ทะลุมิติมาเป็นสตรีร้ายกาจ 80s

ทะลุมิติมาเป็นสตรีร้ายกาจ 80s

last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Par:  sanvittayamEn cours
Langue: Thai
goodnovel4goodnovel
10
1 Note. 1 commentaire
60Chapitres
2.5KVues
Lire
Ajouter dans ma bibliothèque

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scanner le code pour lire sur l'application

ตายแล้วแทนที่จะได้เกิดใหม่ กลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีร้ายกาจที่ใครต่างก็เบือนหน้าหนี แบบนี้ขอตายอีกสักครั้งได้ไหมนะ ยังไงฉันจะเปลี่ยนแปลงต้วเองให้ดู แต่ใครร้ายมาก็ร้ายกลับไม่โกงนะคะ!!

Voir plus

Chapitre 1

บทที่ 1 ฉันย้อนมาในยุค 80

บทที่ 1 ฉันย้อนมาในยุค 80

เมืองหลิงโจว หมู่บ้านไผ่เขียว ปี 1981

“ฮือ ๆ ซินเยว่ ตื่นมาเถิดลูกแม่ อย่าทำให้แม่กลัวแบบนี้สิ  รู้ไหมว่าใจแม่จะขาดแล้ว ตื่นเถอะลูก” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาพร้อมกับร้องไห้เสียใจปานใจจะขาด นางมองบุตรสาวที่นอนไร้สติด้วยสายตาเป็นห่วง

“สมน้ำหน้าแล้ว หาเรื่องเขาไปทั่วแบบนี้ก็สมควรแล้ว นี่คงเป็นผลพวงจากที่ผู้คนสาปแช่งสินะ”

เสียงหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน นางไม่ชอบหญิงสาวที่นอนสลบอยู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายมักจะหาเรื่องคนไปทั่ว ใครมองหน้าเข้าหน่อยก็ชี้หน้าด่าอย่างไร้เหตุผล จึงทำให้มีแต่คนสาปแช่งเธอมากมาย

“นั่นสิ หาเรื่องคนอื่นก่อนแล้วตัวเองล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ แล้วอย่างนี้จะเอาผิดใครกันล่ะ แบบนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว” ชาวบ้านอีกคนที่มุงดูอยู่พูดขึ้นอย่างเหลืออด เพราะหล่อนก็ไม่ค่อยชอบหญิงสาวที่ชื่อหลินซินเยว่คนนี้สักเท่าไร เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยถูกอีกฝ่ายชี้หน้าด่า โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย

“ทำไมถึงพูดกันแบบนี้ ต่อให้มีเรื่องหรือไม่ชอบใจกัน เห็นคนล้มหัวฟาดพื้นสลบไปแบบนี้ ทำไมถึงไม่เรียกหมอหรือให้ใครมาช่วยพาเธอไปโรงพยาบาล นี่ไม่เท่ากับต้องการให้ซินเยว่ของฉันตายหรือ”

จางฮุ่ยอีที่เป็นแม่ของหลินซินเยว่ ยังคงร้องไห้ฟูมฟายพร้อมกับพูดไปด้วย ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวคนหนึ่งอย่างมีความหมาย

“มองอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ นังซินเยว่มันลื่นล้มของมันเอง ไม่เชื่อก็ถามคนพวกนี้ดูสิ”

หญิงสาวที่มีชื่อว่าตู้หลินเซียนพยายามพูดปัดให้พ้นผิด เธอรู้ดีว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีใครชอบหลินซินเยว่เลย และเธอก็เกลียดอีกฝ่ายมากที่มาแย่งชายที่เธอชอบไป พอเจอหน้ากันในวันนี้จึงมีปากเสียงกันจนลุกลามถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าหลินซินเยว่จะเหยียบไปโดนตะไคร่น้ำจนล้มหัวฟาดกับปูนแล้วสลบไปแบบนี้

พอชาวบ้านได้ยินว่าลูกสาวบ้านตู้ต้องการพยาน ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ก็พยักหน้ารับกันรัว ๆ

“มาเถอะแม่ เดี๋ยวผมพาน้องไปโรงพยาบาลเอง หัวไม่แตกแต่สลบไปแบบนี้ ผมกลัวเลือดคั่งในสมองเหลือเกิน”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกังวลใจ เขาคือหลินอี้เฉินพี่ชายของหญิงสาวที่กำลังนอนสลบไสลอยู่นั้นเอง

ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหลังจากมีคนไปแจ้งข่าวว่าน้องสาวตนเองนั้นลื่นล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ ก่อนจะรีบอุ้มร่างของหลินซินเยว่ แล้วรีบพาไปที่รถสามล้อที่ได้ว่าจ้างมา เพื่อจะได้พาน้องสาวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยมีผู้เป็นแม่ติดตามไปด้วยอย่างห่วงใย

