป็นแค่น้องสาวมาตลอดชีวิต แม้เจ้าหล่อนจะแอบรักเขามาทั้งชีวิตก็ตาม เขายอมหมั้นเพราะอยากตามใจบิดา ที่สำคัญ อยากควบรวมหุ้นเมื่อถึงเวลาเท่านั้นเอง
“หยุดโวยวายได้แล้วนนนี่ ผมเป็นคนเลือกพราวนภาเอง เพราะเธอเหมาะสมที่สุด” เขาชี้แจงเธอด้วยน้ำเสียงปกติและน่าเชื่อถือ “ทั้งภาพลักษณ์และวิสัยทัศน์”“ทำไมคะ หรือว่ายัยนั่นแซ่บจนคุณธีอยากเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว”คำพูดของนนนี่ทำให้เขาแอบเกรงใจอัยย์ญาดา ถึงแม้ช่วงหลังมานี้เขาจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครเลยก็ตาม แต่ที่ผ่านมา วีรกรรมความซ่าของเขาก็ไม่ใช่ย่อยเลย“คุณเข้าใจผิดแล้วนนนี่ ผมไม่เคยนอนกับพราวนภา เราทำงานกันอย่างมืออาชีพ ดูกันที่ผลงานจริงๆ”ความจริง เขาอยากบอกเลขาของเขาต่างหาก ไม่ได้แคร์เลยว่านนทิยาจะเข้าใจผิดหรือถูก“งั้นดาขอตัวออกไปทำงานก่อนนะคะบอส”“ก็ไปสิยะ”“โชคดีนะคะบอส”อัยย์ญาดาไม่ได้รู้สึกฉุนหรือรู้สึกหวงอะไรทั้งนั้นล่ะ เธอรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ที่ผ่านมาเขาอาจเลือกเซ็กส์เพื่อผ่อนคลายความเครียด ซึ่งมันก็เป็นรสนิยมส่วนตัวของเขา แต่หลังจากนี้ ถ้าเขาจะเลือกเซ็กส์เพื่อบำบัดตัวเองอีกล่ะก็ เขาได้เจ็บตัวหัวแตกแน่เมื่อเธอก้าวออกจากห้อง CEO ปั๊บ...ปัญหาใหม่ก็เข้ามาประชิดหน้าด่านทันที“คุณธีอยู่มั้ย?” ไอลดานางแบบสุดสวยตรงเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ต่างจากนางเอกสาวเลยสักนิด พวกเธอคงม
ตอนเช้าที่คาเฟ่ร้านเดิม...“สรุปก็คือ...แกได้ทำงานแทนคุณชานนท์ต่องั้นเหรอ แกจะได้เป็นเลขาของบอสจริง ๆ แล้วใช่มั้ย”“ใช่ บอสเลื่อนให้คุณชานนท์เป็นรอง CEO แทน ส่วนฉันก็เป็นเลขาสวยๆ หน้าห้องบอสต่อไป ด้วยเงินเดือน...”หทัยรัตน์รอฟังด้วยใจลุ้นระทึก...“เท่าไหร่”“หนึ่งแสน!!”หทัยรัตน์อ้าปากหวอ “เฮ๊ย! นี่แกไปทำของที่เจ้าพ่อสำนักไหนมา หรือไปบนไว้ที่วัดไหนบอกมาสิ แกถึงกล่อมบอสให้หลงจนหน้ามืดขนาดนี้”“ไม่ได้เล่นของ แต่เล่นอย่างอื่น”อัยย์ญาดายิ้มกริ่ม ดูดกาแฟดังจ๊วบ ๆ ทำให้เพื่อนยิ่งสงสัยและอยากรู้ไปกันใหญ่“แกทำอะไร บอกมาว่าแกทำอะไร!”“ถ้าฉันบอกแก แกห้ามไปบอกใครนะ”“เออ! ฉันจะไปบอกใครได้ล่ะ”อัยย์ญาดาขยับตัวเข้าใกล้หทัยรัตน์แล้วกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เรากำลังคบกันอยู่”“ห๊า!!” หหัยรัตน์อุทานลั่นอย่างลืมตัว เพราะตกใจและช็อคกับสิ่งที่เพิ่งผ่านหู เธอไม่อยากจะเชื่อ มันจะเป็นไปได้ยังไง บอสที่มีดาราดังระดับซุปเปอร์สตาร์ล้อมหน้าล้อมหลังให้เลือกเฟ้น แต่กลับมาจิ้มยัยซุ่มซ่ามหน้าห้องไปทำแฟนเนี่ยนะ“อย่าดังสิแก ดูสิ คนมองใหญ่แล้ว”“แกพูดจริงป๊ะเนี่ย?”“จริงสิ”“กับบอสเนี่ยนะ???”“อืม เขาสาร
