“ข้าจึงรวบรวมหลักฐานหลายอย่างให้ท่านอ๋องช่วยส่งฎีการ้องเรียน แต่ข้าไม่นึกว่าจะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวพระสนมฟางหรงแทน เช่นนี้ก็หมายความว่า หลงอี้ร่วมมือกับนาง หรือไม่ เขาก็ใช้นางเป็นเครื่องมือเพื่อเอาตัวรอด”
“พระสนมฟางหรง ร่วมมือกับหลงอี้จับตัวข้าหรือ ..และมีความเป็นไปได้ว่าที่ท่านพ่อหายไป ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่มีผู้ไม่พอใจที่พระสนมฟางหรงถูกปลด เช่นนั้นใช่หรือไม่”
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกสันหลังเย็นวาบ คิ้วน้อยๆ ของนางขมวดมุ่น ขอบตาแดงก่ำ หากตัวนางเองเป็นอะไรนางยังไม่หวาดกลัวเท่ากับท่านพ่อของนางต้องเจอเรื่องร้ายแรงเพราะนางเป็นต้นเหตุ
มู่เฉินเห็นว่าภรรยาตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว สีหน้าแสดงออกชัดถึงความกังวล เขาจึงดึงรั้งนางเข้ามาโอบปลอบประโลม ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะจับมือเขาก็ยังเขินอาย
"ข้าจะดูแลนางเอง ฝากเจ้าจัดหาคนกลุ่มหนึ่งไปดูแลโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงหมอและโรงทาน อย่าให้ใครได้เข้าไปคุยกับเด็กๆ ห้ามคนนอกทั้งหมด แม่ครัว อาจารย์ผู้สอน หรือแม้แต่สาวใช้บ่าวไพร่ในจวนนี้ก็ห้าม" ลู่มู่เฉินสั่งจ้าวเหลียง
จ้าวเหลียงรับคำ และรีบไปทำตาม
ลู่มู่เฉินพาหลี่เฟิ่งเซียนเข้าห้องนอน นางยังคงสับสนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางรู้สึกกลัวและเป็นห่วงท่านพ่อมาก กระทั่งจะดื่มชาก็ยังลืมเทน้ำชาจากกา เขาอยากเข้าหอกับนางอีกแต่ดูท่าทางของนางแล้ว เขาได้แต่ต้องปล่อยวาง เขาเป็นห่วงนางมาก คืนนั้นเขาจึงเพียงนอนกอดนางหลวมๆ มีจูบบ้างหอมบ้างแต่ก็เพื่อปลอบใจนาง
กลางคืนนางยังสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายหลายครั้ง ลู่มู่เฉินทำได้เพียงลูบหัว ห่มผ้าให้นาง เมื่อใกล้เช้า ไม่รู้ว่าหลี่เฟิ่งเซียนฝันอะไรแต่สะดุ้งตื่นมานางก็ร้องไห้ เขาต้องรีบตื่นมาปลอบ กอดแน่นๆ นางสะอื้นและพูดว่านางมีท่านพ่อเพียงคนเดียว เขารู้สึกสงสารภรรยาจับใจ
รุ่งเช้า ข่าวที่แม่ทัพหลี่หายตัวไปกระจายไปทั่วเมืองหลวง นกขมิ้นที่ลู่มู่เฉินกังวลเริ่มลงมือแล้ว ถึงจะพยายามปิดข่าว แต่ในที่สุดท่านย่าก็รู้ นางล้มป่วยทันที หลี่เฟิ่งเซียนที่กังวลมากอยู่แล้วต้องไปเสแสร้งว่าไม่เป็นไรและคอยปลอบใจท่านย่า ลู่มู่เฉินต้องเป็นคนไปคอยดูแลโรงหมอ โรงทานและโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าแทน
เมื่อขาดผู้นำในจวนไปทั้งคน หลี่เฟิ่งเซียนก็ไม่มีความรู้ในการจัดการดูแลจวน เริ่มมีบ่าวไพร่บางคนขโมยของ หลายคนก็จะลาออกเพราะข่าวท่านแม่ทัพหายตัวไป บ่าวไพร่ต่างเป็นกังวล มีหลายคนซุบซิบว่าจวนแม่ทัพหลี่อาจถึงคราวสูญสิ้น
หลี่เฟิ่งเซียนรับรู้ทุกสิ่ง แต่ทิ้งท่านย่าไปไม่ได้ เพราะท่านย่าเริ่มป่วยหนักมีไข้ ยังดีที่มีลู่มู่เฉินคอยช่วยดูท่านย่าให้ แต่ผ่านไปหลายวันเข้า หลายอย่างในจวนก็เริ่มไม่ปกติ
หลี่เฟิ่งเซียนมองดูท่านย่าที่นอนป่วยอยู่บนเตียง สุดท้ายนางตัดสินใจเอากุญแจบ้านทั้งหมดไปให้ฮูหยินรอง แม้หลี่เฟิ่งเซียนจะไม่เคยเรียกนางว่าท่านแม่ มองเห็นนางเป็นเพียงสาวใช้มาโดยตลอด แต่อย่างไรก็เป็นคนที่ท่านย่าฝึกสอนมากับมือ