โรงพยาบาลในเมือง

หลังจากส่งน้องสาวเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว หลินอี้เฉินและแม่ก็นั่งรออยู่ที่หน้าห้องด้วยความร้อนใจ เนื่องจากกลัวว่าหลินซินเยว่จะเป็นอันตรายกว่าที่เห็นจากการหกล้มหัวฟาดพื้นในครั้งนี้

เวลาผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมง ร่างของหญิงสาวก็ถูกพามาไว้ที่ห้องพักของผู้ป่วย

“พยาบาล ลูกสาวของฉันเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีกล่ะ” จางฮุ่ยอีถามพยาบาลที่มาดูแลอย่างร้อนใจ

 “อย่ากังวลไปเลยค่ะ หมอบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก ให้นอนพักอีกสักหน่อยก็คงจะฟื้นแล้ว” พยาบาลสาวตอบกลับอย่างใส่ใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักคนป่วย

เมื่อได้ยินพยาบาลพูดอย่างนั้น ทั้งสองก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นหลินอี้เฉินจึงพูดขึ้นมาว่า

“แม่ครับ เดี๋ยวผมกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อส่งข่าวให้พ่อได้รับรู้ก่อนนะครับ พ่อจะได้ไม่เป็นห่วง”

 “ดี ๆ ลูกรีบไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้แม่จะอยู่เฝ้าซินเยว่เอง”คนเป็นแม่รีบตอบกลับอย่างเห็นด้วย นั่นเพราะอยากอยู่เฝ้าลูกสาวที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง

“ซินเยว่ลูกแม่ ตื่นมาเถอะนะลูกรัก แม่เป็นห่วงลูกมากเหลือเกิน อ้อ..จริงสิ เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาไว้ให้ลูกดีกว่า ตื่นมาลูกคงจะหิวน้ำ”

จางฮุ่ยอีมานั่งข้างเตียงแล้วจับมือลูกสาวไว้อย่างห่วงใยพร้อมกับพร่ำบอกให้เธอตื่นขึ้นมาเสียที ก่อนจะนึกได้ว่าลูกสาวคงจะหิวน้ำหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา จึงเดินออกไปหาน้ำมาไว้ให้เธอ

‘ใครคือซินเยว่’ คนที่หลับอยู่คิดในใจอย่างสงสัย

ความจริงเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเธอกำลังสลบอยู่นั้น กลับฟื้นคืนสติมาได้สักพักแล้ว แต่พอรู้สึกหนักศีรษะก็เลือกที่จะไม่ลืมตาขึ้นมา ในใจนึกสงสัยว่า ‘ซินเยว่คือใครกันนะ แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมมีแต่คนพูดภาษาจีนกันล่ะ แล้วทำไมฉันถึงฟังรู้เรื่องทุกคำแบบนี้ ’

หญิงสาวนอนคิดไปคิดมาอย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไร้เรี่ยวแรงที่จะลืมตาขึ้นมา จึงคิดไปเรื่อย ๆ

 ‘เท่าที่จำได้ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในงานรับรางวัลนักธุรกิจมือทอง ซึ่งฉันได้รับรางวัลนี้หกปีซ้อนนี่น่า แล้วเท่าที่จำได้ฉันก็กลับมาถึงที่พัก ก็รู้สึกเหนื่อยล้าและหลับไป แล้วเสียงการพูดจาของคนจีนพวกนี้เป็นใคร คนพวกนี้ไม่น่าจะมาอยู่ในห้องพักของฉันเลยนะ’  

ขณะที่ความคิดของเธอกำลังตบตีกันอยู่นั้น หญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะลืมตาขึ้นมาเพื่อจะได้รู้ว่าใครกันที่มาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาจริง ๆ กลับพบว่าบรรยากาศโดยรอบไม่เป็นเหมือนเดิม ‘สถานที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องของเธอ’

หญิงสาวคิดอย่างตกใจ จากนั้นจึงได้ลุกพรวดขึ้นมานั่ง แล้วหันมองรอบ ๆ จึงได้รู้ว่าตนเองนั้นน่าจะอยู่ที่ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลสักแห่ง แต่ที่น่าแปลกใจเพราะที่นี่ดูเก่าและโทรมมากในสายตาเธอ

 “เอ๊ะ นี่มันที่ไหนกัน” เธอพูดขึ้นเสียงเบา

แต่แล้วจู่ ๆ เธอกลับปวดหัวรุนแรง ก่อนจะมีความทรงจำต่าง ๆ ของใครบางคนฉายให้เห็นไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง จนทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง

ซึ่งเจ้าของร่างนี้มีชื่อว่า “หลินซินเยว่” เธอเป็นหญิงร้ายกาจประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังเป็นหญิงขี้เกียจมาก และไม่ชอบทำงานอะไรเลย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวยแล้วเดินเที่ยวเล่น ใครเห็นก็เอาแต่ส่ายหน้าและไม่คิดแต่งเธอเข้าบ้านมาให้ลำบากทั้งกายใจ

