เข้าสู่ระบบเมื่อ ‘ฮานะ’ ต้องเข้าไปขโมยของสำคัญของผู้ชายที่มีอิทธิพลที่สุดอย่าง ‘โอยามะ’ แล้วโชคร้ายถูกเขาจับได้ ทางเลือกจึงมีแค่สองทาง นั่นคือจะยอมเป็นสินค้าของแบล็คสกอร์เปี้ยนส์ หรือ ยอมเป็น (สินค้า) ของเขา!
ดูเพิ่มเติมเสียงฝีเท้าของฉันดังก้องปทั่วโถงทางเดินอม้ว่าฉันพยายามจะย่องให้เบาที่สุด ตอนนี้แม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเองฉันก็ไม่อยากได้ยิน แต่มันกลับยิ่งดังขึ้นจนน่ารำคาญ
ตื๊ด!
สัญญาณปลดล็อกประตูห้องดังขึ้นเมื่อฉันล้วงหยิบการ์ดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือวางทาบลงไป ตามด้วยกดรหัสหกตัวที่ท่องจำมาเป็นอย่างดี
หลังจากที่ปลดล็อกสำเร็จก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปด้านใน บรรยากาศโดยรอบทำฉันขนลุกซู่ ผ้าม่านในห้องถูกปิดเอาไว้ทั้งหมด ทำให้ความมืดเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของฉัน แต่การเปิดไฟก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ควรทำในห้องของคนอื่น!
ใช่ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องของฉัน และถ้าจะให้พูดถึงเจ้าของห้องชุดสุดหรูห้องนี้แล้วล่ะก็ คงต้องขอบอกว่าไม่มีใครในย่านนี้ไม่รู้จัก เพราะเขาคือ ‘โอยามะ’ ประธานกลุ่มแบล็คสกอร์เปี้ยนส์ กลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในย่านมารุ
แล้วผู้หญิงที่เป็นเพียงแค่เด็กมัธยมปลายอย่างฉันมาทำอะไรนี่!
“เขาเก็บไว้ที่ไหนของเขากันนะ” ฉันรำพึงรำพันพลางเอื้อมมือที่สวมถุงมือหนังสีดำเอาไว้เพื่อป้องกันการทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ตามที่ต่างๆ ไปดึงลิ้นชักเพื่อหาเอกสารที่ต้องการ
เอกสารที่ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่ามันจะอยู่ในซองสีน้ำตาลที่มีตราสัญลักษณ์ของแบล็กสกอร์เปี้ยนส์ นั่นก็คือแมงป่องสีดำประทับปมอยู่ที่หน้าซอง
“หานี่อยู่เหรอ”
สองตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเข้มดังมาจากทางด้านหลัง ร่างกายสั่นระริกเมื่อสัญชาตญาณของฉันบอกว่าเสียงนั้นคือเสียงของเจ้าของห้อง!
“ยกมือขึ้นแล้วค่อยๆ หมุนตัวกลับมา”
ต้องใช่เขาแน่ๆ เขาคือโอยามะ ใครหน้าไหนกล้าเข้ามาในห้องของเขายามวิกาลแบบนี้เพราะถ้าฉันมีทางเลือก ฉันก็คงไม่มาเหยียบที่นี่เหมือนกัน
ฉันหลับตาแน่นก่อนจะยกมือขึ้นตามคำสั่ง จากนั้นก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาช้าๆ
แกร๊ก!
ปลายกระบอกปืนที่จ่อตรงมาที่หน้าผากพลันทำให้ฟันในปากกระทบกันดังกึก ร่างกายทุกส่วนสั่นไปหมด
“ถอยหลังไปสองก้าว”
หัวใจเต้นแทบผิดจังหวะเมื่อเขาออกคำสั่งต่อมาในทันที ฉันจำต้องก้าวถอยหลังอย่างไม่มีทางเลือก วินาทีนี้ต่อให้ก่อนหน้านี้ฉันจะคิดว่าตัวเองพร้อมยอมตายถึงได้มาที่นี่ยังไง พอเอาเข้าจริง ฉันกลับไม่กล้าพอจะลืมตาขึ้นเพื่อมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
ตึก!
