แชร์

บทที่ 35 (ต่อ)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:16:52

บทที่ 35 (ต่อ)

“พี่พวกมันมาตามหานางใช่หรือไม่?”

สตรีร่างอวบเดินออกมาจากห้องหนึ่งในกระท่อม ก่อนหน้านี้ผู้เป็นสามีบอกให้ตนเข้าไปแสร้งทำเป็นนอนหลับแล้วตัวเองก็ออกไปรับหน้า ซึ่งการที่เปิดไปเจอเหล่าชายชุดดำนั้นไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมายนัก แต่ที่บอกว่าไม่เกินคาดนั้นไม่ใช่เขาทั้งสองคนรู้กันเองหรอกนะทว่าเป็นนังหนูที่ตนช่วยไว้ต่างหากที่คาดไว้!

ก่อนฟ้าสว่างวันนี้ผู้เป็นสามีตื่นขึ้นมาและออกไปตักน้ำอย่างทุกที ส่วนฝ่ายภรรยาก็เดินเข้าไปดูสตรีที่พวกตนช่วยชีวิตไว้อย่างที่ทำมาทุกช่วงสองสามวันมานี้ แต่ที่ไม่เหมือนอย่างเคยคือในห้องนั้นไร้ซึ่งนังหนูนั่นแล้ว! ทั้งเสื้อผ้าและของที่เป็นของนางต่างก็ไม่อยู่ทิ้งไว้เพียงเศษผ้าที่มีตัวอักษรยึกยือเขียนทิ้งไว้เท่านั้น และดีที่ภรรยาของเขาแต่ก่อนเคยอยู่ในตระกูลพ่อค้าก่อนดั้นด้นมาแต่งงานกับนายพรานอย่างเขาจึงพออ่านออก 

โดยใจความนั้นเอ่ยเรื่องขอบคุณพวกเขาทั้งสองคนที่ช่วยชีวิตนางไว้และบอกว่าหากมีโอกาสจะต้องมาตอบแทนพวกเขา แล้วยังขอโทษพวกเขาที่โกหกเรื่องที่มาของตนและนางก็ไม่ได้เขียนบอกว่านางมาจากตระกูลใดกันแน่ แต่ได้กำชับกับพวกเขาว่าหากช่วงหลังจากนางออกมาแล้วมีคนมาถามหาให้ทำเหมือนกับว่านางไม่เคยอยู่ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา สุดท้ายก็กำชับว่าให้นายพรานเอาผ้ามาพันที่แขนไว้ทำทีเป็นบาดเจ็บเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาอีกเช่นเดียวกัน แม้ว่านายพรานและภรรยาจะไม่รู้ว่านางแนะนำให้พวกเขาทำอย่างนั้นเพื่อเหตุใดแต่พวกเขาทั้งสองก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง และในเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาเจอเหตุการณ์ที่มีคนแปลกหน้ามาเยี่ยมเยียนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 

พอพวกชายชุดดำไปพวกเขาจึงได้กลับมาหายใจคล่องอีกครั้ง หากไม่ได้คำแนะนำของสตรีนางนั้นพวกเขามีหวังทำอะไรไม่ถูก อีกใจก็อดเป็นห่วงนางมิได้แต่หากต้องเอาชีวิตของตนมาเสี่ยงอันตรายพวกเขาก็คงไม่ยอมหรอก

 

ซูเมิ่งเดินทางมาตลอดทั้งคืนนางพยายามไปตามทางที่เคยแอบถามกับนายพรานผู้ช่วยชีวิตไว้ เป็นทางไว้สำหรับขึ้นเขาไปยังตลาดในเมืองที่ใกล้ที่สุด โดยช่วงกลางคืนซูเมิ่งก็เร่งเดินตลอดเพิ่งหาที่พัก เพื่อในช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้ตรงหัวจะได้พักผ่อน โดยหยิบแผ่นแป้งที่แข็งราวหินขึ้นมาละเลียดชิมทีละน้อย และดื่มน้ำที่พกมาและขึ้นไปนอนข้างบนต้นไม้ต้นหนึ่ง คิดว่าจะนอนพักเอาแรงและที่สำคัญคือแผลที่ไหล่ของนางเริ่มปวดอีกแล้ว ยาคงหมดฤทธิ์แล้วล่ะดังนั้นก่อนหลับซูเมิ่งจึงนำสมุนไพรที่บดแล้วขึ้นมาเปลี่ยนกับของเก่า แต่เนื่องจากแผลมันอยู่ด้านไหล่ค่อนไปทางด้านหลังนางจึงทำค่อนข้างลำบาก  พยายามโปะยาให้ตรงตำแหน่งเท่าที่ทำได้และรีบทำแผลแล้วเอาผ้าและยาที่เปลื้อนเลือดลงไปฝังใต้หลุมที่เพิ่งขุดไว้

ฟลุบ ปึก!