“ขอบคุณนะที่ดูแลแม่ให้”เธอถึงยอมลง...“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะฉันเองก็รักป้าจี๊ดเหมือนกัน”“ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด...”“ดีแล้วค่ะ คุณโชคดีที่ยังมีโอกาสได้ทำ เพราะฉะนั้น จงทำให้เต็มที่ เอาให้คุ้ม รู้มั้ยคะ”“รู้แล้วครับเจ้านาย”“หืม?”“ดีใจจัง”“ดีใจเรื่องอะไรคะ”“ที่เราได้เจอกันไง”เขากำลังจะทำให้เธอหลอมละลายกลายเป็นขี้ผึ้งอีกแล้วสินะ เพียงคำพูดไม่กี่คำของเขาก็ทำให้เธอใจอ่อนระทดระทวยแล้วเหรอ เธอนี่ใจง่ายชะมัด“ปล่อยได้แล้วค่ะบอส”“ไม่ปล่อย เรื่องอะไรจะปล่อย กว่าจะจับตัวได้ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ เพราะคุณมันกะล่อนลื่นไหลชะมัด”“ใครกันแน่กะล่อนลื่นไหล”“ผมชอบคุณนะ”“คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะยอมคุณเหรอ”เขายิ้มเย้า “เราคบกันมั้ย”“บอส...อย่าล้อเล่นน่า ลืมไปแล้วรึไงว่าบอสมีคู่หมั้นอยู่แล้ว”“ผมจะยกเลิกการหมั้นซะ เพราะถึงยังไงมันก็ไม่ได้เกิดจากความรักตั้งแต่แรก”“แต่ดูเหมือนคุณระวีวรรณเธอจะรักบอสนะคะ”“ระวีวรรณควรจะได้อยู่กับคนที่รักเธอ ผมคิดอยู่นานแล้วล่ะว่าจะปล่อยเธอไป แล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้”“เพราะฉันหรือคะ”“ไม่ใช่เพราะคุณหรอก อย่ารู้สึกผิดนะ ผมตั้งใจไว้นานแล้ว ผมเองก็ไม่อยากเอาเปรียบระ
“อยู่ด้วยกันก่อนสิหนูดา จะรีบไปไหน ป้ายังไม่ได้คุยกับหนูดาเลย มีอะไรจะคุยตั้งเยอะแยะ” คนเป็นแม่พยายามรั้งเธอไว้ด้วยสารพัดเหตุผล ขณะลูกชายตัวแสบแอบส่งสายตาอ้อนวอนมาด้วย “อยู่ด้วยกันก่อนนะ”“แต่ป้ากับลูกชายคงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะแยะ หนูกลับก่อนดีกว่าค่ะ”“แต่หนูก็เป็นเหมือนลูกของป้าเหมือนกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ”ธีรุตจ์แอบยิ้ม อัยย์ญาดาเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ แต่จะด่าเขาต่อหน้าป้าวราภรณ์ก็ใช่เรื่อง “ตาธีเองก็มีเรื่องอยากคุยกับหนูเหมือนกัน ใช่มั้ยตาธี”“คุยอะไรคะ เราไม่มีอะไรจะคุยกันแล้วค่ะ เราคุยกันหมดแล้วค่ะ ไม่มีอะไรคาใจกันอีก คืนนี้ คุณป้าอยู่กับลูกชายนะคะ ให้เขาทำหน้าที่ซะบ้าง...เอาไว้พรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมแต่เช้า จะทำโจ๊กอร่อย ๆ มาฝากด้วยค่ะ”อัยย์ญาดาพูดจบก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ แล้วเดินออกจากห้องพักฟื้นพิเศษไปโดยไม่ฟังคำทัดทานของธีรุตจ์“เดี๋ยวสิคุณ”“ตามไปสิ”“ตามไปให้เธอด่าหรือครับ ตามไปตอนนี้ก็โดนไล่ตะเพิดเปล่า ๆ เอาไว้ให้อารมณ์เย็นลงหน่อยแล้วกัน”“หนูดาเป็นคนดีและเป็นคนน่ารักมาก” เธอเอ่ยกับลูกชาย เพื่อเปิดทางให้ “ธีว่ายังไง”“ผมก็คิดเหมือนคุณแม่ครับ แต่ตอนนี้ผมมีคู่หมั้นแ
