เกลียดเธอ... คือคำพูดที่เขาเอ่ยแม้ว่ากำลังครอบครองเธอด้วยแรงปรารถนา แม้กระทั่งตอนที่เขาจูบจนเธอหายใจแทบไม่ทัน มาลารินไม่เคยเข้าใจว่า... ระหว่างความเกลียดชังที่เขาย้ำ กับความลึกซึ้งทางกายที่เขาแสดงออก สิ่งไหนกันแน่? ที่คือความจริงในหัวใจของชวลิต
Voir plusบทนำ
ปัง!
ชวลิตใช้เท้าปิดประตูด้วยความรีบร้อน ร่างแบบบางของมาลารินถูกกระชากเข้ามาด้านในห้องสลัว มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เธอถูกผลักลงบนเตียงกว้าง ทำให้ชายกระโปรงเลิกขึ้นไปกองอยู่บั้นเอว
ร่างสูงโถมตัวตามลงมา มือหนาบีบคางเล็กของหญิงสาวแล้วกระแทกจูบลงมา บดขยี้ริมฝีปากบางแนบแน่น
“อื้อ” หญิงสาวครางประท้วงอยู่ในลำคอ เธอรับรู้ได้ถึงความฉุนเฉียวจากชายหนุ่ม เพราะสัมผัสนั้นรุนแรง
“กล้าดียังไง ถึงเมินสายฉัน” เขาผละจูบออกมา ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงในดวงตาของหญิงสาวที่สะท้อนความสั่นไหว “ตอบมาซิ” เขาเอ่ยชิดริมฝีปาก แต่เธอนิ่งเงียบ
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องคนใต้ร่าง
“ทำไม ไม่ได้โดนเอาหลายวันคงอยากสินะ ถึงได้เที่ยววิ่งไปอ้าข้าให้ใครต่อใครน่ะยัยตัวดี!” เสียงทุ้มกดต่ำ กรามหนาบดเข้าหากันแน่นอย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์
“พูดอะไรของคุณ?” หญิงสาวนิ่วหน้ากับถ้อยคำดูถูกของเขา
“ฉันพูดผิดหรือไง ถ้าคืนนี้ฉันไม่เรียกเธอมา คืนนี้เธอคงไปจบกับไอเวรนั่นบนเตียงใช่มั้ย!” เสียงของเขาเข้มขึ้นอย่างคนไม่พอใจ
หญิงสาวได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ เธอเลือกที่จะนิ่งเงียบ และแม้จะอยู่ในความมืดสลัว เธอก็ยังคงมองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามจากชวลิต ผู้ชายที่ไม่เคยมองเธอดีเลย
“ไหนเธอลองบอกฉันมาสิ ว่าฉันกับไอเวรนั่นใครเด็ดกว่ากัน” เขาเอ่ยอย่างมีอารมณ์
มือหนาจะล้วงเข้าไปในกางเกงชั้นในสีหวาน สัมผัสกับกลีบดอกไม้ที่แห้งผาก เขาสอดนิ้วเข้าไปพรวดเดียว เธอก็ส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บ
“ฉันเจ็บค่ะ”
เขาแสยะยิ้มมุมปาก “ฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอมีความสุขอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มขยับนิ้วเข้าออกแล้วเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง ยิ่งทำให้ความคับแน่นกลางกายสาวบีบรัดนิ้วของเขา เพียงครู่เดียวเธอก็หลั่งน้ำหวานสีใสเคลือบนิ้วแกร่งจนวาววับ
“แฉะเร็วอีกแล้วนะ” เสียงพร่าเอ่ย “แค่นิ้วยังแน่นขนาดนี้ ถ้าของฉันเข้าไปจะขนาดไหนกัน หื้ม?”
