1.หวนคืนอีกคราสตรีร้ายขอกลับใจ คำโปรย:อันหนิงสตรีขี้อิจฉาโมโหร้ายทั้งร้ายกาจในคนเดียวกัน นางมีปมในใจมากมายในวัยเด็กจึงเติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว ยิ่งเห็นน้องสาวถูกพ่อแม่รวมไปถึงคนที่นางแอบชอบคอยแต่เอาใจปลอบประโลมมากเท่าไร อันหนิงก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังอันเล่อผู้เป็นน้องสาวมากขึ้นทวีคูณ 2.เพราะอดีตข้าเคยโง่งม คำโปรย:เสวียนหนี่ได้รับโอกาสย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวความผิดพลาดในอดีต เพียงเพราะต้องการความรักและการยอมรับจากครอบครัว กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลงเชื่อคำลวงโดยหลงลืมไปว่าคนที่มีความรักให้นางอย่างแท้จริง ชาติที่แล้วข้าละเลยคำรักของท่านกับลูก ชาตินี้ข้าจะเป็นคนให้ความรักพวกท่านมากยิ่งกว่า 3.สาวใช้ตัวน้อยของท่านอ๋องทรราช คำโปรย:จากคุณหนูเสนาบดีผู้สูงศักดิ์ชีวิตกลับเปลี่ยนผันในชั่วข้ามคืน แม้มีทางให้เลือกเดิน ซินอ้ายกลับเลือกทำตามหัวใจ จุดหมายคือตำหนักอ๋องทรราชผู้นั้น 4.หลิวเสี่ยวถิงยอดหญิงพลังหญิง คำโปรย:เมื่อนักเขียนนิยายฝึกหัดหัวใจติ่งดันมาหัวใจวายตายฉับพลัน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งกลับกลายเป็นคนที่จ๊นจนในต่างโลก *ซีรีส์คลั่งรัก 4 เรื่อง*
Lihat lebih banyak[เรื่อง: หวนคืนอีกครานางร้ายขอกลับใจ]
อันหนิงสตรีขี้อิจฉาโมโหร้ายทั้งร้ายกาจในคนเดียวกัน นางมีปมในใจมากมายในวัยเด็กจึงเติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว บิดา มารดาให้ความรักความสนใจน้องสาวตัวน้อยมากมาย นางผู้เป็นพี่สาวกลับถูกทิ้งขว้างไร้การโอบกอด บิดาก็เอาแต่ตำหนิต่อว่า ซ้ำร้ายถูกลงโทษด้วยการตี ยิ่งเห็นน้องสาวถูกพ่อแม่เอาใจปลอบประโลมมากเท่าไร อันหนิงก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังอันเล่อผู้เป็นน้องสาวมากขึ้นทวีคูณ
ทุกครั้งที่อันเล่อได้ความรักจากผู้อื่น อันหนิงก็มักจะจับจ้องอยากครอบครองสิ่งเดียวกัน โดยเฉพาะความสนใจที่ได้จากบุรุษนามว่าหวังเหล่ย อันหนิงก็มักจะแอบอิจฉาริษยาที่น้องสาวได้รับความรักจากเด็กชายตรงหน้า มากกว่าการที่ตนถูกมองและปฏิบัติด้วยความเห็นใจ
“อันเล่อตุ๊กตาผ้าพี่ให้” เด็กชายวัยสิบขวบปียื่นตุ๊กตาผ้าที่ได้จากแดนไกลให้เด็กสาวตรงหน้า ทั้งสองครอบครัวทำการค้าร่วมกันมานาน จึงค่อนข้างจะสนิทสนมกัน ยามบิดากลับมาจากตรวจร้านสาขาก็มักจะมีของเล่นแปลก ๆ ติดไม้ติดมือมาเสมอ เขาจึงเผื่อแผ่ของสิ่งนั้นมาให้น้องสาวด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่เหล่ย” เด็กสาววัยสี่ขวบรับมากอดไว้แน่น อันเล่อส่งยิ้มแฉ่งกลับไปให้พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ
กระนั้นเมื่อรับมาไม่นานจากความดีใจกลายเป็นใบหน้าที่เรียบเฉย เด็กน้อยรีบซุกตุ๊กตาผ้าที่ได้มาไว้ด้านหลัง พานทำให้หวังเหล่ยนึกสงสัยการกระทำลับ ๆ ล่อ ๆ แอบซ่อนด้วยเหตุใด ทั้งที่เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ขณะเดียวกันสายตาของเด็กชายเหลือบไปเห็นสาวน้อยอีกคน ซึ่งนางอายุห่างกับเขาเพียงแค่สามปี
อันหนิงเด็กสาวขี้โมโห ไม่เคยยิ้มสักครั้งยามเมื่อได้พบหน้ากัน
“ถ้าเจ้าอยากได้วันหลังข้าจะเอามาให้” แม้พยายามเข้าหาเอาของเล่นมาล่อ อันหนิงกลับวางท่าเมินเฉยใส่เสียทุกครั้ง
“เฮอะ แค่ตุ๊กตาผ้าไม่เห็นน่าสนใจสักนิด ข้าไม่ต้องการเจ้าค่ะ” อันหนิงกล่าวไว้เพียงเท่านั้นเด็กน้อยสะบัดหน้าเดินหนีไปทันที ภายนอกแสดงสีหน้าใบหน้าบูดบึ้งทว่าภายในกลับน้อยเนื้อต่ำใจ
ถ้าหากอยากได้หรือ ทุกคนมักจะพูดกับนางเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเลยที่จะมอบให้โดยที่ไม่ต้องถาม เพียงแค่พวกเขาหยิบยื่นให้จากใจไม่ว่าของสิ่งนั้นเป็นแค่เศษขยะ นางก็ล้วนแล้วแต่เต็มใจรับมันมาทั้งสิ้น ช่างแตกต่างจากอันเล่อเหลือเกิน น้องสาวไม่ต้องเอ่ยปากทุกคนก็พร้อมจะประเคนให้ทุกอย่าง
เหตุใดข้าถึงเกิดมาเพื่อเป็นที่ชิงชัง ทั้ง ๆ ที่ข้าก็ไม่เคยทำผู้ใดก่อน นั่นคือความในใจของอันหนิงที่มักจะตัดพ้ออยู่ตลอดเวลา
เด็กน้อยเก็บงำความน้อยใจมาเนิ่นนาน จนกระทั่งวันหนึ่งบังเอิญเห็นสาวใช้กำลังซักตุ๊กตาผ้าตัวนั้น อันหนิงรอให้สาวใช้ประจำตัวน้องสาวจากไป นางใช้เก้าอี้ปีนเก็บมันมาได้ในที่สุด ก่อนจะปาทิ้งลงพื้นที่เปียกแฉะ แล้วใช้เท้าเหยียบย่ำตุ๊กตาที่ถูกซักจนสะอาดเอี่ยมบัดนี้กลับเปรอะเปื้อนโคลนดิน เพียงเท่านั้นมันยังไม่สาแก่ใจ เด็กน้อยดึงแขนขาตุ๊กตานั้นจนขาดแยกเป็นส่วน ๆ
หลังจากได้กลั่นแกล้งจนสาแก่ใจ ร่างเล็กก็ได้หนีหายจากไป โดยไม่คิดว่าสิ่งที่ตนทำจะมีผู้ใดรู้เห็น
เช้าอีกวันอันเล่อได้เห็นสภาพของรักของหวงพังเกินกว่าจะเก็บมาเล่นต่อได้ ก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เสียใจไม่ยอมหยุด
บ่าวทั้งสองไม่วายหันกลับมายิ้มให้เจ้านายด้วยความปลื้มปริ่ม ยังไม่ทันได้ทัดทานสิ่งใด ชั่วพริบตาพ่อบ้านและสาวใช้ก็หายไปเสียแล้ว เสี่ยวถิงได้แต่ยิ้มขัน ไม่คิดว่าพวกเขาจะต้อนรับนางดีเช่นนี้“เสี่ยวถิงมานี่สิ พี่มีอะไรจะให้เจ้าดู” ไท่ฟงคว้ามือคนตัวเล็กให้เดินตามตนเองเข้าไปในห้องหนึ่ง ชายหนุ่มไขกุญแจเปิดห้องที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะผลักประตูห้องให้เปิดออก“อะไรหรือเจ้าคะ” เมื่อถูกลากเข้ามาในห้องที่แสนจะดูลึกลับ หญิงสาวได้แต่ยืนงงในดงลังไม้ ลักษณะดูเก่าแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สภาพลังไม้ก็ได้รับการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ลังไม้ถูกขัดจนขึ้นเงา และแต่ละลังก็ถูกล่ามด้วยโซ่ไว้อย่างดีกายหนายกพวงกุญแจขึ้นมาแกว่งจนเกิดเสียงกระทบกัน พร้อมกับยิ้มกริ่มมั่นใจว่าเมื่อเสี่ยวถิงได้เห็น นางจะต้องดีใจอย่างแน่นอน ในอนาคตนางก็จะต้องดูแลตรงส่วนนี้เช่นกันไท่ฟงไขกุญแจแล้วเอาโซ่ออก ชายหนุ่มเปิดออกเพียงแค่สี่ลังไม้เท่านั้น แต่ถึงจะเป็นแค่สี่ลังไม่ใหญ่นักตรงหน้า เพียงแค่เปิดมันออกให้เห็นของภายในก็ทำเอาเสี่ยวถิงถึงกับดวงตาพร่ามัว แสงวิบวับที่สะท้อนออกมากระทบดวงตา จะทำให้นางตาบอดหรือไม่ลังแรกเต็มไปด้วยเครื่อง
“ไม่รู้สึกอะไรแล้ว พี่สาบานได้” ขอเดิมพันด้วยเกียรติของแม่ทัพ ความรู้สึกที่เขามีต่อหยู่เยียน มันไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป“ก็ดีเจ้าค่ะ แต่ข้ามีเรื่องสงสัยเจ้าค่ะ ในเมื่อไม่รู้สึกอะไรกับนางแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่กลับมาอยู่จวนเจ้าคะ” ร่างบางจ้องอย่างจับผิด ทำเอาคนข้างกายถึงกับหยุดชะงักไปทันที“พี่ไม่ได้คิดอะไรแล้วจริง ๆ ก็แค่มันใหญ่เกินไป สู้ออกไปอยู่ค่ายมีสหายได้พูดคุย ดีกว่ากลับมาแล้วไม่มีใครน่ะ” ชายหนุ่มลนลานแก้ความเข้าใจผิด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึ้งก็ยิ่งทำให้ไท่ฟงไม่สบายใจ“ก็แล้วไปเจ้าค่ะ” เสี่ยวถิงได้แต่กลั้นขำ ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังถึงเพียงนี้ นางก็แค่เย้าแหย่เล่นก็เท่านั้น“ไปเถอะพี่จะพาเจ้าไปรู้จักคนดูแลที่นี่” หลังจากรู้ตัวว่าตนเองถูกคนตัวเล็กแกล้งเข้าแล้ว ไท่ฟงจึงยิ้มออก แต่เขาก็มิได้ถือสา ดีเสียอีกที่นางไม่นำมันมาใส่ใจให้ต้องขุ่นเคือง“ที่นี่มีคนอยู่ด้วยหรือเจ้าคะ ข้าคิดว่าแค่จ้างคนมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวเสียอีก” มิน่าข้าวของทุกอย่างถึงได้ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังดูสะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นเกาะ“มีสิ เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยท่านพ่
