สวี่หย่าถิง ลูกสาวมาเฟีย สุดโหดของ ฉงชิ่ง มณทล เสฉวน ถูกชายปริศนา 2 คนลักพาตัวมาที่โกดังเพื่อเรียกค่าไถ่เงิน 20,000 ล้านจากครอบครัวของเธอ
View Moreสหวีหย่าถิง ลูกสาวมาเฟีย สุดโหด แถบ ฉงชิ่ง มณทล เสฉวน ถูกชายปริศนา 2 คนลักพาตัวมาที่โกดังเพื่อเรียกค่าไถ่เงิน 20,000 ล้านจากครอบครัวของเธอ
สองข้อมือเสียดสีกันไปมาเพื่อเอาชีวิตรอดถึงเจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทน จนรอยข้อมือทั้งสองถลอก หันไปมองจนปวดคอเมื่อหันกลับมา เธอก็ผงะตกใจ ชายคลุมหน้าทั้งสองตบหน้าเธอจนบวมช้ำ “ คุยกับพ่อแกหน่อยไหม” สหวีหย่าถิง” พวกแกต้องการอะไร” “เงินแค่20000 ล้าน จากพ่อแก “ สหวีหย่าถิง” ฮ่าๆๆๆ ฝันไปเถอะ” เธอหยิบไฟเเช็คในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ในขณะนั้นเธอก็ปลดเชือกได้ รีบวิ่งหนีไป....แต่ทางหนีนั้นถูกปิดตาย ยังไงก็ไม่รอด พวกมันวิ่งไล่ล่าเธอ อย่างบ้าคลั่งจนขาเธอได้รับบาดเจ็บจากเศษขวดที่พวกมันโยนใส่เธอจนเดินไม่ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เธอไม่รอช้าเห็นถังน้ำมันข้างๆ รีบจุดไฟทันที “ พวกแกฝันไปเถอะ แกจะไม่ได้อะไรเลย” ตูม!!!! ค.ศ.317-420 ณ แคว้น 10 นางร้าย / หลี่ซิ่น อายุ 20 ปี ลูกสาวเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเฉิงฮั่น มารดาของนางนั้นมีศักดิ์เป็นชายารองเท่านั้น แต่อวดตนเบ่งอำนาจบาตรใหญ่ในวังหลวง นิสัยเห็นแก่ตัว ถูกตามใจตั้งแต่ยังเยาว์วัย ถูกผิดไม่สนเพราะมารดาคอยให้ท้าย จนเติบใหญ่ ก็ยังร้ายเท่าทวีคูณ สีหน้ารังสีอำหิตแผ่กระจ่ายดังกระทะร้อนในเตาไฟใช้เท้าในขณะมีโทสะ เตะประตูหน้าวังออกจากห้องท้องพระโรง แววตาข่มขู่นางกำนัลทุกคนที่เดินผ่าน ไม่มีผู้ใดกล้าสบตาแม้แต่ผู้เดียว ย่างเท้าเดินสับๆเข้าไปยังตำหนัก มารดาของตนอย่างร้อนใจ รีบดึงแขนมารดาของตนมานั่งโต๊ะ (หลิวซิ่นเนียน (มารดา) แท้ ๆ ของ หลี่ซิ่น ดดีตนางกำนัลผู้ไต่เต้าขึ่นมาเป็นชายารอง ) “ ท่านแม่ ข้าไม่อยากแต่งงาน” (แม่ตนได้ยินเช่นนั้นจึงบอกให้นางค่อยๆเล่า ) “ท่านพ่อให้ข้าแต่งงานกับชาย ปัญญาอ่อนแห่งแคว้น10 ที่ผู้คนร่ำลือกันว่า หน้าตาน่าเกลียด” พอพูดจบประโยคแม่นาง โกรธจนพาลเขวี้ยงใบพัดใส่นางกำนัล “ลูกแม่ ลูกไม่ต้องกลัว แม่จะทำทุกอย่างไม่ให้ลูกต้องแต่งงาน” (นางขยับตัวเข้าโพกอดแม่ตนอย่างมีความหวัง) หมู่บ้านยินๆ เศษไม้เรียงกันสูงชันบนหลังหญิงสาวเดินย่างเท้าไต่ขึ้นภูเขาเพื่อนำเศษไม้กลับไปยังบ้านต้องผ่านเนินสูงชันและทางเดินที่ลำบาก ลำคอกระหายน้ำหายใจเริ่มติดขัดเหงื่อไหลย้อยหยดติ่งๆ ในแสงแดดสีทองที่ร้อนระอุ นางเหลือบไปเห็นต้นไม้ใหญ่ใกล้ลำธารจึงรีบเดินเข้าไปนั่งพักให้หายเหนื่อยจนนางเผอลหลับไปในที่สุด....1ชั่วโมงผ่านไป เสียงด่าทอแววเข้ามาในหูในขณะที่นางกำลังตื่นลืมตาอย่างงัวเงีย ฝ่ามืออรหันต์เหวี่ยงเข้าตบหน้าของนางจนเลือดออก “ ท่านแม่ ตบข้าด้วยเหตุอันใด” (นางหลัวหมิง / แม่เลี้ยงใจยักษ์สุดโหด) สองแขนยืนเท้าสะเอวเท้าข้างช้ายเหยียบใบหน้าจนกลบดินชี้นิ้วจิกหัว “ นางบ้า มาอู๋งานอยู่นี่เอง เกลียดค้านยิ่งนัก” นางคอยๆ ยื่นมือ น้อยๆ คลานตัวมาจับข้อขานางแม่เลี้ยงใจมาร “ ท่านแม่ข้าไม่หลับได้นอนทั้งคืน