เขาดูถูกนางตั้งแต่แรกพบ ความน้อยใจในครั้งนั้นทำให้นางเลือกที่จะหันหลังให้เขา ท่านอ๋องถูกลอบสังหารจนได้นางช่วยเอาไว้ ความรักจึงเริ่มก่อตัวขึ้น ความหึงหวงของท่านอ๋องนั้นร้ายกาจจนเผาไหม้ทุกคนที่เข้านาง.. “อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ ถึงกับไปแย่งต่อแถวกับเด็กๆ เชียวนะเจ้าน่ะ” “อร่อยมากเจ้าค่ะ กินแล้วทำให้นึกถึงความหลัง” “หืม ความหลังอะไรงั้นหรือ หรือว่า มีคนเคยซื้อน้ำตาลปั้นให้เจ้าแบบนี้” “ไม่ได้ซื้อ แต่เขามอบให้ข้าเจ้าค่ะ” “ลี่หยาง นี่ท่าน..” เขาก้มลงจูบนางอีกครั้ง ครั้งนี้มีรสน้ำตาลปั้นด้วย มือของนางเริ่มลดลงเมื่อเขาเริ่มกอดรัดตัวนางเข้ามาจนชิดตัวเขา บนถนนว่างเปล่าไร้ผู้คน หมิงลี่หยางเริ่มส่งลิ้นเข้าไปพร้อมกับชิมน้ำตาลปั้นในปากนาง ถิงถิงเองก็ต่อต้านเขาไม่ไหว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบนาง “อื้ออ อย่าเจ้าค่ะ นี่มันกลางถนนข้างนอกนะปล่อยข้านะท่านอ๋อง” “ถ้าเช่นนั้น หากไม่ใช่ข้างนอกก็ได้ใช่หรือไม่”
View Moreงานจิบชา ชมบุปผาเมืองหย่งโจว
“คุณหนูเจ้าคะ ปีนี้คนมากกว่าปีก่อนๆ จริงๆ นะเจ้าคะ”
“นั่นสิ หวังว่าคงไม่มาเสียเที่ยวนะ”
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ ร้านเราได้ที่ตั้งตรงนี้เจ้าค่ะ คุณหนูดูท่าสินค้าใหม่ของท่านน่าจะขายดีอีกตามเคยนะเจ้าคะ”
ฟางถิงถิงเดินไปยังร้านที่ค้าชั่วคราวในงานจิบชาที่มีเหล่าสตรีรายล้อมอยู่หน้าร้าน พร้อมกับอาหลินที่คอยกางร่มให้นางในวันที่อากาศดีแต่ยังมีแดดอยู่ ถิงถิงเดินผ่านเหล่าสตรีและไปถามอาหลาน เด็กสาวอีกคนที่ยืนห่อของให้บรรดาสตรีที่เข้าแถวยืนรอซื้อสบู่หอมซึ่งเป็นสินค้าของทางร้าน
“เข้าแถวๆ ใครแซงมาข้าไม่ขายให้นะ เตือนไว้ก่อน ท่านพี่ท่านนั้นน่ะ ไปต่อแถวเจ้าค่ะ หากไม่ได้วันนี้ข้าจะออกบิลใบจองให้พวกท่านไปรับที่ร้านร้อยบุปผาได้เลย อย่าเบียดๆ โอ๊ย รอก่อนๆ คุณหนูมาแล้ว”
“อาหลาน มา ข้าช่วยเจ้าห่อเอง รับอะไรเจ้าคะ”
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาเองเลยหรือ ข้าเอาสบู่ข้าวกับสบู่ชาเขียว”
“ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ”
“คุณหนู สบู่หัวไชเท้า ของทดลองแจกไม่พอเจ้าค่ะ”
“ทุกท่านใจเย็นๆ นะเจ้าคะ ร้านร้อยบุปผาของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากไม่เพียงพอ สามารถไปขอรับได้ที่ร้านได้เลยเจ้าค่ะ”
เหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะน่าสนใจที่สุดในย่านนี้เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่นำมาขายในงาน ทั้งกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยที่ฟางถิงถิงสั่งให้คนที่ร้านจุดเพื่อส่งกลิ่นไปทั่วทั้งบริเวณ
“ท่านอ๋อง พระองค์พึงใจสตรีผู้ใดหรือไม่ในงานนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ก็แค่สตรี ผู้ใดก็เหมือนกันหมด ไม่เห็นจะแตกต่างกัน”
“……..”