ไม่ว่าเธอจะขี้เกียจและมักจะหาเรื่องคนไปทั่วยังไง แต่ก็ยังเป็นที่รักของครอบครัวหลิน

วันหนึ่งหลินซินเยว่เกิดถูกใจลูกชายคนที่สามของบ้านโม่ โม่กวนหยาง จึงได้วางแผนผิดผีกับเขา เพื่อให้เขาแต่งงานด้วย และแล้วเธอก็ทำสำเร็จ

แต่เพราะขี้เกียจความ เลยมักจะมีปากเสียงกับคนที่บ้านสามีอยู่แทบทุกวัน แม่สามีอย่างฟางเหนียงจึงให้ลูกชายแยกบ้าน โดยให้เงินจำนวนหนึ่งมาสร้างบ้าน ซึ่งหลินซินเยว่เลือกจะสร้างในที่ดินของครอบครัวตนเอง

เมื่อแยกบ้านมาอยู่ด้วยตัวเอง งานทุกอย่างในบ้านจึงตกเป็นหน้าที่ของสามีอย่างโม่กวนหยาง แม้ว่าเขาจะทำงานนอกบ้านด้วยก็ตาม ไม่ว่าจะเหนื่อยอย่างไรเขาก็ไม่เคยบ่น

“โอ๊ย..อะไรกันเนี่ย อยากจะบ้าตาย ทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ในร่างของหญิงร้ายกาจคนนี้ได้ ฉันขอตายอีกรอบได้ไหม ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งฉันแบบนี้ล่ะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างขัดใจ หลังจากทบทวนความทรงจำทั้งหมดแล้ว

 “ไม่คิดว่าจะต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหญิงที่ร้ายกาจแบบนี้ ขนาดฉันเองยังเกลียดร่างนี้เลย แล้วคนอื่นจะไม่เกลียดได้อย่างไรกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม โอ๊ย..ปวดหัว”

ขณะที่พูดก็ยกมือขึ้นกุมหัวเพราะทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้

ขณะเดียวกันจางฮุ่ยอีก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าลูกสาวฟื้นแล้ว จึงยิ้มทั้งน้ำตาและพูดขึ้นมาด้วยความดีใจว่า

 “ซินเยว่ ลูกฟื้นแล้ว รู้ไหมว่าทำให้แม่กลัวขนาดไหนที่เห็นลูกสลบไปแบบนั้น” เธอลูบหัวลูกสาวอย่างอ่อนโยน

“เอ่อ..ฉันฟื้นแล้วค่ะแม่” หญิงสาวตอบกลับเบา ๆ แม้จะไม่คุ้นชินเรียกคนตรงหน้าว่าแม่ก็ตาม แต่คิดว่าคงจะต้องสร้างความเคยชินได้แล้ว เพราะเธอคงจะอยู่ในร่างนี้ไปอีกนาน

‘เอาเถอะ ยังไงก็มาอยู่ในร่างนี้แล้ว คงจะต้องทำความสนิทสนมไว้ ฉันคงจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างของหญิงสาวร้ายกาจคนนี้ต่อไปสินะ แต่คนอย่างฉันจะไม่ทำตัวแบบเธอหรอกนะ หลินซินเยว่'  

หญิงสาวคิดในใจอย่างจำยอมและตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่

“ลูกอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวแม่ไปหาซื้อให้ ตอนมาแม่เห็นที่หน้าโรงพยาบาลพอจะมีอาหารขายอยู่” จางฮุ่ยอีพูดอย่างกระตือรือร้น

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้ฉันยังไม่หิว อีกอย่าง อาการฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้านกันดีกว่าไหมคะ อยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเปลืองเงินเปล่า ๆ ” หญิงสาวตอบอย่างอ่อนโยนพร้อมกับชักชวนกันกลับบ้าน ก่อนจะทำท่าจะลุกจากเตียง

นั่นเพราะจากความทรงจำของร่างเดิม ทำให้เธอรู้ว่าบ้านหลินไม่ได้มีเงินมากมาย การที่เธอต้องนอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ ย่อมต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็นอยู่แล้ว

“นอนพักสักวันคงไม่เป็นไรหรอกลูก ตอนนี้พี่ชายของลูกก็ไปบอกพ่อ กับลูกเขยแล้ว สักพักก็คงจะพากันมาที่นี่” จางฮุ่ยอีบอกและกดให้เธอนอนลงที่เตียงเหมือนเดิม

เพราะคำว่า ‘ลูกเขย’ ทำให้หลินซินเยว่นึกขึ้นมาได้ว่าร่างนี้นั้นแต่งงานแล้ว และจากความทรงจำ หลินซินเยว่คนเดิมก็ไม่ได้ทำดีกับผู้เป็นสามีเลย

'โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้าตาย ทำไมนอกจากเธอจะเป็นลูกและน้องที่แย่แล้ว ยังเป็นเมียที่ไม่ได้เรื่องอีกเหรอเนี่ย หลินซินเยว่'

หญิงสาวได้แต่บ่นร่างเดิมในใจ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเธอก็คือหลินซินเยว่ หญิงร้ายกาจคนนี้

แม้ว่าจะได้ยินแม่พูดมาอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลต่อแล้ว เพราะรู้ดีว่าร่างกายตนเองไม่ได้เป็นอะไร เลยคิดว่ากลับไปบ้านน่าจะดีกว่า และที่สำคัญจะไม่ได้เปลืองเงินด้วย

“ฉันคิดว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าค่ะแม่ ถ้าเรารีบหน่อยน่าจะทันก่อนที่กับพี่ใหญ่จะมาที่นี่ อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ก็ไม่มีอะไร รังแต่จะทำให้เสียเงินเพิ่มเสียเปล่า ๆ ค่ะ เราเก็บเงินไว้ใช้อย่างอื่นดีกว่านะคะ” หญิงสาวจับมือของแม่ไว้และพูดกลับไปอย่างจริงจัง

“ได้ ๆ อย่างนั้นแม่จะไปถามพยาบาลก่อนนะ”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวยืนยันหนักแน่น จางฮุ่ยอีก็ไม่อยากจะขัดเธออีก จึงได้บอกไปอย่างนั้น ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักฟื้น แล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่พยาบาลอยู่ เพื่อสอบถามว่ากลับบ้านได้หรือไม่

‘ทำไมฉันต้องมาอยู่ในยุคนี้ด้วย อะไรก็ไม่มีติดตัวมาสักอย่าง แล้วแบบนี้จะอยู่ได้ยังไงกัน' หญิงสาวก็ได้แต่นั่งบ่นในใจ แต่บ่นไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ ก็คือทำใจ และทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเท่านั้น!!

 จางฮุ่ยอีหายไปไม่นานก็กลับมาบอกกับลูกสาวว่า

“ไปกันเถอะ ลูกสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ตามที่ร้องขอกับหมอแล้ว”

“จริงเหรอคะ ดีจังเลย อย่างนั้นเรากลับกันเถอะค่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เลยทำให้หลินซินเยว่พูดออกมาอย่างดีใจมาก เพราะจะได้ไม่ต้องนอนติดเตียงอยู่ที่นี่

จากนั้นสองแม่ลูกก็เตรียมตัวกันเพื่อกลับบ้าน

‘เอาล่ะ ต่อไปนี้ฉันคือหลินซินเยว่ และฉันจะทำชีวิตนี้ให้ดีที่สุด’ หญิงสาวคิดในใจโดยที่สายตานั้นมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องพักฟื้น

