เข้าสู่ระบบแต่เดิมเขาก็รำคาญว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้ว ทั้งบอบบาง อ่อนแอและน่าเบื่อ แต่ทำไมนานวันเข้าถึงเริ่มขาดนางไม่ได้ “จะมากเกินไปแล้ว! ข้าอุตส่าห์ไปง้อถึงจวนแต่นางกลับหลบหน้าข้า อันลี่ซินเจ้าช่างน่าโมโหนัก!" “น่าเสียดายที่นางจะได้แต่งงานกับคนเช่นข้าซึ่งมิได้ชื่นชมบุปผาเท่าใดนัก ดูท่าครานี้อันลี่ซินคงจะเป็นเพียงดอกเหมยที่อยู่ในแจกันทองเท่านั้น จะคาดหวังให้ข้าหมั่นรดน้ำเพื่อให้บุปผางดงามตลอดเวลาหาได้ไม่” นิยายเรื่องนี้เป็นแนวรัก โรแมนติกมีดราม่าเพียงเล็กน้อย พระเอกเย่อหยิ่งดุจพยัคฆ์ คอหักเยี่ยงหมาในตอนท้าย นางเอกของเรายอมตอนแรก ๆ แต่เมื่อหมดความอดทนก็ทำให้เสือกลายเป็นหมาทันที เรื่องนี้ไม่ได้มีปมซับซ้อนมากมาย เน้นความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นหลัก หวังว่าจะถูกในนักอ่านทุกคนนะคะ
ดูเพิ่มเติมงานเลี้ยงในวังหลวง
“คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่เข้าไปหรือยัง”
“นายท่านและฮูหยินรอคุณหนูอยู่เจ้าค่ะ”
สตรีในชุดสีม่วงอ่อนประดับไหมสีทองถักทอบนผ้าไหมแก้วสุดหรูค่อย ๆ เดินออกจากรถม้าของจวนราชครู เพื่อร่วมงานฉลองกองทัพขององค์ชายทั้งสองพระองค์ที่พึ่งชนะศึกมาได้ร่วมสองเดือน บัดนี้สองกองทัพขององค์ชายทั้งสองก็เดินทางจนถึงเมืองหลวงแล้ว
“คุณหนูวันนี้ท่านงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมากอาหรู นั่น….”
“คุณหนูเจ้าคะรถม้าตำหนักองค์ชายรองเจ้าค่ะ”
“อันลี่ซิน” ใช้มือกุมหัวใจเอาไว้แน่นเพียงแค่ได้เห็นตราประดับยศและตำแหน่งหน้ารถม้าที่ค่อย ๆ เคลื่อนเขามายังลานจอด นางที่พึ่งเดินลงมารู้สึกราวกับทุกสิ่งรอบกายหยุดหมุน
เมื่อบุรุษหนุ่มรูปร่างกำยำสวมฉลองพระองค์สีเข้มพิมพ์ดิ้นทองทั้งชุดเดินลงมา แม้ใบหน้าจะดูบึ้งตึงเย็นชาราวกับฉาบไปด้วยก้อนน้ำแข็งแต่ก็ทำให้หัวใจของสตรีเช่นอันลี่ซินเต้นผิดจังหวะ เพียงแค่สบเนตรที่หันมามองนาง
“อันลี่ซินถวายบังคมองค์ชายรองเพคะ”
“อันลี่ซิน ไม่ได้พบกันนานเจ้าเติบโตถึงเพียงนี้แล้วหรือนี่”
“มิกล้าเพคะ ยินดีกับองค์ชายที่ชนะศึกเมืองไป่เจียงด้วยเพคะ”
“ขอบใจนะเจ้าจะเดินเข้าไปในงานเลี้ยงหรือไม่”
“เพคะ หม่อมฉันมากับท่านพ่อ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน แล้วพบกันใหม่”
อันลี่ซินย่อคำนับเพื่อเป็นการส่งเสด็จองค์ชายรองก่อนที่จะเซจนสาวใช้ต้องรีบพยุงเอาไว้เพราะนางตื่นเต้นจนเกือบยืนไม่อยู่
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้า…เกือบจะหยุดหายใจเสียแล้วอาหรู พระองค์ช่างรูปงามและสุขุมเช่นเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย”
“ท่านชื่นชมองค์ชายรองมานาน เหตุใดครั้งนี้จึงไม่เดินเข้าไปในงานพร้อมกับพระองค์เล่าเจ้าคะ”