ขณะที่นิ้วแกร่งขยับเข้าออก เสียงหวานก็ร้องครางออกมาเบา ๆ ชายหนุ่มก้มมองคนใต้ร่างด้วยสายตาวาววับ เมื่อเขาจินตนาการถึงบางสิ่งที่ใหญ่กว่าเข้าไป เลือดในกายก็สูบฉีด ความร้อนวาบก็พุ่งไปกองรวมอยู่ตรงกลางกายที่แข็งนูนขึ้น
“อยากโดนเอามากสินะ” เขากล่าวอย่างเยาะ ๆ ดวงตาวาววับ “เธอนี่มันสุดยอดจริง ๆ”
“อ๊า! คุณต้น”
ฟึ่บ!
เขาถอดถอนนิ้วแกร่งออกมาก่อนจะแหย่มันเข้าไปในโพรงปากของหญิงสาว ให้เธอได้ลิ้มรสน้ำหวานของตัวเอง ก่อนที่เขาจะยืดตัวลุกขึ้น โดยมีสายตาของเธอมองตาม
“ถอดเสื้อผ้าดิวะ!” เขาเอ่ยอย่างรีบร้อน
มาลารินขยับกายลุกถอดเสื้อผ้าออก ไม่นานร่างกายเปลือยเปล่าก็ปรากฏแก่สายตาของเขา
พรึ่บ!
เขากระชากข้อเท้าเรียวของหญิงสาวมากลางเตียงโดยเธอไม่ทันตั้งตัว มาลารินนั้นหวีดร้องเสียงหลง ก่อนร่างแบบบางนั้นจะถูกเขากดแนบลงกับเตียง เรียวขาถูกแยกออกกว้าง
มือหนาสาวท่อนเอ็นขนาดใหญ่ตามลำยาวก่อนจะจดจ่อปลายหัวหยักบานตรงช่องทางสีสวยก่อจะกดลึกเข้าไปพรวดเดียวสุดทาง จนเธอสะดุ้งเฮือก
“อ๊า! คุณต้น”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างพอใจ สองแขนสอดรับเรียวขาสองข้าง โย้ตัวไปด้านหน้าก่อนจะกระแทกกระทั้นท่อนเอ็นเข้าออกรัวเร็ว คนใต้ร่างร้องลั่น อกอวบกระเพื่อมไหว ศีรษะเล็กสั่นคลอนอย่างรุนแรง
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นประสานกับเสียงครางของเธอ และเสียงคำรามของเขา ทุกจังหวะที่เขาขยับ เต็มไปด้วยแรงกดดัน แรงอารมณ์ที่คั่งค้างในความรู้สึก ราวกับเขาต้องการตอกย้ำบางอย่างว่า เธอเป็นของเขา
“เรียกชื่อฉัน...”
เขากดหน้าผากชนกับหน้าผากของเธอ ลมหายใจถี่กระชั้นกระทบกับแก้มใส เหงื่อกาฬของพวกเขาแตกพลั่ก
“คุณต้น อ๊ะ ๆๆๆ อื้อ! คุณต้น”
เขาชอบตอนนี้ ตอนที่เธอร้องเรียกชื่อของเขาไม่หยุด...
สายตาสองคู่ประสานกัน ขณะที่ร่างกายยังคงเคลื่อนไหว หัวใจของชวลิตเต้นแรงขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง และมีบางคำถามจากอรรณพ ที่ยังคงติดอยู่ในหัว...
“พี่ถามจริง ๆ ว่านายคิดยังไงกับเธอกันแน่?”