และหลังจากหลี่เฟิ่งเซียนแต่งงานกับมู่เฉิน นางก็เข้าใจหญิงสาวที่ต้องแต่งงานแต่ไม่ได้รับความรักจากสามีมากขึ้น การที่ฮูหยินรองเซี่ยต้องแต่งกับท่านพ่อของนาง แต่ท่านพ่อไม่เคยเข้าหอกับนาง ไม่เคยรักยกย่องนาง ชีวิตของนางในฐานะหญิงสาวผู้หนึ่งต้องหมดไปทั้งเช่นนั้น อย่างไรก็เป็นเรื่องน่าเศร้า และน่าเห็นใจยิ่งนัก
เมื่อฮูหยินรองเห็นกุญแจบ้านพวกนั้น นางหูอื้อชะงักไปสักพัก นางแน่ใจว่าคุณหนูใหญ่ไม่ชอบนาง แต่ถึงขั้นยอมให้นางเป็นคนดูแลบ้านทั้งที่นางเป็นเพียงสาวใช้ผู้หนึ่ง จู่ๆ ฮูหยินรองก็น้ำตาไหล หลี่เฟิ่งเซียนไม่ได้ปลอบใจ เพราะอย่างไรก็ทำใจให้เรียกท่านแม่ไม่ได้ เพียงแต่คุณหนูใหญ่เช่นนางก็ไม่ได้ใจร้ายเป็นปิศาจ นางจึงยื่นผ้าเช็ดน้ำตาให้ฮูหยินรองและกลับไปดูแลท่านย่า ปล่อยให้ฮูหยินรองได้ทำใจกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
ไม่ทันไรฮูหยินรองก็เริ่มทำงานดูแลจวน และเป็นเช่นที่หลี่เฟิ่งเซียนคาด ฮูหยินรองเก่งกาจสมกับเป็นผู้ที่ท่านย่าฝึกสอนมากับมือ พวกบ่าวไพร่กลับมามีระบบระเบียบ คนที่ไม่จงรักภักดีพยายามลาออกช่วงเกิดเหตุก็ถูกจัดการขายออกไป คนที่แอบขโมยของไปขายถูกจับได้เพราะแผนการของฮูหยินรอง ถูกส่งตัวไปรับโทษที่ศาลตามกฎ
จ้าวเหลียงจับคนมาหลายสิบคน ทุกคนถูกขังในคุกใต้ดินของจวนแม่ทัพหลี่ แม้หลี่เฟิ่งเซียนไม่กล้าเข้าไปด้านในคุกอีก แต่ก็ยังเค้นข้อมูลออกมาได้ชุดหนึ่ง ที่แท้คนพวกนี้ถูกจ้างมาจากพ่อค้าเกลือผู้หนึ่ง ให้ไปก่อกวนโรงหมอของนางทุกวัน บางคนเป็นคนปล่อยข่าวร้ายๆ ในช่วงนี้ด้วย เคยส่งบรรณาการให้พระสนมฟางหรงประจำ
ต่อมา มีคนชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง รวมตัวกันพยายามจะไปร้องเรียนกับศาลไคเฟิงเรื่องที่คุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ ข้อหาไม่จ่ายเงินค่าอาหาร ทะเลาะกับคนอื่นจนร้านค้าเสียหาย และไม่ยอมจ่ายเงินค่าซื้อเสื้อผ้าหลายร้อยตัว ถึงจะเอาเสื้อผ้ามาคืนแล้วแต่สินค้าได้รับความเสียหาย
พ่อบ้านต้องไปนั่งคุกเข่ารับฟังการไต่สวน เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบาย และคุณหนูใหญ่ต้องอยู่ดูแล ถึงจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ว่าคุณหนูใหญ่ขี้เกียจจึงหาข้ออ้างไปเท่านั้น แต่การสอบสวนก็ดำเนินไปปกติ
ใต้เท้าที่ศาลสอบสวนไปมา กลายเป็นว่า เป็นลูกจ้างของร้านน้ำชาใกล้นอกเขตเมืองหลวง ตอนนั้นที่เกิดเหตุ หลี่เฟิ่งเซียนจำได้ว่าสั่งให้ยู่ยี่จ่ายเงินค่าเสียหายให้ร้านน้ำชานั้นไปแล้ว
เสื้อผ้าพวกนั้น ตอนสั่งมาให้ลู่มู่เฉินเขาก็ไม่แตะแม้สักตัว นางก็สั่งให้ยู่ยี่เอาไปคืนทั้งที่ยังไม่ได้เอาออกมาดู ทั้งยังสั่งให้จ่ายค่าเสียเวลาให้ร้านค้าไปมากมายแล้ว นอกจากกุญแจหีบสมบัติที่อยู่กับท่านย่า ถุงเงินของนางและข้าวของเครื่องประดับที่มีค่า หลี่เฟิ่งเซียนก็เอาให้ยู่ยี่รับผิดชอบดูแลทั้งหมด
ปกติแล้วสำหรับหลี่เฟิ่งเซียน อะไรที่ต้องจ่ายเงินนางจะให้ยู่ยี่จัดการทั้งหมด เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นางจึงถามยู่ยี่ แต่ยู่ยี่กลับร้องไห้ว่าได้ทำตามที่คุณหนูใหญ่สั่งทั้งหมดแล้ว และตัดพ้อว่าคุณหนูใหญ่ไม่เคยไว้ใจนาง ร้องไห้หนีกลับไปนอนในห้องส่วนตัว อยู่ในห้องแล้วยู่ยี่ก็ยังบ่นด่าคุณหนูใหญ่ตลอดเวลา ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่