“เสี่ยวถิง พรุ่งนี้เจ้าว่างหรือไม่” คนที่เอาแต่นั่งจิบชามานานได้เอ่ยถามขึ้น“ว่างเจ้าค่ะ มีอะไรหรือเจ้าคะ” หลังจากถูกนางจับลอกคราบแปลงโฉมใหม่ เจ้าตัวก็เอาแต่นั่งเฝ้าไม่ยอมห่าง ทำตัวติดกันราวกับเป็นหนุ่มน้อยเพิ่งหัดมีความรัก“มีที่ที่อยากจะพาไปน่ะ” ต่อจากนี้ทั้งเขาและนางยังต้องรู้จักกันและกันอีกมาก เขาก็แค่อยากจะสร้างความคุ้นเคย สานสัมพันธ์อันดีต่อกัน“ที่ใดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวถิงตาโตตื่นเต้นดีใจ เขาพูดเช่นนี้แสดงว่าจะชวนนางออกเดตใช่หรือไม่ รู้สึกคาดหวังอย่างไรชอบกล“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง ต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ไว้จะมารับเจ้าตอนสาย”คนที่เอาแต่นอนเอกเขนกเฝ้าสาวเจ้ามาครึ่งค่อนวัน ลุกขึ้นหยิบกระบี่คู่กายเหน็บเอว ก่อนจากไปก็มิวายเข้ามาวอแวร่างนุ่มนิ่ม แม้อีกฝ่ายจะเอี่ยวกายหลบเท่าใดก็ไม่พ้นถูกรังแกอยู่ดี สุดท้ายก็ได้แต่ยินยอมให้เขาทำจนกว่าจะพอใจเสี่ยวถิงได้แต่มองตามหลังคนตัวโต นางไม่มั่นใจเลยสักนิดความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่ได้เริ่มต้นมาจากความรัก ต่อจากนี้จะเป็นไปในทิศทางใด แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็อยากจะลองดูสักครั้งในเมื่อความสัมพันธ์ที่คบหากันมานาน สุดท้ายแล้วก็ยังไปกันไม่รอด ท
หลังจากหมดเวลาอาหารเช้ารอให้ย่อยสักหน่อย เสี่ยวถิงก็ได้ลากคนตัวโตเข้าห้องน้ำไปทันที พร้อมกับเริ่มภารกิจจับว่าที่สามีลอกคราบอย่างที่ตั้งใจ“พี่ฟงนั่งลงเจ้าค่ะ ข้าจะสระผมให้” ร่างบางชี้ไปทางตั่งเล็กข้างอ้างน้ำ ข้างกายนั้นมีชั้นวางของที่อัดแน่นไปด้วยแชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ ครีมโกนหนวด มีดโกนกายหนานั่งลงตามที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย รอการปรนนิบัติจากว่าที่ภรรยา แต่ก็ยังไม่วายสนใจกับสิ่งของรอบกายที่เขาไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนเสี่ยวถิงตักน้ำราดลงบนหัวชายหนุ่มจนผมเปียกชุ่ม ก่อนจะบีบแชมพูกลิ่นหอมแล้วลงบนฝ่ามือ แล้วลงมือสระผมจนเกิดเป็นฟอง นิ้วเรียวทั้งเกาทั้งนวดทำเอาคนถูกปรนนิบัติสบายหัวเคลิ้มกับแรงมือ หลังจากสระผมเสร็จล้างน้ำออกจนสะอาด หญิงสาวได้ชโลมครีมนวดผมลงบนหัวไท่ฟงต่อเป็นขั้นตอนสุดท้ายเสร็จจากการสระผมให้แม่ทัพหนุ่ม หญิงสาวจึงนำผ้ามาซับผมให้พอหมาด จากนั้นได้พันด้วยผ้าขนหนูอันเดิม เก็บผมให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบกรรไกรอันเล็กจัดการตัดหนวดเคราที่ปล่อยให้ยาวไม่ดูแลออกให้สั้นที่สุด เมื่อตัดออกหมดจนเหลือแต่ตอ หญิงสาวทาครีมโกนหนวดลงไปจนทั่ว แล้วใช้มีดโกนค่อย ๆ โกนออกอย่างเบามือทุกการกระทำเจ้าต