Déplier
Chapitre suivant
Télécharger

Latest chapter

Plus de chapitres

Commentaires

user avatar
Nattery
เนื้อเรื่องน่าติดตาม ขอบคุณที่อัพเดทจนจบ
2025-07-23 12:45:23
0
60
บทที่ 1 ฉันย้อนมาในยุค 80
บทที่ 1 ฉันย้อนมาในยุค 80เมืองหลิงโจว หมู่บ้านไผ่เขียว ปี 1981 “ฮือ ๆ ซินเยว่ ตื่นมาเถิดลูกแม่ อย่าทำให้แม่กลัวแบบนี้สิ รู้ไหมว่าใจแม่จะขาดแล้ว ตื่นเถอะลูก” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาพร้อมกับร้องไห้เสียใจปานใจจะขาด นางมองบุตรสาวที่นอนไร้สติด้วยสายตาเป็นห่วง“สมน้ำหน้าแล้ว หาเรื่องเขาไปทั่วแบบนี้ก็สมควรแล้ว นี่คงเป็นผลพวงจากที่ผู้คนสาปแช่งสินะ”เสียงหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน นางไม่ชอบหญิงสาวที่นอนสลบอยู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายมักจะหาเรื่องคนไปทั่ว ใครมองหน้าเข้าหน่อยก็ชี้หน้าด่าอย่างไร้เหตุผล จึงทำให้มีแต่คนสาปแช่งเธอมากมาย“นั่นสิ หาเรื่องคนอื่นก่อนแล้วตัวเองล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ แล้วอย่างนี้จะเอาผิดใครกันล่ะ แบบนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว” ชาวบ้านอีกคนที่มุงดูอยู่พูดขึ้นอย่างเหลืออด เพราะหล่อนก็ไม่ค่อยชอบหญิงสาวที่ชื่อหลินซินเยว่คนนี้สักเท่าไร เนื่องจากครั้งหนึ่งเคยถูกอีกฝ่ายชี้หน้าด่า โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย“ทำไมถึงพูดกันแบบนี้ ต่อให้มีเรื่องหรือไม่ชอบใจกัน เห็นคนล้มหัวฟาดพื้นสลบไปแบบนี้ ทำไมถึงไม่เรียกหมอหรือให้ใครมาช่วยพาเธอไปโรงพยาบาล นี่ไม่เท่ากับต้องการให้ซินเยว่
last updateDernière mise à jour : 2025-07-02
Read More
บทที่ 2 สามีที่หล่อเหลา
บทที่ 2 สามีที่หล่อเหลาส่วนทางด้านโม่กวนหยาง ขณะที่ชายหนุ่มทำงานอยู่นั้น มีคนมาบอกเรื่องที่ภรรยาเขาล้มหัวฟาด จึงรีบลางานเพื่อเดินทางมาโรงพยาบาลทันที แม้จะรู้ว่าจะต้องถูกหักเงินจำนวนไม่น้อยเลยก็ตามเมื่อมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก็พบภรรยาและแม่ยายกำลังเดินออกมาพอดี“นั่นกวนหยางไม่ใช่หรือไง สงสัยรีบมาเพราะเป็นห่วงลูกแน่เลย” จางฮุ่ยอีพูดขึ้นมาเมื่อเห็นลูกเขยกำลังเดินเข้ามาหา พร้อมกับชี้ให้ลูกสาวดูหลินซินเยว่ได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้น และเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาถึงและยืนอยู่ตรงหน้าก็อึ้งไปชั่วขณะ พร้อมกับคิดในใจว่า ‘นี่หรือโม่กวนหยาง ไม่คิดว่าเขาจะหล่อเหลาขนาดนี้’ “ซินเยว่ คุณเป็นยังไงบ้าง” โม่กวนหยางถามขึ้นมาอย่างห่วงใย สีหน้าของเขาดูตื่นตระหนกไม่น้อยเลย พร้อมกับใช้สายตากวาดมองทั่วร่างของภรรยาสาวเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร“เอ่อ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ” หญิงสาวที่ถูกถามและถูกมองอย่างนั้น ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน เพราะความไม่คุ้นชินในตอนที่ตอบกลับไป จึงดูเก้อเขินไม่น้อย“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ล้มหัวฟาดพื้นจนสลบไปตั้งนาน นี่ก็ดื้อไม่ยอมนอนโรงพยาบาล แม่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วล่ะ” จาง
last updateDernière mise à jour : 2025-07-02
Read More
บทที่ 3 ถึงฉันจะร้ายแต่ก็ไม่โง่