เขาแนบจูบลงมาอย่างรุนแรง ใช้คมฟันกัดริมฝีปากบางอย่างที่จูบตอบ ราวกับกำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“อ๊ะ” เธอเบือนหน้าหนีด้วยความเจ็บ รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ
“อา...ฉันน่ะ โคตรเกลียดเธอเลย รู้หรือเปล่า”
เธอรู้...รู้มาตั้งนานแล้ว
ท่ามกลางความมืดสลัว นัยน์ตาคู่สวยสะท้อนความปวดร้าวออกมา
เขาแนบจูบลงมาบนริมฝีปากบางที่มีแผลเล็ก ๆ และคาวเลือด พร้อมกับโหมสะโพกเข้าออกอย่างเหมือนลมพายุในท้องทะเลที่กำลังคลั่ง
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงแรงอารมณ์ของเขา เธอทั้งเจ็บปวดและสุขสมในคราวเดียวกัน ร่างกายของเธอถูกเขาพลิกเปลี่ยนท่าไปมา เขาไม่ยอมหยุดแม้เวลาจะล่วงเลยผ่าน
พายุอารมณ์ยังคงโหมกระหน่ำสาดซัดใส่เธอ เสียงครางของหญิงสาวยังคงดังประสานกับเสียงคำรามของใครบางคนที่เอาแต่พร่ำบอกว่า เกลียดเธอ!
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ มาลารินก็อยากย้อนกลับไปในวันที่ยังไม่รู้จักเขาเลย...
บทที่ 18ปล่อยเธอไป แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามาในห้องนอนที่เงียบสงบ บนเตียงกว้างนั้นมีร่างเปลือยเปล่าของชวลิตนอนอยู่เพียงลำพังอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ขณะที่เสียงคลื่นทะเลยังสาดซัดเข้าหาฝั่ง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ทำคือวาดแขนไปยังพื้นที่ด้านข้าง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่แนบชิดกันอยู่ตลอดทั้งคืน ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นนั่ง เขามองไปรอบ ๆ ห้องที่เงียบงัน แต่กลับไร้เงาของหญิงสาว ทว่าเขากลับรู้สึกเหมือนว่ากลิ่นและร่องรอยของเธอติดอยู่ไปทั่วทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่เตียงที่ยับย่น หรือแม้กระทั่งบนตัวของเขา ชวลิตก้มมองแผงอกของเขาที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบที่ใครบางคนจารึกเอาไว้ ราวกับกำลังตีตราเป็นเจ้าของ กล้าดีเหลือเกิน “ทำรอยได้มั้ยคะ?” เสียงหวานที่แฝงไปด้วยความซุกซนที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางน่าจูบนั่นยังติดอยู่ในใจ ทำให้ชวลิตยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี “แต่ว่าฉันชอบคุณ...ชอบมากที่สุด” เขายิ้มกว้างกว่าเดิม หัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า ก่อนจะหยิบหมอนขึ้นมาสูดดมกลิ่นกายของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่
บทที่ 17เกลียดเธอที่สุด “ลุกขึ้นมา ให้ฉันใส่เข้าไปในตัวเธอ...” ชวลิตกลืนน้ำลายลงคอ มองมาลารินเธอใช้มือสอดเข้าไปใต้กระโปรงรูดกางเกงชั้นในออกไป ก่อนที่เธอจะขึ้นมานั่งทับบนตัวเขา บดเบียดกลางกายที่เปียกลื่นสัมผัสกับท่อนเอ็นของเขาไปมา แสงไฟสีส้มสะท้อนเป็นแสงนวลอยู่บนใบหน้าหญิงสาว ทำให้เธอดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น เขายกมือขึ้นลูบแก้มใสบางเบา จ้องหน้าเธอราวกับถูกสะกด “เธอสวยมากเลยรู้สึกมั้ยลาริน” เขาสอดมือเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังบอบบาง ปลดตะขอชั้นในออก ดึงเสื้อของเธอออกไปจนพ้นศีรษะ ก่อนเขาจะฝังใบหน้าลงบนเต้าอวบที่ยังเต็มไปด้วยร่องรอยของเขา “คุณต้น...” เสียงหวานร้องเรียกชื่อของเขา เธอซบหน้ากับบ่าแกร่งพร้อมกับยกสะโพกขึ้นแล้วจับท่อนเอ็นของเขากดลึกเข้ามาในตัวของเธอ “แน่นชิบ” เขาสบถเบา ๆ มาลารินเริ่มขยับสะโพกขึ้นลง ร่างสองร่างแนบชิดกันมากขึ้น เสียงครางต่ำในลำคอของเขาดังออกมาเป็นระลอก เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะ ประสานกับเสียงคลื่นทะเลที่สาดซัดเข้าฝั่ง เขาจับเอวบางไว้มั่น พร้อมกับเด้งสวนทุกครั้งที่เธอขยับกายขึ้นลง ร่าง
บทที่ 16รสชาติของไวน์ในคืนนั้นมาลารินมาหยุดยืนที่หน้าห้องของชวลิต หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่อยู่ ความทรงจำอันเร่าร้อนภายในห้องน้ำแคบ ๆ เมื่อช่วงกลางวันยังติดอยู่ในความทรงจำ แม้จะมีประสบการณ์กับเขาในเรื่องอย่างว่ามาหลายครั้ง แต่เธอก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดีมาลารินสูดหายใจลึกก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู เมื่อบานประตูเปิดออก เธอก็แปลกใจที่ไม่ได้เห็นท่าทีร้อนแรงหรือแววตาหื่นกระหายของเขา แต่กลับเป็นท่าทีนิ่งสงบในแบบที่เธอไม่ค่อยได้เห็นนัก เขาเดินนำเธอออกไปที่นอกระเบียงบนระเบียงห้องพักที่ทอดยาวออกไป มีโต๊ะเล็กจัดวางอย่างง่าย ๆ พร้อมกับไวน์แดงและแก้วเปล่าสองใบ“นั่งก่อน”มาลารินนั่งลงตรงข้ามเขา บรรยากาศรอบตัวบางเบา เธอรู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก ชวลิตรินไวน์สีแดงใส่แก้วเปล่า ก่อนจะยื่นให้กับคนตรงหน้า ทว่าเธอกลับมีท่าทีไม่แน่ใจ“ฉันไม่ได้ใส่อะไรลงไปหรอกน่า” เขาว่าพลางยิ้มมุมปากน้อย ๆ เห็นเธอยังไม่ยอมรับแก้วไปเสียที เขาจึงยกไวน์นั้นขึ้นดื่มต่อหน้าเธอ“ฉันไม่ได้คิดว่าคุณใส่อะไรลงไป เพียงแต่ฉันไม่เคยดื่มของพวกนี้” เธอตอบเสียงแผ่ว“งั้นก็ลองดู” เขารินไวน์ใส่แก้วใหม่ส่งให้เธอ “ค่อย ๆ จิ
บทที่ 15ควบคุมไม่ได้ ช่วงพักกลางวัน อากาศที่นี่ไม่ได้ร้อนจัด เพราะยังมีลมทะเลคอยพัดให้ความสดชื่นอยู่ตลอดเวลา พนักงานต่างทยอยไปยังโซนรับประทานอาหารที่ถูกจัดไว้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ โต๊ะยาวและเก้าอี้ไม้ถูกเรียงเป็นระเบียบใต้ร่มผ้าสีครีม พนักงานตักอาหารแล้วมาจับจองที่นั่ง มาลารินกับกรกฏตักอาหารใส่จานแล้วชวนกับมานั่งที่โต๊ะปลายสุดรวมกับพี่ ๆ ในแผนก และไม่ไกลออกไปในนั้น โซนพักสำหรับผู้บริหารถูกแยกออกไปอย่างเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังพอมองให้เห็นกันอยู่ดี บนโต๊ะอาหารที่ชวลิตนั่งอยู่ เขานั่งนิ่งไม่แตะอาหารตรงหน้าเลย แก้วน้ำแข็งตรงหน้าก็เริ่มละลาย ขณะที่สายตาของเขามองไปยังโต๊ะที่มาลารินนั่งอยู่ข้าง ๆ กรกฏ พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนิทสนม มีรอยยิ้มแทบทุกประโยค นั่นทำให้เขาหงุดหงิดใจขึ้นมา ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปโดยไม่พูดจา ชวลิตมาหยุดที่มุมระเบียงด้านข้าง หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เพื่อดับความฟุ้งซ่านในจิตใจ ทว่าควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่อาจหยุดความว้าวุ่นในใจของเขาไปได้เลยตอนนี้เขารู้สึกไม่เป็นตัวเองเลยสักนิด เขาคิดว่าทุกอย่างควรอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ท