ธีรุตจ์พาวราภรณ์ไปส่งถึงมือแพทย์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงทำให้อาการของเธอได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างทันท่วงที “ขอบคุณบอสมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ”เธอขอบคุณเขายกใหญ่ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ญาติโกโหติกาอะไรของเธอเลย เขาเสียอีกที่เป็นลูกที่แท้จริง แต่ไม่เคยได้ดูดำดูดีกัน“ไม่เป็นไร”“เอาไว้ ฉันจะเลี้ยงข้าวนะ”“แค่ข้าวไข่เจียวก็พอ”เธอยิ้มเขิน “ค่ะ”“คุณวราภรณ์เป็นไงบ้างคุณดา” ชานนท์เดินหน้าตาตื่นเข้ามา โดยไม่ทันมองว่ามีใครยืนอยู่ด้วย เพราะตอนที่อัยย์ญาดาโทรไปส่งข่าว เธอไม่ได้บอกว่าเจ้านายอยู่ที่นี่ เขาจึงช็อคตาตั้งเมื่อเห็นธีรุตจ์แบบเต็มตา“ไม่เป็นไรแล้วค่ะคุณนนท์ ได้บอสช่วยไว้ ก็เลยพามาส่งโรงพยาบาลทันค่ะ”“ขอคุยด้วยหน่อย” ธีรุตจ์บอกชานนท์เท่านั้นก่อนจะเดินห่างออกไป ชานนท์หน้าจ๋อยเจื่อนเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเจ้านายไปอย่างเร็ว “มีอะไรกัน ทำไมท่าทางเหมือนมีลับลมคมนัยน์”อัยย์ญาดาระงับความอยากรู้ไม่ไหว จึงย่องตามไปแอบฟังอย่างเสียมารยาท “อธิบายมา”ธีรุตจ์ให้โอกาสชานนท์เต็มที่...“คือ...ใช่ครับ ผมแอบติดต่อกับคุณวราภรณ์มาโดยตลอด และที่ผมพาคุณอัยย์ญาดาไปทำงานกับบอสก็เพราะคุณวราภรณ์ฝากฝัง ผ
“อย่ามาพูดเลย ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่ายัยนั่นไม่ได้เป็นทอม ไม่ได้จะไปเรียนต่อปริญญาโท หรือเป็นสุดยอดเลขามาจากไหนหรอก ยัยนั่นถูกไล่ออกจากโรงงานเพราะทำงานไม่ได้เรื่องต่างหากเล่า คิดว่าผมไม่สืบเลยรึไง”ชานนท์หน้าเสีย “ผมขอโทษครับ ผมก็แค่เห็นว่าเธอเป็นคนดี เป็นคนขยันและเป็น...”“พอ ๆ พอได้แล้ว เอาเป็นว่า บอกที่อยู่บ้านเธอมา”“จะเอาไปทำไรครับ”“เอามาเถอะน่า”คืนวันนั้นเอง ที่เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านของเธอดังขึ้นในช่วงสามทุ่ม ซึ่งเป็นคนที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมาถึงหน้าบ้านของเธอได้“มาส่งพิชซ่าครับ”“ไม่ได้สั่งนะคะ”“มีนะครับ นี่ครับบิล จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วด้วยครับ รับของสิครับคุณลูกค้า”เธอรับถุงใบใหญ่ที่ใส่กล่องพิซซ่าถาดใหญ่และไก่ทอดมาอย่างงง ๆ จังหวะนั้นเองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งแทรกตัวเข้ามาในรั้วบ้านของเธอแล้วจัดการปิดประตูรั้วทันที“บอส!”“ใช่ ผมเอง คุยกันหน่อย” เขาคว้าข้อมือเธอแล้วลากเธอเข้าไปในบ้านทันที“บอส ปล่อยนะ!”“นี่ อย่าทำตัวเป็นนางเอกนักเลยน่า”“นางเอกอะไรของบอส ฉันมันก็แค่ตัวประกอบ ที่คอยเดินตามพระเอกไปวัน ๆ”“ทำไมไม่ไปทำงาน!” เขาจ้องหน้าเธอ จนทำให้เธอแอบไม่กล้าสู้สายตาเขา เพราะตอนนี้เ
ความคิดเห็น