บทที่ 3 ถึงฉันจะร้ายแต่ก็ไม่โง่หลินซินเยว่คิดสงสัยอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าในเมื่อให้เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมไม่มีมิติหรือช่องว่างเหมือนนางเอกนิยายคนอื่นที่เธอเคยอ่านมาล่ะ“นั่นมันในนิยาย เธอจะคิดแบบนั้นได้ยังไง”หญิงสาวคิดไปคิดมาแล้วก็พูดอย่างยอมจำนน ก่อนจะรีบส่ายศีรษะทันทีเพื่อสลัดความคิดไร้สาระให้พ้นจากหัว จากนั้นจึงเดินไปหยิบข้าวสารเพื่อมาหุงไว้ให้สามีแม้ว่าหมู่บ้านนี้จะมีไฟฟ้าใช้แล้วก็ตาม แต่หลายครัวเรือนยังคงมีความเป็นอยู่เหมือนเดิม อีกทั้งไฟฟ้าในหมู่บ้านนี้ยังติด ๆ ดับ ๆ ไม่เสถียรเหมือนในเมือง บ้านหลังนี้แม้จะมีดวงไฟ แต่เครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงราคาแพง ดังนั้นการหุงข้าวจึงยังคงเป็นแบบดั้งเดิม“เห้อ... หม้อหุงข้าวก็ไม่มี ต้องก่อเตาไฟและหุงแบบโบราณจริง ๆ เหรอเนี่ย ดีนะที่ฉันเคยเข้าค่ายลูกเสือมาก่อน”หญิงสาวบ่นออกมาเล็กน้อย แล้วลงมือก่อไฟเตาถ่านก่อนเป็นสิ่งแรก ซึ่งเธอก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเรียนวิชาลูกเสือมาอย่างไรล่ะระหว่างที่รอให้ข้าวสุกอยู่นั้น หลินซินเยว่ก็สำรวจครัวต่อ แม้ปากจะบอกว่าอยากกินต้มปลา แต่เมื่อในบ้านมีแค่แตงกวานิดหน่อยกับไข่เกือบสิบใบ จึงตั้งใจว่าจะผัดแตงกวา
last updateDernière mise à jour : 2025-07-02
Read More
บทที่ 4 สะใภ้สามเปลี่ยนไป
บทที่ 4 สะใภ้สามเปลี่ยนไปตอนนี้หลินซินเยว่กลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง เธอเดินไปมาพร้อมกับพูดพึมพำกับตัวเอง “ต้องทำอาหารอะไรเพิ่มอีกไหมเนี่ย ส่วนแกงปลาค่อยรอให้พี่กวนหยางกลับมาก็แล้วกัน แต่ก็ยังอยากกินยำปลากระป๋องเหมือนเดิม ถ้าเรียกเอาปลากระป๋องมาได้เหมือนในนิยายก็คงจะดี”ระหว่างที่บ่นหญิงสาวก็เช็ดมือไปด้วย เพราะเพิ่งทำความสะอาดครัวเสร็จ ขณะนั้นเองก็สังเกตเห็นว่าที่กลางฝ่ามือของตนเองกลับปรากฏรอยดอกกุหลาบขึ้นมาอย่างชัดเจน พอเห็นอย่างนั้นจึงอุทานออกมาอย่างแปลกใจ“นี่มันคืออะไรกัน หรือว่า...” หญิงสาวมองฝ่ามือตัวเองอย่างสับสน ก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้นอีกว่า “หรือว่านี่คือมิติของฉัน ฉันจะมีมิติเหมือนนางเอกนิยายคนอื่น ๆ ใช่ไหม”จากนั้นเพื่อความแน่ใจ เธอจึงตัดสินใจทำเหมือนนางเอกในนิยายที่เคยอ่าน นั่นคือลูบฝ่ามือของตัวเองเบา ๆ แล้วนึกถึงมิติ ‘ฉันอยากไปที่มิติ’ ทันใดนั้นเองร่างของหลินซินเยว่ก็เข้ามายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในนี้มีกิจการมากมาย สถานที่แห่งนี้เหมือนถนนเส้นหนึ่ง ที่ใจกลางกรุงที่เธอเคยอยู่ บริเวณนี้มีทั้งห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่าง ๆ มากมาย รวมถึงร้านขายรถ ในนี้มีตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจน
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
บทที่ 5 ปรับความเข้าใจ
บทที่ 5 ปรับความเข้าใจหลังจากกินอาหารเข้าไป สะใภ้บ้านโม่ทั้งสองคนก็หันมามองน้องสะใภ้ตัวเองด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าน้องสะใภ้สามจะมีความสามารถในการทำอาหารด้วย อีกทั้งรสชาติของอาหารก็อร่อยอย่างที่ไม่เคยได้กินมาก่อน“น้องสะใภ้สามทำให้พวกเราแปลกใจมาก ไม่คิดว่าจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้นะเนี่ย ต่อไปพี่คงต้องมาฝึกด้วยแล้ว”สะใภ้ใหญ่ทั้งเอ่ยปากชมและยิ้มให้น้องสะใภ้อย่างอบอุ่น แววตาที่เธอเห็นจากน้องสะใภ้ในวันนี้นั้น ไม่ได้เกรี้ยวกราดหรือโมโหเหมือนแต่ก่อน เลยกล้าที่จะพูดเล่นด้วย“ได้เลยค่ะพี่สะใภ้ วันนี้ฉันตั้งใจจะทำกับข้าวให้พี่กวนหยางกิน เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา ก็มีแต่เขาที่ดูแลฉันมาตลอด ฉันเลยอยากทำอาหารตอบแทนเขาสักหน่อย” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะนี่คือสิ่งที่เธอคิดจริง ๆ‘ในเมื่อมาอยู่ในร่างนี้แล้ว ก็ย่อมต้องทำตัวเป็นภรรยาที่ดี และเป็นลูกที่ดี รวมถึงการเป็นลูกสะใภ้ที่ดีด้วย’คิดได้อย่างนั้นหลินซินเยว่จึงตัดสินใจเอ่ยขอโทษแม่สามีรวมถึงพี่สะใภ้ทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“แม่คะ ที่ผ่านมาลูกสะใภ้คนนี้ทำตัวไม่ดีมาตลอด สร้างเรื่องสร้างราวมาให้แม่สามีปวดหัวแทบทุกวัน รวมถึงพี่สะใภ้ทั้