สองก้าวที่เขาสั่งให้ถอยมา ทำให้แผ่นหลังของฉันชนเข้ากับผนังด้านหลังพอดี
“ใครส่งเธอมา”
ฉันไม่มีแม้แต่สมาธิในการจะคิดหาคำตอบ
“ฉันถามว่าใครส่งเธอมา!”
เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ สองตาเบิกโพลงโดยอัตโนมัติ นั่นทำให้ฉันได้สบตากับเขาเป็นครั้งแรก
นัยน์ดวงตาของเขามีสีเข้ม แต่ฉันมองเห็นจากความมืดได้ไม่ชัดเจนนักว่านัยน์ตาของเขาสีอะไรกันแน่
“อึก!”
“นับหนึ่งถึงสาม” คำขู่ของโอยามะมาพร้อมกับแรงบีบรอบคอของฉัน
ใช่! เขายกมืออีกข้างที่เพิ่งจะว่างจากการโยนซองเอกสารที่ฉันต้องการลงกับพื้นราวกับมันไร้ค่าขึ้นมากำรอบคอของฉันเอาไว้แล้วบีบมันเอาไว้แน่นจนฉันหายใจไม่ออก
“หนึ่ง”
“ฉะ ฉัน...” ฉันแค่จะบอกว่าฉันหายใจไม่ออก ถ้าเขาอยากได้คำตอบ ทำไมเขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันตอบดีๆ
“สอง” โอยามะยังคงนับต่อไปนิ่งๆ ในขณะที่ฉันเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้เมื่อสองขากำลังลอยขึ้นจากพื้น
โอยามะกำลังยกฉันขึ้นจากพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว หนำซ้ำมืออีกข้างของเขาก็ยังถือปืนแล้วเล็งมาที่ฉันอย่างแน่วแน่
นี่สินะเจ้าพ่อของแบล็คสกอร์เปี้ยนส์ตัวจริงเสียงจริง ฉันมันรนหาที่ตายเอง
ปัก!
มือของฉันถูกปัดออกไปอีกทาง ทำเอามีดคัตเตอร์ที่ฉันพกมาด้วยและค่อยๆ หยิบมันขึ้นมาถูกปัดกระเด็นออกไปอย่างน่าอาย ความแวววาวในสายตาของโอยามะสะท้อนภาพใบหน้าที่เริ่มจะบิดเบี้ยวเพราะใกล้ขาดอากาศหายใจของฉันออกมา
“หมดเวลา”
เสียงของโอยามะเบามากจนฉันแทบไม่ได้ยิน แต่พอจะจับใจความจากการอ่านปากของเขาออก ภาพเบื้องหน้าของฉันเริ่มพร่าเลือน ระบบการรับรู้เริ่มทำงานได้ช้าลงก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ
ความผิดพลาดในการทำงานสำคัญ ต้องรับผิดชอบและชดใช้ด้วยชีวิต
“ลุกขึ้นมา!” เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกเขากระชากขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันตั้งสติ“ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมา”ถ้อยคำเย้ยหยันของโอยามะทำให้ฉันกัดฟันแน่นแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิม แววตาที่เคยดุดันตอนนี้กำลังเปล่งประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ต่อมาก็เป็นฉันที่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกับตาว่าใบหน้าของโอยามะกำลังเคลื่อนลงต่ำฟุ่บ!“ถ้ายังพูดไม่ฟังก็คงต้องสอนกันนานหน่อยนะ ฮานะ”“นะ...นาย...”“แยกขาออกแล้วนั่งนิ่งๆ ฉันจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอด้วยซ้ำ”“แต่ฉัน...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอว่าเธอเลือกเอง เมื่อกี้ถ้าเธอไม่อวดดี ป่านนี้เธอก็กลับขึ้นห้องไปนอนพักแล้ว เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้ฉันให้เธอพักไม่ได้ แยกขาออก!” โอยามะยังคงตะคอกใส่ฉันซ้ำๆ เสียงดุดันของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม ก่อนจะค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ซึ่งคงไม่ทันใจเขา เขาถึงได้จับมันแยกออกจากกันโดยเร็วด้วยตัวเอง แถมยังยกมันชันขึ้นกับโต๊ะจนเป็นรูปตัวเอ็มใหญ่“ยกก้นขึ้นมา”ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามอย่างง่ายดาย ไม่มีสามัญสำนึก