โปรดอย่าตีข้าเลย” มือสรพิษจับคางจ้องหน้าถลึงสายตารังเกียจ “หึ ข้าไม่สน แต่ว่าวันนี้เป็นวันดี รีบกลับเรือน สะ” หลังจากนั้นนางแม่เลี้ยงหันหลังเดินกลับเรือน โดยไม่สนว่านางจะเป็นเช่นไร เจ็บปากก็เจ็บ ปวดขา ก็ ปวด ได้แต่โทษโชคชะตาที่ให้นางเจอแต่สิ่งเลวร้าย เรือนแม่เลี้ยง กลิ่นน้ำชาในห้องครัววันนี้ช่างหอมหวานเป็นพิเศษ มีแขกผู้สูงศักดิ์ลักษณะเสื้อผ้ากลีบดอกบัวปลายชายผ้าชั้นดี ริมฝีปากนวลแดง ประดับด้วยแหวนทองคำในทุกสัดส่วน นั่งถือใบพัดวีช้า ๆ มองไปรอบๆ เรือน ทันใดนั้นเจ้าของเรือนเดินยกกาน้ำชาพร้อมแก้วชั้นดี มาถวาย “ถวายพระพรพระมเหสี มาเร่งด่วนเช่นนี้มีเรื่องอะไรให้หม่อมฉัน รับใช้เพ่ค่ะ “ ทั้งสองมองตาก็รู้ใจกัน หลิวซิ่นเนียน สั่งให้ทหารนำทองคำ สร้อยแหวนกำไร มากองไว้ตรงหน้าหลัวหมิง นางจ้องมองของทุกชิ้นที่มากมายเช่นนี้จนเอ๊ะใจว่าเหตุใดถึงนำมาให้นาง “พระมเหสี เพค่ะ เหตุใดถึงนำของมีค่ามากมายเพียงมาให้ข้า” หลิวซิ่นเนียนส่งยิ้มพร้อมแววตาบอกเป็นนัยๆพร้อมยิบยื่นสร้อยคอใส่มือ “ ข้ามีงานให้เจ้าทำ” นางรีบก้มหัวขอบพระทัย “ พระมเหสีมีงานอะไรสั่งหม่อมฉันมาได้เลย เพค่ะ” น้ำชากระดกลงคอ จ้องถ้วยชาแล้วเอ่ย “ ข้าอยากได้หญิงสักคนมาแต่งงานแทนลูกสาวข้า” พอพูดจบประโยคก็วางถ้วยชากระแทกโต๊ะ “ ฝ่าบาทนะฝ่าบาท คิดเช่นไรก็ไม่รู้ให้ลูกสาวข้าแต่งงานกับ คนบ้า ไม่มีสติ” หลัวหมิงได้ยินเช่นนี้จึงคิดแผนอันชั่วร้ายออกทันที “ พระมเหสี หม่อมฉันมีลูกสาว แต่ว่าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ นางก็สติไม่ค่อยสักเท่าไรไม่สู้คนด้วยเพค่ะ” น้ำเสียงเอาอกเอาใจพร้อมขายลูกสาวบุญธรรมให้อย่างไม่ลังเล “พรุ่งนี้ข้าจะมารับนาง” โบกสะบัดใบพัดอย่างพอใจแล้วเดินขึ่นรถม้าพร้อมทหารคุ้มกันอีก2 เชือก เมื่อหลิวซินเนียนไปพ้นตาแล้วรีบเก็บสมบัติทั้งหลายซ่อนไว้ในบ้านเป็นอย่างดี “ หึ วาสนาข้าจะรวยแล้ว “ มือยุกยิกจับไม่หยุดหย่อนมองซ้ายมองขวาหวาดระแวงกลัวว่าจะใครมาเห็น เก็บไว้กับตัวสัก 2-3 ชิ้น แล้วย้ายตู้เลื้อผ้ามาบังไว้..... ในขณะนั้น ซุนอี๋นางเดินทางมาถึงบ้านด้วยสภาพร่างกายอิจโรย นางหิวข้าวมากรีบเปิดตู้อาหารที่ หลัวหมิง ทำไว้เมื่อไม่นานนางกินจนหมดไม่เหลือ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆทำให้นางตกใจจนทำชามข้าวตกหล่นเสียงดัง “ ห๊ะ นี่เจ้าเองรึ ข้านึกว่าหมาแมวที่ไหนมาค้นครัว “ นางรีบเก็บชามข้าวขึ่นมา หลัวหมิงเอ๊ะใจเลยเปิดตู้กับข้าวที่ตนนั้นทำไว้ “ อาหารข้า เจ้ากล้ากินหมดเลยรึ” ซุนอี๋ในมือถือชามข้าวพร้อมเงยหน้าอธิบายไม่ทันไร ถูก กลัวหมิง นำเศษอาหารเน่าเหม็นเทลงใส่หัวนาง กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วตัว “ เจ้ามันเหมาะกับอาหารชั้นต่ำ หึ แต่ว่าวันนี้ข้าอารมณ์ดี ไหนๆเจ้าก็กินไปแล้ว ก็แล้วไป” หลัวหมิงเดินหันหลังจากไปด้วยสีหน้ายิ้มร่าเริงเบิกบานใจ จนซุนอี๋นั้นประหลาดใจ “ ไปทำอะไรมา ถึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้” กะแอม! รีบใช้มือปิดปากเดินเข้าไปยังลำธารหลังบ้านเพื่อล้างเนื้อตัวที่เหม็นเน่าออกให้หมดตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {
Comments