“เพราะว่ามันไม่งามน่ะสิ แม้นว่าข้ากับองค์ชายรองจะเคยรู้จักกันมาก่อนตอนที่เขาเคยร่ำเรียนกับท่านพ่อ แต่ข้าก็หาได้จะทำเช่นนั้นได้ไม่ ตอนนี้ข้ากับพระองค์ล้วนเติบโตขึ้นแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ในงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในห้องโถงใหญ่ซึ่งเดิมทีเอาไว้ต้อนรับแขกต่างแคว้น วันนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่องค์ชายทั้งสองกองทัพกลับเข้าเมืองหลวง ฝ่าบาทจึงสั่งให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่
ในงานวันนี้เหล่าขุนนางต่างพาบุตรสาวของตนเองเข้ามาในงานกันอย่างพร้อมเพรียงเพราะโอกาสเช่นนี้หาได้มีมากไม่ ซึ่งฝ่าบาททรงต้องการให้เหล่าองค์ชายที่เหลือได้พบปะกับบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง
“ยอดเยี่ยมมาก เอาล่ะขุนนางทุกท่านงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะให้กับกองทัพขององค์ชายรองที่เอาชนะข้าศึกแดนพายัพ และ “องค์ชายใหญ่” ที่ชนะศึกแดนใต้มา มาทุกคนร่วมกันดื่มยินดีให้กับสองกองทัพที่สามารถปกป้องแผ่นดินต้าซ่งนี้เอาไว้ได้อีกครั้ง ดื่ม"
ทุกคนร่วมกันดื่มเพื่อฉลองให้กับเหล่ากองทัพ “อวี้ตงหลาน” องค์ชายใหญ่แห่งต้าซ่ง พระโอรสองค์โตของฝ่าบาทและฮองเฮาในตอนนี้ “อวี้หลินเซียง” ส่วน “เว่ยซ่างเจวี๋ย” เป็นพระโอรสองค์รองของฝ่าบาทกับอดีตฮองเฮา “เว่ยจินเยว่”
“ลูกแม่เจ้าชื่นชมองค์ชายรองมานาน เหตุใดจึงไม่เห็นพูดถึงพระองค์เลยเล่า”
“นั่นสิซินเอ๋อร์ พ่อเองก็นึกแปลกใจที่วันนี้เจ้าไม่เอ่ยปากถึงองค์ชายเลยหรือว่าเจ้าอายงั้นหรือ”
“ท่านพ่อเจ้าคะที่นี่คือวังหลวง อีกอย่างผู้คนมากมายลูกก็แค่ไม่อยากพูดเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“อืม นับว่าเจ้ารู้ความ เฮ้อ…เห็นว่าวันนี้ฝ่าบาทมีพระประสงค์จะประทานงานหมั้นหมายให้กับองค์ชายทั้งสอง”
“จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ แล้วเหตุใดจึงต้องประทานในวันนี้หรือว่า…”
“เหมือนกับเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าผู้ใดจะได้เป็นองค์รัชทายาทนั่นแหละ แม้ว่ากองทัพบูรพาของ "องค์ชายรอง" จะยิ่งใหญ่แต่พระองค์ก็เป็นพระโอรสของอดีตฮองเฮา”
“ท่านพ่อหมายถึง… วันนี้ฝ่าบาทจะ ประทานงานหมั้นให้องค์ชายหรือเจ้าคะ เช่นนั้น…”
“ซินเอ๋อร์แม่ว่าคงจะประทานให้กับองค์ชายใหญ่เท่านั้น เพราะพระองค์คือพระโอรสองค์โต”
“นั่นสินะเจ้าคะ”
หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะจนเกือบหายใจไม่ออก นางจึงขอออกมาเดินเล่นที่สวนด้านนอก เมื่อได้เดินมองดอกไม้ในสวนก็ทำให้จิตใจผ่อนคลายลงได้บ้าง นางเดินไปจนเกือบถึงศาลากลางสวนและได้ยินเสียงคนดังนั้นจึงได้แอบที่โขดหินเพื่อมิให้ผู้ใดเห็นและพยายามพาตัวเองเดินกลับออกไป