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
บทที่ 6 เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
บทที่ 6 เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจนส่วนทางด้านโม่กวนหยาง หลังจากที่หงุดหงิดกับตู้หลินเซียนแล้ว โม่กวนหยางก็รีบขึ้นเขาเพื่อที่จะหาเนื้อสัตว์กลับไปทำอาหารให้ภรรยากิน และวันนี้เขาก็มาไม่เสียเที่ยว เพราะเขาได้ไก่ป่ามาถึงสองตัว รวมถึงกระต่ายป่าอีกหนึ่งตัว“วันนี้ไม่เสียแรงแล้ว รีบกลับเอาไปทำอาหารให้ซินเยว่กินดีกว่า”ชายหนุ่มพูดอย่างยินดีพร้อมกับชูสัตว์ป่าทั้งสามตัวด้วยความดีใจ และคิดว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว จะทำอาหารให้ภรรยากินวันนี้มีอาหารจานเนื้อ เธอคงจะมีอารมณ์ดีไม่น้อยเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับบ้านตลอดสองข้างทาง ก็มีชาวบ้านที่ยังคงหาของป่าอยู่ทักทายโม่กวนหยางอย่างเป็นกันเอง ซึ่งชายหนุ่มเองก็มีตอบกลับไปบ้างตามประสาคนรู้จักกัน แต่ถ้าไม่สนิทสนมเขาก็มักจะเงียบให้เสมอพอกลับมาถึงบ้านชายหนุ่มก็รีบเดินเข้าไปด้านหลังที่ห้องครัวตั้งใจว่าจะรีบหุงข้าวและทำอาหารให้ภรรยา แต่เมื่อมาถึงกลับได้กลิ่นของอาหารลอยฟุ้งทั่วห้องครัวอยู่ก่อนแล้ว“พี่กลับมาแล้ว ว่าแต่ไม่มีปลาเหรอคะ ฉันเห็นพี่หยิบที่ดักปลาไปด้วยไม่ใช่เหรอ”หญิงสาวเห็นสามีกลับมาก็ดีใจ แต่ก็อดที่จะถามอย่างแปลกใจไม่ได้
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
บทที่ 7 เปิดเผยความจริงให้สามีรับรู้
บทที่ 7 เปิดเผยความจริงให้สามีรับรู้“พี่แน่ใจเหรอว่าไม่กลัว แม้ว่ามันจะเหนือธรรมชาติก็ตาม” เธอถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ“ไม่กลัว” โม่กวนหยางตอบกลับอย่างหนักแน่นจริงจังพอได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายที่ดูจะหนักแน่น หลินซินเยว่จึงตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญออกมา“วันนั้นหลังจากที่ฉันสลบไป ฉันคิดว่าตัวเองตายแล้วจริง ๆ เพราะฉันเหมือนสติล่องลอยไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในจังหวะนั้นก็ได้พบกับท่านตาคนหนึ่ง ท่านตาบอกว่าฉันยังไม่ถึงอายุขัยแต่เกิดความผิดพลาดบางอย่าง เขาจึงให้มิติวิเศษมาเพื่อเป็นสิ่งทดแทน มิตินี้มีทุกอย่าง ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันรถบรรทุกแต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องกลับตัวคนคนดี ห้ามทำตัวร้ายกาจแบบเดิมอีก และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้ยากไร้ จากนั้นท่านตาก็ไล่ให้ฉันกลับมาเข้าร่างที่โรงพยาบาล ฉันจึงฟื้นกลับมา นี่เท่ากับฉันตายแล้วเกิดใหม่จริง ๆ ”น้ำเสียงที่พูดนั้นดูจริงจังมาก ก่อนจะหยุดลงเพื่อดูท่าทีของสามี เมื่อเห็นว่าเขายังไม่มีปฏิกิริยาใดนอกจากตั้งใจฟัง เธอจึงพูดต่ออีกว่า“มิตินี้จะสามารถช่วยให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้นมาได้ ฉันสามารถนำสิ่งของออกมาจากมิติได้เหมือนเล่นมายากล เดี๋ยวฉันจะทำให้พี่ดูนะ”พูดจบเธอเอ
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
บทที่ 8 การเริ่มต้นใหม่ของหลินซินเยว่
บทที่ 8 การเริ่มต้นใหม่ของหลินซินเยว่วันต่อมา…หลินซินเยว่รู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี เพราะเธอนำนาฬิกาปลุกจากในมิติออกมาใช้งาน เธอรีบตื่นเพื่อที่จะมาทำอาหารเช้า เพราะรู้ว่าวันนี้สามีต้องกลับไปทำงานในเมืองเหมือนเดิมแล้วซึ่งไม่ต่างจากบ้านอื่น ๆ ที่เวลานี้ก็เริ่มมีคนตื่นขึ้นมาเพื่อหุงหาอาหารกันแล้ว“ซินเยว่ ทำไมตื่นเช้าอย่างนี้ล่ะ ไม่ไปนอนอีกสักหน่อยหรือ”ชายหนุ่มที่ตื่นแล้วและเดินออกมาจากห้องนอน เมื่อเห็นภรรยาจัดการเรื่องอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เห็นว่านี่ยังไม่เช้าดี