เปลือกตาเปิดขึ้นโดยพลันพลางเอี้ยวตัวหลบลูกธนูที่พุ่งมาจากด้านหลังทำให้ร่างบางตกลงสู่เบื้องล่าง พอสองขาเหยียบลงบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วก็รีบเงยหน้าขึ้นแต่ฉับพลันก็มีปลายดาบจ่อมาที่คอเรียว

“เจอสักทีนะคุณหนูซูเมิ่ง!”

เสียงหนาบวกกลิ่นกายราวปีศาจแผ่กำจายออกมา รอบกายซูเมิ่งมีเหล่าบุรุษชุดดำหลายสิบคนรายล้อมไร้ทางออก

“ขออภัยที่ต้องทำให้พวกเจ้าเหนื่อยแล้ว แย่เลยเนอะ กัดไม่ปล่อยเสียจริง”

พอได้ยินดังนั้นเจ้าของประโยคก่อนหน้าก็เกิดนัยน์ตามืดดำกว่าเดิม คำพูดนางนั้นเย้ยหยันในเรื่องที่เขาไม่ชอบใจอยู่แล้ว 

“หึ ทำเป็นปากดีไปเถอะ อีกไม่นานหัวเจ้าก็จะไม่ได้ตั้งอยู่บนบ่าแล้ว เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ถือสาแล้วกัน”

สิ้นคำก่อนที่ฝ่ายเหล่านักฆ่าจะทันได้ลงมือ ซูเมิ่งก็คว้าเอาปิ่นปักผมตนออกมาจากแขนเสื้อกดปุ่มให้เข็มหลายสิบเล่มพุ่งเข้าโจมตีที่จุดตายของคนทันที ทำให้เหล่านักฆ่าในชั้นแรกที่ล้อมพากันล้มลงตายตาเหลือกอย่างไม่ทันรู้สึกตัว ก่อนที่ร่างบางจะโน้มตัวลงไปคว้าดาบเล่มหนึ่งจากศพหนึ่งขึ้นมาใช้มันรับการโจมตีกับนักฆ่าที่เหลือที่กรูเข้ามาโจมตีนาง

แม้ไหล่ซ้ายจะบาดเจ็บสาหัสแต่ข้างขวานั้นยังใช้การได้ดี ซูเมิ่งจึงใช้มือขวาจับดาบส่วนข้างซ้ายก็พยายามให้มีการขยับน้อยที่สุดแต่นั่นก็ยากยิ่ง ยิ่งต่อสู้นานเท่าไรแผลยิ่งปริออก ยาสมุนไพรที่เพิ่งเปลี่ยนก็ไม่สามารถระงับการปวดได้อีกต่อไปแล้ว ผ้าพันแผลชุ่มเลือดปรากฏขึ้นเด่นชัดทำให้หนึ่งในนักฆ่าสังเกตเห็นเข้า เขาส่งสัญญาณให้คนอื่นเปลี่ยนมาเน้นโจมตีเข้าทางด้านซ้ายของซูเมิ่งแทน จากที่พอป้องกันได้พอพวกมันล่วงรู้จุดอ่อนของซูเมิ่งทำให้ร่างบางหลบการโจมตีและป้องกันได้ยากขึ้น ฉับพลันตอนช่วงที่มือบางกำลังยกดาบขึ้นรับดาบของนักฆ่าคนหนึ่งที่ฟันเข้ามาทางด้านขวาก็มีนักฆ่าอีกคนทางด้านซ้ายจ้วงแทงเข้ามาอีกทางเช่นกัน 

เคร้ง! 

แต่ก่อนที่ดาบจะได้ลิ้มรสเลือดของสาววัยแรกแย้มพลันมีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งกระแทกใบดาบทำให้ทิศทางของดาบเปลี่ยนไป!

ซูเมิ่งที่ยกดาบขึ้นรับคมดาบด้านขวาไว้อยู่นั้นพอนางได้ยินเสียงดังข้างกายก็รีบใช้ขวาถีบชายร่างกำยำเจ้าของคมดาบกระเด็นไป ก่อนหันมองที่มาเสียง รอบนอกไปไกลเกินครรลองสายตามีกลุ่มคนมาใหม่หลายสิบคนกรูเข้ามาจัดการกลุ่มนักฆ่าจนหนีแตกกระจายไปเพราะหากไม่หนีก็ต้องเป็นศพ และฝ่ายผู้มาใหม่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตามไปพวกเขากลับมุ่งตรงมาหาหญิงสาวร่างบางหนึ่งเดียวกลางวง สายตาหลายสิบคู่จดจ้องไปที่ซูเมิ่งราวเห็นสิ่งแปลกประหลาด