“อะไรนะเพคะ หมั้นหมายหรือเพคะ”
ลี่ซินรู้ว่าพลาดไปเสียแล้วที่มาได้ยินสิ่งที่ไม่ควรจากตรงนี้ นางกำลังจะเดินออกไปแต่กลับก้าวขาไม่ออก เมื่อสตรีคนเดิมเอ่ยขึ้น
“พี่ซ่างเจวี๋ยท่านล้อข้าเล่นหรือไม่ แม้นว่าข้าจะเป็นบุตรีท่านแม่ทัพและเราสองคนก็สนิทกันดุจสหายมาก่อน แต่เรื่องการหมั้นหมายนี้มิใช่ว่าต้องเป็นฝ่าบาทหรือฮองเฮาที่ทรงประทานอนุญาตมิใช่หรือเพคะ”
หัวใจของลี่ซินราวกับหยุดเต้นเมื่อรู้ว่าผู้ใดที่ยืนคุยกันอยู่ที่ศาลาในสวนนี้ นางพยายามเดินเลี่ยงออกไปแต่ขบวนสาวใช้กลับสวนเข้ามาจึงทำได้แค่แอบเข้าไปในซอกหินและนั่นทำให้นางได้ยินทุกอย่างชัดขึ้นกว่าเดิม
“ข้าก็แค่ถามดูเท่านั้น ในเมื่อถึงอย่างไรก็ต้องแต่งงานกับสตรีสักคนข้าก็อยากจะถามว่าเรื่องนี้บุตรแม่ทัพเช่นเจ้าคิดเช่นไร”
ทูลองค์ชายรอง ฝ่าบาททรงรับสั่งให้กลับเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ข้ารู้แล้วพวกเราไปกันเถอะ”
“เพคะ”
เสียงฝีเท้าเดินออกไปจากสวนแล้ว แม้ว่าเว่ยซ่างเจวี๋ยจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจหนัก ๆ ของคนและเห็นเพียงขอบชายกระโปรงสีม่วง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาคุยกับ “เฟิ่งถงหลิน” บุตรสาวแม่ทัพใหญ่ “เฟิ่งฉวน” จะหลุดออกไปก็ตาม
ห้องโถง
“ลี่ซินเจ้าไปไหนมา เหตุใดจึงหน้าซีดเช่นนี้”
“เปล่าเจ้าค่ะท่านแม่”
“รีบนั่งลงเร็วเข้าฝาบาททรงรับสั่งจะประกาศราชโองการแล้ว”
อันลี่ซินรีบนั่งลงพร้อมกับซับเหงื่อไปด้วยเมื่อนางค่อย ๆ ยกชาขึ้นมาจิบก็เผลอหันไปสบตากับองค์ชายรองเข้า นางเกือบจะสำลักชาจนต้องรีบหันมาเช็ดปาก
“เจ้าเป็นอะไรน่ะ อย่าเสียมารยาทสิ”
“ขอโทษเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกแค่ไม่ทันคิดว่าชามันร้อนก็เลยลวกปาก”
ลี่ซินพยายามหลบสายตาที่จดจ้องมาที่นางและทำเป็นมองไปที่อื่น แม้จะรู้แล้วเช่นไรกันเล่า นางก็มิได้พูดเรื่องนี้กับผู้อื่นเสียหน่อยเขาจะมาเอาผิดได้เช่นไร
“ราชโองการฉบับแรก องค์ชายใหญ่อวี้ตงหลานรับราชโองการ”
“อวี้ตงหลาน” องค์ชายใหญ่ที่รูปร่างสูงกำยำกว่าองค์ชายรองเล็กน้อยเดินออกมาเพื่อรับราชโองการ
“ด้วยโองการแห่งฟ้า องค์ชายใหญ่อวี้ตงหลานสร้างคุณงามความดี เอาชนะศึกดินแดนใต้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง ข้าในนามโอรสสวรรค์เลื่อนยศให้เป็น “อวี้อ๋อง” ให้ปกครองดินแดนใต้รวมถึงทิศพายัพและดินแดนประจิม มอบทองและอาวุธให้กองทัพทักษิณ ทองเจ็ดพันช่าง เงินสามหมื่นตำลึงทอง ประทานงานหมั้นหมาย…. ระหว่างอวี้อ๋องกับบุตรีคนเล็กของแม่ทัพเฟิ่งฉวนนามว่า “เฟิ่งถงหลิน” รอฤกษ์ดีจัดงานอภิเษกสมรส รับราชโองการ"
“อะไรนะ! ประทานงานหมั้นหมายองค์ชายใหญ่ให้หมั้นหมายกับบุตรีท่านแม่ทัพเฟิ่งงั้นหรือ”
ม่านรอบเตียงถูกดึงลงมาพร้อม ๆ กับชุดนอนของทั้งคู่ที่ถูกทอดทิ้งลงพื้นที่เย็นจัด มีเพียงเตียงอุ่นเท่านั้นที่ทั้งคู่ต้องการ ลิ้นขององค์ชายค่อย ๆ ไต่เลียไปที่หน้าท้องแบนราบ ฝ่ามือกอบกุมยอดปทุมที่อวบเต็มมือพร้อมบดขยี้เม็ดไตตรงยอดเรียกเสียงครางรับของพระชายา“อ๊าา ท่านพี่ ได้โปรด อ๊าา…”ลิ้นร้ายค่อย ๆ กระดิกรัวถี่ตรงหน้าปากถ้ำสวรรค์ น้ำหวานที่เริ่มไหลออกมาเพราะแรงกระตุ้นทำให้องค์รัชทายาทได้ใจที่จะดันลิ้นเข้าไปจนสุด นิ้วค่อย ๆ บดเม็ดทับทิมสีสดเร่งให้พระชายาอ้อนวอนขอถวายชีวิต“อ๊าา… ท่านพี่ ทนไม่ไหวแล้ว อ๊าา…อีกนิดเพคะ อ๊าา!!”ที่สุดก็ยังเป็นเขาที่รู้ใจนางมากที่สุด ร่างบางเอนแอ่นเกร็งขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางที่ทำให้หัวใจสั่นไหว เขาต้องการนางมากที่สุดและไม่ว่าจะกี่วัน กี่ปีก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเมื่อเริ่มครอบครองนาง เขาก็เริ่มปลดปล่อยอารมณ์และความตึงเครียดเมื่อช่วงบ่ายออกมาได้จนหมด“อาา…ซินเอ๋อร์ของข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”สะโพกสอบหนาเริ่มบดกระแทกเป็นจังหวะ แข่งกับเสียงร้องครางรับของพระชายา เตียงไม้ที่สั่งทำพิเศษทั้งใหญ่ หรูหราสามารถรับน้ำหนักของทั้งคู่ได้ดีและไม่ลั่นเสียงดังเหมือนเตียงเล็กในห้องท
สองเดือนถัดมา “มานี่เร็วฮ่าวเอ๋อร์คนเก่งของป้า ดูสิว่าวันนี้ป้ามีสิ่งใดมามอบให้เจ้า”“พี่หญิงเพียงแค่มาเยี่ยมข้าก็ดีใจแล้ว เหตุใดยังนำของเล่นมากมายมาอีก ลำบากท่านหอบหิ้วมา อีกอย่างตอนนี้ก็กำลังท้องอ่อน ๆ อยู่ ไม่ควรจะ…”“พอได้แล้วอันลี่ซิน เจ้านี่ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ยังเคร่งครัดกับอะไรพวกนี้อยู่อีก ข้ามิได้ยกมาเองเสียหน่อยอีกอย่างตั้งแต่ฮ่าวเอ๋อร์คลอด ข้าเองก็พึ่งจะได้มีโอกาสได้มาเห็นหน้าเขาก็ตอนนี้เอง ของเล่นพวกนี้ท่านพี่กับข้าเป็นคนเตรียมเพื่อมามอบให้หลาน เจ้าก็แค่รับไว้เฉย ๆ ก็พออย่าบ่นเลยน่า”“ก็ได้เจ้าค่ะ”สาวใช้ค่อย ๆ พยุงเฟิ่งถงหลินเดินมานั่งที่ศาลา โดยมีอาหรูรินน้ำชาให้นาง“วันนี้ห้องเครื่องทราบว่าฮูหยินจะมาที่ตำหนัก เลยเตรียมผลไม้เชื่อมเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะไปยกมาให้ท่านนะเจ้าคะ”“อาหรูเจ้านี่ยอดเยี่ยมไปเลย ขอบใจมากนะ”เพียงแค่คิดถึงผลไม้เชื่อม เฟิ่งถงหลินก็น้ำลายสอขึ้นมาในทันทีตามประสาคนที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ“ว่าแต่เหตุใดข้าไม่เห็นพี่ลู่มากับท่านด้วยเล่าเจ้าคะ”“หึหึ”ถงหลินจิบชาและค่อย ๆ วางลงพลางหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบนางอีกครั้ง“ศิษย์พี่ของเจ้าน่ะอยู่สำนักหมอหลวง กำลัง