ตั้งแต่ได้เสียเป็นผัวเมียกันในวันนั้น ไท่ฟงตามติดเสี่ยวถิงตลอดเวลาที่เขาว่างจากภารกิจ สิ่งใดที่เจ้าตัวเห็นว่าดีก็มักจะสรรหามาให้สาวเจ้า ดังเช่นรถม้าพร้อมเพื่อไว้สำหรับการเดินทางไท่ฟงเห็นว่ารถม้าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อหลายวันก่อนนางบังเอิญช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้ นางเห็นว่าเขาขับรถม้าเป็นจึงตกลงจ้างให้มาทำหน้าที่คนขับมิใช่เพียงรถม้าราคาแสนแพงเท่านั้นที่แม่ทัพหนุ่มขนมาให้ ยังรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ แจกัน เครื่องลายครามของตกแต่งทั้งหลาย แม้เสี่ยวถิงจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล ไท่ฟงจะมีติดไม้ติดมือมาเสมอ เสี่ยวถิงได้แต่อ่อนใจปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ เพราะนางก็คร้านจะห้ามปราม“พี่ฟงท่านแท้จริงแล้วท่านคือใครเจ้าคะ เหตุใดถึงได้มีของมากมายที่คนธรรมดาไม่มี รถม้า เครื่องลายครามก็มิใช่จะใช้เงินซื้อมาน้อย ๆ เลยนะเจ้าคะ”“อะแฮม แม่ทัพ” ไท่ฟงพูดเสียงเบาไม่กล้าสบตา“ท่านว่าอย่างไรนะ ข้าฟังไม่ค่อยได้ยินเลย” เมื่อครู่นางได้ยินไม่ถนัด แว่ว ๆ ว่าแม่ทัพ แต่คงจะมิใช่กระมัง นางคงจะเข้าใจผิดไปเอง อย่างมากก็คงจะเป็นได้แค่ พลทหาร“แม่ทัพแดนเหนือแคว้นฉู่”คราวนี้เสียงที่เปล่งออกมาดังฟังชัด ทำเอาเสี่ย
การกระทำอย่างเอาใจใส่ ทำเอาเสี่ยวถิงถึงกับใจเต้นแรง แม้แต่เชษคนรักเก่าที่คบหากันมานานหลายปี ก็ยังไม่เคยทำให้แบบนี้มาก่อน ทั้งฝีมือการนวดก็ดีใช้ได้ทำให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับแรงบีบนวดทว่ากว่าจะรู้สึกตัวสภาพของนางและเขาตอนนี้ อยู่ในท่วงท่าล่อแหลมผู้ใดมาเห็นคงคิดดีไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ ไม่เพียงปากเสี่ยวถิงจะถูกปิดด้วยจุมพิตร้อนแรง กางเกงชั้นในสีขาวถูกถอดออกอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งแท่งร้อนเฉียดไปเฉียดมาตรงหว่างขา ทำให้รู้สึกเสียววูบวาบไปถึงท้องน้อย“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เช้าแล้วนะเจ้าคะ” มือบางพยายามดันอกอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เกินเลยไปมากกว่านี้“แต่เจ้าบอกเองว่าไม่ได้ห้าม” ชายหนุ่มจ้องหน้าอกเต่งตึงตาเป็นมัน นางไม่รู้หรอกว่าชุดสีขาวนั่นมันบางเสียจนเขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนกลิ่นหอมจากกายสาวก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ไท่ฟงไม่คิดว่าตนเองกลายเป็นคนบ้าราคะไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ก็ต้องยอมรับเนื้อนางนี้ช่างหวานหอมนัก ชายหนุ่มมอบจุมพิตอ่อนโยนและเรียกร้อง ทำเอาคนตัวเล็กตัวคล้อยตามระหว่างนั้นเขาสอดมือเข้าตรงข้อพับขาเรียวของคนตัวเล็ก ก่อนจะยกมันขึ้นแล้วดันไปด้านหน้า สอดใส่ความเป็นชายเข้าไปทันที โดยที่อีกฝ่ายไม
Komen