บทที่ 31
ของฝาก!
ต่อให้อยากแก้แค้นหนิงลี่ให้สาสมแค่ไหน แต่เด็กในท้องของจางเหมยเหมยไม่มีความผิด พวกเขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หากฉินหรูวางยาไม่เลือกหน้า นางก็ไม่ต่างอะไรกับหนิงลี่เลยสักนิด
ก่อนกลับมาเหยียบบ้านเสิ่นอีกครั้ง ฉินหรูมีข้อมูลของพวกเขาอยู่แล้ว รู้ว่าจางเหมยเหมยแพ้อาหารประเภทถั่ว เกาลัดก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยเหตุผลนี้ฉินหรูถึงได้จงใจซื้อขนมเปี๊ยะไส้เกาลัดมาฝาก
กลับมาเยี่ยมบ้านเสิ่นตามที่พวกเขาต้องการแล้ว เป้าหมายก็ทำจนบรรลุแล้ว เฟิงหยางกับฉินหรูจึงขอตัวกลับ
ตอนเดินมาถึงลานกว้างหน้าบ้าน ฉินหรูชะงักฝีเท้า ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ ข้ายังไม่ได้มอบของฝากให้กับคุณชายเสิ่นเซียวอวี้เลยนี่น่า”
พ่อบ้านที่เดินมาส่งทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ถ้าไม่รังเกียจ ฝากบ่าวไปให้กับคุณชายรองแทนได้หรือไม่ขอรับ”
ฉินหรูมองพ่อบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ได้หรอก ของฝากชิ้นนี้สำคัญมาก กว่าจะหาซื้อของฝากชิ้นนี้มาได้ ต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปไม่น้อย ข้าอยากให้เขาออกมารับด้วยตัวเอง รบกวนพ่อบ้านไปเรียกเขามาที พวกข้าจะรอที่รถม้า”
“ได้ขอรับ”
หลังจากพ่อบ้านเข้าไปรายงานเจ้านาย ครู่ต่อมา เสิ่นเซียวอวี้กับหนิงลี่ก็เดินมาที่หน้าประตูใหญ่
แน่นอนว่า สีหน้าของหนิงลี่ยังคงหวาดระแวงฉินหรูอย่างเห็นได้ชัด คงอยากดูว่านางจะมาไม้ไหนอีก
ฉินหรูกับเฟิงหยางยืนรออยู่ข้างๆ รถม้า พอเห็นทั้งสองมาถึง ฉินหรูยิ้มแย้ม มองภายนอกดูไร้พิษสงอย่างยิ่ง
“คุณชายเสิ่นเซียวอวี้ ข้ามีของมาฝากท่านด้วย เมื่อครู่ลืมเสียสนิท ต้องลำบากท่านออกมารับด้วยตัวเองแล้ว”
“ไม่เป็นไร”
เสิ่นเซียวอวี้บอกพลางยิ้มเจ้าชู้ให้กับฉินหรู
“รอสักครู่นะ เดี๋ยวข้าจะยกมาให้”
ว่าจบ ฉินหรูเดินไปหยิบของในรถม้า
ตอนที่นางยก ‘ของฝาก’ ออกมา หนิงลี่เบิกตาโตด้วยความตะลึง มองของที่อยู่ในมือของฉินหรูตาแทบถลนออกจากเบ้า
“นี่มัน!”
“…”
ด้านเสิ่นเซียวอวี้หลุดสีหน้ากระวนกระวาย
“คุณชายเสิ่นเซียวอวี้ ช่วยรับไปที ของฝากชิ้นนี้จะว่าหนักก็หนักอยู่” ฉินหรูบอก พร้อมกับยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“อะ อืม” เสิ่นเซียวอวี้ตอบกลับ หลังจากลังเลสักครู่ เขาก็ขยับเท้าเดินมาตรงหน้าฉินหรู
จังหวะที่เสิ่นเซียวอวี้ยื่นมือทำท่าจะรับกระถางต้นไม้ หนิงลี่เสียอาการ ตวาดเสียงดังลั่น
“อย่ารับมานะ ลูกอวี้!”