“แยกขาออก”ในเวลากลางวันที่แสงสว่างส่องเข้ามาจนมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงหน้าต่างก็ยังเปิดออกทุกบานอย่างตอนนี้ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าชอบบรรยากาศในรถมากกว่าอีก อย่างน้อยความมืดก็ยังช่วยปิดบังทุกอย่าง ทุกความรู้สึกเอาไว้ได้บ้าง“หรือเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”“ปะ...เปล่าๆ” ฉันรีบตอบ พูดจบก็ค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ทุกวินาทีที่กำลังผ่านไปบีบหัวใจของฉันแน่นขึ้นทีละนิดๆ จนฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“กว้างอีก”“ฉัน...”“ทำตามที่สั่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปซะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้ายกเลิกข้อตกลงกลางทาง เธอต้องยอมเสียค่าปรับเป็นการส่งเพื่อนเธอให้ไดสึเกะในวันพรุ่งนี้ทันที!”นี่อาจเป็นวิธีสั่งสอนฉันว่าไม่ควรคิดจะลองดีกับเขา ตอนนี้ต่อให้อยากจะกลับตัวก็ทำไม่ได้แล้วฉันกลั้นใจแยกขาออกจากกันเพิ่มอีกนิดตามคำสั่ง กำลังจะหลับตาลงแต่โอยามะกลับทักท้วงขึ้นมาอีกรอบ“ห้ามหลับตา” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบมองตาฉันนัก“นั่งนิ่งๆ ล่ะ ห้ามขยับ ครางได้แต่ห้ามพูด”มันน่าอายที่สุดในชีวิตก็ตอนที่เขาสั่งว่าครางได้แต่ห้ามพูดหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะ
“ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายทำคือการทรมานฉัน นายก็รู้เอาไว้เลยว่านายทำสำเร็จแล้วโอยามะ ฉันกำลังทรมานมากจริงๆ” ฉันบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าต่อมาอีกหนึ่งก้าวเสียงปืนเมื่อครู่เรียกความตื่นตกใจให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาอออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าคนที่ถือปืนเป็นโอยามะ ไม่ใช่ฉัน สายตาคัตซึดูตกใจมาก ต่างจากคิราวะที่เป็นคนยืนขวางทุกคนเอาไว้“ออกไป”“ครับ” เป็นคิราวะที่ยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอ เขาหันไปสั่งให้ทุกคนถอยกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพโอยามะแล้วจึงตามทุกคนออกไปทีหลัง ซึ่งคนสุดท้ายก็คงเป็นฉันหมับ!แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพล้ง!เสียงจานบนโต๊ะอาหารถูกโอยามะกวาดด้วยแขนยาวๆ ของเขาตกลงไปแตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นด้านล่าง ก่อนจะผลักให้ฉันถอยกลับไปนั่งลงบนโต๊ะตามเดิม เพียงแต่แค่คนละด้านของโต๊ะเท่านั้น“มาลองดูกันว่าเธอหรือฉันจะชนะ”“ฉันไม่ได้อยากจะชนะนาย ฉันก็แค่อยากได้เพื่อนฉันคืน” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาต่อหน้าเขา แต่สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นใจหรือเวทนาฉันสักนิด“งั้นเรามาแลกกัน”“นายอยากได้อะไรก็บอกมาสิ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่าทำร้ายพวกเขาเลย ฉันผ
“ฉันผิดไปแล้ว” ฉันบอกเสียงสั่น เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาเหมือนน้ำตากำลังจะไหล แต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่โอยามะพยายามล้วงคอฉันผุดขึ้นมาในหัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้เขาฉันอาจจะอาการหนักกว่านี้ จริงอยู่ว่าอาจไม่ถึงตาย แต่ก็คงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างที่ได้ยินคุณหมอบอกกับคัตซึ“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจัดการยังไงกับเธอดี โทษฐานที่เธอคิดจะขโมยชีวิตของตัวเองที่มีฉันเป็นเจ้าของ”“ฉัน...”