เลยบอกให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปนอน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันตื่นแล้วจะให้ไปนอนอีกก็คงจะนอนไม่หลับ ฉันถามหน่อยสิ พี่ต้องเดินไปกลับทุกวันแบบนี้ไม่เหนื่อยแย่เหรอคะ” หญิงสาวยิ้มรับความหวังดีของสามี ก่อนจะถามกลับไป เพื่อได้พูดถึงเรื่องที่เธอนอนคิดมาทั้งคืน“ก็เหนื่อยนิดหน่อยครับ”โม่กวนหยางตอบกลับไปตรง ๆ หากจะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยก็จะเป็นการโกหกเกินไป เพราะระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย “ถ้าอย่างนั้นเราเอาจักรยานในมิติออกมาใช้สักคันดีไหมพี่ อย่างน้อยพี่ก็จะได้ปั่นไปทำงาน พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินไปกลับ” หญ
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
บทที่ 9 เปลี่ยนตัวเองได้ก็ดีแล้ว
บทที่ 9 เปลี่ยนตัวเองได้ก็ดีแล้วส่วนทางด้านหลินซินเยว่ เมื่อสามีไปทำงานแล้ว เธอก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง จึงได้ลงมือจัดเก็บบ้านให้เป็นระเบียบ รวมถึงเข้าไปตรวจดูว่าในห้องเก็บอาหารมีอะไรขาดบ้าง จากนั้นก็นำของจากมิติมาเติมไว้จนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง หรือเครื่องปรุงต่าง ๆหญิงสาวตั้งใจว่าหากเข้าเมืองแล้วกลับมาพร้อมสามีในตอนเย็น เธอจะเอาของไปฝากบ้านเดิมรวมถึงบ้านสามีด้วย โดยจะบอกว่าซื้อมาจากในเมือง แต่ความจริงแล้วเธอนำมาจากมิติต่างหากล่ะเมื่อจัดการงานบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินซินเยว่จึงตัดสินใจไปซักผ้าที่ลำธารของหมู่บ้าน เพราะหากไม่ทำแบบนี้ชาวบ้านคนสงสัยไม่น้อยระหว่างทางไปที่ลำธาร เหล่าบรรดาแม่บ้านที่เห็นเธอถือตะกร้าผ้าและกะละมังซักผ้าติดมือมาด้วย ก็รู้สึกสงสัยปนตกใจไม่น้อย ต่างก็ขยี้ตาอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่ามองไม่ผิด“นี่หล่อน หญิงสาวที่เดินผ่านไปพวกเราไป นั่นคือหลินซินเยว่จริง ๆ เหรอ” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมาอย่างสงสัย“ใช่จริง ๆ ด้วย นั่นมันสะใภ้สามบ้านโม่นี่นา วันนี้ไม่ฝนก็คงเป็นหิมะตกผิดฤดูแน่นอน เกิดอะไรขึ้น หล่อนถึงมาซักผ้าเองแบบนี้” ชาวบ้านอีกคนพูดยืนยันอีก
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
บทที่ 10 เข้าเมืองกับพี่ชาย
บทที่ 10 เข้าเมืองกับพี่ชายหลินซินเยว่ได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูดมา ก็เข้าใจได้ทันทีว่าต่อให้จะมีการเปลี่ยนผู้นำ หรือชาวบ้านเริ่มทำการค้าได้แล้ว แต่งานในคอมมูนยังคงมีต่อไป นั่นเพราะว่ายังไม่ยกเลิกกฎนี้ ดูท่าจะอีกสามถึงสี่ปีหลังจากนั้น ถึงจะมีการยกเลิกหญิงสาวไม่ต้องการให้ครอบครัวทำงานหนักอีกแล้ว จึงคิดว่าต้องหาโอกาสพูดเรื่องมิติกับคนในครอบครัวหลิน อย่างน้อยพี่ใหญ่ของเธออาจจะทำการค้าได้ แล้วพ่อกับแม่จะได้ไม่เหนื่อย เพราะเธอคิดว่าท่านทั้งสองควรจะพักได้แล้ว‘ก่อนจะบอกพ่อแม่ บอกพี่ใหญ่ก่อนดีกว่า’เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ ฉันฝากยาสูบไปให้พ่อหน่อยสิ”ไม่พูดเปล่า เธอลูบที่กลางฝ่ามือแล้วเอาบุหรี่และของออกมาจากอากาศอีกหลายอย่างต่อหน้าต่อตาพี่ชายหลินอี้เฉินแม้จะตกใจอย่างมากที่เห็นอย่างนั้น แต่แววตาของเขากลับไม่มีความโลภกับสิ่งที่เห็นหรือหวาดกลัวน้องสาวคนนี้เลย เขาทำเพียงถามออกมาว่า“เธอทำได้ยังไง เอาของพวกนี้มาได้ยังไง”พอเจอคำของพี่ชาย หลินซินเยว่จึงเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง ซึ่งสิ่งที่เล่าก็ไม่ต่างจากที่เคยเล่าให้สามีฟังเลย แถมไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียวเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั
last updateDernière mise à jour : 2025-07-13
Read More
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status