เสื้อผ้าที่ซูเมิ่งใส่อยู่ตอนนี้ไม่ว่าจะเพ่งมองอย่างไรก็มองไม่ออกมาเดิมคือสีอะไร เพราะตอนนี้มันถูกย้อมไปด้วยสีเลือดที่ไม่รู้ว่าของใคร 

เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายที่ซูเมิ่งฮึดมาหมดไปทันที ขาเรียวทรุดลงกับพื้นยังดีที่แขนขวาที่กำดาบยังพอรู้หน้าที่ ดาบในมือปักลงในดินช่วยเป็นที่พึ่งพิงทำให้ซูเมิ่งไม่ดูหมดสภาพเกินไป ไหล่ที่ไหวอย่างแรงเพราะเเรงหอบยังไม่หยุดขยับ ส่วนไหล่ซ้ายตอนนี้ด้านชาไปหมดแล้ว สองสายตามองไปยังกลุ่มบุรุษที่มาใหม่ ตรงหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีเรียบเดินเข้ามาใกล้ซูเมิ่งเรื่อย ๆจนมาหยุดที่เบื้องหน้านางห่างไม่เกินสองชุ่น

 

…อืม ไม่คุ้นหน้าแฮะ 

ซูเมิ่งเงยหน้ามองใบหน้าบุรุษที่มายืนแข็งทื่อตรงหน้าซูเมิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาผิวเข้มเล็กน้อยอย่างพอดี ริมฝีปากเหยียดตรงบางเฉียบและนัยน์ตาว่างเปล่า ไหนจะรังสีความเยือกเย็นที่แผ่ออกมารอบข้างนั่นอีก มันทำให้ซูเมิ่งนึกถึงใครบางคนที่มีลักษณะท่าทางคล้ายแบบนี้ขึ้นมา

…ชินหวัง

แต่ก็ชัดเจนว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ เพราะใบหน้าไม่เหมือนเลยสักส่วน

ว่าแต่เขาคือใครแล้วมาช่วยนางทำไม? 

แต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ไยซูเมิ่งถึงรู้สึกว่าโลกที่นางยืนอยู่ถึงหมุนแรงกว่าเดิมเล่า แล้วไฉนทำไมชายหนุ่มรูปงามผู้มาช่วยนางถึงได้อยู่ดีดีก็มีหลายคนได้ แล้วยังภาพที่เริ่มเบลอ และสุดท้ายสติของซูเมิ่งก็ดับวูบลงพร้อมร่างบางที่เอนล้มลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก

 

เสียงทุ้มของชายหนุ่มหนึ่งและชราอีกหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลทำให้ร่างบอบบางของซูเมิ่งบนเตียงรู้สึกตัว เสียงขยับตัวเพียงเล็กน้อยทำให้คนที่กำลังคุยอยู่กับชายชรารีบกลับหันกลับมามองที่เตียงทันที และพอเห็นว่าคนบนเตียงลืมตาขึ้นมาแล้วร่างหนาก็รีบรี่มาที่ข้างเตียงแทบจะทันที

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” 

พอเห็นหน้าชายเจ้าของเสียงทำเอาซูเมิ่งต้องหลับตาลงอีกรอบและลืมตาขึ้นอีกที แต่คนตรงหน้าก็ยังคงเป็นเขา

…ชินหวัง???

“ขะ…น้ำ” 

สตรีที่น่าจะเป็นบ่าวรับใช้รีบยกถ้วยน้ำชาไปแต่เป็นเว่ยซือหมิงที่ฉกมาก่อน มือหนึ่งช่วยซูเมิ่งให้ลุกขึ้น อีกมือหนึ่งรับถ้วยน้ำมาถือไว้ และป้อนให้ดื่มอย่างไม่รีรอ

“แค่ก ๆ ขอบพระทัยเพคะ”

พอได้น้ำเข้าร่างกายซูเมิ่งจึงพูดได้เต็มเสียง ในหัวนางเริ่มหวนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะหมดสติไปและจำได้ว่าคนที่มาช่วยตัวเองคือบุรุษคนหนึ่งที่ใบหน้าไร้อารมณ์นี่นา ไม่ใช่คนตรงหน้าเสียหน่อย ซึ่งซือหมิงก็พอเดาออกจากสีหน้าซูเมิ่งที่ฉายความฉงนออกมาพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น

“เจ้ามีอะไรเอ่ยออกมาเถอะ หายข้องใจแล้วจะได้ทานอาหารและกินยา”

พอซูเมิ่งได้ยินดังนั้นก็เลื่อนสายตามองคนพูด และมองรอบตัวตนเอง

…นางอยู่ในห้องของที่ไหนสักแห่งที่ค่อนข้างหรูหรา ขนาดห้องก็ใหญ่กว่าห้องของนางที่จวนตระกูลไป๋มากโข แต่ที่แปลกประหลาดที่สุดคือท่าทีของบุรุษตรงหน้าต่างหาก ดวงตาที่มองมาที่นางนั้นแฝงความอบอุ่นต่างจากแต่ก่อนที่ดูลึกลับยากเข้าถึง ท่าทีก็ดูไม่ไว้เนื้อไว้ตัวอย่างแต่ก่อน

“หม่อมฉันมาอยู่ที่นี่ไหนเพคะ? แล้วพระองค์มาอยู่ที่นี่กับหม่อมฉันได้อย่างไร? แล้วผู้ชายคนที่หน้านิ่ง ๆหล่อ ๆคนที่ช่วยหม่อมฉันไว้ไปไหนแล้วล่ะเพคะ?” 

ที่ถามถึงชายคนที่ช่วยชีวิตนางไว้เพราะคิดว่าตนนั้นยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณเลย ทว่าทางฝ่ายซือหมิงที่พอได้ยินสตรีตรงหน้าคนที่เขาอดหลับอดนอนตามหาและเฝ้าอาการทั้งคืนกลับเอ่ยถามถึงคนอื่นหน้าตาเฉย แถมคราแรกที่นางเห็นหน้าเขาก็ไม่ได้มีสีหน้าดีใจเลยก็รู้น้อยใจยิ่งนัก นัยน์ตาอบอุ่นตอนแรกจึงกลับไปเป็นแฝงความเยือกเย็นดังเคยและมองไปที่ซูเมิ่งอย่างดุดัน แต่ก็ยังยอมอ้าปากตอบ

“เจ้าอยู่ที่คฤหาสน์นอกเมืองของข้า ส่วนเรื่องที่ข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนั้นไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องบอกเจ้าเสียหน่อย” 

พูดจบก็ผุดลุกขึ้นฉับพลันและก่อนหมุนตัวออกจากห้องไปก็ไม่ลืมหันมาเอ่ยกับซูเมิ่งก่อน

“เดี๋ยวข้าให้คนนำอาหารเข้ามาเจ้าทานแล้วก็กินยาด้วยล่ะ แล้วก็นอนพักผ่อนเสีย”

ปึง!

เสียงปะตูปิดอย่างแรงพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเป็นปมยิ่งกว่าเดิม มองท่าทีของชินหวังที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตา

…เอ เมื่อครู่เขาให้นางถาม นางก็ถามแล้วไง? นางทำอะไรผิดกันหนอ?

ถงฝูที่เฝ้าอยู่นอกห้องมาตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่รีบรี่เดินทางมาที่นี่เมื่อรู้ข่าวว่าหลิ่งซานเจอคุณหนูซูเมิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นนายที่เดินออกมาพร้อมรัศมีความเย็นยะเยือก และก่อนที่ซือหมิงจะเดินผ่านถงฝูไปก็หยุดที่หน้าเขาเสียก่อน

“หลิ่งซานอยู่ที่ไหน?”

ถงฝูเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นนาย พลันร่างกายก็สั่นเทิ้ม

…น้ำเสียงแบบนี้ สีหน้าแบบนี้ เขาขอไว้อาลัยให้กับสหายหน้านิ่งนามว่าหลิ่งซานก่อนเลย

“พักผ่อนอยู่ที่ห้องพะยะค่ะ”

“อืม สบายเสียจริง เปลี่ยนมือภารกิจที่ให้หลิงซื่อไปทำให้หลิ่งซานเสีย หากไม่สำเร็จไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้า!”

สิ้นคำร่างหนาแผ่นหลังเหยีบดตรงก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้ถงฝูอ้าปากค้างกับท่าทีของเจ้านาย ก่อนเข้าไปในห้องชินหวังยังอารมณ์ดีอยู่เลยไฉนพอออกมากลับเป็นอย่างนี้ไปได้ และการที่หลิ่งซานพักผ่อนก็เป็นคำสั่งของชินหวังเองที่ให้รางวัลเขาเพราะตามหาคุณหนูซูเมิ่งเจอและช่วยนางจากอันตรายได้ทันเวลา ทว่าตอนนี้กลับลงโทษหลิ่งซานเสียอย่างนั้น

…เอ หรือว่าคุณหนูซูเมิ่งจะอาการป่วยหนักแล้วเจ้านายของเขาเลยเครียด

แม้จะยังไม่เข้าใจแต่ถงฝูก็ได้แต่ทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย สองเท้ามุ่งเดินไปยังห้องของหลิ่งซานเพื่อเเจ้งข่าวร้ายทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status