“คิดเหรอว่าความตายจะทำให้เธอหนีฉันพ้น”ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของโอยามะเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความดุร้ายผ่านทางสายตาคู่นั้น ฉันคิดว่าภายใต้ใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งของเขามีพายุอารมณ์ซ่อนอยู่ และนั่นแหละที่ฉันกลัว“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันสัญญา ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”มันเป็นความบ้าบิ่นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันกล้าขอร้องให้เขายกโทษให้ ส่วนครั้งแรกน่ะเหรอ ก็ตอนที่กล้าย่องเข้าไปขโมยของในห้องเขายังไงล่ะ“ง่ายไปหน่อยมั้ย แค่คุกเข่าอ้อนวอนแล้วจบเรื่อง ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอได้ใจ”“ฉัน...ยอมทุกอย่าง” พูดจบฉันก็หลับตาแน่น ความนิ่งของเขากำลังทำให้ฉันร้อนรุ
“ฉัน...กลัว”ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดคำนั้นออกไป ทั้งที่ไม่ได้รู้จักหรือเชื่อใจคัตซึเลยสักนิด“ถ้าเป็นผม ผมก็กลัวครับ” คัตซึบอกอย่างนั้น เขาส่งยิ้มให้ฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะพูด จะยิ้ม หรือจะประชดประชันใส่เขาก็ตาม“แต่โดยปกติ คนที่กลัวคุณโอยามะมักจะเป็นคนที่ทำความผิดไว้เสมอ คุณฮานะทำความผิดอะไรไว้ล่ะครับ”คำถามที่คัตซึย้อนถามทำให้ฉันหลับตาแน่น ความผิดที่ฉันทำน่ะเหรอ มากมายหลายข้อจนฉันไม่รู้ว่าจะกล้ายอมรับมันหมดได้ยังไง“รีบอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวเถอะครับ กลับตัวตอนนี้ก็คงยังไม่สาย แต่ถ้าคุณฮานะยังไม่รู้จักรักตัวเอง ผมก็คงช่วยไม่ได้หรอกครับ”“ขอบใจนะคัตซึ”“เอาใจช่วยครับ” คัตซึยิ้มให้ฉันก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป และคงเตรียมมื้อกลางวันสำหรับฉันและโอยามะรอที่ห้องอาหารข้างล่าง ส่วนฉันก็ต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ เพราะนอนนานเกินไปทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เดี๋ยวจะป่วยเอาง่ายๆน้ำอุ่นในห้องน้ำทำให้ฉันรู้สึกอยากจะย้ายเข้าไปนอนในอ่างอาบน้ำเหลือเกิน ติดตรงที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพยายามถ่วงเวลาแค่ไหน ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี“เชิญครับคุณฮานะ” คัตซึที่หันมาเห็นฉันเป็นคนแรกพูดขึ้นมาเสียงดังจนทุกคนในห้องอาห
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ปริมาณยาที่อาเจียนออกมาเยอะพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมยาเข้าไป พักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายก็น่าจะดีขึ้นครับ แต่ยังไงหมอแนะนำให้พาคนไข้ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีที่สุดครับ เพราะการกินยาเกินขนาด ถึงจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการทำงานของตับและไตในระยะยาวครับ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้ฉันลืมตาตื่น แสงแรกที่กระทบม่านตาทำเอาฉันกะพริบตาอยู่หลายครั้งเพราะมันแรงมาก เหมือนนี่จะไม่ใช่ช่วงเช้าของวัน“คุณฮานะฟื้นแล้วเหรอครับ”“คัตซึ”“ครับ ผมเอง อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนนิ่งๆ ก่อน” คัตซึเตือนพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง เขาส่งยิ้มให้ฉันนิดหน่อย ซึ่งเมื่อเริ่มชินกับแสงสว่างแล้ว ฉันถึงได้ส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะมองไปรอบๆฉันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว“บ้านเหรอ?”“ครับ คุณหมอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี่เอง” คัตซึรายงาน“ฉัน...”“อาการปลอดภัยครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอบอกว่าโชคดีที่คุณโอยามะไปพบคุณฮานะทันเวลา คุณฮานะอาเจียนยาออกมาพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันที่จะดูดซึมยาเข้าไป ก็เลยไม่เป็นอันต
ความคิดเห็น