“แต่วันนี้มีแต่ลูกขุนนางชั้นสูงของเมืองหย่งโจวมาร่วม พวกนางนั่งอยู่อีกฝั่งของสวน พระองค์ไม่พึ่งใจผู้ใดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หมิงลี่หยางมองตรงไปยังร้านค้าที่มีผู้คนเฝ้ามุงดูอยู่มากมาย ร้านนั้นส่งกลิ่นหอมมาถึงที่ที่เขายืน เขาเองก็เดินมาเพราะสะดุดกลิ่นที่หอมเย้ายวนนี้จึงเดินมาดู
“นั่นพวกเขามุงดูอะไรกัน”
“อ้อ นั่นเป็นร้านเครื่องประทินโฉมชื่อดังของหย่งตูที่มาออกร้านค้าในวันนี้ ร้านร้อยบุปผาของเถ้าแก่ฟาง เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหย่งโจวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ร้านเครื่องประทินโฉม แต่เหตุใดถึงได้มีบุรุษไปยืนต่อแถวด้วยเล่า”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาน่าจะไปต่อแถวซื้อสบู่พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่??”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่นางมีอะไรพิเศษขนาดถึงกับให้บุรุษเหล่านั้นถึงกับไปต่อแถวซื้อกัน”
“สบู่ของนางเป็นทั้งสบู่ระงับกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและรักษาโรคผิวหนังบางโรคได้อย่างดีพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเหตุผลที่มีคนเข้าแถวซื้อกันไม่ขาดสายพ่ะย่ะค่ะ”
“แค่สบู่ วิเศษปานนั้นเชียว หึ ข้าไม่นึกอยากเชื่อ เรื่องกลิ่นหอมยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องรักษาโรค แค่สบู่นี่น่ะหรือ เกินความจริงไปหรือไม่ ข้าจะเดินไปดูหน่อย”
หมิงลี่หยางกำลังจะเดินไปดูยังร้านค้านั้น ซึ่งตลอดทั้งงานเมื่อนางเริ่มเปิดร้านก็มีแต่คนที่เข้ามารอให้นางเปิดขาย แถวที่ต่อรอซื้อก็ยาวเหยียด จนท่านอ๋องนึกแปลกใจตั้งแต่เริ่มงานแล้ว เมื่อเขากำลังจะเดินไป ท่านเจ้าเมืองพร้อมบุตรีก็เดินมาดักรอเขา
“กระหม่อมหลินชิงเยียนถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันหลินเยว่ซินถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ท่านเจ้าเมืองหย่งโจวและบุตรสาวที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
(งดงามอันดับหนึ่ง เห็นจะไม่เกินจริงตามคำเล่าลือ)
ท่านอ๋องนึกในใจระหว่างมองหน้าสตรีตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แก้มนางเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นแดงระเรื่อเเพราะความเขินอายที่สบตากับบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างอ๋องหมิงลี่หยางตรงๆ
สายตาคมเข้ม คิ้วเรียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันกับใบหน้ายาวรูปไข่ สตรีใดพบเห็นก็ย่อมตกตะลึงเป็นธรรมดา
“ท่านเจ้าเมืองตามสบายเถิด”