สองเดือนถัดมา / ตำหนักบูรพา“เร็ว ๆ เข้ารีบไปเอาน้ำอุ่นมาเพิ่ม”“เจ้าค่ะ”องค์รัชทายาทเร่งเดินทางกลับจากตำหนักกลาง หลังจากเสร็จสิ้นประชุมราชสำนัก ครั้งนี้ราชครูอันขอติดตามมาที่ตำหนักบูรพาด้วย เนื่องจากจางกงกงได้รีบไปแจ้งว่าพระชายาปวดท้องและเตรียมคลอด เมื่อองค์ชายมาถึงก็จะพุ่งตัวเข้าไปยังห้องทำคลอด เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของพระชายาอยู่ในนั้น“กรี๊ด!!”“ซินเอ๋อร์!”“เดี๋ยวก่อนองค์ชาย อย่าพึ่งพระทัยร้อน นางไม่เป็นอะไรหรอก”“แต่ว่าอาจารย์ เสียงของซินเอ๋อร์… ข้าอยากเข้าไปช่วยนาง”“ไม่ได้ เรื่องการคลอดเป็นเรื่องของสตรี หากพระองค์เสด็จเข้าไปเกรงว่านอกจากจะไม่ช่วยแล้ว จะทำให้ลี่ซินไม่มีสมาธิในการเบ่งด้วย พวกท่านนั่งรออยู่กับข้าตรงนี้แหละ”“องค์ชาย…”“ท่านพ่อข้าเป็นห่วงซินเอ๋อร์ นางไม่เคยร้องเสียงดังเช่นนี้มาก่อน ฟังแล้วเหมือนจะทรมานมาก ปัดโธ่เอ๊ย!”อาจารย์หลินฟู่ได้แต่ลอบยิ้มออกมา และยกชาขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น เขาตรวจร่างกายของลี่ซินและจับยามดูแล้ว นางคงจะคลอดในวันนี้เป็นแน่ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นครรภ์แรกจึงตื่นเต้นและยังทำตัวไม่ถูก แต่เขามั่นใจว่าจะคลอดได้อย่างปลอดภัย“กรี๊ด!! ท่านพี่!”“
ทั้งสองคำนับให้กันและหันไปคำนับให้ราชครูอันและฮูหยิน โบสีแดงมงคลถูกนำมาให้ทั้งคู่ถือเดินออกจากจวนสกุลอัน เพื่อรับตัวเจ้าสาวเข้าไปทำพิธีในวังหลวง“ส่งตัวเจ้าสาว" ขบวนเจ้าสาวค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากจวนสกุลอันมุ่งหน้าเข้าวังหลวง เพื่อทำพิธีคำนับฟ้าดินที่ท้องพระโรงใหญ่ในวังหลวง “คำนับที่หนึ่ง กราบไหว้ฟ้าดินผู้ถือกำเนิดทุกสรรพชีวิต”“คำนับที่สอง คำนับบิดามารดาผู้ให้กำเนิด”“คำนับที่สาม คำนับกันและกัน จากนี้สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป”เมื่อพิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้น องค์รัชทายาทก็พาพระชายาไปยังตำหนักบูรพาในทันที เนื่องจากพระชายาตั้งครรภ์และพึ่งเสร็จศึกแดนประจิม งานเลี้ยงจึงจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายห้องส่งตัวเจ้าสาวลี่ซินค่อย ๆ ลูบปลอกหมอนที่นางบรรจงปักด้วยตัวเองเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งผ้าม่าน รวมไปถึงผ้าห่มนางล้วนตัดเย็บและปักด้วยตัวเอง เดิมทีคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ใช้งานเสีย แล้วหลังจากเกิดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้นำมาใช้ ตอนนี้อายุครรภ์นางก็เข้าเดือนที่หกแล้ว การที่จะเดินไปที่ใดมักจะมีสาวใช้ล้อมหน้าล้อมหลังเฝ้าระวังเป็นอย่างดีจนรู้สึกอึดอัด มีเพี
เมื่อส่งเฟิ่งถงหลินแล้ว ลี่ซินจึงได้กลับเข้ามานั่งตรวจบัญชีต่อในห้องทรงงาน ไม่นานองค์รัชทายาทก็เสด็จกลับมาพร้อมกับบอกแผนการของกองทัพให้นางทราบ“เช่นนั้นก็หายห่วงได้เลย ข้าจะฝากเสบียงส่วนหนึ่งไปพร้อมกับสกุลเฟิ่งเพื่อให้พวกเขาอารักขา ครั้งนี้เสบียงจะได้ทันใช้งานและไม่ต้องรอเวลาส่งตามไป”“หมายความว่าอย่างไร นี่เจ้า…”“วันนี้พี่หญิงเฟิ่งมาพบข้าที่นี่ นางมาขอโทษเรื่องครั้งก่อนที่ใจร้อนมาเข้าเฝ้าทำให้พระองค์ต้องตัดสินใจออกศึกทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ นางรู้สึกผิดหม่อมฉันจึงได้ให้สกุลเฟิ่งช่วยเหลือในการศึกครั้งนี้”“นี่พวกเจ้าไม่ได้ทะเลาะกันแล้วหรือ”“เหตุใดข้าจะต้องเสียเวลาไปทะเลาะกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยเล่าเพคะ”“พี่สะใภ้ เจ้าหมายถึงเฉินลู่งั้นหรือ”ลี่ซินรินน้ำชาและยกมาให้องค์รัชทายาทดื่มเพื่อดับกระหาย เมื่อเขายกชาขึ้นมาดื่มเสร็จ ก็ดึงตัวนางมานั่งตักและสูดกลิ่นหอมจากพวงแก้มเข้าไปสุดลมหายใจ“พระชายาของข้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่เจ้ากับเฟิ่งถงหลินร่วมใจกันทำการใหญ่เพื่อแผ่นดิน”“อย่าได้ดูถูกสตรีเช่นพวกหม่อมฉันสิเพคะ อีกอย่างกองทัพสกุลเฟิ่งของนางก็เป็นกำลังสำคัญของต้าซ่ง ใ
“เพราะสาเหตุนี้ พระองค์จึงตัดสินใจมอบหมายการศึกนี้ให้กับองค์ชายห้า ใช่หรือไม่เพคะ”“หลอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ สินะ ข้ายอมรับว่าตอนนี้ทำใจให้สงบเพื่อนำทัพออกศึกไม่ได้ อีกอย่างน้องห้าก็ต้องรีบทำผลงานเพื่อให้ขุนนางและแม่ทัพนายกองของดินแดนประจิมเชื่อมั่น เพื่อจะได้ปกครองคนเหล่านั้นได้”“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ครั้งนี้จะช่วยเหลือพวกพระองค์อย่างเต็มที่ มิให้ขาดตกบกพร่อง”“หากมีสิ่งใดที่จะให้ข้าช่วยเจ้าก็ต้องรีบบอก อย่าได้ทำเหมือนครั้งก่อนที่แอบนำทรัพย์สินส่วนตัวไปขาย ครั้งนี้เป็นศึกของดินแดนประจิม อย่าลืมว่าน้องห้ามีพระชายาเป็นบุตรีคหบดีที่มั่งคั่ง”“เพคะ”อันลี่ซินกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้เกือบสิบวันแล้ว ตอนนี้นางเริ่มกลับมาทำหน้าที่ดูแลบัญชี และเริ่มจัดเก็บข้าวของบางอย่างเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าตำหนักบูรพา ซึ่งฝ่าบาทพึ่งประทานให้กับองค์รัชทายาท ช่วงบ่ายเฟิ่งถงหลินเดินมาพร้อมกับของหลายกล่องที่บ่าวไพร่ถือมาให้ เมื่อเห็นนางเดินเข้าประตูหน้าตำหนักมา เสิ่นหมัวมัวจึงรีบเดินมารับหน้าทันที“คุณหนูเฟิ่ง คือว่าวันนี้องค์รัชทายาทเข้าวังไปแล้วเจ้าค่ะ”“ข้ามิได้มาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทของพวกเจ้าสักหน่อย”“เอ่อ






ความคิดเห็น