“ก็แค่ต้นไม้ต้นเดียว หนิงฮูหยินมีปัญหาอะไรหรือ” เฟิงหยางถามหน้านิ่ง
“นั่นสิเจ้าคะ หนิงฮูหยินดูหวาดระแวงตั้งแต่ข้ายกกระถางต้นไม้ออกมาแล้ว ไม่ทราบว่า ‘ของฝากชิ้นนี้’ มีปัญหาตรงไหน ข้ากับสามีได้ยินมาว่าคุณชายเสิ่นเซียวอวี้เป็นโรควิตกกังวล ก็เลยเสาะหาสมุนไพรช่วยรักษาโรคมาให้จนพบต้นไม้ชนิดนี้ ว่ากันว่ามีสรรพคุณช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ทั้งที่พวกเราหวังดีแท้ๆ ทำไมท่านถึงไม่ชอบใจกัน” ฉินหรูสาธยายโดยแสร้งทำเป็นหวังดี
“พวกเจ้านี่มัน…” หนิงลี่กัดฟันแน่น
“ขอบคุณพวกท่านมาก” เสิ่นเซียวอวี้ไม่ฟังคำเตือนของมารดา รับกระถางต้นไม้มาจากฉินหรูราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ลูกอวี้?”
“ของฝากจากพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ ข้าจะไม่รับได้หรือ” เสิ่นเซียวอวี้พูดกับมารดาด้วยสีหน้าจนใจ
หนิงลี่ไร้คำพูด ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ต้นไม้ที่เฟิงหยางเสาะหามานี้มีใบเรียวยาวเป็นแฉกลึก สีเขียวทั้งต้น พืชชนิดนี้หากใช้แบบพอดีจะกลายเป็นยา แต่มากไปก็ให้โทษ มันถูกเรียกว่า ‘ต้าหมา(กัญชา)’
ราวๆ 2-3 ปีก่อน เสิ่นเซียวอวี้ไม่เพียงติดการพนัน แต่ยังติดสุราจากหอสุราเยว่เซียน ผลาญเงินไปไม่น้อย ภายหลังทางการสืบทราบมาว่า หอสุราเยว่เซียนมีห้องลับสำหรับลูกค้าชั้นสูงใช้เสพสารแห่งความสุข
แม้ตอนนี้หอสุราเยว่เซียนปิดตัวลงแล้ว แต่ใบต้าหมายังคงมีขายอย่างลับๆ
ย้อนกลับมาเรื่องของเสิ่นเซียวอวี้ หลังจากหนิงลี่รู้เรื่องที่ลูกชายสุดรักสุดหวงแหนติดสารแห่งความสุข ก็ได้ส่งเสิ่นเซียวอวี้ไปรักษาตัวที่บ้านเกิดของนาง ด้วยอ้างว่าส่งลูกชายไปเล่าเรียน
บ้านเกิดของหนิงลี่อยู่เมืองทางใต้ ใกล้กับเจียงหนาน
ใช้เวลาบำบัดนานเป็นปี เมื่ออาการของเสิ่นเซียวอวี้หายจนเกือบเป็นปกติ หนิงลี่จึงไปสู่ขอบุตรสาวตระกูลจาง ซึ่งเป็นตระกูลที่รู้จักกัน เพราะคิดว่าหากเสิ่นเซียวอวี้มีครอบครัวแล้วจะเลิกคิดเรื่องอื่น
“ของฝากก็มอบให้แล้ว เช่นนั้นพวกเราขอตัวลา” ฉินหรูตัดบท หันหลังให้กับพวกเขาทันที
เฟิงหยางไม่พูดไม่จา ประคองภรรยาขึ้นรถม้า
ทันทีที่ รถม้าเคลื่อนตัวจนพ้นหน้าบ้านเสิ่นแล้ว หนิงลี่สั่งให้พ่อบ้านนำต้นต้าหมาไปทำลายและทิ้งไกลๆ
เสิ่นเซียวอวี้มองกระถางต้นไม้ด้วยสายตาเสียดาย
ภายในรถม้า
ฉินหรูหัวเราะอย่างร่าเริง
แม้เป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็ทำให้หนิงลี่หัวเสียได้ สะใจจริงๆ
ดวงตาคมเข้มฉายแววลึกล้ำขณะมองรอยยิ้มของภรรยา ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “หนิงลี่คงรีบเอาต้นต้าหมาไปทิ้ง แผนที่จะทำให้เสิ่นเซียวอวี้กลับไปติดสารแห่งความสุขอีกคงล้มเหลวแล้ว”