บทที่ 14หายกันแล้วนะ เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะ แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านสีขาวเข้ามา ปลุกมาลารินที่นอนอยู่บนเตียงกว้างให้ตื่นขึ้นมา ร่างกายของเธอยังอ่อนล้าจากค่ำคืนที่ผ่านมา เธอกระพริบตาช้า ๆ พลิกกายเบา ๆ มองไปรอบกายพบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องของชวลิต นี่เป็นครั้งที่เธอค้างกับเขาตลอดทั้งคืน หญิงสาวขยับกายลุกขึ้นนั่ง กระชับผ้าห่มคลุมกายแน่น เธอรู้สึกได้ที่ไออุ่นจากอ้อมแขนของใครบางคนที่ยังติดค้างในความรู้สึก สัมผัสนั้นเธอไม่คุ้นชินนัก จึงไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือฝันไปกันแน่ เธอมองออกไปนอกระเบียง ชวลิตยืนอยู่ตรงนั้น มือข้างหนึ่งเขาคีบบุหรี่ไว้ ควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ท่าทางของเขานิ่งสงบ ขณะที่สายตาคู่คมมองออกไปยังท้องทะเลกว้างไกล แววตาคู่นั้นยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องแผ่นหลังของเขา หัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะที่ชัดเจนยามที่หวนนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา มันไม่ใช่เพียงแค่ความร้อนแรงที่เอาแต่ใจของเขา ทว่ามันมีบางสิ่งที่ต่างออกไป น้ำเสียงที่อบอุ่นของใครบางคนเรียกชื่อของเธอ ลาริน... หัวใจของเธอรู้สึกสับสน เมื่อ
บทที่ 13บทลงโทษปัง! ชวลิตใช้เท้าปิดประตูด้วยความรีบร้อน ร่างแบบบางของมาลารินถูกกระชากเข้ามาด้านในห้องสลัว มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เธอถูกผลักลงบนเตียงกว้าง ทำให้ชายกระโปรงเลิกขึ้นไปกองอยู่บั้นเอว ร่างสูงโถมตัวตามลงมา มือหนาบีบคางเล็กของหญิงสาวแล้วกระแทกจูบลงมา บดขยี้ริมฝีปากบางแนบแน่น “อื้อ” หญิงสาวครางประท้วงอยู่ในลำคอ เธอรับรู้ได้ถึงความฉุนเฉียวจากชายหนุ่ม เพราะสัมผัสนั้นรุนแรง “กล้าดียังไง ถึงเมินสายฉัน” เขาผละจูบออกมา ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงในดวงตาของหญิงสาวที่สะท้อนความสั่นไหว “ตอบมาซิ” เขาเอ่ยชิดริมฝีปาก แต่เธอนิ่งเงียบ ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องคนใต้ร่าง “ทำไม ไม่ได้โดนเอาหลายวันคงอยากสินะ ถึงได้เที่ยววิ่งไปอ้าข้าให้ใครต่อใครน่ะยัยตัวดี!” เสียงทุ้มกดต่ำ กรามหนาบดเข้าหากันแน่นอย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์ “พูดอะไรของคุณ?” หญิงสาวนิ่วหน้ากับถ้อยคำดูถูกของเขา “ฉันพูดผิดหรือไง ถ้าคืนนี้ฉันไม่เรียกเธอมา คืนนี้เธอคงไปจบกับไอเวรนั่นบนเตียงใช่มั้ย!” เสียงของเขาเข้มขึ้นอย่างคนไม่พอใจ
Commentaires