“ท่านอ๋อง งานจิบชาไม่สนุกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“สนุกสิ เราเจอสิ่งน่าสนใจในเมืองหย่งโจวนี้มากมาย เหล่าบรรดาแขกที่มาก็ดูเพลิดเพลิน ชาและอาหารก็เพียบพร้อมไม่ขาดตกบกพร่อง ท่านเจ้าเมือง ท่านจัดงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“ขอบพระทัย เพียงคำชมของท่านอ๋องก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในสวนนี้กว้างนัก บุปผามากมายกำลังเบ่งบาน ถ้าอย่างไรให้กระหม่อมเป็นผู้พาท่านอ๋องชมงานดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้สิ เรากำลังจะเดินไปดูทางนั้น เห็นว่าน่าสนใจดี”
“อ้อ ท่านอ๋องคงหมายถึง ร้านร้อยบุปผา ให้กระหม่อมพาไปเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญใต้เท้าหลินนำทาง”
หลินเยว่ซินไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพราะนั่นคือร้านของฟางถิงถิง เพื่อนเก่านางที่พึ่งย้ายมาจากเมืองอื่นได้ไม่นาน
เมื่อนางย้ายมาและเปิดร้านเครื่องประทินโฉมนี้ขึ้น พร้อมกับคำร่ำลือเรื่องความงามของนางทำให้หลินเยว่ซินที่เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งของหย่งโจวไม่พอใจนาง
แต่หลินเยว่ซินก็เป็นประเภทเกลียดตัวกินไข่ เพราะนางเองก็ซื้อของใช้และเครื่องหอมทุกอย่างจากร้านร้อยบุปผามาใช้เช่นกันเพราะร้านของนางผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาย่อมเยาจับต้องได้และยังมีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย ความเป็นศัตรูกับนาง ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น
“อย่าเบียดกันๆ ข้าเตือนแล้วนะ ถอยออกไปก่อน ตอนนี้สบู่กลิ่นใหม่สำหรับแจกหมดแล้ว เดี๋ยวรอก่อนๆ ใครไม่ได้ข้าจะแจกให้ทีหลัง”
“ท่านอ๋องเสด็จ”
เสียงเรียกไม่มีผู้ใดสนใจ ผู้นำเสด็จต้องร้องประกาศถึงสามครั้ง กว่าที่คนที่เฝ้ามุงกันที่หน้าร้านนั้นจะรู้ว่าผู้ใดมา พวกเขาจึงยอมหลีกทางแต่ก็ยังต่อแถวออกไปข้างๆ เพื่อไม่ให้พลาดลำดับของตัวเอง
ฟางถิงถิงไม่ทันได้ออกมาเพราะมัวแต่ห่อของอยู่โต๊ะด้านหลัง อาหลินกับอาหลาน สองฝาแฝดสาวใช้เป็นผู้รับหน้าที่รับเสด็จ
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านเจ้าเมือง”
“ตามสบายเถิด ร้านของพวกเจ้าขายสิ่งใดบ้าง ข้าได้กลิ่นหอมไปถึงศาลาที่ข้านั่ง จึงได้เดินมาตามกลิ่น”
อาหลินได้แต่มองหน้าท่านอ๋องรูปงามตาปริบๆ เพราะตกตะลึงในรูปลักษณ์ของบุรุษหนุ่มในชุดสีดำข้างหน้า อาหลานจึงเป็นผู้อธิบายให้เขาฟัง
“ทูลท่านอ๋อง ด้านนี้เป็นสบู่ของทางร้านเพคะ มีทั้งสบู่ที่ทำให้กลิ่นหอม สบู่ที่รักษาผิวหน้า และสบู่ที่สร้างกลิ่นหอมให้ผิวกายเพคะ”
“เหตุใดสรรพคุณจึงมากเกินตัวเช่นนี้ พวกเจ้ามิได้หลอกขายให้พวกเขาเชื่อเกินจริงใช่หรือไม่”
ฟางถิงถิงได้ยิน นางจึงหยุดห่อของและหันมาเพื่ออธิบายสินค้าด้วยตนเอง นางทนไม่ได้เท่าไหร่ที่จะมีคนมาดูถูกสินค้าที่นางเฝ้าทำมาเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ และเมื่อนางหันมาพบหน้าเขา ทำให้นางชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินเข้ามาเพื่ออธิบาย