“ไม่ล้มเหลวเจ้าค่ะ” ฉินหรูตอบอย่างมั่นใจ “เสิ่นเซียวอวี้เคยเสพติดสารแห่งความสุขครั้งหนึ่ง พอได้เห็นสิ่งนั้นอีกครั้ง ย่อมต้องรู้สึกอยากกลับไปเสพใหม่ แม้ตอนนี้หอเยว่เซียนปิดตัวลงแล้ว แต่เจ้าของร้านนิรนามคนนั้นยังแอบเปิดสถานที่ลับๆ อยู่ไม่ใช่หรือ”
เฟิงหยางเองก็คิดเช่นเดียวกับฉินหรู เมื่อครู่ แค่ลองถามเท่านั้นเอง ว่าแต่ว่า…
“เรื่องพวกนี้ เหตุใดเจ้าถึงรู้ละเอียดนัก”
“คุณชายรองสกุลเซวียบอกข้ามา”
คำตอบนี้ทำเอาดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มฉายแวววาวโรจน์
“เซวียอวี้เจิน?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วพร้อมเอ่ยนามนั้น “พวกเจ้าสนิทกับเขามากเลยหรือ”
ฉินหรูไม่ได้สังเกตเห็นความไม่พอใจในแววตาของสามี ตอบกลับอย่างทันที
“สมัยที่ข้าทำงานเป็นแม่ครัวให้กับบ้านเซวีย เซวียอวี้เจินมักมาคุยเล่นกับข้าเสมอ นั่นเพราะเขารู้ว่าข้าเป็นภรรยาของท่าน พูดไปแล้ว เซวียอวี้เจินมองว่าท่านเป็นสหายสมัยเด็กของเขามาตลอดเลยนะ”
“อย่างนี้เอง”
ความโกรธของเฟิงหยางคลายลงเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ
“เซวียอวี้เจินนิสัยอ่อนโยน เป็นมิตรแม้กับคนอย่างข้า เพราะอย่างนั้น เซวียเยี่ยนจื่อคนพี่ จึงตัดสินใจไปเป็นทหารแทน” เฟิงหยางกล่าวถึงความหลัง
“พวกเขาเป็นพี่น้องที่ห่วงใยกันมาก” นางว่า
เฟิงหยางคิดตามสิ่งที่นางพูด ก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
“เรื่องในวันนี้ จริงๆ แล้วต้องขอบคุณสหายของเจ้า คราวหน้าเจ้าเชิญพวกนางมากินข้าวที่บ้านด้วยกันสิ ข้าเองก็อยากทักทายพวกนางด้วย” เฟิงหยางกล่าว
พูดถึงสหายสนิทของฉินหรู เขาคงหมายถึงไป๋เหิงกับเสี่ยวจิน
ไป๋เหิงกับเสี่ยวจินคอยหาข่าวลือเกี่ยวกับบ้านเสิ่นมาบอกเล่าให้ฉินหรูฟัง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็กๆ
ฉินหรูเล่าเรื่องที่สืบมาทั้งหมดให้กับเฟิงหยางฟังต่ออีกที เฟิงหยางเองก็มีข้อมูลบ้านเสิ่นอยู่แล้ว พอใช้ข้อมูลของทั้งสองมารวมกัน จึงเกิดเป็นแผนการวันนี้ ฉินหรูกับเฟิงหยางได้เตรียมการล่วงหน้า และผลออกมาราบรื่น
คุยกันมาถึงตรงนี้ รถม้าจอดหน้าบ้านของพวกเขาพอดี
เมื่อทั้งสองเดินเข้าบ้าน เจ้าตัวน้อยวิ่งมาเกาะขาเฟิงหยาง
“ท่านพ่อ!”
“พ่อกลับมาแล้ว” เฟิงหยางยิ้มอ่อนโยน
“ฮิๆ” เจ้าตัวเล็กส่งเสียงหัวเราะอย่างสดใส ตอนหันมาทางฉินหรู ปากเล็กๆ ขยับเรียก “ท่านแม่”
“จ้า แม่กลับมาแล้ว”
เฟิงหยางอุ้มลูกขึ้นมาจากพื้น อาเหยาไม่ขืนตัวต่อต้านยามที่ถูกชายหนุ่มอุ้มแล้ว เหมือนว่าเด็กน้อยจะคุ้นชินกับคนเฟิงหยางมากกว่าแต่ก่อน
นางมองเฟิงหยางกับอาเหยาด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความสุข ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม