คุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพ เอาแต่ใจที่สุด เลือกกินที่สุด ชอบชายงามที่สุด แต่หลังจากนางไล่ตามอ๋องเยียนไปชายแดนครั้งนั้น กลับมานางก็เปลี่ยนไป และพาสามีอัปลักษณ์คนหนึ่งกลับมาด้วย นางทั้งเอาใจเขา รักเขา คลั่งเขา *** หลี่เฟิ่งเซียนนั่งมองคนชั่วในกรงสุนัขจากช่องฝาผนังของห้องเก็บฟืน นางไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเขาต้องช่วยนางมากเพียงนั้น ถึงขั้นยอมอยู่ในกรงสุนัข เห่าหอนเช่นสุนัข หากเป็นนางคงหนีเอาตัวรอดก่อน หรือไม่ก็ตายให้สิ้นเรื่อง นางนั่งมองเขาจนนางหลับไป ส่วนคนชั่วคนนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางนั่งจ้องเขาอยู่เป็นนานสองนาน ในเมื่อห้องเก็บฟืนเก่านั่น ผนังไม้หลุดไปหลายแผ่น ไม่ได้มิดชิดอะไร เขาได้แต่หงุดหงิด หัวใจสั่นรัวเป็นบางครั้ง แต่ไม่กล้ามองกลับไปทางที่นางอยู่ คิดเพียงว่านางอาจกำลังสมเพชเขาที่ยอมถูกดูแคลนมากเช่นนี้ หรือไม่ก็กำลังดูถูกเขาที่นั่งอยู่ในกรงราวกับสุนัข ****
View Moreหลี่เฟิ่งเซียน คุณหนูใหญ่ ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนแม่ทัพ รั้นเอาแต่ใจอยากตามท่านพ่อและท่านอ๋องเยียนไปชายแดนสวีโจวให้ได้ นางให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องตามไปเกี้ยวท่านอ๋องเยียน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า แม้จะถูกท่านย่าทำโทษคุกเข่าในศาลบรรพชนกระทั่งขบวนทัพออกเดินทางได้หลายวันแล้ว สุดท้ายเมื่อท่านย่ารู้ หลี่เฟิ่งเซียนก็หอบผ้าขี่ม้าตามขบวนทัพไปแล้ว
เพราะตามมาช้าหลายวัน ต่อให้หลี่เฟิ่งเซียนควบม้าไม่พัก จนต้องเปลี่ยนม้าไปสองตัวก็ยังไม่สามารถตามขบวนทัพทัน นางได้แต่ก่นด่าตามถนนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเมื่อมืดค่ำก็ยังต้องหาที่พักก่อน
คืนนั้นในห้องพัก ระหว่างที่นางกำลังหลับสบาย จู่ๆก็มีบางอย่างปิดลงมาที่หน้าของนางอย่างแรง ด้วยความตกใจหลี่เฟิ่งเซียนสะดุ้งตื่น จมูกได้กลิ่นฉุนบางอย่างคล้ายสมุนไพร นางตะเกียกตะกายคว้าโดนมือของใครบางคน แต่โชคร้าย มือข้างนั้นบีบลงมาที่คอของนางอย่างแรง หายใจไม่สะดวก รู้สึกปวดแสบทั่วลำคอเพราะกลิ่นฉุนและแรงกด แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนรางลง
นางสิ้นสติในที่สุด!!
หลี่เฟิ่งเซียน ตื่นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ลืมตาตื่นท่ามกลางความมืด แต่คล้ายว่านางนอนขดตัวอยู่บนรถม้าที่เต็มไปด้วยฟางข้าวสาลี ที่กำลังวิ่งโคลงเคลงไปตามถนนขรุขระ มีบางอย่างมัดมือของนางไว้ทั้งสองข้างไพล่หลัง
นางพยายามดิ้นรนแต่ไม่หลุด พยายามจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เสียงที่ออกมาจากปากของนาง แหบแห้งจนฟังแล้วคล้ายกับเสียงลูกหมูที่กำลังถูกเชือดคอ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดยังไม่ใช่เสียงของนาง
แต่เป็นความรู้สึกด้านในลำคอที่ราวกับถูกถ่านไฟแดงฉานลวก ทั้งปวดแสบปวดร้อน ทั้งทุกทรมานทุกช่วงขณะที่หายใจ ด้วยความโมโห นางเตะขาไปทั่ว จนกระทั่งไปโดนถูกบางอย่างเข้า
หลังจากนั้น หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงคล้ายบางอย่างกำลังขยับ นางจึงนิ่งตั้งใจฟัง หวังว่าจะเป็นสาวใช้หรือใครบางคนที่ต้องรีบหาทางจุดไฟ และรีบขอโทษขอโพยคุณหนูใหญ่เช่นนาง แต่นางคาดผิด จู่ๆ ก็มีมือผอมบางเย็นยะเยือกข้างหนึ่ง คลำไปทั่วตัวของนาง!
คราแรกก็คลำจากสะโพก ไปที่เอว ค้นเจอถุงเงินและบางอย่างก็หยิบฉวยขโมยทันที หลี่เฟื่องเซียนอยากจะกรีดร้องประท้วงแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เตะเปะปะ ดิ้นรนไม่พอใจ
"ชู่ว..." มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายกระซิบห้ามนางส่งเสียงที่ข้างหู
หลี่เฟิ่งเซียนขนลุกซู่ ตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว นางเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!
มือเย็นข้างนั้นยังคงเลื่อนขึ้นไปบริเวณใกล้หน้าอก ก่อนจะเลี่ยงไปจับแขนของนาง ลูบคลำไปเรื่อยๆ จนถึงลำคอ และเลื่อนไปลูบคลำที่ใบหูของนาง ค่อยๆ ดึงตุ้มหูทองคำแกะสลักที่ฮ่องเต้ประทานให้เมื่อปีก่อนออก
นางเข้าใจแล้วว่ากำลังถูกปล้น แต่ทั้งชีวิตคุณหนูใหญ่เช่นนางไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ถึงนางจะเป็นลูกสาวจวนแม่ทัพ กล้าหาญเหนือชายหลายคน ในสถานการณ์น่ากลัวเช่นนี้ นางทำสิ่งใดไม่ได้มาก ได้แต่นิ่งเฉย ปล่อยให้ตัวเองถูกลูบคลำ ถูกขโมย และร้องไห้ด่าตะโกนในใจ ไม่เช่นนั้นนางอาจตายได้ นางเข้าใจสถานการณ์ดี
นางนิ่งเงียบหวาดกลัวจนคนถ่อยที่ลูบคลำรู้สึกได้ เขาจึงหยุดกระทำเรื่องชั่ว หันไปนั่งห่างๆเช่นเดิม
'หน็อยแน่!!! เจ้าคนชั่ว ทำมาเป็นคนดี ทั้งที่เจ้าขโมยของมีค่าบนตัวข้าไปหมดแล้ว ฮึ่ม!' หลี่เฟิ่งเซียนก่นด่าในใจ เจ็บใจที่กระทั่งด่านางยังทำไม่ได้
เนื่องจากปกติที่ปกติหรือเพราะยาสลบที่นางโดนยังไม่หมดฤทธิ์ดีสำหรับคุณที่มองเห็นการมองเห็นซึมหลับไปอีกครั้งในรถม้าจะกระเด้งกระดอนไม่สบายตัวผ่านมานานมากอย่างเห็นได้ชัด...
นางยังคงถูกมัดมือไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดตามเนื้อตัวและยังคงรู้สึกแสบร้อนในหลี่เฟิ่งเซียนสำรวจตามองไปรอบ ๆ ห้องนี้มีลักษณะคล้ายปรุงอาหารในจวนแม่ทัพอยู่มากเพียงแต่ที่นี่ทั้งสกปรกมีกลิ่นเหม็นพบกับคราบน้ำเฉอะแฉะยังคงดีที่มีกองคานบางๆปูให้นั่งให้นอน
ที่สำคัญนางไม่ใช่คนเดียวที่เจอ!! ส่วนเพิ่มเติมที่คนที่นั่งตัวสั่นสำหรับความต้องการใดๆ จำเป็นต้องเข้าถึงที่ต้องใช้ความผอมแห้งมากขดตัวซุกหน้านอนคู้อยู่ตรงมุมห้องเพราะไม่จำเป็นต้องส่องไปไม่ถึงที่มุมนั้นนางจึงเห็นร่างนั้นไม่ชัดรู้เพียงว่าเสื้อผ้าสกปรกยิ่ง
หลี่เฟิ่งเซียนเบะปากขยะ แขยงและความไม่พอใจ เพราะเหตุใดมีเพียงนางที่ถูกมัดมือ!! แต่ถึงจะโหมโหฬารนางยังคงส่งเสียงไม่ได้หายใจยังยากต่อเนื่อง
จู่ๆก็มีเสียงพูดคุยดังมาแต่ไกลคราแรกยังจับใจฟังประกาศกันรู้เพียงว่าเสียงของชายฉกรรจ์หลายๆ คนที่นี่จะเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนอย่างเห็นได้ชัดอย่างไรอย่างไร
“ฉันเอาคนขาวๆ”
"ฉันอยากได้นางม้าพยศ ฮ่าๆ.."
"ฉันจองคนเด็กสุด"
"เดี๋ยวก่อนจะไม่อยากได้ไม้ต่อผีผอมแห้งนั่น"
หลี่เฟิ่งเซียนพยายามจับใจและวิเคราะห์ที่พูดคุยกันแต่จู่ๆ ความเย็นที่มุมห้องนั่นก็ลุกพราวปราดเข้ามาใกล้นาง ขับไล่นางบนกองแป้งแต่เพราะกองแป้งไม่ได้หนามาก นางยังคงเจ็บร่างกายนางความโมโหมากแต่พูดไม่ได้นางจึงชักสีหน้าแบบคุณหนูใหญ่กลับมา
แต่กลับมีประตูปิดที่ปากแทนนางส่งเสียงมือหนึ่งและดึงเชือกมัดเอวของหลี่เฟิ่งเซียน นางสัมผัสแต่ทำอะไรไม่ได้มากแต่ดิ้นความต้องการของร่างที่คร่อมนางอยู่จะผอมมาก แต่ยังมีแรงสามารถกดนางได้อยู่แล้วคนคนนั้นนั้นบางส่วนถอดเสื้อผ้าของนางปีนี้หลี่เฟิ่งเซียนไม่สามารถยอมได้จริงๆ ถึงแม้ว่าผู้ที่พยายามจะถอดจะเป็นสตรีนางนางเริ่มส่งเสียงแม้จะพูดไม่ได้
"อื้อออ.. อ้ากกก.."
หลายๆ คนที่อยู่ข้างๆ มองมาด้วยความบังเอิญไม่ค่อยจะขยับหลี่เฟิ่งเซียนโมโหนางร้องขนาดนี้เป็นสาเหตุของการล่องเรือที่นางยังคงโง่มไม่ลุกมาช่วยนางอีก
ติดตามของนางหลุดลุ่ยจนเห็นตู้โตว แต่ยายผู้หญิงสกปรกที่นั่งคร่อมนางยังคงอยู่ไม่หยุด ส่งมือมาดึงดึงตู้โตวของนางทิ้ง ระบบภูมิคุ้มกันและยอดชมพูที่ราวกับซาลาเปาลูกท้อกับผู้พิทักษ์ชะงักไปเล็กน้อยอีกครั้งดึงนางขึ้นมาดูแก้มัดมือให้หลี่เฟิ่งเซียน
แต่น่าเสียดายหลี่เฟิ่งเซียนนางต้องการให้คนผู้หนึ่งตำหนิกับนางหรือนางกัดไปบนไหล่ของร่างที่กอดนางอยู่
'นางนี่ ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้วหรือไร ...' แล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็นึกถึงออก
มือผอมบางเย็นยะเยือกนี่คือใช่เจ้าคนที่ปล้นเมืองเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงนี่!!!
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ
Comments