“ทูลท่านอ๋อง สบู่ที่ร้านร้อยบุปผาผลิตขึ้นเป็นสบู่ทำมือทุกชิ้น แต่ละชิ้นงานมีการตรวจสอบส่วนผสมอย่างถูกต้อง หม่อมฉันรับรองคุณภาพของสินค้าได้ทุกก้อนที่ลูกค้าซื้อไปเพคะ”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย อ๋องหนุ่มสบตานางที่มองเขาอย่างไม่นึกเกรงกลัว สายตากลมโตเอาเรื่อง
ปากอิ่มรูปกระจับหน้านวลขาวรูปหัวใจนั่นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดแต่เขากลับนึกไม่ออก เขาจ้องมองนางไปชั่วขณะ ก่อนที่เป่าอี้ องครักษ์คนสนิทของเขาจะเรียกเขาออกจากภวังค์นั้น
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยิบสบู่ก้อนหนึ่งขึ้นมาดมดูพบว่า กลิ่นของสบู่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาได้กลิ่นที่ลอยในงาน แต่เป็นกลิ่นที่หอมมาก จนมองหน้าผู้ที่พูดด้วยความอยากรู้
“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ….”
“นางคือเถ้าแก่ฟาง ฟางถิงถิง เจ้าของร้านร้อยบุปผาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
ถิงถิงเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะจูบนางเช่นนี้มือนางเริ่มปัดป่ายไปทั่วเพื่อให้เขาผละออกไป แต่มือหนาของเขากลับรวบตัวนางไม่ให้ดิ้นเพื่อจะได้รุกล้ำตัวนางให้มากขึ้น“ถิงถิง หลับตาสิ”“อื้ออ ไม่นะ ท่านอ๋อง…”เขาไม่สนใจแล้วว่านางจะหลับตาหรือไม่ เขาบดขยี้ปากอิ่มรูปกระจับของนาง รสชาตินี้นี่เอง นางช่างอ่อนหวานยิ่งนัก หวานกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ความรู้สึกเช่นนี้เขาพึ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก ลิ้นสากหนาของเขาเริ่มล้วงเข้าไปในปากนางเขากวาดลิ้นเพื่อเปิดทางเข้าไป ถิงถิงขัดขืนเขาไม่ไหว เรี่ยวแรงนางหายไปจนหมดสิ้นจนเขาสามารถรุกล้ำไปถึงข้างในได้ มือหนาข้างหนึ่งสางผมนางเล่นอย่างใจลอย จนเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ถิงถิงจึงผลักตัวออกจากเขาอย่างรวดเร็ว“คุณหนูเจ้าคะ อาหารเย็นและยาพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”“เอา…เอาเข้ามาได้เลย”นางเริ่มเดินสะเปะสะปะและหยิบผ้าขาวใส่อ่างก่อนจะรีบเดินสวนพวกสาวใช้ออกไปนอกห้องทันทีโดยไม่มองหน้าผู้ใดอีกเลยลี่หยางมองตามนางออกไปพร้อมกับจับริมฝีปากตัวเองและยิ้มเบาๆ จนอาหลินไม่กล้ามองเขาเพราะกลัว เมื่อตอนบ่ายทำราวกับจะฆ่าคนให้ได้ ตอนนี้ท่านอ๋องนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า นางรับอาการแบบนี้ไม่ไหวจริง
หมิงลี่หยางเดินวนไปมาในห้องของตนเองด้วยความกระวนกระวายใจจนถึงช่วงค่ำเมื่อเห็นว่าฟางถิงถิงไม่กลับมาเสียที เขาเอาแต่เฝ้าถามอาหลินทุกครั้งที่นางเดินผ่านหน้าห้องเขาว่าถิงถิงกลับมาหรือยัง คำตอบที่ได้มาทุกครั้งคือนางยังไม่กลับมา ทำให้เขารู้สึกนั่งไม่ติดที่“ข้าไม่เคยทำอะไรบ้าๆ เช่นนี้มาก่อนเลยนะถิงถิง”เขาเปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากและออกไปทางหน้าต่างมุ่งตรงไปยังท่าเรือที่อาหลินบอก ไม่นานเขาก็พบนางที่กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับบุรุษหนุ่มรูปงามในชุดลำลองสบายๆ สีฟ้าอ่อน ทั้งคู่เดินคุยกันอย่างสบายใจพร้อมกับถือของมากมายในมือของบุรุษหนุ่มผู้นั้น“กรมเจ้าท่า ขุนนางของหย่งโจวดูท่าจะว่างกันมากสินะ”เขาเฝ้ามองนางจากด้านบน เมื่อนางกำลังจะเดินแยกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้นเพื่อกลับไปยังร้านร้อยบุปผา“ใต้เท้าตง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ไปเป็นเพื่อนข้าไปรับของ เราแยกกันตรงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ”“แม่นางฟางให้ข้าไปส่งที่ร้านเถิด ของมากมายถึงเพียงนี้เจ้าถือไปคนเดียวคงจะไม่สะดวก”“ไม่รบกวนใต้เท้าตงเจ้าค่ะ ข้าถือไปได้เจ้าค่ะ”“อย่าได้ปฏิเสธข้าเลย วันนี้ได้ข่าวว่าคุณชายเฉินผู้นั้นไปหาเรื่องเจ้าถึงที่ร้านอีกแล้วงั้นหรือ”“ข่าวไปถ
“เอ่อ คุณชาย คำถามพวกนี้ข้าต้องตอบท่านจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”“เขาชื่อเฉินลู่เสียน เป็นลูกขุนนางกรมเจ้าท่า มารดาของเขาอยากให้เขาแต่งงานออกเรือนเพราะความรักสนุกเสเพลไปวันๆ จึงมาทาบทามสู่ขอข้า แต่ข้าก็ปฏิเสธไปแล้วสองครั้ง พวกเขาก็ยังไม่คิดจะเลิกรา พวกเขาชอบมาวุ่นวายที่ร้านข้าเป็นประจำ อาหลานเองก็รับมือเขาไปหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม จนมาครั้งนี้เจอท่าน คิดว่าเขาคงจะเข็ดไปอีกนาน”“แล้วเจ้าไม่ได้รู้สึกชอบเขางั้นหรือ”“แม้ว่าสตรีทั้งเมืองต่างลุ่มหลงในเงินและอำนาจและหน้าตาของเขา แต่ข้าก็มิใช่หนึ่งในสตรีเหล่านั้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ชายมากรักเสเพลไม่รักใครจริงเช่นนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาไปให้คุณค่า”รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านอ๋องเผยขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะยกชาขึ้นมาจิบเพื่อปกปิดแต่ก็ไม่สามารถควบคุมความดีใจออกนอกหน้าในคำพูดของนางไปได้“แล้ว เจ้ายังไม่มีคนที่ชอบพอกันบ้างเลยหรือถิงถิง”ถิงถิงหันมามองหน้าท่านอ๋อง สายตานางมองเขาอย่างมีความนัยบางอย่างซึ่งเขามองไม่ออกว่านางหมายความว่าอย่างไรในสายตานั้น แต่เขาก็ใคร่รู้เหลือเกิน จนนางพูดกับเขา“ข้ามีคนที่อย
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”“สืบหรือยัง”“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ“ท่านกินไหวหรือไม่”“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"“เจ้าค่ะคุณหนู”นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”“นั่นอาหลานเจ้า
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผลเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”ถิงถิงเดินออกไ
Comments